"มุลาอิ" Mulayit Taung หรือ Myleh Yit เป็นส่วนหนึ่งของแนวเขา Dawna Hills ของชาวพม่า ในรัฐกะเหรี่ยง DKBA จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ที่บริเวณบ้านมอเกอไทย อ.พบพระ จ.ตาก มีระดับความสูงของยอดเขาเกือบ 2,078 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นที่ตั้งเจดีย์อันศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพบูชาของชาวพม่า มีเจดีย์ 2 ยอด ผู้ชายสามารถขึ้นมาไหว้สักการะได้ทั้ง 2 ยอดเลย ส่วนผู้หญิงอนุญาตให้ขึ้นมาได้แค่เจดีย์ที่อยู่ระดับต่ำลงมาประมาณ 30 เมตรพระธาตุที่อยู่บนยอดเขาที่ชาวเมียนมาศรัทธา และ อากาศที่นี่บริสุทธิ์เย็นสบายตลอดทั้งปี


วันที่ 31 ม.ค 63 กทม - อ.พบพระ

เดินทางด้วยรถตู้ เวลา 3ทุ่ม

วันที่ 1 ก.พ 63

เดินทางถึง บ้านลุงจ่า เวลาตี5 อากาศเย็นทุกคนยืมเสื้อกันหนาวมาใส่ และขนของลงจากรถตู้ และสิ่งที่ทำต่อไปคือกิน! เราต้องกิน ข้าวเช้าของเราคือ ข้าวต้มหมูสับอร่อยมาก กระเทียมเจียวคือ อร่อยมาก ตรงจุดนี้จะเป็นจุดรวมใหญ่ก่อนที่จะมีการนั่งรถปิคอัพ 4X4 มายังฝั่งเมียนมา ซึ่งที่นี้ถือว่าดีเลยแหละ มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ก่อนจะถึงเวลารถออก กินข้าวเติมพลังกันก่อน เพราะเราจะนั้งรถกันแบบยาวๆเลย

08.00 น. พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ได้เวลาออกเดินทางจากบ้านลุงจ่าก็ใช้เวลากันราวๆ 3-4 ชม ข้ามน้ำ ถนนลูกรัง ที่เต็มไปด้วยฝุ่นและหิน ระยะทาง 40 กม. ค่อนข้างลำบากพอสมควร ที่สำคัญฝุ่น ๆ ๆ มันเยอะมาก (ผ้าบัฟ ผ้าปิดปาก เตรียมมาให้พร้อม สำคัญมากๆ


จุดพักรถที่ 1 จะเป็นหมู่บ้าน มีร้านค้าให้แวะ หาของรองท้องดื่มน้ำพักผ่อนกันให้หายเหนื่อย แล้วเดินทางต่อได้สักพักจะถึงจุดที่


จุดพักรถที่ 2 เป็นจุดที่ให้ชำระร่างกายก่อนขึ้นวัด ผู้หญิงหรือผู้ชายไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ที่นั้นจะมีการทาทานาคาที่แก้ม ที่นั้นก็จะมีทานาคาให้เราทาจะมาเป้นแบบไม่ได้แปลงรูปอะไร เป็นไม้แล้วถูกับหิน ไม่มีสารเคมีแน่นอน

พอเดินทางมาถึงจุดเดินเท้า สิ่งแรกที่ต้องปฏิบัติคือ ไปกราบนมัสการ พือเล่อบา (ศาลพ่อปู่ศิลา) ผู้ปกปักรักษาสถานที่แห่งนี้ เพื่อขอพรให้ท่านดูแลปกป้องเราตลอดของการเดินทาง


จากนั้นใครจะขึ้นไปกราบสักการะองค์พระธาตุบนยอดเขามุลาอิ หรือจะไปพักผ่อน กางเต็นท์ที่จุดกางเต็นท์ก็ได้ ซึ่งจุดกางเต็นท์ต้องเดินไปตามแนวเขาอีกประมาณ 1.5 กม. และเราสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินได้ที่ลานกางเต็นท์ได้เลย


เราเลือกที่จะไปหาที่กางเต็นท์ก่อน มุมที่เราเลือดมากางเต้นท์ คือต้องลงเดินจากจุดกางด้านบนลงมาอีก เป็นมุมที่เราจะมองเป็นเจดีย์บนยอดเขาหินได้

หลังจากการเต็นท์เก็บของพักเหนื่อย เวลาเริ่มเย็นๆ เราก็เดินมาขึ้นเจดีย์กัน ซึ่งเจดีย์ที่นี้จะแบ่งเป็น 2 เจดีย์


สิ่งที่ต้องรู้และปฏิบัติสำหรับนักท่องเที่ยว

1.เขาพระธาตุมุลาอิ เป็นศาสนสถานและเป็นเขตอภัยทาน ผู้แสวงบุญหรือนักท่องเที่ยวงดรับประทานเนื้อสัตว์ ให้รับประทานอาหารเจ ถือศิลห้าอย่างเคร่งครัด

