วันที่ 2 วันนี้เป็นทริปสำรวจมีพี่หมอเป็นไกด์นำทางกิติมศักดิ์ (พี่หมอ ไม่ได้เป็นหมอนะคะ แต่ แกชื่อ “หมอ" พี่หมอเป็นคนเก่าแก่ในพื้นที่ห้วยม่วง และยังเป็น เจ้าหน้าที่อุทยานห้วยอะนะ) พี่หมอ จึงรู้จักพื้นที่บริเวรณ ห้วยม่วง และแก่งส้มแมวเป็นอย่างดี เป็นโชคดีของพวกเราจริงๆ ที่เมื่อตอนเล่นน้ำที่พุระกำเสร็จ พอมีเวลาเหลือก่อนค่ำนิดหน่อย เราจึงยังไม่เข้าที่พัก บ้านไร่ไทรงาม เราตกลงกันว่าจะ วนรถไปที่ห้วยอะนะ เพื่อสำรวจเสร็จทางปั่น เราก่อนเข้าที่พัก ที่อุทยานห้วยอะนะ ทำให้เราด้เจอกับพี่หมอ ได้พูดคุยเพื่อถามรายละเอียด เกี่ยวกับเส้นทางในพื้นที่ ที่สามารถที่จะปั่นจักรยานได้ ด้วยความที่ถูกชะตากันเป็นพิเศษ พี่หมอ ก็ได้แนะนำเส้นทาง แสนพิเศษ ให้กับเรา ทาง เหมืองแร่สายเก่าน่า พี่หมอบอกว่า เส้นทางนี้ เป็นเส้นทางที่ชาวบ้านใช้มาช้านาน ก่อนที่อำเภอสวนผึ้งจะเจริญอย่างที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ เส้นทางนี้ เป็นเส้นทาง ที่ปัจจุบันไม่มีรถวิ่งมานานแล้ว มีแค่ชาวบ้านในพื้นที่บางคนเข้ามาหาหน่อไม้ สองข้างทางของถนนสายนี้เต็มไปด้วยป่าไผ่ ร่มรื่น สวยงาม น่าปั่นมาก บรรยากาศดี และ ยังมีธารน้ำ ไหลผ่าน ตัดถนน เป็นโบนัส ให้อีก (จินตนาการจากที่พี่หมอพยายามเล่า) เราก็เห็นพ้องต้องกันว่า ที่นี่แหละ ใช่เลย พรุ่งนี้เราจะไปปั่นที่นี่กัน ….. จากนั้นพี่หมอแก ก็พยายามอธิบายเส้นทางอย่างละเอียด เราก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดีเช่นกัน เตรียมจดเส้นทาง ตรงไป เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เห็น ต้นไม้ใหญ่ ไม่ต้องเลี้ยว เลยไปหน่อยให้ เลี้ยวซ้าย ตรงไป เลี้ยว ขาว เลี้ยวซ้าย …. มึน งง สรุป เราเลย ถามพี่หมอแทนว่า ช่วยนำทางให้หน่อยได้ไหมคะ แกก็ ตอบตกลงทันที ว่า แกจะนำทางให้กับเรา โดยมอเตอร์ไซค์ คู่ใจของแก เราเป็นอันว่า 2 ล้อ ต่างเผ่าพันธ์ จะไปร่วมเดินทางกันพรุ่งนี้ นัดแนะกันเรียบร้อย 6.30 ให้พี่หมอ มาเจอพวกเราที่บ้านไร่ไทรงาม โฮมเสตย์ กินข้าว พร้อมกัน ก่อนออกปั่น

