ฆูนุงซีลีปัต (Gunungsilipat) ท่ามกลางขุนเขา กับวิว 360 องศา กม. 28 อ.เบตง จ.ยะลา

*จุดรวมพลก่อนเดินทาง ร้านเตี๋ยวกะลา ANASIA กม.28

Day 1

ยอดเขาฆุนุงซีลีปัต เป็นอีกจุดหมายหนึ่ง ที่เราอยากไปมาหลายปีแล้ว เพราะหลังจากที่ยอดจุดชมวิวอัยเยอร์เวง เริ่มเป็นที่นิยม นักท่องเที่ยวเริ่มมากขึ้น ทำให้เราต้องแย่งกันเพื่อขึ้นไปจุดชมวิว และต้องรีบลงเพราะเกรงใจคนที่มาที่หลัง...แต่สำหรับยอดเขาฆุนุงซีลีปัตนั้น เป็นยอดเขาที่ค่อนข้างจำกัดนักท่องเที่ยว..และด้วยความยากลำบากในการเดินทาง ทำให้มีนักท่องเที่ยวไม่แออัดเท่าไหร่...

*ทางเดินขึ้นผ่านสวนยางของชาวบ้าน

สำหรับการเดินทางไปยอดเขาฆุนุงซีลีปัตนั้น รถไม่สามารถไปถึงที่หมายได้ เราต้องเดินจากจุดจอดรถ ผ่านสวนยางไปยังจุดกางเต๊นท์ที่จัดเตรียมไว้ ซึ่งก็เรียกเหงื่อกันได้พอสมควร เราใช้เวลาเดินเรื่อยๆ เกือบ 2 ชั่วโมง ระหว่างทางที่เดินไปกับเพื่อนร่วมทางที่เราไม่รู้จักกันมาก่อน แต่สำหรับคนที่มีความชอบเหมือนกันและร่วมทางมาด้วยกันถึงจุดนี้..ทำให้เราไม่รู้สึกเหงาเลย การพูดคุยระหว่างการเดินทางหยุดบ้าง เดินบ้าง เลยบ้าง ทำให้เราคุ้นเคยกันมากขึ้น

*จุดการเต้นท์มีห้องน้ำไว้บริการนักท่องเที่ยว

หลังจากการมองเห็นยอดเขาที่อยู่ไกลลิปจากต้นทางที่เราเดิน ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงจุดพักกางเต๊นท์ เราหยุดพัก เก็บสัมภาระ ทำธุระส่วนตัว และเตรียมตัวเพื่อที่จะเดินขึ้นไปสู่ยอดเขา ฆุนุงซีลีปัต

*ระหว่างทางขึ้นสู่ยอดเขาและบรรยาการก่อนดวงอาทิตย์ตกที่ ฆุนุงซีลีปัต

ซึ่ง...ในตอนแรกที่เห็นคือมันน่ากลัวมาก เป็นทางแคบๆ ที่เราต้องไต่ขึ้นไป บางช่วงต้องอาศัยเชือกเพื่อดึงตัวขึ้นไป หลายๆ คนถอดใจ...แต่...มาถึงขนาดนี้แล้วไม่ขึ้นก็เสียดายแย่..เราไต่ขึ้นไปสักพักก็ถึงยอดเขา...ซึ่งบอกได้คำเดียวว่า...คุ้มมากกับวิว 360 องศาที่ไม่มีอะไรมาบดบังเลย ความสวยงามของแสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับตาผ่านทิวเขาที่อยู่ด้านหน้า ลมเย็นๆ ที่พัดผ่านเรา ทำให้เราลืมความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นจากการเดินทางไปหมด เราใช้เวลาในช่วงก่อนดวงอาทิตย์ตกไม่นาน ก็เริ่มทยอยลงไปจุดกางเต๊นท์

*เพิ่มความอุ่นให้ร่างกายด้วยอาหารรอบกองไฟ

หลังจากดวงอาทิตย์ตก ทางทีมงานก็นำอาหารมาแจกให้ทาน มีลูกชิ้นย่าง กาแฟอุ่นๆ ให้ทานดื่มคลายหนาวด้วย

