ในปีที่หน้าร้อน มันร้อนหนัก อุณภูมิทะลุเกิน 40 องศา ทุกวัน ปีที่ว่า นี้ก็คือ ปีหน้าร้อน ปี 2016 ปีนี้ อากาศร้อนอบอ้าวซะจน ไม่มีกะใจอยากออกไปปั่น ถึงพยายามฝืนออกไปปั่น ก็จะทำให้เหนื่อยเกินไป และเพลีย แดด จนทำให้เราไม่สามารถจัดทริป #ปั่นเที่ยวป่า ได้เหมือนเคย

!!!! แต่ยังไง คนที่ชอบปั่น ก็ยังคงอยากปั่นอยู่ ดี ฉนั้น ในเมื่อเราเปลี่ยนอากาศ เปลี่ยนฤดู ไม่ได้ เราคงทำได้แค่เพียง ".... เปลี่ยนเวลาปั่น" วันนี้ เราก็เลยลองเลือกที่จะปั่น ไนท์ทริป ในป่าของกรุงเทพ ไม่ต้องตกใจค่ะ สถานที่แห่งนี้เชื่อว่า ชาวนักปั่น จักรยานหลายท่านเคยไปปั่นกันมาแล้ว ปุ้มเอง ก็ไปปั่นตอนกลางวันมาหลาย ครั้งแล้ว เช่นกัน และ ปุ้มเชื่อว่า น้อยคนนักที่จะเคยลองปั่น "บางกระเจ้า ยามค่ำคืน " วันนี้เป็นวันที่พระจันทร์ครึ่งเสี้ยว พอดี เรา เลยนัดกลุ่มเพื่อ มาสำรวจ เส้นทางปั่นเส้นทางเดิม แต่เวลาใหม่ ลองดูนะคะว่าบรรยากาศ เหมือนเดิม หรอืสวยงามกว่าเดิม

!!! สิ่งสำคัญที่ ต้องใช้ในการปั่นไนท์ทริปค่ำคืนนี้ คือ ไฟฉาย ค่ะ สำคัญมาก ๆ ลืมไม่ได้ เลยนะคะไฟฉาย อย่างสว่าง ติดด้านหน้าแฮนจักรยาน และ ไฟกระพริบ ที่ท้ายจักยาน


เราเริ่มต้นออกเดินทางโดยนำรถยนต์ไปจอดที่ Lotus plus ศรีนครินทร์ จากนั้นออกปั่น ถนนในซอย ชมวิธีการดำเนินชีวิตของคนละแวกนั้น ในช่วงตะวันชิงพลบ ระยะทาง 15 กิโล เป็นการวอมร์รอบขา ไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะไปถึงท่าเรือพระประแดง ซึ่งก็มืดสนิทพอดี

เราใช้เวลาโดยสารเรือแป๊บเดียวเองค่ะ ภาพ สะพานภูมิพล เบื้องหน้าเราสวยเหลือเกิน คิดไม่ผิดจริงๆ ที่มาสำรวจเส้นทางไนท์ทริป บางกระเจ้าในยามค่ำคืนเช่นนี้ เพราะ นอกจากวิวแม่น้ำเจ้าพระยา กับแสงไฟของเมือง ทำให้ แม่น้ำสายนี้เพิ่มเสนห์ ขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่ บรรยากาศ ไม่ร้อนแดด มีแต่ลม พัดโชย มา เนือง ๆ แต่ ยังคงมีความเหนียว เหนอหนะ จากอากาศ ร้อนชื้นของบ้านเรา ทำให้ไม่สบายตัวนิดหน่อย แต่ ยังไง ก็ดีกว่าปั่นท่ามกลางแสงแดดร้อนแรงเป็นอย่างมาก

บรรยากาศสะพานภูมิพลเมื่อเรา นั่งอยู่ในเรือ ลมโชย ๆ บรรยากาศชิว ๆ ดีค่ะ

ขึ้นจากท่าน้ำ พระประแดง แว๊ะ เติมพลัง หมู ปิ้งกัน นิดหน่อย เพราะร้าน ส้มตำ ไก่ทอด แสนอร่อยรออยู่ข้างหน้า ก่อน ออกปั่น ข้ามสะพานคลองลัดโพ ตอนนี้ ยังมีรถ อยู่บ้าง เราเลย ไม่ สนใจจะอยู่บนถนนใหญ่นานนัก เรารีบมุ่งตรงเข้างบางกระเจ้า ก่อนเลยค่ะ เดี๊ยวขากลับรถน้อยลงแล้ว ค่อยออกมาเก็บภาพ

