กระทู้นี้เป็นกระทู้ของเรากับเพื่อน ณ เชียงดาว-อ่างขาง-เชียงใหม่


เราชื่อไดฟและเราชื่อมุก เราช่วยกันเขียนสลับกันเขียนสองคนนะคะ อาจจะใช้ภาษาไม่เหมือนกันบ้าง แต่ด้วยเป็นทริปที่ไปกันสองคนก็เลยอยากจะร่วมกันแชร์ความรู้สึกและประสบการณ์ค่ะ


จริงๆเราวางแผนกันไว้ประมาน1เดือน โดยมัดจำตัวเองด้วยการจองตั๋วเครื่องบินขาไปไว้ก่อน โดยยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะได้ไปหรือเปล่า แต่ด้วยความอยากไปกันไง เลยกดดันตัวเองด้วยวิธีนี้55555 เราค้นหาสายการบินต่างๆ ไฟล์ทต่างๆ ก็เจอไฟล์ทที่ตรงใจคือของสายการบินนกแอร์ ราคารวมทุกอย่าง 1050 (ราคาตั๋วรวมทุกอย่าง ไม่รวมค่าบริการในการโอนเงิน)

ได้ไฟล์ทเวลา 13.40 จริงๆพยายามหาถูกกว่านี้แต่ก็ด้วยเวลาไม่ถูกใจบ้าง ตั๋วขากลับแพงบ้าง ก็เลยตกลงกันเอาอันนี้แหละ

จากนั้นก็รีบหาที่พักกันต่อ ตอนแรกเราลังเลใจกันว่าจะไปเชียงดาว หรือว่าม่อนจองดี แต่พอหาข้อมูลม่อนจองแล้วเราว่า เราสองคนยังไม่มีความสามารถพอที่จะไป 5555 ก็ตกลงกันเป็นเชียงดาว แล้วต่อด้วยอ่างขาง เชียงใหม่นิมมานเหมินท์ จากนั้นก็ทำการจองที่พักกันเลย ใจจริงอยากพักที่บ้านระเบียงดาวแต่คิวเต็มยาวไปยันปีหน้าเลยค่ะ ก็ได้พักที่บ้านสายหมอกแทนแต่เป็นเต็นท์นะ มาเข้าทริปกันเลยดีกว่าเนอะ คงอ่านกันมายาวแล้วววว 5555



วันแรกกกกกกกก

วันที่14 เราสองคนนัดเจอกันที่สนามบิน ประมานเที่ยงค่ะ ตื่นเต้นกันสุดๆจะได้ไปแล้ววว แต่ด้วยความตื่นเต้นหรือความโง่เง่าของเราสองคนก็ไม่รู้ค่ะ ทำอีท่าไหนกันนน ตกเครื่อง!!!!!!!!!! ไปถึงgate พอดีเป๊ะ ตกเครื่องปั๊บเลยค่ะ อะไรกันนน ยังไม่ทันได้ไปก็เหมือนจะล่มซะแล้วววว เรากับเพื่อนมองหน้ากันใจแป้วเลยค่ะ เอาไงๆๆๆเอาไงละ มาขนาดนี้แล้ววว มาด้วยใจก็เอาไงเอากันรีบวิ่งออกมาหาซื้อตั๋วใหม่ รอบที่เร็วที่สุด เพราะกลัวตกรถประจำทางที่จะไปเชียงดาว และก็รถอีกทอด .....

สรุปเราได้ตั๋ว lion air ค่ะ บินเวลา15.10 ราคารวมทุกอย่าง1500นิดๆ จำราคาไม่ได้ ฟรีโหลดกระเป๋า15โล ขึ้นเครื่อง7โล ซื้อตั๋วเรียบร้อย

