สวัสดีครับ นี้เป็นรีวิวท่องเที่ยวอันที่
ขอเกริ่นนำเรื่องทริปนี้ดีกว่า เนื่องจากช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เราได้รับโทรศัพท์ซึ่งปลายทาง(
หลังจากนั้นเราเองก็เริ่มหลอกล่อเพื่อนให้มาเที่ยวด้วย ด้วยคำว่า"เฮ้ย! มันฟรีนะมุง" แล้วเราก็ได้ผู้ร่วมชะตากรรมกั
Day0 วันที่27 เม.ย. 59 เวลา23.00น.
เราเริ่มออกเดินทางจากขอนแก่นไปยังกรุงเทพเพื่อไปยังสนามบิ
พร้อมออกเดินทางแล้วววววว
Day1 วันที่28 เม.ย. 59 เวลา05.20น.
แล้วเราก็เดินทางมาถึงสนามบินดอนเมือง โฮกกกก คนเยอะมากเลย
หลังจากนั้นเราก็ไปcheck-inแล้วก็loadกระเป๋า.. โดยเราเลือกเดินทางกับสายการบิ
แต่ก่อนจะเข้าเกทนั้นจะปัญหาอย่างนึงคือ กระเป๋าของเพื่อนเราไม่ผ่าน เขาว่ามีมีดพับ ห๊าาาาา??!!! แสกนไป2-3รอบก็ไม่ผ่าน รื้อแล้วรื้ออีกก็ไม่มีอะไรคื
ระหว่างทางเดินเข้าเกทเราก็เจอพระอาทิตย์กำลังขึ้นพอดีเลย ขอถ่ายรูปมาฝากซักรูปหน่อยแล้วกัน
เกทเราคือGate44
นั่งไปซักพัก...น้องนกที่จะพาเราไปสู่ดินแดนภาคใต้ก็มาแล้วววววว วู้ววววว
ระหว่างนั้นก็นั่งถ่ายรูปรอไปเรื่อยๆ
ถ่ายรูปก้อนเมฆบนเครื่องกรุบกริบๆ แต่กระจกความขุ่นมากกกก 555
เวลา8.30น.
เราก็เดินมาถึงสนามบินตรังกันแล้ววววว พอมาถึงเราก็โทรไปหาบริษัทรถตู้ที่จะพาเราไปยังท่าเรือปากบารา พร้อมบอกว่าเราพร้อมแล้ววววว กิกิ
เวลา9.00น.
รถตู้ที่เราติดต่อไว้ก็มารับเราที่สนามบิน แต่ยังต้องรอผู้โดยสารคนอื่นที่
หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางไปยังท่าเรือปากบารากันเล้ยยย!! ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินประมาณ100กว่ากิโล ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน2ชั่วโมง ซึ่งระหว่างทางก็จะมีต้นยางเต็
เวลา11.00น.
เราเริ่มร้อนใจแล้ว เพราะยังไม่ถึงท่าเรือเลย จะทันเรือมั๊ยๆๆ อีกตั้ง20กิโล เราก็กลัวว่าจะไม่ทันเรือ เพราะต้องไปติดต่อกับบริษัทเรือที่พี่โจบอกว่าให้ถึงท่าเรือก่อน ถึงจะบอกว่าไปรับตั๋วเรือที่บริ
เวลา11.20น.