ถึงบางกระเจ้าแล้วค่ะ

เริ่มเข้าถิ่นบางกระเจ้า ก็เจอบรรยากาศ สวนสงบเงียบ เลยค่ะ ไม่น่าเชื่อ ห่างกันแค่แม้น้ำกั้น บรรยากาศต่างกันริบลับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุณภูมิ ก็แตกต่างกันอย่างมาก อย่างน้อย มี 3-4 องศา รู้สึกไม่ร้อนเลยค่ะ

ออกจากท้องร่องสวนแรก เราก็มาแว๊ะที่วัด ที่วัดนี้ มี โบสถ์ อะไรจำชื่อไม่ได้ แต่ พี่ ๆ เค้าบอกว่า ขออะไร มักจะได้ เราเลย ยืน ไหว้ และอธิฐาน ขอพร ให้เป็นศิริมงคลแก่ตัว มาตอนดึก ดี คนไม่เยอะ ชอบ เหมือนถนนเป็นของเรา เลย ปั่นสบายจริง ๆ

ออกจากวัด เราเน้น ปั่นสะพานเป็นหลักค่ะ บรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติ วันนี้ สะพานที่ นี่เขา ขึ้น รั้ว เพื่อ ให้นักปั่น ปลอดภัยมากขึ้น ทาสี เหลือส้ม ซะ สะดุดตาจริง ๆ

ไฟหน้ารถ จักรยานสำคัญมากนะคะ เพราะว่า ตลอดทางไม่มีไฟทางให้ หากเราเตรียมไฟหน้าสว่าง พอ เวลาปั่น ก็ไม่อันตรายค่ะเพราะว่า แสงไฟ สว่าง เห็นทางด้านหน้ายาวพอสมควร แบบนี้

ราว สะพาน นี้เพิ่งสร้างเสร็จยังไม่ทาสีเลย ส่วนตัว แล้วชอบราวสะพานแบบไม่ทาสีมากกว่า ค่ะ มันดูกลืน กับธรรมชาติ ดี สีไม่โดด เกิน ไป

บางพื้นที่สะพาน ยังสร้างไม่เสร็จ ตอนนี้ มีการปรับปรุงสะพานให้กว้างขึ้น คิดว่า อีกไม่นานก็เสร็จแล้วค่ะ นักปั่นมาเยือน ก็จะปั่นได้สบายขึ้นค่ะ

สะพานบางช่วงเพิ่งเสร็จ ยังไม่ได้ทำสะพานเลยค่ะ เวลาปั่น อาจต้องใช้ความระมัดระวังเพิ่มขึ้นนิดนึง แต่จริงๆ ความกว้างสะพาน ก็เท่าเดิมนะคะ แต่ ทำไม ใจ เรา หดลงเหลือติดเดียว เวลาไม่มี ราวสะพานกั้น

ธรรมชาติ ดีไหมคะ จากตรงนี้ไป ก็จะไปเชื่อมอุโมงต้นไม้ และ ก็ถนนยอดฮิต ของบางกระเจ้า สวย ไปอีกแบบยามค่ำคืน แต่ หากใครจะมาที่นี่ตอนกลางคืน แนะนำอีกนิด ฉีด ยากันยุง มาก็ดีนะคะ เพราะมี่ยุง ตอม ในบางช่วง เวลาที่เราจะหยุดพัก ถ่ายรูป จะได้ไม่รำคาญแมลง

หลุดออกจากถนนเส้นนี้ เราก็ปั่นเที่ยวสะพานอีกหลาย สะพานไปเรื่อยๆ เน้น จุดที่มีศาลาปลายทาง สะพาน ยื่นไปในแม่น้ำ ไปชมวิวยามค่ำ คืน

มุม นี้ สวย เห็น โรงกลั่นน้ำมันด้วยค่ะ ลม เย็น และแรง มาก จักรยานจอดไว้ ลมยังพัดล้มลงมาได้เลยค่ะ เป็นการ คอนเฟิรม์ ว่าลมแรงมากจริงๆ เรานั่ง เล่น ถ่ายรูป กันเป็นที่สนุกสนานค่ะ

นั่งเล่นชมบรรยากาศ อยู่พักนึง ก็ออกปั่นต่อค่ะ ตามหาสะพาน และ หาชมหิ่งห้อย ค่ะ ตามหาหิ่งห้อย

ตามหาสะพานต่อไปกันค่ะ ที่นี่มีสะพานแบบนี้เยอะมากค่ะ แต่ละแห่ง ก็มีวิวที่แตกต่างกัน ตามมาดูสะพานต่อไปกันนะคะ

ตรงนี้ เป็นต้นไม้ที่ ปลูก ขึ้นมา โดยกลุ่ม CSR ของบริษัทใหญ่ แห่งหนึ่ง เป็นโครงการที่ดี มาก น่าสนับสนุน จริงๆ เลยค่ะ เสียดายที่จำชื่อบริษัท ไม่ได้

