ทริปเดินป่าขึ้น "ภูสอยดาว" ในครั้งนี้ เกิดขึ้นโดยบังเอิญ เนื่องจากพี่ที่รู้จักกันชวนไปเดินป่าขึ้นภูสอยดาวกับกลุ่มพวกนักวิ่งพิษณุโลก เราก็ตัดสินใจไปสิค่ะ รออะไร ^*^
ในใจลึกๆ เราอยากไปภูสอยดาวในช่วงเดือนสิงหาคมมานานแล้ว เพราะอยากไปชมความงามของ "ทุ่งดอกหงอนนาค" บนลานสน ซึ่งจะบานเต็มที่ในช่วงเดือน ส.ค. - ก.ย. ของทุกปี
พวกเราเริ่มเดินทางออกจาก จ.พิษณุโลก มุ่งหน้าไปทาง อ.วัดโบสถ์ ผ่าน อ.ชาติตระการ เข้า อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ทำการ "อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว"
ส่วนถ้าใครไม่ได้เดินทางมาด้วยรถส่วนตัว ก็สามารถนั่งรถทัวร์ / รถไฟ มาลงที่ จ.พิษณุโลก แล้วต่อรถมายังที่ทำการอุทยานฯ ได้เลย ซึ่งเดี๋ยวนี้มีหลายเจ้าที่เป็นรถกระบะ วิ่งรับส่ง พิษณุโลก - อช.ภูสอยดาว ในราคาคนละ 350 - 400 บ.
สามารถติดต่อได้ที่เพจ >>> อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เขาหลวงรถรับส่งราคาถูก ได้ที่ลิ้งค์นี้เลย https://www.facebook.com/group...
เนื่องจากช่วงที่เราไปยังอยู่ในมาตรการคุมเข้มป้องกัน Covid-19 อยู่ เพื่อนเราเลยได้ติดต่อจองทุกอย่างผ่านแอป QueQ ซึ่งวันที่ 22 ส.ค. ที่พวกเราไปมีคนลงทะเบียนกว่า 490 คน ตอนแรกเราก็ตกใจว่าคนเยอะมาก >>> แต่พอไปถึง ต้องยอมรับในการบริหารจัดการที่ดีเยี่ยมของเจ้าหน้าที่ อช. ทุกท่านมากๆ เลยค่ะ ทุกอย่างดำเนินการไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และสุดแสนประทับใจ
ส่วนถ้าใครอยากไปพิชิตยอดภูสอยดาว ณ ระดับความสูง 2,102 ม. ก็ต้องไปช่วง พ.ย. - ม.ค. เสียค่าใช้จ่ายคนละ 500 บ. ใช้เวลาเดินพิชิตกันทั้งวันเลย ต้องใส่หมวก Safety และไต่เชือกขึ้นไป
*ถ้าใครจะไปพิชิตยอดภูสอยดาว ต้องไปนอนบนลานสน 3 วัน 2 คืน เน้อ*
(ส่วนทริปนี้ พวกเราไปกันแค่ 2 วัน 1 คืน จร้า)
เราเคยไปขึ้นภูสอยดาวครั้งแรกในฤดูหนาว ปี 2551 ซึ่งสมัยนั้น ที่ทำการฯ จะอยู่ตรงน้ำตกภูสอยดาว พอติดต่อทำธุระเสร็จ (จ่ายค่าเข้า + ค่าลูกหาบ) ก็เดินขึ้นภูสอยดาวกันได้เลย
แต่ปัจจุบัน "ที่ทำการ อช. ภูสอยดาว" อยู่ห่างจาก "น้ำตกภูสอยดาว" (จุดที่เริ่มเดินขึ้น) ประมาณ 2 กม. พวกเราต้องไปติดต่อที่นี่ให้เรียบร้อยก่อน
ในส่วนของค่าใช้จ่ายจะมี 5 ส่วน ดังนี้
- ค่าเข้า อช. ภูสอยดาว คนละ 40 บ. + รถยนต์ คันละ 30 บ.