เช้าวันที่ 2 พี่หมอมาตรงเวลา เราเลยมีเวลา นั่งพูดคุยกัน กิน อาหารเช้า ข้าวต้ม กาแฟสด ร่วมกัน เผลอแป๊บเดียว 8:00 เช้า ได้เวลาแล้ว ปั่นกันเถอะ “ทางเหมืองแร่สายเก่า" ถนนในจินตนาการ ของเมื่อวานนี้ รอพวกเราไปเยี่ยมเยือน วันนี้ เฉพาะผู้ใหญ่เท่านั้นที่ ปั่นจักรยาน มีแม่ปุ้ม ,ป๊าหนุ่ม ,ลุงวุฒิ และป้าตุ๊ก หวานใจลุงวุฒิ ส่วนเด็ก ๆ กลายเป็นเด็กแว๊น ซ้อนมอไซค์ลุงหมอ เข้าป่าไปด้วยกัน

เราเริ่มปั่นออกจากบ้านไร่ไทรงามไปยังถนนหลักมุ่งหน้าไปแก่งส้มแมว เส้นทางเป็นถนน ขึ้น ๆ ลง ๆ สวยงามจับใจ

เลี้ยวเข้าไปใสแก่งส้มแมว เส้นทางในแก่งส้มแมว ยิ่งสวยงามมากขึ้น และ ยิ่งเข้าใกล้ แก่งส้มแมวเท่าไหร่ ยิ่งสัมผัสได้ถึงอากาศบริสุทธิ มากยิ่ง เมื่อเราไปถึงแก่งส้มแมว เราเดินไปนั่งเล่นชมบรรยาศที่แพไม้ไผ่ บริเวณนี้ ไม่มีใครเลย อาจจะเป็นเพราะเป็นเวลาช่วงเช้า บริเวณแพ ที่ทอดยาวข้ามฟากแก่ง จึงมีแค่เรา 2 แม่ลูกนั่งพูดคุยกัน ตั้งคำถาม ตอบคำถามกัน แค่นี้ก็สุขใจมากเกินแล้วค่ะ



จากจุดนี้ เราปั่นออกไปทางเดิม สักประมาณ 500 เมตร ต่อจากนั้น ใช้เส้นทางเบี่ยงไปทางขวา เข้าเส้นทางทางแทรก หินลอย ร่มเย็นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ปกคลุมเกือบมิด แทบไม่มีโอกาส ให้แสงแดดส่องลงถึงพื้นได้เลย หลังจากที่ผ่านป่าทึบไปประมาณ 1 กิโลเมตร ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือ ธารน้ำ ใสไหลเย็น


จากนั้น เราปั่นต่อไปผ่านอุโมงป่าไผ่ที่ทอดยาว สุดลูกหูลูกตา ทุกครั้งที่ ล้อบดไปยังถนน จะได้ยินเสียงสวบสาบตลอดทาง เนื่องจาก บนถนนมีแต่ใบไผ่แห้ง ช่างเป็นเสียงที่ไพเพราะ จริง ๆ นอกจากนั้น เรายังได้พบผลไม้ตกอยู่ที่พื้นจำนวนมาก ครั้งแรกที่เห็นคิดว่า พุทราป่า แต่พอสอบถามลุงหมอว่า นี่คือลูกอะไรทานได้ไหม ลุงหมอบอกว่า มันคือลูกส้มแมว (เราก็เลยถึงบางอ้อ เพราะเหตุนี้เอง แก่งนี้ จึงมีชื่อว่า แก่งส้มแมว) ส่วน เรื่องทานได้หรือไม่ นอกจากพี่หมอจะบอกว่า ทานไม่ได้แล้ว ลุงหมอยังสอนเทคนิคเพิ่มอีกว่า เวลาอยู่ในป่า ถ้าพบผลไม้ ตกแล้วไม่มีรองเมล็ดหลงเหลือ ว่ามีสัตว์มากิน แสดงว่าผลไม้นั้นกินไม่ได้ ค่ะ