หลุดออกจากพื้นที่ ป่า เราก็มุ่งหน้าไปยังวัดแห่งหนึ่งค่ะ วัดนี้เปิดไฟสว่างมาก สว่างจริง ๆ ตอนนี้เริ่มหิวแล้ว ปรับเส้นทาง ไปหาของกินก่อนดีกว่า ค่ะ

โฉมหน้าร้านส้มตำของเรา ร้านที่เปิดแห่งเดียวยามค่ำคืนของ บางกระเจ้า

ใช้พลังงานหมดแล้ว ต้องเติมเพิ่มสักหน่อย นี่แหล่ะข้อดีของการเที่ยวด้วยจักรยาน ไม่ต้องกลัวอ้วน เพราะ กิน แล้ว เดี๊ยวก็ได้ใช้ พลังงาน ในการปั่นต่ะ ได้ สนุก และสุขภาพดี มาปั่นกันนะ

พอ อิ่มกันแล้ว เราก็ตามหาสะพานกันต่อ สะพานนี้ สวยมาก สวยที่สุดของที่่นี่ ในความรู้สึกของปุ้ม

วิวที่ถ่ายได้จาก ปลายสะพาน ฝั่งตรงข้ามเป็นแสงสีของสีลมค่ะ และแถว ๆ พระราม 3

เราใช้เวลากับที่นี่ พอสมควร เพราะว่า เป็นจุด ที่ สวยสงบ เย็น ไม่อยากเคลื่อนตัวออกจากที่นัี่เลยค่ะ พี่ ๆ ที่พามาบอกว่า มีอีกสะพานนึง เป็นสะพาน ที่เงียบกว่านี้ และมีหิ่งห้อย ให้ดูด้วยค่ะได้ฟังตามนั้นค่อนข้างตื่นเต้น และอยากเห็นแล้วสิ

เส้นทางไปชม หิ่งห้อง ตลอดข้างทางเป็นป่าจากและสวน แต่เราโชคไม่ค่อยดี ไม่มีหิ่งห้อยให้ชมในครั้งนี้ ต้องหาทางไปใหม่แน่ ๆ เพราะยังไม่ได้เห็นหิ่งห้อยเลย

ได้เวลา พอสมควรแล้ว เราก็ปั่นออกจากบางกระเจ้า มุ่งหน้าสู่ คลองลัดโพ ตอนนี้ ไม่มี่รถแล้วค่ะ ถนนโล่ง ปั่น กัน สนุก สุด ๆ ไปเลย

เส้นทางถนนแบบนี้ วิว แบบนี้ หากมาด้วยรถยนต์ คุณอาจไม่เห็นว่ามันสวยงามขนาดไหน แต่หากมาด้วยจักรยาน ทุกอย่าง ที่เราสัมผัส มันจะละเอียดอ่อนมากขึ้นต้องลองดูนะคะ

วิวคลองลัดโพ สวยสงบ

ดูถนนสิคะ ว่างโล่งจริงๆ

เส้นทาง เดิม ๆ แตกต่างกันที่เวลามา มัน ก็จะมีเสนห์ ที่แตกต่างกันนะคะ ต้องลองค่ะ

นั่งเรือกลับแล้วค่ะ ท่าเรือนี้ ดี มาก ๆ มีเรือวิ่งตลอดทั้งคืน และไม่ต้องรอนานด้วยค่ะ เหงื่อยังไม่แห้งเลย เรือมาเทียบท่าแล้ว ค่าเรือรอบดึกขึ้นจาก 3 บาทเป็น 5 บาท ถูกแสนถูกว่าไหมคะ

ถ่ายรูป กับสะพาน ภูมิพล 2 สักหน่อย

เหมาลำเรือเลยค่ะ ยาม ดึกเช่นนี้ มีแต่เรา สบาย จริง ๆ

ปั่นกลับแล้วค่ะ ระยะทาง 60 กิโล เยอะ ไปหน่อย แต่ ด้วยอากาศที่ไม่ร้อน เลยปั่นกันไม่ เหนือยมาก สนุกดีค่ะ พอกลับมาดู GPS ที่เก็บเส้นทางเอาไว้ เราไปกันรอบกระเพาะหมูเลยนะเนี่ยะ

ใครสนใจ เส้นทาง ปั่นเที่ยวป่า ของเรา ติดตาม Page ของเราได้นะคะ

FB: ปั่นเที่ยวป่า

https://www.facebook.com/bikeforestcamp/

www.bikeforestcamp.com

Line ID : panjaiv

กลุ่มเรารับจัดทัวร์ทริปจักรยาน ตามสไตล์คุณ ติดต่อกันมานะคะ

Panjaiv Panmanee

 วันพฤหัสที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 13.44 น.

ความคิดเห็น