เราก็มาถึงท่าเรือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเราก็รีบโทรไปหาพี่โจทันที พี่โจก็ตอบว่าเดี๋ยวให้พนั
สรุปแล้วได้ไปกับบริษัทอาดัง ซี ทัวร์ แอนด์ ทราเวล เราก็รีบตรงดิ่งไปพร้อมกับแจ้งชื่อเราไป แต่พนักงานหน้าบริษัทก็ทำหน้างงๆ บอกว่าไม่มีชื่อนี้ ซวยแล้วสิมุงงงง!! ก็เลยให้ติดต่อไปยังภูริตารีสอร์ทอีกที ค่อยได้ตั๋วมา ซึ่งได้เป็นเรือของบริษัทพลอยสยาม ซึ่งเราก็ได้ตั๋วขากลับมาด้วย
แล้วเราก็รีบวิ่งไปที่ท่าเรือโดยเร็ว แต่ต้องไปทำการcheck-inก่อนถึงจะลงไปเรือได้
พอเราไปcheck-inก็จะได้บัตรสีเหลืองๆมาเพื่อใช้ในตอนจะลงเรือ
แล้วจากนั้นเราก็วิ่งต่อเพราะกลัวเรือออกก่อน!! 555 สรุปแล้วเราก็ไปทันเรือ โดยเป็น2คนสุดท้ายที่ขึ้นเรือ! 5555 (ณ จุดๆนั้นเพื่อนคงบ่นในใจว่า "ไหนมุงบอกว่าทริปนี้เราจะไม่ได้วิ่งไง!!" 555)
***เวิ่นเว้อมานาน มาถึงช่วงให้ความรู้ดีกว่า คือเรือที่ไปหลีเป๊ะจะมี2แบบ คือแบบที่ไปเกาะหลีเป๊ะทันทีเลย ใช้เวลาประมาณ1ชั่วโมงกว่าๆ กับแบบที่ไปเกาะตะรุเตา และเกาะไข่ก่อนไปที่หลีเป๊ะ ใช้เวลา2ชั่วโมงกว่าๆ***
ซึ่งแน่นอน! มาทั้งทีต้องคุ้ม! เราเลยเลือกแบบที่2! 555 โดยแต่ละเกาะเรือจะให้เราแวะถ่ายรูปประมาณเกาะละ15นาที เราจึงต้องรีบถ่ายๆรูปมาให้ได้
แล้วเราก็มาถึงที่เกาะแรก นั่นคือเกาะตะรุเตา ก่อนเข้าเกาะจะต้องเสียค่าเข้าอุทยานคนละ40บาท หลังจากนั้นเราก็ต้องรีบวิ่งไปถ่ายรูปตรงที่ไม่มีคนก่อนเลย เพราะสิ่งแรกที่ทุกคนไปถึงแล้วถ่ายรูปด้วยคือ...ป้าย!! เฮ้!! นี่เรามาทะเลนะ ก็ต้องถ่ายรูปทะเลกันสิทุกคน!! ใช่ม๊ายยยยย ขอเสียงหน่อยเร็ววววว!!
นั่งชิวๆริมทะเลหน่อยยยย
รูปรองถอดรองเท้าเดินทะเลต้องมา! 555
หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางไปยังเกาะไข่ หรือเรียกอีกอย่างนึงว่าเกาะไข่เต่า เพราะช่วงฤดูวางไข่จะมีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่เป็นจำนวนมาก เต็มชายหาดสีขาวเลย
เห็นอุโมงค์ให้รอดอยู่เล็กๆ
ชายหาดสีขาวละเอียดเชียว...
แล้วเราก็ถ่ายรูปบริเวณรอบเกาะเต่าไปเรื่อยๆ จนครบเวลา ลูกเรือก็จะบีบแตรเรียกเราขึ้นเรือ
เวลา13.40น.
เห๊ยยยยย เห็นเกาะหลีเป๊ะอยู่ไกลๆ เราจะถึงจุดมุ่งหมายของเราแล้วววว
และแล้วเราก็มาถึงที่โป๊ะกลางทะเลของเกาะหลีเป๊
ซึ่งที่เราไปนั้น จะเป็นหาดพัทยา ซึ่งหาดนี้จะมีwalking streetด้วย
แล้วเราก็โทรบอกพี่โจ ว่าเราถึงแล้วนะ จะให้ไปยังที่พักยังไง พี่โจก็เลยบอกมาว่า"จะให้พี่ผู้ชายเสื้อม่วงๆ หมวกดำมารอรับที่หน้าป้ายwalking street" เมื่อเราขึ้นเกาะ เราก็เจอพี่คนนั้นอยู่ที่หน้
นี่คือพาหนะในการเดินทางของเรา
แล้วเราก็ออกเดินทางกันเล้ยยยยย
พอไปถึงที่ภูริตารีสอร์ท พี่โจก็เลี้ยงต้อนรับเราด้วยอาหารกลางวัน ซึ่งเป็นเมนูอาหารธรรมดาๆง่ายๆ แต่บรรยากาศฟินสุด! อยู่ริมทะเล ชีวิตดี๊ดีอ่ะ!