ถนนป่าไผ่ทอดยาว ประมาณเกือบ 5 กิโลเมตรเห็นจะได้ ช่วงนี้ ปั่นสบายมากถนนกว้าง ลมโชยได้ยินเสียงใบไผ่เสียดสีกันตลอดเวลา ซึ่งภาพที่เห็นตรงหน้า กับภาพที่อาหมอเล่าให้เราฟัง เมื่อวาน ช่างไม่ต่างกับภาพที่เราจินตนาการจากคำบอกเล่าของพี่หมอเลย ขอบอกว่า พี่หมอไม่ได้เล่าเกินจริงเลย อยากให้เพื่อน ๆ มาสัมผัสกับถนน อุโมงป่าไผ่ที่นี่จริงๆ เลยค่ะ



พอผ่านพ้นป่าไผ่ เราก็เจอกับถนน ที่เป็นทราย หินลอย ผาหิน ทำให้เวลาปั่นตรงจุดนี้ ต้องใช้ความระมัดระวัง และ ทักษะ การทรงตัวของผู้ปั่นค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นจุดที่เด็ก ๆ ไม่น่าจะปั่นได้อันตรายเกินไป และนี่เป็นสาเหตุ ที่วันนี้ เด็ก ๆ ไม่ได้ปั่น แม่ให้หนูศึกษาเส้นทาง เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ไปก่อน ซึ่งเด็ก น้อยพี่ปิ่น กับน้องป่าน ก็ชอบ ซ้อนมอไซค์ลุงหมอ บอกว่าสนุกดี แต่บางครั้ง หากเห็นว่าไม่ปลอดภัย บางเส้นทาง เป็นเนินทราย ชันมาก ๆ พี่ปิ่น กับน้องป่าน ก็ต้องลงเดินเหมือนกัน



กว่า จะผ่านเนินหฤโหด ก็เล่นเอาเหงื่อตก ท้องเริ่มร้องคิดถึงสะเบียงที่หิ้วติดมาด้วยในรถมอไซค์เซอร์วิส ของพี่หมอ (ข้าวเหนียว ไก่ย่าง ส้มตำ ไข่ปิ้ง ที่เราซื้อไว้ตามคำแนะนำพี่หมออีกเช่นเคย) แต่ พี่หมอแนะนำว่า เราปั่นไปอีกไม่ไกล ประมาณ 2 โล จะถึงอ่างเก็บน้ำ บริเวณนั้นมีศาลาลมเย็น ๆ ให้นั่งพักทานข้าวกัน เราก็เลยปั่นกันต่อ



ตอนนี้หิว มาก ๆ สงสัยพี่หมอลืมบอก่า อีก 2 โลที่ว่า นี่ดันเนิน ขาขึ้นล้วน ๆ ชันอีกต่างหาก



แต่พอถึงสันอ่างเก็บน้ำ ขอบอกว่า หายเหนื่อยจริงๆ ค่ะ คุ้มค่ากับที่พยายามหิ้วทองมาทานอาหารกันบนนี้ รสชาติอาหารอร่อยเหนือคำบรรยาย ไม่รู้เพราะอร่อย หรือ เพราะ หิว หรือเพราะว่าบรรยากาส สรุปว่า อร่อย สุดยอดค่ะ



สายป่านมาถึงคนแรกนั่งรอกินแล้วค่ะ ระหว่างนี้ ลุงหมอพาพี่ปิ่นไปเก็บยอดกฐิน ,กับฝักกฐิน มาเป็นผักแนม แหมสุดยอดจริงๆเลยค่ะอาหารมื้อนี้ อิ่มมื้ออาหารแล้วเราเตรียมตัวปั่นกลับไปยังที่พัก บ้านไร่ไทรงาม ขากลับเราปั่น ออกมาที่ถนนหลัก ซึ่งเป็นถนนเส้นใหม่ที่ปัจจุบัน ชาวบ้านใช้กัน เราปั่นกันเป็นวงกลมเพื่อกลับที่พัก ระยะทางปั่นไปกลับวันนี้ ประมาณ 30 กิโล


เด็ก ๆ เริ่มเร่งเพราะ อยากเที่ยวรายการต่อไปแล้ค่ะ เป็น รายการที่เด็ก ๆ รอคอยคือ ล่องแก่งห่วงยางระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตรค่ะ

