กาญจนบุรีเป็นจังหวัดยอดฮิตสำหรับการท่องเที่ยว อุดมไปด้วยความสวยงามทางธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ หรือกระทั่งต้นไม้ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้
แน่นอนว่าเมื่อเป็นจังหวัดท่องเที่ยว ที่พักก็มีให้เลือกมากมาย แต่จะมีกี่ที่ที่ให้ทั้งความสวยงาม ราคาไม่สูงเกินไป และมุมถ่ายรูปเต็มไปหมด วันนี้จะพาไปที่หนึ่งที่ตอบสนองได้ Westory Design Poshtel
Westory Design Poshtel โฮสเทลแห่งแรกๆที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองกาญจนบุรี ถึงจะไม่มีวิวริมแม่น้ำหรืออยู่ในแหล่งท่องเที่ยว แต่ที่นี่กลับมีอะไรให้ค้นหามากกว่าที่คิด ถึงที่นี่จะเป็นที่พักแบบโฮสเทลที่เน้นห้องพักราคาประหยัด แต่กลับเรียกตัวเองเป็น Poshtel ซึ่งคือการอัพเกรดใส่ความสวยงามเข้าไปให้เป็นมากกว่าแค่ "ที่นอน" ที่นี่มีที่จอดรถด้วยนะครับ รองรับได้ประมาณ 20 คันซึ่งเป็นจุดเด่นที่ปกติที่พักแบบโฮสเทลจะไม่มีที่จอดรถไว้บริการ
จากประตูหน้าเข้ามาด้านในเหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่ง ด้านหน้าจะเป็นคาเฟ่ซึ่งเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟัง เดินต่อเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่ต้อนรับ เคาท์เตอร์ขนาดกระทัดรัดเพียงพอสำหรับที่พักที่มีแค่ 32 เตียงกับ 3 ห้องส่วนตัว
ส่วนของที่พักจะแยกเป็นส่วนตัวจากคาเฟ่ ทางเข้าที่พักเรียกว่าถ้าไม่สังเกตุก็มองไม่เห็น หลังจากได้รับคีย์การ์ดเรียบร้อย หันหลังกลับจะเจอป้ายสีดำมีตัวเลขชั้น เลื่อนเปิดออกจะเจอบันไดทางขึ้นและลิฟท์ไว้บริการ
ชื่อ Westory ประกอบจากคำ 2 คำคือ West และ Story รวมกันแปลว่าเรื่องราวทางฝั่งตะวันตก เพราะกาญจนบุรีอยู่ภาคตะวันตกของประเทศไทย หลายคนคงคิดว่ามันมีด้วยเหรอภาคตะวันตก มีครับผมหาดูใน google ได้
การบอกเล่าเรื่องราวของจังหวัดกาญจนบุรี Westory เลือกเอาสะพานข้ามแม่น้ำแควและรถไฟมาเป็นธีมหลัก เช่นป้ายระบุหมายเลขห้อง ก็เป็นเหมือนราวจับตรงประตูรถไฟ
ห้องพักแบบส่วนตัวขนาดไม่ใหญ่โตนัก ตกแต่งแบบ Loft เผยความดิบของผิววัสดุเช่น ปูนเปลือย โลหะต่างๆ และยังเอาเรื่องราวของสะพานตามเข้ามาในห้องด้วยโครงเหล็กเหนือหัวเตียงที่เหมือนโครงสะพาน ด้านล่างถัดมาเป็นแผนที่เส้นทางรถไฟที่ตัดผ่านจังหวัดกาญจนบุรี มีข้อมูลประวัติศาสตร์ให้อ่านด้วย
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในห้องพักครบถ้วน และถึงไม่มีโทรศัพท์ไว้ติดต่อกับพนักงานหากต้องการความช่วยเหลือ แต่สามารถสแกน QR code แอดไลน์ติดต่อกันได้เลย WIFI ภายในห้องก็เร็วใช้ได้ ความเร็วระดับนี้ดู Youtube, Netflix แบบ full HD สบายๆ
ห้องน้ำอยู่ในตำแหน่งที่แปลกหน่อยคืออยู่ปลายสุดอีกด้านของห้องกั้นไว้ด้วยกระจกขุ่น เข้าห้องมาครั้งแรกนึกว่าไม่มีห้องน้ำเพราะไม่มีประตูที่ชัดเจนเหมือนที่อื่นๆ
เข้ามาในห้องน้ำก็ยังคงความดิบของวัสดุไว้เหมือนภาพรวมของที่นี่ ผนังปูน ท่อโลหะที่โชว์ให้เห็นกันโต้งๆ ก็ดูเหมาะสมและกลมกลืนดี
แวะดูชั้น 2 หน่อย ชั้น2จะเป็นส่วนที่พักแบบห้องรวม ซึ่งจะมีที่นั่งพัก ดูโทรทัศน์หรือออกมาพักผ่อนได้ และมีห้องน้ำแบบแยกชายหญิงไว้บริการ
