20.20 น. 12 เม.ย 2016

เดินทางด้วย ETS มาถึงสถานี KL Sentral เราจำได้ว่าเมื่อ 2 ปีที่แล้วที่เรามา KL มีร้านเบอร์เกอร์ริมถนนแถวใกล้ๆ KL Sentral อร่อยมากอยู่ร้านนึง พี่คนขายชอบพี่เบิร์ด ธงชัยมาก จำได้ว่าตอนนั้นพี่แกยังร้องเพลงให้ฟัง แต่นี่ก็เดาไม่ออกว่าเพลงอะไร 555 เลยชวนเพื่อนไปตามหาซะหน่อย ไม่รู้ว่าจะยังขายอยู่หรือเปล่า? พิกัดอยู่หน้าโรงแรม My Hotel @Sentral แต่พอไปถึงปรากฏว่าไม่ใช่คนขายคนเดิมแล้ว แต่ก็ยังขายเบอร์เกอร์แบบเดิม เราเลยซื้อเบอร์เกอร์เนื้อ ส่วนเพื่อนไม่กินเนื้อเลยได้เบอร์เกอร์ไก่คนละชิ้นกลับไปกินที่โฮสเทลกัน แอบผิดหวังเล็กๆ รสชาติไม่ค่อยอร่อยเท่าพี่คนเดิม ค่าเบอร์เกอร์ 3.5 MYR ถ้าเพิ่มชีสหรือไข่ก็ไม่เกิน 6.5 MYR ประมาณนี้ค่ะ (กล้องมือถือถ่ายไม่ค่อยชัดเลย 555)

เดินกลับมา KL Sentral ก่อนขึ้นไปสถานีชั้นบน เราแวะซื้อตั๋วรถบัสไปสนามบิน KLIA2 วันพรุ่งนี้ก่อน ราคา 11 MYR/คน บูธขายตั๋วจะอยู่ตรงที่รถบัสจอดด้านล่างเลยค่ะ มีของ Sky Bus กับ Aerobus ซื้อตั๋วที่เดียวกัน จากนั้นก็นั่ง LRT ไปลงที่สถานี Masjid Jamek (1.6 MYR) เราพักกันที่ Back Home Kuala Lumpur Hostel จองผ่าน agoda ราคา 1,675 บาท/2 คืน (ราคาต่อ 2 คนนะคะ) โดยรวมที่นี่ก็ดีนะ ส่วนใหญ่ที่มาพักจะเป็นฝรั่ง ใครชอบฝรั่งนี่งานดีอยู่นะ 555 ส่วนพนักงานก็บริการดีมาก น่าจะเป็นน้องๆนักศึกษามาทำพาร์ทไทม์ วันนี้เหนื่อยมาเยอะละ เลยไม่ได้ออกไปเที่ยวต่อ กินเบอร์เกอร์เสร็จอาบน้ำนอน หลับยาวเลยยยย

ปล. จองห้องพักหญิงรวม 4 เตียงไว้ แต่ทั้งห้องมีเราพักอยู่เตียงเดียว สบายเลย

13 เม.ย 2016

ตื่นกันแต่เช้าลงไปตุนอาหารเช้า วันนี้เราจะไปเมือง Putrajaya กัน เราเดินไปขึ้นรถเมล์ที่ท่ารถหน้าห้าง Mydin ไปถึงก็มองๆข้างรถที่เขียนว่าไป Putrajaya Sentral เจอรถสาย 500 จอดอยู่ฝั่งขวามือ (ถ้าหันหน้าเข้าห้างนะคะ) ค่ารถ 3.8 MYR จ่ายที่คนขับตอนขึ้นรถเลย ถ้าให้ไม่พอดีเค้าไม่ทอนนะจ๊ะ นี่เสียไป 4 MYR เลย เดินทางประมาณ 30 นาที ชิวๆกันไปก็ถึง Putrajaya Sentral พอลงรถก็ไปเดินหารถเมล์เข้าเมืองกัน ดูที่ป้ายเลยที่เขียนว่าผ่าน Masjid Putra เรานั่งสาย 502 ที่จอดข้างสาย 500 ที่จะเข้า KL ตอนกลับพอดีเลย

ว๊าบบบบ มาถึงแล้ว Masjid Putra ลงรถเมล์มาเจอนี่เลย คิดว่าน่าจะเป็นรถที่เอาไว้ให้นักท่องเที่ยวเช่าหรือเปล่า? เพราะจอดอยู่หน้าร้านเช่าจักรยาน มีความน่ารักระดับ 10 อร้ายยยยย