แต่ แต่ แต่!!!!!! กระเป๋าที่โหลดไปกับนกแอร์ตอนแรก อยู่ไหนนนนน?!?! ทางนกแอร์ยังไม่เอามาให้ เอาละหว้า ทำไงละงานนี้ เพื่อนเราก็ยืนรอเช็คอินโหลดกระเป๋าที่ lion air ส่วนเราก็รอรับกระเป๋าคืนที่นกแอร์ ทั้งคู่ต่างตกอยู่ในสภาวะกดดันตายล่ะๆๆ จะได้ไปไหมงานนี้ 5นาทีสุดท้ายแล้ววววว กระเป๋าๆๆมาพอดีวิ่งเป็นนักวิ่ง4x100กันเลยค่ะรีบไปโหลดกระเป๋า ขอบคุณทางlion air นะคะ ที่ใจดีกับเรารอทำเรื่องโหลดกระเป๋าให้ โหลดทุกอย่างเรียบร้อย ก็รีบไปรอขึ้นเครื่องเลยค่ะ ต้องไม่พลาดแล้วห้ามเด็ดขาด! 555555555

นั่งเครื่องมาราวๆ1ชั่วโมงเศษๆ ถึงแล้ววววเชียงใหม่ เชียงใหม่จ้าววว รีบรับกระเป๋าแล้วรีบออกมาหารถแดงไปสถานีขนส่งช้างเผือกกันโดยเร็ว


แต่ออกมาหน้าสนามบิน เฮ่ย! รถแดงไปไหนหมด ไดฟเป็นคนจัดการเรื่องการเดินทางซะด้วย หาข้อมูลมาอย่างดีแต่มันไม่เหมือนกับที่หามา

เลยยยย รีบตัดสินใจเดินออกไปที่ริมถนน มีรถแดงมาพอดี มีคนขึ้นพอดี เลยรีบวิ่งเข้าไปถามคุณลุงเลยค่ะ "สถานีขนส่งข้างเผือกค่ะลุง เท่าไหร่คะ?" ได้คำตอบมาว่า30บาท ไปปป เราขึ้นรถด่วน ตอนนั้นโล่งใจแล้วค่ะ เรามาถึงแล้วทุกอย่างโอเคแล้ววว

แต่พอมาถึงสถานีขนส่งช้างเผือก เราต้องขึ้นรถเชียงใหม่-ท่าตอน สีส้ม แต่นั่นๆๆมันอยู่ตรงนั้นนนน มันกำลังออกไป เหมือนโดนแฟนบอกเลิกเลยค่ะ ม่ายยยยยรถรอฉันก่อนนนวิ่งตามรถกันไปรถไม่จอดค่ะ ใจเสียกันไปอีกรอบ เอาไงดีๆๆๆ แต่เราจำได้ว่ามีอีกรอบ จูงมือกันเข้าไปในท่า สรุปยังมีอีกรอบจริงๆค่ะ ใจชื้นขึ้นมาอีกรอบบบบ ได้รอบ17.30 ซึ่งตอนนั้น17.00ค่ะ รถรอบที่แล้วเพิ่งออก เราก็เลยตัดสินใจไปนั่งกินข้าวมันไก่รองท้องกันก่อน ไม่รู้ว่าหิวหรือมันอร่อยจริงๆกินเกลี้ยงจานทั้งคู่


เสร็จเรียบร้อยก็ขึ้นจองที่นั่งบนรถกันเลยค่ะ ใจก็กระวนกระวายรถที่เชียงดาวขึ้นที่พักจะหมดไหมนะ จำได้ว่าเคยหาข้อมูลหมดห้าโมงจะทำยังไงดี ลองไปเสี่ยงดู เอ่อออออ... โบกรถก็ได้วะฮือออ


ระหว่างทางไปก็หลับๆตื่นๆ รถเหวี่ยงบ้าง เปิดไฟปิดไฟบ้าง คนขึ้นลงอีก ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว รถเริ่มหายไป ใจเราแป่วอีกแล้ว รถน้อยแบบนี้จะมีโบกขึ้นไปไหมมม เปิดดูมือถือเฮ้ยย เราเซฟเบอร์คุณลุงคนนึงไว้จากในพันทิป ลองโทรดีกว่า โทรไปถามได้ความว่า "รถหมดแล้ววววว" คุณพระรถหมดแล้วววววรถไม่มีแล้ววววม่ายเหลืออออแล้ว อันนี้เจ็บจี๊ดเลยค่ะ เราเลยขอร้องให้คุณลุงหารถเหมาให้ คุณลุงบอกจะช่วยหาให้พร้อมบ่นกลับมาเป็นภาษาเหนือซึ่งเรายอมรับเลยค่ะว่าฟังไม่ออกเลย