กลับลงมาด้านล่างเพื่อมาทานอาหารมื้อเย็น วันนี้ฝากท้องไว้ที่นี่แหละ คาเฟ่ด้านล่างตกแต่งแบบอินดัสเตรียลลอฟ เน้นโลหะสีดำซึ่งอ้างอิงมาจากเหล็กสะพาน พื้นและเฟอร์นิเจอร์ไม้ เก้าอี้หนังแบบโบราณหน่อยๆ ดูเข้ากันดีทีเดียว เงยหน้าขึ้นไปจะเจอรางรถไฟวนยาวตลอดแนว ซึ่งรถไฟวิ่งได้จริงด้วยนะครับ เป็นลูกเล่นที่น่าสนใจทีเดียว
หันไปอีกฝั่งจะเจอโต๊ะไม้ยาวตัวใหญ่กับเก้าอี้สูงแบบสตู ด้านหลังเป็นแผนที่จังหวัดกาญจนบุรีขนาดใหญ่ล้อมด้วยโครงเหล็กยึดหมุดเหมือนสะพานรถไฟ ด้านบนเป็นชุดไฟที่ห้อยจากท่อนไม้ที่เหมือนกับหมอนรองรางรถไฟ เรียกว่าเก็บรายละเอียดทุกจุดจริงๆ
มีมุมนั่งเล่นอีกมุมอยู่ด้านในสุดของอาคาร มีโซฟานุ่มๆให้นั่งหลายชุดทั้งโซฟาแบบลอยตัวและแบบเป็นกล่องซึ่งเหมาะกับการนั่งกึ่งนอนมากๆมีความเป็นส่วนตัวสุดๆ ที่นั่งด้านในนี้จะเหมาะกับการนั่งทานขนม เครื่องดื่ม มากกว่าการนั่งทานอาหารแบบจริงจัง
ด้านหลังมีที่นั่งภายนอกให้นั่งสูดอากาศได้ หรือจะนั่งทานอาหารก็ได้ ใกล้กันเป็นเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญและมีจักรยานให้เช่าไว้บริการด้วย
ก่อนอาหารเย็น ขอเรียกน้ำย่อยด้วยขนมหวานเสียหน่อย ด้วยช็อกโกแลตทาร์ต และชีสเค้ก กับแอ้ปเปิลโซดา ช็อกโกแลตทาร์ตรสชาติเข้มข้นมาก คนชอบช็อกโกแลตถูกใจแน่นอน ส่วนชีสเค้กก็ได้ความเปรี้ยวของเบอรี่ตัดเลี่ยนได้อย่างดี ล้างปากด้วยแอ้ปเปิลโซดาเปรี้ยวซ่า พร้อมสำหรับอาหารเย็นแล้ว
ว่าแล้วก็สั่งอาหารกันดีกว่าครับ รายการอาหารมีให้เลือกหลายอย่างเลยทั้งอาหารคาวและหวาน เลือกตามชอบได้เลย
สั่งมา 4 อย่างเต็มโต๊ะ สิ่งที่ชอบคืออาหารค่อนข้างตรงปกทีเดียว ภาพในรายการอาหารเป็นอย่างไร ของจริงก็ประมาณนั้นเลย
จานแรกเป็นข้าวผัดกิมจิเบคอน ราคา 130 บาท ปริมาณที่ให้มาค่อนข้างเยอะ รสชาติเค็มเล็กน้อยแต่ไม่ได้ความเปรี้ยวจากกิมจิเลย ส่วนตัวคิดว่าใส่กิมจิเพิ่มอีกหน่อยก็ยังได้
จานต่อมาคือตำลงสรง ราคา 140 บาท รสชาติออกจะกลางๆหน่อยไม่แซ้บเหมือนหน้าตา ต่อมาคือเวสทอรี่บาบิคิว ราคา 130 บาท มันคือบาบิคิวนั่นแหละ รสชาติและกลิ่นได้ความเป็นบาบิคิวเน้นๆ ทานได้เพลินๆ
จานสุดท้ายคือ สเต็กหมูย่างจิ้มแจ่ว ราคา 130 บาท จานนี้ดี หมูไม่แห้งยังนุ่มและฉ่ำอยู่ น้ำจิ้มแจ่วเปรี้ยวนิดหวานหน่อย ไม่จัดมาก
โดยรวมอาหารรสชาติใช้ได้ครับ ไม่ถึงกับจัดแต่ก็ปรุงมาให้ทานได้สบายๆ ใครไม่ทานเผ็ดก็ยังพอทานได้ เรียกว่าเอาใจทุกกลุ่มได้ ปริมาณอาหารค่อนข้างเยอะ และที่ชอบที่สุดคือตรงปก
ด้านหน้าอาคารตอนกลางคืนนี่สวยดีเหมือนกัน ทางเข้าเหมือนกับเป็นช่องที่พอเข้าไปแล้วหลุดไปอีกโลกหนึ่ง
อาหารเช้าซึ่งเลือกไว้ตั้งแต่ตอนเช็คอิน มาแบบง่ายๆเลือกเป็นข้าวเหนียวหมูปิ้ง กับแซนวิช หมดนี่ก็อิ่มอยู่เหมือนกัน รสชาติไม่มีอะไรพิเศษแต่อิ่มท้องดีมากๆ
บทสรุป Westory Design Poshtel เป็นที่พักราคาประหยัดที่สวยเกินราคาไปพอสมควร การตกแต่งที่บอกเล่าเรื่องราวของจังหวัดกาญจนบุรี ทำให้ที่พักนี้มีเรื่องราวและมีการตกแต่งทั้งห้องพักและพื้นที่โดยทั่วไปเป็นไปในทางเดียวกัน ถ้าไม่เน้นเรื่องวิว หรือต้องอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว Westory Design Poshtel เหมาะมากที่จะเริ่มทำความรู้จักจังหวัดกาญจนบุรี
Pratuneung
วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2563 เวลา 15.39 น.