แดดแรงได้อีก แต่ฟ้าใสนะ รีบถ่ายรูปก่อนทัวร์พี่จีนจะมาเยอะกว่านี้

ถ่ายด้านนอกเสร็จก็ไปเข้าคิวเพื่อรับชุดคลุมก่อนเข้าชมมัสยิด ที่นี่การจัดการค่อนข้างดี มีเจ้าหน้าที่บริการคอยถามว่ามากี่คน จัดแถวให้ แถมคอยควบคุมให้พี่จีนเข้าแถว ไม่แทรกหน้าเราด้วย ดีงามตรงดี ฮี่ๆๆๆ


คือมีความเป็นสีชมพูทุกตารางนิ้วจริงๆ ให้มันเป็นสีชมพู๊วววววววววว

ถ่ายข้างในได้แป๊บนึงก็ต้านมวลมหาประชาชนจีนไม่ไหว เราเลยหนีออกมาหาอะไรเย็นๆกินตรงศูนย์อาหารด้านล่างของมัสยิดกัน จำได้ว่ายังไม่ได้กิน Chendol เลยตั้งแต่ที่ Melaka เลยสั่งมาถ้วยนึง หน้าตาเหมือนจะดูดี แต่ไม่อร่อยเลย ให้ตายเหอะ กระทิก็เหมือนจะบูดเลย เรากินไปสองสามคำ ทิ้งเลยค่ะ เสียดายอ่ะ ตั้ง 5 MYR

ผิดหวังกับ Chendol แล้วก็ออกมาถ่ายรูปมุมด้านนอกมุมอื่นๆบ้าง

มุมนี้มองเห็นทะเลสาบที่เค้าบอกว่าเป็นทะเลสาบคนขุด สร้างขึ้นเอง โหยยยย มีความพยายามมาก รู้สึกว่าเมืองนี้นี่ไม่มีอะไรที่เล็กๆเลย ทุกอย่างดูใหญ่โตไปหมดทั้งมัสยิด อาคารต่างๆ เรียกได้ว่าไม่มีตึกไหนที่เล็กๆเลยอ่ะ มันใหญ่มากจริงๆ อ้อ ขวามือนี่วังสุลต่าน สวยเชียว ติดทะเลสาบเลย

สะพาน Seri Wawasan

ต่อจากนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นหายนะของพวกเรา คือการตัดสินใจเดินไป Iron Mosque กัน แทนที่จะนั่งรถเมล์หรือเช่าจักรยาน ตอนนั้นคิดแค่ว่าเดินไปถ่ายรูปไป เด๋วก็ถึง ชิวๆ คือลืมนึกไปไงว่ามัน 11 โมงแล้ว แดดร้อนยังกะอยู่ซาฮาร่า แนะนำว่าอย่าเดินเลยแกร๊ ขึ้นรถเมล์หรือถ้าอยากชิวถ่ายรูป เช่าจักรยานเหอะ เราขอเตือน เราร้อนขาลากมาแล้ว แต่ถ้าใครมั่นใจว่าเอาอยู่ก็ลองดูค่ะ เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำจริงๆ 5555

เดินตรงข้ามสะพานไปเรื่อยๆเลย ฟ้าสวย น้ำใส แต่ร้อนมากกกกกกกกกก

ตึกใหญ่ๆทั้งนั้นนนนนนน ส่วนใหญ่เป็นกระทรวงต่างๆ รวมอยู่ที่นี่หมดเลย

ไม่ไหวละนั่งพักแพร๊บ ตึกนี้สีขาวสวยเชียว

อันนี้รูปปั้น union อะไรซักอย่าง ประมาณว่ามาเลเซียรวบรวมหลากหลายเชื้อชาติไรงี้ แต่นี่มองเป็นรูปปั้นเป็ด 5555

