ม่อนสี่สหาย ? ชื่อม่อน , ตาก , และโปรไฟไหม้ และนี่คืออีกหนึ่งเรื่องราวความบังเอิญในชีวิตเรา

เช้าวันศุกร์สุดแสนเหนื่อยล้าจากการทำงาน ความรู้สึกอยากหนีตัวตนมนุษย์เงินเดือน ไปเป็นนักเดินทาง
เริ่มกลับมา จู่ๆมีโพสต์นึงเด้งขึ้นมาในกลุ่มหาทริปเดินป่า “ โปรไฟไหม้ครับ ม่อนสี่สหาย ตาก 2 วัน 1 คืน ”
โพสต์ที่ พี่ชา journey with girl ไปเที่ยวกับผี ตามหาคนร่วมเดินทางด้วยก็เด้งขึ้นมา เอาจริงๆ
แค่ชื่อคำว่าม่อนสี่สหาย มันมีความดึงดูดเรามาก บวกกับความอยาก เบื่อ และคำว่าโปรไฟไหม้ 
ก็ไม่สนอะไรแล้ว เราก็ทักไปถามทันทีตอนเช้า ตกลงตอนเที่ยง เก็บของตอนเย็น แล้วออกไปหาพี่ชาตอนมืดเลย

รู้ตัวอีกทีม่อนสี่สหายอยู่ที่ไหนวะ ก็เลยไปหาข้อมูลดู ม่อนสี่สหายเป็นที่เดินป่าเปิดใหม่ที่จังหวัดตาก
อยู่ในความดูแลของกลุ่มชาวบ้านของหมู่บ้านร่มเกล้าสหมิตร ของผู้ใหญ่ตี๋ โอเคอยู่ตากยิ่งทำให้อยากไปเลย
เพราะตากเป็นหนึ่งจังหวัดที่เราอยากรู้ว่ามีอะไร ก็ได้พี่ชาเนี่ยแหละ มาถูกเวลามาก แถมไม่รู้เพราะอะไร
ตอนแรกก็รู้สึกไม่ชอบไปกับคนอื่นนะ แต่พอคุยกับพี่แล้วคงสัมผัสได้บางอย่างจึงเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้


เส้นทางการเดินทาง

Big C สะพานควาย – อ.พบพระ จ.ตาก - บ้านผู้ใหญ่ตี๋ – ทางขึ้นม่อนสี่สหาย – จุดกางเต็นท์ม่อนสี่สหาย – บ้านผู้ใหญ่ตี๋ - กรุงเทพฯ

20:00 น. เวลาแห่งการนัดหมายของนักเดินป่า จำได้เลยนั่งรถไปจากนครปฐมไกลมาก
ไปถึงก็ไม่รู้จักใคร รู้แค่ต้องไปศูนย์อาหาร BigC สะพานควาย พอไปถึงก็แอบตกใจ นี่ที่นัดรวมพลชมรมคนเดินป่าหรอ ทั้งโรงอาหารมีแต่กระเป๋ากับอุปกรณ์เดินป่า เหมือนเหมาสัมประทานของที่นี่เป็นชมรมไปแล้ว

ด้วยความเคว้งไม่รู้จักใคร เดินไปหาโต๊ะว่างๆนั่งแล้วก็โทรหาพี่ชา เค้าก็บอกพี่อยู่นี่ นั่งรอลงชื่อจ่ายเงิน รอคนครบ ระหว่างนั้นก็สังเกตรอบๆ เลยรู้สึกว่าที่แห่งนี้ส่วนมาก 60% เป็นคนที่เคยไปบ่อยอยู่แล้วมีไปทริปอีก ส่วนที่เหลือคือมาใหม่ ครั้งแรกบ้าง มาคนเดียวบ้างค่อยเริ่มอุ่นใจหน่อย


บังดุล หมู่ชา เพื่อนร่วมทริปคนแรก

หลังจากส่งคนขึ้นรถเสร็จ เราก็ทราบมาคร่าวๆว่าทริปนี้เกิดมีคนยกเลิกทำให้พี่ชาต้องขับรถตามรถตู้ไปและมีเราที่มาเติมกับดุล คนรู้จักของพี่ชาเป็นอดีตนายสิบที่พี่ชาเคยเป็นครูฝึก 