บรรยากาศริมทะเลสบายๆเบาๆ
ข้าวมื้อแรกบนเกาะหลีเป๊ะเลย...
ระหว่างกินข้าวเที่ยง(ตอนบ่าย2)
เวลา15:00น. เราก็มาถึงที่พัก"บ้านเพียงพอ"
ป้ายข้างหน้าทางเข้าก็น่ารักเก๋ไปอีกแบบ
พอเดินเข้าไปด้านในก็จะพบว่ามีบ้านหลังเล็กๆเรียงกันหลายๆหลังเลย
ส่วนเรานั้นได้พักบ้านหลัง"F"
ภายในห้องพักก็จะมีที่นอน2ที่ มีปลั๊กไฟ และพัดลม1ตัวเท่านั้น....(ซึ่งอากาศวันแรกแอบร้อน รู้สึกว่าพัดลมตัวเดียวมันไม่พอออ 555) ซึ่งเราว่าใครที่ไม่ใช่คนขี้ร้อน หรือไม่ได้ต้องการความสะดวกมากมาย บ้านเพียงพอก็น่าจะเป็นอีกตัวเลือกนึงในการมาพักผ่อนที่เกาะหลีเป๊ะได้เลยแหละ
บริเวณส่วนกลางของที่พักมีบริการขนม และเครื่องดื่มตลอด แล้วก็ยังมีมุมพักผ่อนอีกด้วยนาจาาา
ไปสำรวจดูห้องน้ำกันดีกว่า....หน้าห้องน้ำผู้หญิง ซึ่งเราเข้าไปไม่ได้ และห้องน้ำผู้ชายจะเดินไปทางซ้ายมือ
ต่อไปก็มาที่ห้องน้ำผู้ชายบ้าง
บริเวณห้องอาบน้ำและห้องส้วมแยกกันชัดเจน
และรูปภายในห้องอาบน้ำ ซึ่งที่นี่น้ำไหลแรงมาก อาบทีสะใจมาก!! และน้ำไม่กร่อยด้วยแหละ เพราะปกติที่เราไปพักรีสอร์ทที่ทะเลทีไรน้ำมักจะกร่อยๆตลอดเลย
ของีบแปป....
เวลา16.00น.
เราก็ติดต่อรถพ่วงข้างเพื่อขึ้นไปภูริตารีสอร์ท กะว่าจะไปพายเรือคายัคแล้วก็
โอ้ทะเลแสนงาม... แสนง๊าม แสนงาม....
บริเวณหาดหน้ารีสอร์ท
พอเดินไปเรื่อยๆ แล้วเราก็เจอเหยื่อรายแรกของเรา คือปูทะเล! โดยกว่าจะถ่ายได้นั้นต้องปีนโขดหิน อ้อมลงทะเล แล้วค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ๆมันอย่างช้าๆ และเงียบๆ ใช้ความพยายามหนักมากกกก กว่าจะได้รูปนี้ออกมา 555
ต่อมาก็รูปนก...นกอีกแล้ว!! คือไรเนี๊ยยย แล้วถามว่านกอะไรหรอ? ไม่รู้ ตอนแรกมองไกลๆมันนิ่งมาก คิดว่าเป็นรูปปั้น แต่พอเข้าไปใกล้ๆมันบินหนี
เวลา17:30น.