ในที่สุดก็มาถึงแล้ววววว Palace of Justice ใหญ่อลังการ เลนส์ wide ไม่พอเลย

หันหลังกลับ Iron Mosque อยู่นี่นี่เองงงงง ในที่สุดดดดดดดดดด

ปรากฏว่ากว่าเราจะมาถึงก็เที่ยงแล้ว มัสยิดเพิ่งปิดค่ะ เปิดอีกทีบ่ายสอง!!! ไงล่ะ เดินชิวจนได้เรื่อง (ปกติพวกมัสยิดจะเปิดให้เข้าชมเป็นช่วงๆ 9.00-12.00/14.00-16.00/17.30-18.00 แต่ถ้าวันศุกร์จะเป็น 15.00-16.00/17.30-18.00 ประมาณนี้) หิวก็หิว ร้อนก็ร้อน อะไรจะทำร้ายกันขนาดนี้ มองหาร้านอาหารก็หาไม่เจอ มีแต่ตึกสำนักงาน เลยไปถามพี่ยามที่อยู่แถวนั้น พี่แกบอกว่าใต้ตึกทางด้านซ้ายมือมีศูนย์อาหารอยู่ เรากับเพื่อนเลยว่าจะไปฝากท้องที่นี่แหละ ไม่ได้ถ่ายรูปตึกมา (หิวจัด) เอาเป็นว่าถ้ายืนหันหน้าเข้ามัสยิดตามรูปนี้ ตึกอยู่ด้านซ้ายนะคะ เดินเข้าไปทางด้านซ้ายของโต๊ะประชาสัมพันธ์เลยค่ะ

เข้าไปก็งงสิ เค้าเป็นเหมือนบุฟเฟต์ให้ตักเอง แล้วทำไงอ่า แต่คนขายก็น่ารักนะคะ ช่วยถามว่าอยากกินอะไร มีทั้งบุฟเฟต์และอาหารตามสั่ง แต่เราไม่รู้จะสั่งอะไร เค้าเลยช่วยอธิบายว่าตักที่อยากกิน แล้วเดินเอาไปจ่ายเงินตรงเคาน์เตอร์ จะมีคนคิดเงิน อย่างของเรานี่ 6.3 MYR รวมไมโลแล้วนะ

นั่งตากแอร์ไปสักพัก เริ่มง่วงจะหลับ เลยออกมาถ่ายรูปด้านนอกรอมัสยิดเปิด เจอเด็กน้อยมากับคุณพ่อ น่าร้ากกกกก

เย่ๆๆ บ่ายสองแล้ว เรากับเพื่อนเข้าไปเป็นกลุ่มแรกๆเลย ไม่ค่อยมีคน ดีเลย ไล่ถ่ายมันตั้งแต่ช่องทางเข้านี่แหละ เราชอบที่นี่มากกว่า Masjid Putra นะ เราว่ามันสวยแปลก ดูขรึมๆ แต่ก็ยังคงคอนเซปใหญ่อลัง เวอร์วัง เหมือนเดิม อ้อ คุณลุงพนักงานก็น่ารัก ชวนเราคุย ถามว่ามาจากไหน มากี่วัน สงสัยลุงจะเหงา 555 คนที่นี่หน้าดุแต่ใจดีทุกคนเลย

ชอบซุ้มประตูสวยอ่ะ

อันนี้ตึกข้างๆ

เข้ามาข้างในกัน

ถ่ายรูปไปได้สักพัก ฝนตกค๊าาาาา ต้องรอมันซาก่อนแล้วค่อยออกไปรอรถเมล์ด้านหน้า ถึงตอนนี้เริ่มปวดหัว ปวดขามาละ สงสัยไข้จะมาพร้อมกับฝนแน่ๆเลย ลุยฝนออกมานั่งรอรถเมล์ประมาณครึ่งชั่วโมงได้ เกือบทุกสายจะผ่าน P. Sentral หรือ Putrajaya Sentral แต่ถ้าให้ชัวร์ก็ถามคนขับเลย ขากลับค่ารถเมล์ 0.5 MYR เอง

พอถึง Putrajaya Sentral แล้วเราก็นั่งสาย 500 สายเดิมกลับเข้าเมือง แต่เราลงที่ป้ายหน้า Central Market นะ พอดีเห็นคนลงป้ายนี้เยอะ ก็เลยลงด้วยเลย ไม่ต้องเดินวนกลับมา พวกเราแวะซื้อของฝากพวกช็อคโกแลต พวงกุญแจ ของเล็กๆน้อยๆที่นี่ แล้วก็เดินเอาไปเก็บที่โฮสเทลไว้ก่อน โชคดีที่พักใกล้ๆแถวนี้ สบายเลย หลังจากเก็บของแล้วเราก็ตกลงกันว่าจะนั่งรถเมล์ฟรี Go KL ไปเที่ยวในเมืองกัน โดยขึ้นรถที่ป้ายหน้า Maybank แถวๆ Central Market เลย