ประมาน10นาทีคุณลุงโทรกลับมาแล้ววววว เหมือนฟ้าสว่างเลยค่ะ คุณลุงบอกว่าขอร้องเพื่อนให้ได้แล้วว500บาท ราคานี้หาไม่ได้แล้วนะ เอาไหม เรารีบตอบตกลงเลยค่ะ ตอนนั้นจะเท่าไหร่ยังไงก็ต้องตกลง นั่งต่อไปอีกสักพัก ถึงแล้วเชียงดาวววว เราลงที่โลตัสเชียงดาวค่ะ รีบโทรหาคุณลุง คุณลุงบอกให้รอเพื่อนมารับอาบน้ำอยู่ พร้อมให้เบอร์ติดต่อมา เพื่อนลุงชื่อลุงต้อล คุณลุงได้กล่าวไว้


เราได้เบอร์ลุงต้อลเราก็รีบโทรหา ได้ความว่า ลุงแกขอกินข้าวก่อนแล้วรอเมียแกด้วย จะพามาด้วย เป็นห่วงเราจะดูไม่ดีเพราะว่าเส้นทางมันเปลี่ยว เรายืนรอสักพักใหญ่ๆ ลุงกับเมียก็มาพร้อมรถสองแถวสีเหลือง (จริงๆต้องขึ้นรถเขียงดาว-เมืองคอน นะ ไม่แน่ใจว่ามีรอบไหนบ้าง โทรถามลุงธรได้ 081-029-4622, แต่เราเหมารถของเพื่อนลุงขึ้นไป ลุงต้อลเบอร์ 0898534389) ใช้เวลาเดินทางจากโลตัสเชียงดาวขึ้นที่พัก ประมาน30-45นาที ลมเย็นและหนาวมากกก โค้งเยอะพอตัวเลยค่ะ ก่อนจะถึงที่พักจะมีด่านของทหารเก็บเงินค่าเข้าคนละ 20บาทนะคะ เป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าถ้าจำที่ลุงต้อลบอกมาไม่ผิดนะ


ที่พัก 'บ้านสายหมอก'

ถึงที่พักก็มืดหมดแล้วค่ะ ไฟที่นี่ใช้โซล่าเซล์ลแสงหมดไฟหมดค่ะ พอเข้าที่พักก็จะมีพนักงานมาต้อนรับพร้อมถือตะเกียงไฟฟ้ามาด้วย น่าจะเป็นชาวบ้านชาวเขานอแลนะคะ ไม่แน่ใจ กล่าวทักทายและพาไปยังห้อง ตอนแรกเราจองเต๊นท์ไปค่ะหัวละ400 แต่โชคดีของเราบ้านพักมีคนแคนเซิลพอดีพี่เขาเลยแนะนำให้ย้ายไปเป็นบ้าน เพิ่มอีกคนละ100 มีห้องน้ำในตัว คนที่นี่ใจดีมากเลยค่ะ เราไปถึงดึกแล้วประมาน 2-3ทุ่มได้ แต่เขาก็ยังเป็นห่วงเอาใจใส่เรา พร้อมถามว่าทานข้าวมาหรือยัง แล้วก็ทำกับข้าวให้กินค่ะ

เป็นชุดขันโตก มีไข่เขียว ผัดผัก ต้มจืด น้ำพริกผักต้ม ... นั่งกินขันโตกกันแบบมืดๆ ใต้แสงดาว ดาวที่นี่สวยมากค่ะ แต่เราสองคนยังไม่มีสกิลถ่ายรูปกันเท่าไหร่ เลยถ่ายออกมาได้เท่านี้ อาจจะไม่สวยเท่าของจริงนะคะ ขออภัย แต่คอนเฟิร์มเลยค่ะว่าท้องฟ้าและดาวที่นี่สวยมากๆ และอากาศหนาวมากๆด้วยค่ะ


วันที่2 สถานีต่อไป ดอยอ่างขาง ~


เราตื่นกันตั้งแต่ตี5ค่ะ อยากตื่นมาดูหมอก ก็ได้เห็นจริงๆค่ะ ถึงหมอกจะจางๆ แต่ก็ยังสวย อีกตามเคยสกิลการถ่ายภาพของเราสองคนยังไม่เทพพอ ก็ได้ออกมาแบบในรูปเลยค่ะ 5555