เห๊ยยยย แดดเริ่มร่มลงแล้ว เราก็เลยไปปลุกเพื่อนไปถ่ายรูปเล่นริมทะเลดีกว่า แล้วก็รอดูพระอาทิตย์ตกดินด้วย เพราะหาดที่เราอยู่คือหาดซันเซ็ท ซึ่งหมายถึงพระอาทิตย์ตก (จะแปลทำไม? 5555)
ซึ่งระหว่างการถ่ายรูปริมหาดอยู
แต่พอถึงช่วงพระอาทิตย์จะตกดิน คือมันสวยมากกก ก็เลยลองเปิดกล้องขึ้นมา....เห๊ยยยยย มันพอถ่ายได้1-2รูป เลยได้เก็บภาพพระอาทิตย์ตกดินมาให้ได้ชมกัน....
ซึ่งระหว่างนั้นเราก็เห็นเจ้าหน้าที
ส่วนนี่ก็เป็นข้าวมื้อเย็นของเรา...
แถมก็มีนักท่องเที่ยวอีก2คน ซึ่งน่าจะเป็นคู่รักกัน มานั่งดูพระอาทิตย์ตกดินข้างๆเรา ทำให้อิจฉาตาร้อนขึ้นไปอี๊กกกก!!
พอหลังจากเรากินข้าวเสร็จ ก็ให้รถไปส่งที่บ้านเพียงพอ เราก็ไปอาบน้ำ นอนพักแปป เพื่อเตรียมตัวไปเดินwalking streetต่อในตอนกลางคืน ซึ่งถนนทุกเส้นไม่ว่าจะไปรีสอร์ทไหน ก็จะตรงไปยังwalking streetหมดทุกเส้นเลย
walking streetก็มีจะสินค้าเยอะแยะมากมาย มีทั้งของกินและของใช้ เช่นร้านขายของที่ระลึก ร้านขายยา ร้านอาหาร บาร์นั่งชิว ฯลฯ เราก็ได้เก็บบรรยากาศมาให้ได้ชมกัน...
อาหารทะเลสดๆเลย... แต่เราเพิ่งกินข้าวมา คงกินอีกไม่ไหว แถมมันเป็นแบบบุฟเฟต์คนละ490บาท
มีการโชว์ควงกระบองไฟอยู่ริมหาดพัทยาด้วย
หลังจากเดินไปซักพักก็เริ่มหิว ก็เลยจะซื้อของกินเล่นเบาๆ นั่นก็คือ"โรตี" (โรตีคือของกินเล่นเบาๆ?) ซึ่งร้านโรตีก็มีหลายร้าน เราเลยตัดสินใจเลือกร้านยู้ฮู ซึ่งมีคุณยายนั่งหน้าร้านคอยเรียกลูกค้า โดยจะพูดคำว่า"ยู้ฮูๆๆ" ตลอดทุกครั้งที่มีลูกค้าเดินผ่านหน้าร้าน ซึ่งคุณยายน่ารักมากกก เราเลยเลือกร้านนี้ซะเลย 555
โรตีบานาน่า-นูเทลล่า อร่อยๆ
แล้วก็ต่อด้วยไอศครีมโฮมเมด ซึ่งถ้วยละ 100 บาท ตู้วหูววววว เอาว่ะกินก็กิน! แต่มันก็อร่อยจริงๆนั่นแหละ 5555
พอเราเดินเล่นwalking streetเสร็จ ก็เดินกลับที่พัก เพราะไม่กล้าโทรเรียกรถมารับ แอบเกรงใจพี่คนขับรถของรีสอร์ท ระหว่างทางเดินนั้น เราก็เปิดสงครามรอบ2กับน้องหมา คือขณะที่เราเดินกลับที่พักอยู่
Day2 วันที่29 เม.ย. 59 เวลา7.00น.