นี่เป็นแผนที่เดินรถ Go KL

เราขึ้นสายสีม่วงไปลงที่ Pavillion กะว่าจะไปช้อปแถวๆ Bukit Bintang แล้วก็แถบๆ Pavillion Lot10 ประมาณนี้ พอไปถึงก็เดินเข้าห้าง แต่จริงๆลงที่ StarHill เดินใกล้กว่านะ พวกเราตกลงไปหาข้าวกินกันก่อนที่ Food Republic ชั้นล่างของ Pavillion อยู่แถวๆ supermarket เลย เราเลือกร้านคล้ายๆสุกี้บ้านเรามั้ง คือเค้าจะให้เลือกของพวกผัก ลูกชิ้น เส้นต่างๆ เอาใส่ชามไป แล้วเค้าจะให้เลือกซุป แล้วก็คิดเงิน ดูน่าสนุกดีก็เลยลองดู ค่าเสียหาย 17 MYR ตามรูปเลย ได้เยอะมากกกกกก


กินเสร็จก็เดินออกไปถ่ายรูปน้ำพุหน้าห้าง Pavillion ซะหน่อย

เดินดูของแถวๆนั้น กะว่าจะมาดูรองเท้า VNC ที่นี่ซะหน่อย คราวที่แล้วเห็นว่าสาขาที่นี่ใหญ่ แต่ดันปิดปรับปรุงซะงั้น สุดท้ายก็เดินกลับไปที่ StarHill รอรถเมล์ Go KL สายสีเขียวไป KLCC เพื่อไปดูตึกแฝด แลนด์มาร์คของมาเลเซียกัน เดี๋ยวเค้าจะหาว่าเรามาไม่ถึง อ้อ การขึ้นรถเมล์ที่นี่ก็เหมือนๆบ้านเรานะ แย่งกันขึ้นเหมือนกันเด๊ะ 555 ประมาณ 10 นาทีก็มาถึงแล้ววววว

แท่น แท๊น แท๊นนนนนนนนนนนนนนน

มันใหญ่มากกกก ถึงจะมาครั้งที่ 2 แล้ว แต่ก็ยังประทับใจกับความอลังการของตึกนี้อยู่ดี มันสูงแหงนดูจนปวดคอเลยทีเดียว เสียดายไม่มีขาตั้งกล้อง รูปเลยสั่นไปนิดนึง เอาน่าหยวนๆ ถือเกร็งจนปวดแขนละได้แค่นี้แหละ 5555

ถ่ายด้านหน้าได้สักพักก็ไปดูโชว์น้ำพุด้านหลังกัน จะบอกว่ามันดีงามมากนะ หรือเพราะไม่ได้ตั้งความหวังอะไรก่อนมาดูด้วยมั้ง โชว์สวย เพลงเพราะ คือดีอ่ะ บรรยากาศดี ลมเย็น นั่งดูได้เป็นชั่วโมงอ่ะ ดูแล้วอยากพาพ่อกับแม่มาเลย ครั้งหน้าหาตั๋วโปรมาทริปครอบครัวดีกว่า คือชอบบบบบบบบ

ตึกแฝดมุมด้านหลังนิดนึง

ปิดท้ายคืนนี้ด้วยรูปนี้ ฟินนนนนนนนนนนนนนนน

ขากลับเรากะว่าจะกลับรถเมล์เหมือนเดิม แต่รอนานมากแล้วก็ไม่มีรถมาสักที ทั้งๆที่ในเว็บบอกรถหมดห้าทุ่มนู่นนนน สุดท้ายรอไม่ไหวเลยนั่ง LRT กลับที่พักกัน

14 เม.ย 2016

วันนี้เรามีเวลาเที่ยวแค่ตอนเช้าก่อน 10 โมง เลยมาเดินเล่นแถว Merdeka Square ใกล้ๆที่พักกัน แต่เสียดายมีปิดปรับปรุงหลายตึกเลย ทั้งรวมถึง Musjid Jamek ด้วย เลยถ่ายรูปมาได้นิดเดียวเอง