*ร้านค้าบนจุดการเต้นท์ สามารถเช่าหมอนและผ้าห่มได้ที่นี่

ทีมงานแจ้งพวกเราว่าใครอยากดูดาว ให้มาพร้อมกันตอน 3 ทุ่ม ซึ่งแวปแรกที่ได้ยินคือ เราไม่ขึ้นแน่ๆ ทั้งมืด ทั้งชัน อีกใจหนึ่งก็คิดว่า ถ้ามาถึงที่แล้วไม่ขึ้นก็เสียดายแย่ เมื่อถึงเวลาก็ลองเดินไปเรื่อยๆ คิดว่าถ้าไม่ไหวก็กลับตรงทางราบแหละ แต่เมื่อเห็นน้องอ้วนๆ ที่มาด้วยกันขึ้นไป ก็เลยฮึดตามไป ยังไงก็อยู่กับน้องนี้แหละ...แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับกลายเป็นว่า การขึ้นเขาตอนกลางคืนที่เราไม่สามารถมองเห็นข้างทางได้ เราโฟกัสได้แค่ตรงหน้าเราที่มีแสงไฟไปถึงเท่านั้น กลับง่ายและเร็วกว่าการขึ้นตอนสว่าง

*บรรยากาศยามค่ำคืนที่ดวงดาวเต็มท้องฟ้า

ยอดเขาฆุนุงซีลีปัตในยามค่ำคืนที่ท้องฟ้ามืดสนิท กับคนไม่กี่คนที่มีเพียงแสงไฟเล็กๆ จากไฟฉายที่พวกเรานำติดตัวไป ทำให้เรามองเห็นดวงดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า ซึ่งนี่คงเป็นครั้งแรกที่เราได้พบกับบรรยากาศแบบนี้ และไฮไลท์ของที่นี่คือ การถ่ายรูปโดยมีฉากหลังเป็นดวงดาวและท้องฟ้า พิเศษเฉพาะคนที่ดั้นด้นขึ้นไปเท่านั้น เราอยู่บนยอดเขาไม่นานก็ลงมาที่พักเพราะข้างบนลมแรงมาก สำหรับการเดินลงในเวลากลางคืนก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด อาจเป็นเพราะเราเริ่มคุ้นเคยกับมันแล้ว

Day 2

*ยามเช้าบริเวณจุดการเต้นท์

เช้าวันนี้ เรามีนัดกันเพื่อขึ้นไปดูทะเลหมอกบนยอดเขาอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ผู้เดินทางเริ่มชินและเดินกันสบายๆ แวะถ่ายรูประหว่างทางขึ้น ซึ่งวิวสองข้างทางก็สวยไม่แพ้ข้างบนเลย..วันที่เราไปหมอกไปหนาเหมือนวันอื่นๆ มีบ้างพอให้ได้รูปทะเลหมอก เมื่อเราขึ้นไปถึงทางทีมงานก็เตรียมขนมปัง กาแฟ ไมโลให้เราทานกันบนยอดเขาเลยซึ่งการเรียกได้ว่า เป็นการทางขนมปัง กาแฟ ในวิวที่แพงที่สุดเท่าที่เราเคยเจอมา เราใช้เวลาอยู่บนยอดเขานานพอสมควร จนคนลงกันเกือบหมด แต่เรายังสนุกกับวิวสวยๆ และการพูดคุยกับเพื่อนร่วมทางซึ่งส่วนมากเป็นคนจากสามจังหวัด และบางส่วนจาก กทม.และจังหวัดอื่น เราเดินทางลงจากเขาในช่วงสายๆ ของวัน เราเดินลงเขามาถึงจุดที่รถมารับเพื่อนั่งรถลงมาด้านล่าง ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดของทริปฆุนุงซีลีปัต แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพของเพื่อนร่วมทาง ซึ่งแม้ว่าเราจะแยกย้ายกันแต่เราก็ยังได้เจอกันในหน้า Feed ของ Facebook