2.เมื่อเดินทางมาถึงจุดพัก ทีโพมู ให้ชำระร่างกาย ล้างหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งตัวด้วยชุดสุภาพ หลังจากจุดนี้ไปให้พยายามสำรวมคำพูด ห้ามพูดหยาบคาย ตะโกน ตะคอกหรือแสดงกิริยาที่ไม่สุภาพ

3.พอมาถึงบริเวณวัด สิ่งแรกที่ต้องปฏิบัติคือ ไปกราบนมัสการ พือเล่อบา (ศาลพ่อปู่ศิลา) ผู้ปกปักรักษาสถานที่แห่งนี้ ให้ท่านปกปักรักษาระหว่างอยู่ในสถานที่แห่งนี้และตลอดการเดินทาง

4.ในบริเวณวัด ห้ามผู้ชายและผู้หญิงเดินเคียงชิดกัน ให้เว้นระยะห่าง หากพักแรมคู่สามีภรรยาจะต้องแยกกันนอน ห้ามนอนด้วยกัน และห้ามผู้หญิงตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ ต้องให้ผู้ชายตักให้เท่านั้น

5.ห้ามหยิบจับทรัพย์สินที่ไม่ใช่ของเราโดยพลการ เว้นแต่เจ้าของอนุญาต

6.ห้ามผู้หญิงเดินขึ้นไปตั้งแต่ทางเดินทางทิศใต้ของพระธาตุหญิงสู่พระธาตุชาย

7.ช่วยกันรักษาความสะอาด

8.หากต้องการนำน้ำจากบ่อศักดิ์สิทธิ์กลับไปยังบ้านเพื่อเป็นสิริมงคล ให้ตั้งจิตขออนุญาตจากศาล พือเล่อบา (พ่อปู่ศิลา) ต้องเป็นผู้ชายเท่านั้นที่ตักน้ำได้

9.สถานที่สรงน้ำของพระ (อาบน้ำ) ฆราวาสชายสามารถไปอาบได้ แต่ห้ามตากผ้าร่วมกับจีวรของพระภิกษุสงฆ์

เจดีย์แรกที่เราเดินมาเจอ จุดนี้ก็จะมีชาวบ้านพม่า ขึ้นมาสวดมน ไหว้พระ กัน ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย


เจดีย์ที่ 2 เดินขึ้นมาจากอันแรกจะเป็นทางเดินยาวขึ้นมา ซึ่งเจดีย์นี้ ผู้หญิงจะไม่สามารถเดินมาได้

เจดีย์บนสุดนี้ทำให้เราได้เห็นวิวของมุลาอิได้360 เลยก็ว่าได้ ความสวยงานของขุนเขา


หลังจากนั้นเราก็เดินลงมา มีชาวบ้านบอกว่าตรงหมู่บ้านมีโรงเจนะ สามารถไปกินได้ เป็นกับข้าวของคนที่นี้ เห้ยน่าสนใจมาก โอกาศที่จะได้กินไม่ได้มีบ่อยๆ กับข้าวก็จะมี น้ำผริกถัวเน่า ต้มหน่อไม้ แกงมะเขือ มะรุม ต้มถั่ว และมีอันหนึ่งที่พึ่งเคยได้ยินคือ ผักมุลาอิต้ม


อากาศที่นี้หนาวตลอดปีซึ่งตอนที่เราไปคือหนาวมาก น้ำคือเย็นมาก น้ำดึกต่างๆที่นี้ไม่ต้องแช่ในน้ำแข็ง คือแช่น้ำปกติก็เย็นแล้ว


มาที่นี้ก็คงต้องเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นเจ้าหน้าที่ ถืออาวุธปืน และนี้คือเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน หรือDKBA ที่ดูแลความเรียบร้อยของที่นั้น


พระอาทิตย์กำลังจะตก แต่หมอกเยอะมากจนมองไม่เห็น

ก่อกองไฟเพื่อช่วยให้ร่างกายอุ่นขึ้น เพราะอากาศในคืนนี้ ลดลงตลอด แต่มันก็ดีนะ เพราะในคืนนั้น เราได้นั่งพูดคุยกันแลกเปลี่ยนเรื่องราวการเดินทาง ในรอบกองไฟ


วันที่ 2 ก.พ 63 เดินทางกลับ

อากาศเช้านี้ก็หนาวเย็นมา หมอกเยอะมาจนไม่สามารถที่จะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้


สรุปยอดทริปนี้  ราคาสามารถลดลงได้ 
ค่ารถกระบะ รวมอาหาร 5มื้อ ราคา 13,000 บาท

13,000x2= (*26,000) บาท

ค่ารถตู้ ที่พักคนขับ เหมาน้ำมัน ราคา 11000 บาท

11,000x2= (*22,000) บาท

ค่าโฟ+รถตู้ 26,000+22,000 = (*48,000) บาท

ค่าใช้จ่าย 20คน คนละ (*2,400) บาท

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้


https://www.facebook.com/young...

https://www.instagram.com/youn...

Younghiking

 วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 17.34 น.

ความคิดเห็น