มาร่วมทริปด้วยแบบงงๆ เหมือนเรา เท่ากับรอบนี้เราจะนั่งรถไปกัน 3 คน ระหว่างทางแรกๆก็จะตึงๆหน่อยแหละพยายามชวนคุยไปเรื่อย และด้วย character ของทุดคนที่ชอบชวนคุยเลยทำให้เรามีเรื่องคุยกันจนหลับ เรื่องเที่ยวบ้าง เรื่องเก่าๆของทั้ง 2 คนบ้าง หรือแม้แต่เรื่องเกี่ยวกับอิสลามเ เพราะทั้ง2เป็นนับถืออิสลาม ซึ่งส่วนตัวเราแอบติดตามวัฒนธรรมนี้อยู่ด้วยเลยชอบเลย 55555


ถึงแล้วตาก หมู่บ้านร่มเกล้าฯ จุดรวมพลบ้านผู้ใหญ่ตี๋

ช่วงเวลากว่า 8 ชม. ผมและดุล ทั้งกิน ทั้งหลับ ทั้งตื่น ในขณะที่พี่ชาอย่างอึดซิ่งรถตามรถตู้สุดแว้นไปตลอดทาง จนพวกเราเดินทางมาถึงหน้าทางเข้าหมู่บ้านร่มเกล้าฯ ในสภาพนอนไม่เต็มที่กันซักคน

ที่บ้านผู้ใหญ่ตี๋จุดรวมพลสำหรับคนที่จะขึ้นม่อนสี่สหาย ช่วงเวลานี้แหละคือการพักผ่อนของจริง ทุกคนแยกย้ายกันไปทำภารกิจส่วนตัว บางคนขอไปนอนหลับ บางคนหิวจัดขอติดรถชาวบ้านไปหาข้าวเช้ากินในตลาด ก่อนที่จะกลับมาจัดสัมภาระที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง เพื่อรอเวลาออกเดินทางไปยังม่อนสี่สหายตอน 10 โมง ช่วงเวลานี้แหละทำให้เราได้รู้จักกับ พี่เมและพี่กิ๊ก ที่แอบหนีไปตลาดกับเรา นี่แหละจุดเริ่มต้นที่ทำให้เริ่มรู้สึกมีเพื่อนในทริปนี้เลยล่ะ


ลมแรงสุดๆกับทางขึ้นสุดชิว

การเดินทางไปม่อนสี่สหายเราเดินทางไปกับรถพี่โต ชาวบ้านที่จะเดินทางขึ้นไปกับเราและยังพาเราไปถึงทางขึ้นด้วยรถ 4WD ล้อมคอก สิ้นถนนสายหลัก ก็เข้าสู่เส้นทางไต่ขึ้น-ลงเขาสุดชันกับภารกิจที่ทุกคนต้องคอยหลบกิ่งไม้ตามทาง เอาจริงคิดว่าหลายคนคงสนุกกับภารกิจนี้ และไม่นานพวกเราก็มาถึงจุดลงเดิน

เส้นทางเดินป่าขึ้นไปม่อนสี่สหายถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ส่วนที่อยู่ในป่าเดินเรื่อยๆชิวๆ ไม่ชันมาก อุปสรรคไม่เยอะ ลมที่พัดตลอดทำให้เหงื่อไม่ค่อยออก หลังพ้นป่าออกมาเป็นการเดินไต่ภูเขาหัวโบ้นไปเรื่อยๆ เลาะชายแดนพม่า บอกเลยว่าพ้นตรงนี้ไม่มีที่ให้พักแดดหลบร่มแล้วล่ะ ต้องรีบไปให้ถึงจุดกางเต็นท์กันเลยทีเดียว


จุดกางเต็นท์ม่อนสี่ฯ ลมแรงจนนอนไม่ได้

ราวๆ 2 ชม.กับการเดินชิวๆมาที่จุดกางเต็นท์ถึงแม้จะไม่เหนื่อยมากแต่แดดที่แรงไม่แผ่ว 

ทำเอาทุกคนที่มาถึงแยกย้ายกันหาที่ปักหลักกางเต็นท์เก็บข้าวของส่วนตัวกันโดยไม่มีใครสั่งเลย เหมือนทุกคนรู้ว่าเวลานี้ๆต้องทำอะไร ส่วนเรานั้นซวยไงครับ ไม่มีเต็นท์ ก็ไปหาต้นไม้คู่ผูกเปลที่เตรียมมากับขึงผ้าใบคลุมกันแดด