เรากลับไปตั้งหลักที่บ้านไร่ไทรงามเตรียมชูชีพ แล้วนั่งกระบะลุงเติม(ลุงเติมเป็นเจ้าของบ้านไร่ไทรงามค่ะ) ลุงเติมพานั่งรถกระบะ ออกจากที่พักไปประมาณ 5 โลเห็นจะได้ เพื่อไปเริ่มล่องแก่งที่ต้นน้ำค่ะ ลุงเติมอธิบายพร้อมสาธิตการล่องเรือห่วงยาง ลุงบอกว่า มันเป็นการล่องแก่งที่ปลอดภัยที่สุด ก็จริงนะคะ เพราะห่วงยางเป็นกันชน กันกระแทกหินอย่างดี ขอแค่ เก็บตัวเราในห่วงยาง เก็บไม่พายไม่ให้เกะกะ เวลา ผ่านสายน้ำไหลเชี่ยว ลองคิดถึงถ้วยหมุนสิคะ ห่วงยางเรือเราจะหมุน ๆๆ แล้ว ก็ไหลลงล่องน้ำไปเลยค่ะ สนุกจริง ๆ เด็ก ๆ ชอบกันใหญ่ น้ำใส ไหลเย็น ร่มรื่น ลองชมภาพบรรยากาศดูนะคะ

น้องป่านกำลังซ้อมพายอยู่ค่ะ ตอนลุงอธิบาย นั่งฟังตาแป๊วพยัคหน้าหงึก ๆ แม่คิดว่าหนูพายเป็น ไหงตอนพายมันหมุนเป็นลูกข่างเลยหละคะคุณลูก สักพัก น้องป่านกับพี่ปิ่นก็จังหลักได้ เรือหมุนไปข้างไหน ให้พายอีกข้างแทน พอตั้งหลักกันได้ เราก็ออก เดินทางด้วยล้อเดียว (ล้อห่วงยาง) หล่ะค่ะ คราวนี้



ข้างหน้าน้ำเชี่ยว น้องป่านเริ่มกลัวเรียก แม่ แม่ มาใกล้ ๆ หนู แม่เลยบอกป่านให้นั่งเฉยๆ ก้มหน้าลง ถือไม้พาย ไม่ให้ชนหินก็พอลูก ปรากฏว่า ผ่านไปได้อย่างสบาย ๆ ค่ะ ที่นี้เริ่มสนุกแล้วหล่ะ



ท่าทางเริ่มทะมัดทะแมงกันขึ้นเรื่อย ๆ ว่าไหมคะ ป้าตุ๊กสบายขนาด นอน ให้น้ำพาห่วงยางลอยน้ำไปเรื่อย ๆ เลยค่ะ


เช้าวันที่สาม เราเดินเล่นชมบรรยากาศบ้านไร่ไทรงามกันแบบสบาย ๆ ไม่เร่งรีบค่ะชมภาพบรรยากาศดูนะคะ



ที่บ้านไร่ไทรงามไม่มีอาหารขายนะคะ เป็นที่พักแบบบ้าน ๆ เน้น ธรรมชาติ อาหารการกินต้องเตรียมเข้าไปเองทั้งหมดค่ะ บรรยากาศเหมือนอยู่บ้านตัวเอง มีตู้เย็น ห้องครัว เตาแก๊ส อุปกรณ์ทำครัวให้ ทริปนี้ สามารถไปหน้าร้อนได้ค่ะ ไม่ร้อน และยังมีน้ำให้เล่น

ใครสนใจ ทริปปั่นเที่ยวแบบนี้ติดต่อมาได้นะคะ

FB: ปั่นเที่ยวป่า

https://www.facebook.com/bikeforestcamp/

www.bikeforestcamp.com

Line ID: panjaiv

กลุ่มของเรา รับจัดทริปพาปั่นเที่ยวป่านะคะ

Panjaiv Panmanee

 วันพฤหัสที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17.12 น.

ความคิดเห็น