มีเด็กน้อยมาทัศนศึกษาด้วย เดินตามเป็นทัวร์ลูกเป็ด น่าร้ากกกกกกก

Masjid Jamek ถ่ายมาได้แค่นี้จริงๆ

ถ่ายรูปเสร็จก็กลับไปเอากระเป๋า เช็คเอ้าท์ นั่ง LRT ไป KL Sentral เพื่อไปขึ้นรถบัสที่จองไว้เมื่อวาน เราไปถึงประมาณสิบโมงนิดๆ แต่เราจองไว้ 10.30 รถรอบ 10.00 ยังไม่ออก แล้วพอดีมีที่ว่าง เค้าเลยให้เราไปรอบนี้ได้เลย พอถึง KLIA2 เราก็ไปเช็คอิน ตอนนี้แหละ มีปัญหาจนได้ เราซื้อแบบ Premium Flex มา แต่เลือกที่นั่งทีหลัง เพราะตอนนั้นยังไม่รู้จะนั่งตรงไหนดี สุดท้ายพอมาเช็คอิน ที่นั่งหายค่ะ ทั้งๆที่ก่อนมาก็เช็คในเว็บแล้วนะ แต่พอมาถึงนี่ได้ random ที่นั่งอะไรไม่รู้มา ที่นั่งติดหน้าต่างก็เต็มแล้ว เราเลยถามกราวน์ที่เคาน์เตอร์เช็คอิน นางบอกเราไม่ได้จองที่นั่งไว้ เลยต้อง random เอา แล้วยังมาถามเราอีกว่าตอนจองอ่ะ ได้จ่ายเงินรึป่าว??? ตอนแรกว่าจะไม่วีน เจอคำถามที่ไม่น่าถามแบบนี้ เอิ่มมมม ชั้นจอง Premium Flex มาแล้วนะ แล้วนี่ก็เช็คอินอยู่ช่อง Premium มันอยู่ในแพ็คเกจ คุณไม่รู้เหรอ? อารมณ์เสียเลยตอนนั้น เราไม่ได้อะไรกับที่นั่งนะ พลาดคือพลาด บอกระบบพลาดอะไรก็ว่าไปดิ นี่มาถามว่าเราไม่ได้จ่ายเงินเหรอ? หึ ปรี๊ดเลย สรุปได้ที่นั่งติดทางเดิน หงุดหงิดตลอดไฟล์ทเลยเรา แถมไม่สบายอีก คราวหน้าใครจองแบบ Premium Flex ของพี่หางแดงแบบเรา ระบุที่นั่งไปตั้งแต่แรกก็ดีนะคะ อย่าเป็นแบบเรา เลือกทีหลัง ชะล่าใจไม่เช็คอินออนไลน์มาแบบเรา เจอแบบนี้ก็เซงกันไป คราวหน้าคงไม่เอาแล้วแหละแบบนี้เซงงงงง

สรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆ

ทริปนี้เราเดินทาง ดอนเมือง-มาเลเซีย-เชียงใหม่ นะคะ ค่าเครื่องเลยจะแพงหน่อย แต่ของเพื่อนเราเป็นตั๋วไป-กลับ ราคาประมาณ 2,7xx บาท เงินที่พกมาก็ประมาณเกือบๆ 400 MYR ก็พอเหลือๆค่ะ รวมค่าของฝากแล้วด้วย รวมๆแล้วทริปนี้ไม่เกิน 10,000 บาทแน่ๆ ถ้าใครไม่ช้อป 8,000 ยังได้ค่ะ ยิ่งถ้าได้ตั๋วโปรถูกๆนี่ยิ่งถูกกว่าเราแน่ๆค่ะ

มาถึงตรงนี้แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านจนจบนะคะ มันอาจจะเวิ่นไปบ้าง (ไอ้ที่บ่นๆตอนกลับนี่ข้ามๆไปได้นะ 555) การเดินทางมันเปิดโลกใบใหม่ให้เราอยู่เสมอ ได้พูดคุยกับคนแปลกหน้า ชวนเค้าคุยนู่นนี่นั่น จากที่เพื่อนคิดว่าเป็นประเทศที่คนน่ากลัว แต่จริงๆแล้วคนที่นี่เป็นมิตรมาก พูดภาษาอังกฤษได้เกือบทุกคน เราถามอะไรยินดีช่วยตลอด ถ้ามีโอกาสคงได้กลับมาอีกแน่ๆ ตอนนี้เสพติดการเที่ยวไปซะแล้ว 5555 ทริปหน้ากลับไปเมืองไทยกันบ้าง เซฟเงินในกระเป๋าก่อน แล้วเจอกัน บ๊ายยยย

NinjaAnn

 วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.28 น.

ความคิดเห็น