"เขาว่าปลายฝนต้นหนาวเนี่ยหมอกเยอะ เหมาะแก่การไปเที่ยว"


     ยังไม่ทันได้ไปถึงปลายฝนเลย แค่ต้นฝน ก็ระงับความอยากของการเที่ยวไม่อยู่แล้ว ราวๆต้นเดือนมิถุนายนของปี60 ที่ตั้งของเราอยู่ อ.หัวหิน หมายมั่นจะไปเที่ยวภูทับเบิกและไปรับน้องคนนึงด้วย จากหัวหินไปเพชรบูรณ์ก็ไกลพอสมควร แต่วันลาเราไม่ค่อยจะมีครับ สรุปได้ความว่าไปแต่ไม่ค้าง เดี๋ยวช่วยกันขับรถ

เมื่อรวมสมาชิกครบ ขาไป6คน ราวๆสี่ทุ่มก็เคลื่อนตัวออก ไปได้ไม่ไกลนัก ก็หลับกันหมด ไปตื่นเช้าที่เพชรบูรณ์เพื่อรับน้องคนนึงแล้วก็หลับต่อ ไปตื่นที่ภูทับเบิกหกโมงกว่า

     ออกมาสูดอากาศเย็นๆยามเช้า สดชื่นจริงๆ หายง่วงเลย แน่หล่ะ!! หลับมาทั้งคืน    

     บริเวณจุดชมวิวแรกที่แวะถ่ายรูปกัน ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,667 เมตร

     แล้วเราก็ไปหาทานข้าวเช้ากัน ระหว่างรอ ก็หลับต่อ เหมือนเมื่อคืนนอนไม่พอ555

     จูงมือกันเดินขึ้นเนิน

เราไปกันต่อที่วัดป่าภูทับเบิก ตอนที่เราไปนั้นบางส่วนยังทำการก่อสร้างอยู่นะครับ

   "มีพิรุธ เกือบโดนรุม 555"

แล้วเราก็วนกลับไปจุดสูงสุดของยอดภูทับเบิกกัน

"คนขวามือคือพลขับผู้ไม่ง่วง"

เก้าโมงกว่า หมอกยังหนาอยู่เลย แถมลอยมาเยอะขึ้นอีก จนเหมือนอยู่เหนือเมฆเลย

   แต่แดดแรงนะ เริ่มร้อนและด้วย

ที่ความสูง 1,768 เมตร เรามาถึงแล้ว

"นี่คือที่ตั้งของวัดป่าภูทับเบิกที่เราไปมาเมื่อตะกี้"

"ไอคู่นี้ ทำไรกัน..."

     ไปกันต่อที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 48 ของไทย 

ตรงนี้เป็นสถานที่เที่ยวแบบธรรมชาติและประวัติศาสตร์  เพราะทั้งหมดเป็นฐานปฏิบัติการของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในอดีต  เอาล่ะ ลุย...

"ผาชูธง"

"ผาแก่งลาด"

เดินไปท่ามกลางป่าเขา ขึ้นลงตามแนวซ้อน สลับต้นไม้สูงใหญ่ และหมอกที่ปกคลุมตลอดเวลา

บ้างเป็นช่องเขาขาด

"ลานหินปุ่ม"

"นี่มันหลังเต่าหรือหลังจรเข้กันนะ"

เห็นที่เราคงต้องกลับและ เมฆฝนเริ่มมาแล้ว จุดที่เหลือคงต้องไว้ก่อนแล้วกัน

แวะหลบฝนใต้โขดหินมาพักนึงแล้วนะ แต่ก็กลับออกมาด้วยความเปียกกันคนละนิดคนละหน่อย 

แต่เอ๊ะ!! ไอคนขวาทำมัยไม่ใส่รองเท้า...

ณ ตอนที่เดินไปลานหินปุ่ม คนขับเรานอนหลับพักเอาแรงไปแล้ว ตอนนี้ก็ขับได้ยาวมาจนถึงวัดผาซ่อนแก้ว  แลนด์มาร์คที่สำคัญอีกหนึ่งแห่ง ต้องแวะๆ

ปิดทอง ไว้พระ สักหน่อย

องค์สี่ขาว ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าและฉากหลังเป็นเขาสูงเขียว ยิ่งใหญ่และงดงามมาก ต้องไปเห็นด้วยตัวเอง

เราเดินทางกันด้วยรถขันนี้แหละครับ ห้าโมงเย็นได้เวลากลับกันแล้ว ระหว่างทางแวะซื้อมะขามหวานของขึ้นชื่อเมืองเพชรบูลย์ด้วย เรียกได้ว่าเลือกไปชิมไป มีหลายไซส์ หลายพันธ์ให้เลือกซื้อ ต้นก็มีจำหนาย ขึ้นรถได้ก็หลับกันเหมือนเดิม สุดท้ายเพื่อนขับคนเดียวทั้งไปและกลับ 5555 


  ไปเที่ยวแบบ ไม่ต้อง อาบน้ำล้างหน้าแปลงฟันกันเลย ไปกลับร่วมๆ 1,300 กว่ากิโลเมตร เพลียนะ แต่คงไม่เท่าเพื่อนที่ขับ555  กลับถึงบ้านตีอะไรไม่รู้จำไม่ได้เลยทีเดียว กินมะขามมากขี้แตกอีก  สนุกดีนะ มีโอกาสคงไปที่ใดสักที่หนึ่งกันอีกแบบนี้  มีคลิปมาฝากด้านล่างนี้ด้วย 

++++ เผื่อมีอะไรไถ่ถาม ฝากติดตามเพจด้วยนะคุณที่รัก ++++

https://www.facebook.com/travel1night2days

Sikhorn Palanan

 วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 00.18 น.

ความคิดเห็น