ไม่นานก็มีข้าวต้ม กาแฟโอวัลติน น้ำร้อน ใส่ขันโตกมาเสริฟ์ถึงหน้าระเบียงบ้านเลยค่ะ นั่งกินข้าว จิบกาแฟกับอากาศหนาวๆมีหมอกจางๆ ฟินระดับสุดเลยยยย


ประมาน9โมงจะมีรถมารับจากหน้าที่พักลงเชียงดาวเลยค่ะ ส่งที่ขนส่งเชียงดาว ถึงเวลาต้องลากันไปแล้ว ... บ้านสายหมอกเชียงดาว ไว้มีโอกาสจะมาอีกนะ


ถึงขนส่งเชียงดาวก็จ่ายค่ารถคนละ50บาท ที่ลงมาจากที่พัก แล้วซื้อตั๋วต่อไปดอยอ่าง ขึ้นรถคันเดิมที่มาจากเชียงใหม่เมื่อวานค่ะ สีส้ม(เชียงใหม่-ท่าตอน) บอกว่าลงฝาง ค่าตั๋ว45บาท นั่งต่อไปเป็นเวลาประมาน1ชั่วโมงกว่าๆ ลงตรงหน้าวัดหาดสำราญค่ะ ก่อนไปได้โทรจองรถเหมาไว้แล้วชื่อพี่โอ๋ 088-266-5155 (รถเหมาเที่ยวดอยอ่างขาง) ก่อนมาตกลงราคากันที่1500บาทเที่ยวรอบอ่างขางค่ะ มาถึงก็ไปรอที่หน้าตึกสีส้ม ก็จะมีรถมารับ แต่เนื่องด้วยก่อนหน้านี้มีการตกเครื่องทำให้เงินในกระเป๋าเบาไปเยอะเลยค่ะ เลยมีความคิดหาคนแชร์ค่ารถ ก็ได้พี่ๆที่มช 3คน กับคุณป้า2คนมาช่วยหารค่ะ แต่ราคาเปลี่ยนนิดหน่อยเป็น1700 ค่ะ ได้ไปทุกที่ทั่วอ่างขางเลย ทุกคนก็ตกลง พร้อมแล้วก็ขึ้นเลยยย


แนะนำคนที่เมารถกินยาแก้เมารถดักไปเลยนะคะ เพราะโค้งเยอะมากกกกๆย้ำว่ามากมากก ก่อนเที่ยวคุณลุงคนขับรถของเราเบอร์15ชื่อลุงบุญ (ใจดีมากมากค่ะ) พาเราแวะหาอะไรรองท้องกันก่อน ขนมจีนน้ำเงี้ยวอร่อยมากกกกเลย ราคาแค่25บาทเองนะ


อิ่มท้องแล้วก็ลุยกันต่อเลยยย .... มาหยุดที่แรกคือ โครงการหลวงดอยอ่างขาง การใช้เวลาในแต่ละจุดที่เราไปเราและคนที่เราแชร์ค่ารถไปเที่ยวด้วยกันต้องตกลงกันก่อนว่า เราจะถ่ายรูป เที่ยวแต่ละจุดกี่นาทีเพื่อมาเจอกันที่รถให้ตรงเวลา


มาที่นี่หลายคนคงไม่พลาดที่จะถ่ายกับต้นกระบองเพชร อิอิ55555 และที่นี่มีดอกไม้สวยงามมากมาย


ผลัดกันถ่ายรูปเพราะมากันแค่ 2 คน 5555555555555555555555


ต่อมาเป็น สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 ดอยอ่างขาง ที่นี่ดอกไม้เยอะมากสวยงามมากช่วงนี้


จุดนี้เราพักแค่แปปเดียว เลยถ่ายรูปมาไม่เยอะ


ต่อมาเป็นไร่สตอเบอรี่ แต่น่าเสียดายไม่มีลูกสตอเบอรี่แล้ว555กำกำ

ที่ต่อมาเราไปคือ ไร่ชา มาเชียงใหม่ก็ต้องถ่ายไร่ชาสิ5555 บรรยากาศที่นี่ดีมากกกกก


ชอบตรงนั้นมากกกกกกเพราะมองเห็นวิวสวยๆทั้งหมดอะ


อะลงไปถ่ายในไร่ชามั่ง ทำ MV แปป


มาต่อนะ เราไปต่อกันที่หมู่บ้านนอแล ติดชายแดนพม่ามองเห็นอีกฝั่งได้เลยรู้สึกชาวพม่ากำลังเล่นตะกร้อกันอยู่ แต่ตรงชายแดนมีรั้วกั้นอยู่เลยถ่ายภาพลำบากหน่อย5555555