เอาจริงเราก็มั่นใจวิชาชีวิต การเอาตัวรอดทำนู้นทำนี่เป็นพอสมควร ผูกเปลกางผ้าใบคลุมแค่นี้คิดว่าง่ายๆ คืนนี้นอนรอดแน่ๆ แต่ม่อนสี่นี่ผิดคาด ลมมรสุมก่อนฝนตกที่ว่าแรงยังไม่เท่าลมม่อนสี่เลย ผ้าใบที่ขึงต่ำมาก ดึงตึงในมุมที่ควรที่สุด แต่ไม่วายถูกลมม่อนสี่พัดกระพือตลอด จนเราที่นอนพักอยู่ในเปลทนไม่ไหว ลุกออกมาเก็บเปลแล้วตัดสินใจว่าคืนนี้จะไปนอนกับบังดุลและพี่ชาที่กองกลาง หรือที่เค้าเรียกนอน “ ปลาทู ”

(ศัพท์นี่มันมาจากการนอนหมกกันในผ้าใบเหมือนอยู่ในเข่งปลาทู ไม่มีเต็นท์ ไม่มีที่กันลมกันหนาว หาอะไรได้ก็มาสุมๆกันนั่นแหละปลาทู)


สงสัยมานาน กระจ่างซักที! ไปกับทริปเค้าทำอะไรกันบ้าง

หลายคนเคยมีประสบการณ์ไปเที่ยวกับเพื่อนๆมา บ้างก้มีแพลนลงหมายช่วงนี้ไปนี่ ช่วงนั้นไปนู้น หิวแวะกินข้าวนี่ หรือบางคนก็ไปแบบพักผ่อนชิวๆ ที่พักสวยๆอาหารอร่อย วิวดีๆ ถ่ายรูปชิกๆ ไม่ก็แคมป์ปิ้งเสพธรรมชาติ เสพของมันต้องมีกันไป ส่วนเราหรอค่ำไหนนอนนั่น ไปเรื่อยๆแค่วางเป้าหมายไว้หลอกๆให้เราเดินทางไปข้างหน้าแบบเรา

อ้าวแล้วการเดินป่ามันเป็นยังไงนะ เราที่ไม่เคยไปเดินแบบเดินจริงจัง เขาขึ้นไปทำอะไร ถ้าไปเป็นทริปทำอะไรกันบ้าง ก็ได้มารู้ที่นี่แหละ 

มันคล้ายๆกับไปทริปกับเพื่อนนะ เดินทางด้วยเท้า พกข้าวของไปเซ็ตอัพที่อยู่อาศัย พักผ่อน เสพบรรยากาศ วิวธรรมชาติอันล้ำค่า ตกเย็นช่วยกันทำอาหารกิน นั่งเม้ากันถึงเรื่องราวที่เจอมาวันนี้ ทำความรู้จักกันมากขึ้น และที่ขาดไม่ได้ตกดึกใครสายล้อมวงก็จับวงมาหาอะไรทำกัน 

นั่งคุย เล่นเกมส์ สังสสรค์ตามสไตล์ของแต่ละคน จนสุดท้ายก็พักผ่อนท่องกลางธรรมชาติที่เล่าออกไปตามหามัน นี่คงเป็นนิยามการเดินป่าครั้งแรกแหละ


ปลดล็อคการเดินป่าจริงๆซักครั้ง

ผ่านค่ำคืนแห่งการเอาชีวิตรอดจากลมหนาว

ที่พัดแรงตลอดคืนกับที่นอนปลาทู และเราที่พกไปแค่ถุงนอน ร.ด. บางๆอันเดียว คำว่า “ ผู้ประสบภัย ”คงไม่ตลกเกินไปสำหรับพากเรา 3 คนจริงๆ แต่เราก็ผ่านช่วงเวานั้นมาได้ มันทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นกล้าเผชิญอะไรหลายๆอย่างมากขึ้นจริงๆ 

การเดินป่ามันเหมือนเป็นการปลดล็อคตัวเองทีละ step นะ ความรู้สึกมันเหมือนกับวันแรกที่เราได้ลองขี่จักรยาน วันนึงเราเริ่มจาก 4 ล้อ มาเป็น 2 ล้อ ซักพักเราเริ่มไปขี่มอไซค์ รถใหญ่ มันเหมือนการเติบโตได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ทำให้เราเจอกับความกล้าที่จะเดินออกจากคอมฟอตโซนของตัวเอง การได้มองเห็นตัวเองหลังจากเอาชนะความกลัวมาได้นั้นมันเริ่มทำให้เราประทับใจในตัวเองดีนะ คิดว่าวันนึงหลายคนคงได้พบกับ ตัวเองบ้างเหมือนกัน