- ค่านอนเต็นท์ บนลานสนภูสอยดาว (ข้างบน) คนละ 30 บ./ คืน
- ค่ามัดจำขยะ ทีมละ 200 บ. คือ ข้างบนห้ามนำขยะไปทิ้งเลย ใครขนอะไรไปข้างบนต้องขนขยะทุกอย่างลงมาข้างล่าง มาเป็นหลักฐานให้กับทางเจ้าหน้าที่ฯ เพื่อขอเงินมัดจำคืน
- ค่าลูกหาบ กิโลละ 30 บ. (ต่อเที่ยว)
- ส่วนใครจะเช่าเต๊นท์ ถุงนอน ที่รองนอน ถัง ขัน ฯลฯ ก็ติดต่อทำเรื่องตั้งแต่ข้างล่าง แล้วเจ้าหน้าที่จะให้ใบสีฟ้ามา เพื่อขึ้นไปรับของข้างบนลานกางเต๊นท์อีกที
เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อย ก็ได้เวลานั่งรถกระบะ (สมัยก่อนเป็นรถอีแต๊นท์) ไปยัง "น้ำตกภูสอยดาว" ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินป่าครั้งนี้
รวมพลกันสักหน่อยที่บริเวณ "น้ำตกภูสอยดาว"
คุณพี่ลูกหาบ ต้องบอกว่า ทุกคนแข็งแรงและสุดยอดจริงๆ แบกน้ำหนักบนหลังร่วม 40 -50 กก. (ขึ้นอยู่กับอายุ และประสบการณ์)
และแล้วก็ได้เวลาทรมานหน้าขาแล้วสิ ขาไปก็มีบันไดเป็นช่วงๆ เส้นทางสะดวกสบายกว่าสมัย 10 กว่าปีที่แล้วมาก ช่วงแรกจะเดินเลาะน้ำตกภูสอยดาวไปเรื่อยๆ มีข้ามลำธาร และก็เดินไต่ขึ้นเรื่อยๆ ตลอดทาง
ก่อนเริ่มเดินเท้า ก็ไหว้ขอพร "ศาลเจ้าปู่ภูสอยดาว" กันสักหน่อย
เดินมาได้ประมาณ 1 - 2 กม. ก็ต้องข้ามลำธารไปฝั่งตรงข้าม
น้องลูกหาบยังยิ้มได้ สุดยอดไปเลยครับ
ระหว่างทางก็ต้องเดินๆ ตามกันไป เพราะคนขึ้นกันเยอะจริงๆ วันนี้ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะมีบันไดธรรมชาติ ให้พวกเราเดินขึ้นไปได้อย่างสะดวกสบาย
พอใกล้เที่ยง เราก็ได้เวลาทานเบอร์เกอร์ลาบแซ่บที่เตรียมมาจาก 7-11 ให้อิ่มท้อง เพื่อจะได้มีแรงลุยต่อ
ระหว่างทางก็มีป้ายบอกระยะทางตลอด ไม่ต้องห่วงว่าอีกไกลแค่ไหนกว่าจะถึง >>> เพราะไกลแค่ไหน ลานยอดสนภูสอยดาว ก็อยู่ไม่ไกลเกินกว่า "สองเท้า" ของเราที่จะ "ก้าว" ไป ^*^
ระหว่างทางก็มีจุดพักเป็นช่วงๆ >>> ใครใคร่พัก ก็พัก ส่วนใครใคร่ไปต่อ ก็ลุยโลดเลยจร้า
ระหว่างเดินก็เจอฝนปรอยๆ ตลอด เจอฝนตกหนักช่วงเกือบถึงยอดภูสอยดาว และพบเจอนักวิ่งเทรล มาซ้อมวิ่งขึ้นภูสอยดาว สร้างบรรยากาศให้คึกคักกันน่าดู
ไฮไลท์ของความเหนื่อย ต้องยกให้นี่เลย เนินสุดท้ายที่เรียกว่า "เนินมรณะ" ถึงแม้ระยะทางจะไม่มาก เพียง 1.5 กม. แต่กว่าจะเดินขึ้นไปถึงนั้น ก็เรียกได้ว่า หืดขึ้นคอกันเลยทีเดียว เดินขึ้นไป ทำไมยังไม่ถึงสักทีหว่า? 555+ ก็ต้องหยุดแวะ พักเหนื่อย หันมาชมความสวยงามของวิวหมอกไปตลอดสองข้างทาง
แต่วิวข้างบนมันสวยจริงๆ คุ้มค่ากับความเหนื่อยที่แลกมา
พอถึงข้างบน ก็จะเดินผ่านทางราบ ผ่าน "จุดชมวิว" ก่อนจะมาถึงป้าย "ผู้พิชิตลานสนภูสอยดาว" ณ ระดับความสูง 1,633 ม. จากระดับน้ำทะเล
ชนะอะไรไม่เท่าชนะใจตัวเอง
หน้าฝนมันมีเสนห์ในตัวของมันเอง
เดินไปสักพักก็ ว้าว! อเมซิ่งไทยแลนด์จร้า เย้ๆ ดีใจสุดๆ ในที่สุดเราก็ได้มาเห็น "ทุ่งดอกหงอนนาค" สีม่วงบานสะพรั่งบนลานสน ด้วยตาของตนเองแล้ว มันดีใจอย่างบอกไม่ถูก มันคุ้มค่ากับความเหนื่อยที่แลกมากับความสวยงามของธรรมชาติ เป็นอะไรที่สุดแสนจะประทับใจ
ภูสอยดาว ในแต่ละฤดูมันก็มีเสนห์ในตัวของมันเอง ไม่ว่าคุณจะมาฤดูไหน คุณก็จะได้รับความประทับใจ (แบบทรมานบันเทิงหน้าขา และน่อง ^*^) กลับไปอย่างแน่นอน
สุดท้ายนี้ อยากบอกว่า มาเห๊อะ! มาเที่ยวป่าเมืองไทยกัน ป่าบ้านเราก็สวยไม่แพ้ที่ไหนในโลกน้าจร้า
สรุป ระยะทางเดินเท้า
- ขาขึ้น ระยะทางประมาณ 7.4 กม. กับความชันสะสม 960 ม. (ไต่ขึ้นเรื่อยๆ ตลอดจริงๆ เรียกได้ว่า เป็นพี่ของเขาหลวง จ.สุโขทัย ดีๆ นี่เอง 555+) เราแบกเป้ร่วม 13 กม. บนหลัง >>> ใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 3.30 ชม.
- ขาลง ก็เดินลงมาเรื่อยๆ ใช้เวลาประมาณ 2.20 ชม.
*** แล้วคุณจะหลงรักเสน่ห์ของภูสอยดาว ***
มาเห๊อะ อยากให้มา
ถึงแม้การเดินทางจะจบลง แต่ "ความทรงจำ" และ "ความรู้สึกดีๆ" จะยังคงตราตรึงอยู่ในใจของพวกเราตลอดไป
รบกวนช่วกด Like & Subscribe เป็นกำลังใจให้พู่ด้วยน้าคร่า ขอบคุณค่ะ
Just 2 Feet สองเท้าพาไป
วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2563 เวลา 15.17 น.