นาฬิกาปลุกก็ปลุกเราขึ้นมา เพื่ออาบน้ำและเตรียมตัว(ต้องเตรียมsun block, alovelar, after sun ให้พร้อม!) ไปทริปดำน้ำ! เย้ๆๆ ซึ่งพี่โจนัดเราตอน9โมงเช้า อยู่ที่ชายหาดหน้ารีสอร์ท โดยเรากะว่า8โมงกว่าๆ จะขึ้นไปที่ภูริตาเพื่อไปกินข้าวเช้า ซึ่งจะมีเป็นข้าวต้ม+ผลไม้เสิร์
จะออกไปแตะขอบฟ้า...5555
โดยที่แรกที่เราแวะคือเกาะหินงาม ซึ่งอาบังจะให้มาถ่ายรูปที่
พอเราถ่ายรูปกันเสร็จก็จะไปดำน้ำที่แรกกันเลย คือที่หลังเกาะหินงาม ซึ่งที่เราแวะที่แรก เขาเรียกว่าหน้าเกาะหินงาม พอเรือไปจอดปุ๊ป! เราก็โดดลงน้ำปั๊ป! พร้อมกับเอากล้องไปถ่ายใต้น้ำด้วย
ซึ่งเราใช้เวลาตรงนี้
หลังจากนั้นเราก็ออกมาดำน้ำที่
เพิ่งดำน้ำผ่านไป2ที่ ก็หมดแรงซะแล้วววว 5555 พี่นาก็บอกว่ายังเหลืออีกตั้ง3-
หลังจากไปร่องน้ำจาบัง ต่อไปเราก็ไปว่ายน้ำที่เกาะหินขาว ซึ่งพี่โจบอกว่ากำลังจะเปิดเป็
อาบังพยายามจะชี้ให้ดูตรงนั้นนะๆ
ก็เลยลงแล้วพยายามว่ายน้ำอ้อมเกาะไปอีกฝั่ง แต่ลงไปได้แค่10นาที ก็แสบๆคันๆไปทั้งตัวเลย!! ซึ่งทนไม่ไหวเลยขึ้นมาจากน้ำทั
หลังจากเราดำน้ำที่เกาะหินขาวเสร็จ ก็แวะพักกินข้าวอยู่ที่เกาะอาดั
ชายหาดที่มีทรายสีดำก็
เดินไปเดินมาเจอเสฉวนด้วย ตัวเล็กๆน่ารักมากกกก
หลังจากที่เราแวะพักกินข้าวก็
หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางไปยังเกากระ ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆใกล้ๆกับหาดซั
หลังจากดำน้ำเสร็จเราก็กลับถึงฝั่งเวลาประมาณบ่าย3 ก็ต้องขอตัวกลับไปนอนเก็บแรงก่อนซักพัก ตอนเย็นๆค่อยมาถ่ายรูปใหม่อี
เวลา16.30น.
เราก็ตื่นแล้วก็แต่งตัวพร้อมออกไปถ่ายรูปที่หาดซันเซ็ตอี
ตัวแรก"น้องเฮงเฮง" สุนัขพันธุ์ไทยสีน้ำตาลล้วน ไม่มีปลอกคอ 555
ตัวที่สอง"น้องลัคกี้"สุนัขพันธุ์ไทยสีน้ำตาลล้วน มีปลอกคอสีเขียว(ที่จริงมีอีก1ตัวที่สีน้ำตาลเหมือนกัน แต่ปลอกคอสีแดง ชื่อ"น้องมารวย" ไม่ได้ถ่ายรูปมาด้วย)
ซึ่งน้องหมาของทางรีสอร์ทนั้นเฟรนด์ลี่มากกกก วิ่งขึ้นไปรับเราตั้งแต่หน้ารีสอร์ท มาส่งเราที่หาดด้วย 5555 แล้วเราก็ถ่ายรูปอยู่ชายหาดไปเรื่อยๆ
วิ่งริมทะเลกัน...