สายลมแห่งเช้าวันใหม่ และเรื่องราวของพวกเรา

อีกหนึ่งช่วงเวลาพิเศษของการเที่ยวเชิงธรรมชาติคือการตื่นมาเสพบรรยากาศยามเช้านี่แหละ น่าขำนะที่เวลาเราอยู่บ้านให้ตายยังไงก็ขี้เกียจตื่นมาดูพระอาทิตย์ตอนเช้า 

แต่ทำไมกันเวลาเที่ยวอะไรแบบนี้ที่หลายคนพร้อมใจกันตื่นมาโดยไม่ได้นัดหมาย มันคงอาจจะเป็นการตอบสนองจิตใต้สำนึกของตัวเองในช่วงเวลานั้น ที่เราไม่เคยได้สังเกตตัวเองก็เป็นได้

การเดินทางมาม่อนสี่สหายเป็นทริประยะสั้น 2 วัน 1 คืน สบายๆชิวๆ เหมาะกับการเริ่มหัดเดินครั้งแรกอยู่นะ
พูดถึงเพื่อนร่วมทาง

พี่ชาและบังดุลสหายตลอดทางของเรา เอาจริงไม่ได้มองว่าพี่ชาเขาเป็นสตาฟดูแลเราเพราะเราเสียเงินให้เค้าเลย ดุลก็ถึงไหนถึงกันสุดรู้สึกเข้ากันได้ง่ายอยู่แล้ว มันให้ฟิลลิ่งมากับเพื่อนประสบการณ์สูงมากกว่า คนเป็นเค้าก็ต้องดูแลคนไม่เป็นเป็นเรื่องปกติ 

เพื่อนร่วมทริปทุกคนน่ารักมาก มีเรื่องราวมากมาย ณ ที่แห่งนั้น วิ่งไปถ่ายรูป กินชาบู กรองน้ำ ผิงไฟ เก็บเต็นท์ หรือแม้แต่นั่งหลบลมหนาวก็ตาม ถึงแม้มีเวลาน้อยที่จะได้รู้จักกันแต่มันก็เพียงพอจะทำให้คิดถึงช่วงเวลานั้นแล้วล่ะ


สหายม่อนสี่ฯ พบเจอ พูดคุย แบ่งปัน และจากลา

สำหรับประสบการณ์ join trip ครั้งแรกเราชอบนะ อย่างแรกมันทำให้มีเรื่องราวมากมายที่ได้แบ่งปันกับพี่ๆร่วมทริป กลุ่มคนที่ชอบสิ่งที่แอบคล้ายกันเป็นทุนเดิม มีโอกาสมาเจอกัน มาแชร์อะไรกัน เราอาจจะโชคดีก็ได้ที่ได้เจอประสบการ์ที่ดี และสุดท้ายพวกเราก็ต้องเดินลงจากม่อนสี่สหายแห่งนี้ แล้วกลับไปยังโลกใบเดิมของพวกเรา ทิ้งไว้ให้เป็นเพียงเรื่องราวให้นึกถึงสถานที่แห่งนั้น

สำหรับตัวเราการมาม่อนสี่เราไม่เคยคาดหวังอะไรเลย มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญด้วยซ้ำที่ชื่อม่อนดันพ้องกับคำว่า “ สี่สหาย ” ที่ทำให้เรานึกถึงวันเก่าๆสมัยที่ทำค่าย ทำกิจกรรมต่างๆในมหาลัยจริงๆ พบเจอ แบ่งปัน จดจำและจากลา อยากฝากจดหมายถึงเพื่อนๆทุกคนที่ผ่านอะไรกันมา ถึงแม้เราอาจจะพาตัวเองกลับไปช่วงเวลานั้นไม่ได้ แต่ทำให้ยิ้มได้ทุกครั้งที่นึกถึงมันเนอะ คิดถึงทุกคนไว้มีโอกาสเราจะได้เจอกันแน่นอน :)


เขียนโดย ป.ปลาตัวกลม

ติดตามเรื่องราวของเราได้ที่

Facebook : เหนียวที่ พี่น้อง
Instagram : nt_phinong
youtube : https://www.youtube.com/channe...

nnatsu roll

 วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 14.12 น.

ความคิดเห็น