ถ่ายรูปยืนบนโขดหินซักหน่อย กว่าจะปีนขึ้นได้ก็แลกกับบาดแผลมาเยอะเหมือนกัน... 555
พอถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน นี่ก็ใจจดใจจ่อ เตรียมกล้องขึ้นมาถ่ายรูปแล้ว แต่...มีเมฆมาบังจ้าาาาา อดเลย... TT
แล้วหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่รีสอร์ทก็เลยเอาเมนูอาหารมาให้
หลังจากกินข้าวเสร็จเราก็
เราก็เดินทางออกจากรีสอร์ทโดยยื
โรตีที่เราเลือกวันนี้คือโรตีไข่ธรรมดาๆแต่ก็อร่อยดี
แต่ลืมไปว่าเราไม่ได้เอาเงินติดตัวมาเลย แล้วเพื่อนก็มีเงินทั้งสิ้น200บาทขาดตัว! ซวยแล้ววววว จะเอาเงินไหนไปซื้อของฝากเนี๊
ขอบคุณผู้สนับสนุนในการดำน้ำและปีนโขดหินในวันนี้ด้วย.... 555
พอถึงที่พักเราก็นอนสลบไปเลย ด้วยความเหนื่อยเพลียจากทริปดำน้ำทั้งวัน สำหรับวันนี้นอนหลับฝันดี.....
Day3 30เม.ย.59 เวลา03.00น.
ขณะที่กำลังนอนหลับอย่างแซ่บอย่างนัว(หมายถึง นอนหลับอย่างมีความสุข) ก็เกิดพายุ+ฟ้าร้อง+ฝนตก ปลุกเราให้ตื่นขึ้นมา แล้วคิดในใจว่าซวยแล้ววววว นี่จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้
เวลา05:40น.
เราก็ออกเดินทางจากที่พักเพื่อไปที่หาดซันไรส์ ด้วยวิธีการปั่นจักรยานจากที่พั
เวลาประมาณ06.20น.พระอาทิตย์ก็
หลังจากนั้นเราก็กลับที่พักอาบน้ำแต่งตัว แล้วก็เก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับขึ้นฝั่ง โดยเราต้องไปให้ทันเรือรอบ9.
หลังจากกินข้าวเสร็จก็ให้เจ้าหน้าที่รีสอร์ทขับรถพ่วงข้
พอเราไปถึงก็เจอนักท่องเที่ยวเยอะแยะมากมายมารอขึ้นเรื
บ๊ายบายหลีเป๊ะ....
ครอบครัวนี้น่ารักมากๆ
เวลา10.45น.เราก็กลับมาถึงฝั่งอย่างปลอดภัย ซึ่งระหว่างขึ้นเรือนั้น..เราก็
แน่นไปทุกอณู...
เวลา13.00น. เราก็เดินทางมาถึงตรังเรียบร้อยแล้ว โดยคนขับรถตู้มาส่งเราไว้ที่หน้าสถานีรถไฟตรัง ซึ่งบริเวณนี้จะมีบริษัททัวร์
เมื่อวางแผนเสร็จแล้วเราก็
แล้วเราก็มาถึงสถานที่แรก คือโบสถ์คริสตจักรตรัง ซึ่งเป็นโบราณสถานแห่งหนึ่งในจังหวัดตรัง มีอายุมากกว่า100ปี เราก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ประมาณ10-15นาที แล้วก็ออกเดินทางไปที่ศาลเจ้าท่ามก๋งเยี่ยกันเลย
ศาลเจ้าท่ามก๋งเยี่ยนั้นมีชื่อเสียงในเรื่องของเซียมซีที่แม่นมาก และขอพรอะไร ขอได้ดั่งสมปราถนา เราก็เข้าไปไหว้ขอพร แล้วก็ออกเดินทางไปยังสถานที่ต่อไป เพราะเริ่มหิวกันแล้ว.... 5555
สถานที่ที่เราไปคืออนุเสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี ซึ่งเป็นเจ้าเมืองตรังเก่า โดยอนุเสาวรีย์แห่งนี้ตั้งอยู่
คำขวัญของจังหวัดตรัง(สระเอ แอบหลุดเบาๆ 555)
ร่มรื่นดีจริงๆ ต้นไม้เยอะมากกกกก
แล้วเราก็เริ่มหิวแล้วก็มากินข้าวกลางวัน(?) ที่ร้านอาหารริชชี่ เราก็รีบสั่งอาหารทันทีไม่พูดเพร่ำทำเพลงเลย 555 เพราะตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กิ
ส่วนเพื่อนเราเลือกเมนูข้าวผัดริชชี่ ซึ่งเป็นข้าวผัดอเมริกัน แต่มีอาหารทะเลเป็นเครื่องเคียงด้วย
หลังจากกินข้าวเสร็จเราก็เดินไปเลือกซื้อของฝากได้เป็นเค้
แต่พอเราไปถึงร้านกลับมีสภาพนี้....
ใช่!! มันปิดซะงั้น เคว้งเลยทีนี้...เหลือเวลาอีกชั่วโมงกว่าๆจะไปสิงสถิตย์อยู่ที่
ก่อนไปก็ขอถ่ายรูปกับวงเวียนปลาพะยูนหน่อยแล้วกัน...
พอเดินโรบินสันไปได้ซักพักก็เริ่มเบื่อๆ เลยsearchหาร้านกาแฟในอากู๋ ก็ได้เป็นร้านGreen house ที่อยู่แถวๆหอนาฬิกา ซึ่งก็ใกล้กับสถานีรถไฟที่
หอนาฬิกาเมืองตรังจ้าาาา
พอนั่งไปซักพักก็ถึงเวลาที่ต้องขึ้นเครื่องแล้ว เราเลยไปที่บริษัททัวร์เพื่อคืนรถ แล้วก็จ้างรถไปส่งเราที่สนามบิน โดยเสียแค่คนละ100บาทเท่านั้น
เมื่อเรามาถึงสนามบินตรังเราก็
งานก้อนเมฆบนเครื่องบินก็มาเช่นกัน...รอบนี้กระจกใสแล้ววววว 5555
เวลา19.10น. เราก็มาถึงสนามบินดอนเมือง ซึ่งเร็วกว่าเวลาประมาณ15นาที
แล้วเราก็แยกย้ายกับเพื่อน เพราะเพื่อนจะอยู่ที่กทม.ต่อ แต่เรามีภาระกิจจะต้องกลับมาเรียนเพราะจะเปิดเทอมวันที่2พ.ค.นี้แล้ว โดยเรานั่งรถairport bus สายA1 ซึ่งมีรถออกทุกๆ7นาที รถจะอยู่ที่ทางออกประตูไหนซักประตูเราก็ลืมแล้ว 555 ซึ่งค่าบริการ30บาท โดยเส้นนี้จะเดินทางจากดอนเมืองไปยังหมอชิต ใช้เวลาประมาณ30-40นาทีในการเดิ
สรุปทริปนี้เราว่ามันสนุกมากๆเลยนะ ได้ดำน้ำ ได้ไปทะเลตามที่ตั้งใจไว้ว่าต้องได้ไป! ได้ไปยังเกาะที่เขาว่ากันว่
สรุปค่าใช้จ่ายนั้น...
-ค่ารถทัวร์ไป-กลับ กรุงเทพ-ขอนแก่น 800บาท
-ค่าเครื่องบินไป-กลับ ดอนเมือง-ตรัง 2,000บาท(รวมทุกอย่างแล้ว)
-ค่ารถตู้ไป-กลับ ตรัง-ท่าเรือปากบารา 400บาท
-ค่าเข้าอุทยาน 40บาท
-ค่าเรือหางยาวจากโป๊ะไปเกาะหลี
-ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซค์ที่ตรัง 200บาท
-ค่ารถจากในเมืองตรังไปยังสนามบิน 100บาท
-ค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆประมาณ1000บาท
และต้องขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี
Take a trip with JN
วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 09.01 น.