อันนี้ชาวบ้านที่ขายของให้นักท่องเที่ยว รีบถ่ายเพราะอยู่บนรถ55


ที่ที่เรารอคอยก็มาถึง พี่คนขับรถแวะให้เราเพราะเป็นทางผ่านแต่เป็นทางผ่านที่เรารอคอยมากๆ คือ จุดชมวิวม่อนสนนั่นเอง เมื่อก้าวเท้าลงไปมันหนาวจนรู้สึกได้ จุดๆนี้มีนักท่องเที่ยวมากางเต็นท์นอนกันเยอะมากเพราะอากาศเย็น มีหมอก บรรยากาศดีสุดๆ บางเต็นท์มีการก่อกองไฟด้วย และวิวสวยมาก


รู้สึกสบายปอด


เมื่อสูดอากาศดีๆเข้าไปเต็มปอดแล้ว เราก็มาที่สุดท้ายกันคือไรส้มตอนนี้น่าจะประมานเกือบ 4 โมงเย็นแล้วแดดเลยไม่แรงมาก


ที่สุดท้ายแล้วววว ไร่ส้มชไมภร มีผลไม้ขายอยู่ข้างๆ สดๆใหม่ๆเลยยยย


เราต้องไปรอรถรอบ 4.30 เพราะไม่งั้นจะถึงเชียงใหม่ดึก เที่ยวรอบอ่างข่างเสร็จก็มารอรถ ฝั่งตรงข้ามวัดหาดสำราญ รีบหาไรรองท้องกันก่อน กินเสร็จปุ้บรถส้มคันเดิมก็มาพอดี เสียค่าตั๋วไป 75 บาท ก็นั่งยาวๆกันไปเลย ตอนแรกคิดว่าจะได้หลับยาวๆเลย แต่เจอด่านทหารตรวจคนเข้าเมือง ประมาณ2-3ด่าน จอดรถเปิดไฟ ขอดูบัตรประชาชน ... ใช้เวลาประมาน3ชั่วโมง ก็มาถึงสถานีขนส่งช้างเผือกแล้วววว เย่ ได้กลับเข้าสู่โหมดปกติแล้วว นั่งรถแดงจากขนส่งไปที่พักกันเลยยยย เราลงที่นินมานซอย13 ก่อนขึ้นก็บอกคนขับไว้เลย ค่ารถ20บาท

คืนนี้เราพักกันที่ hallo nimman soi.13 ค่าที่พัก 999 บาท ก็หารกันสองคน มีอาหารเช้าด้วยนะ และก็จักรยานให้ปั่นเที่ยวฟรีๆ ถึงห้องก็กระโดดลงเตียงกันเลยยยย หลังจากนั่งรถตูดชากันมายาวนานนนน รีบอาบน้ำอาบท่าออกไปหาอะไรกินนนน


อยากบอกว่าเราโชคดีมากที่พักซอยที่อยู่ใกล้กับร้านเด็ดๆดังๆเยอะแยะ สะดวกมากกกก ตอนแรกจะไปกินต๋อง เต็มโต๊ะ แต่มาช้าไป ร้านปิดซะก่อน เลยขอไปฝากท้องที่ rawtruck ไก่เกาหลี สั่งมา1กิโล ในราคาที่โอ้โหหหหห้ ถูกมากกกกๆเพราะอยู่ในช่วงโปรโมชั่นราคา 195 ถ้าเราจำไม่ผิดนะ ราคาถูกไม่พอยังอร่อยอีกด้วยยยย แวะไปลองชิมกันดูนะ ร้านอยู่ต้นๆซอย13


เสร็จแล้วก็หาเครื่องดื่มดริ้งกันหน่อย เดินออกจากซอยไปไม่มากก็จะเจอ warm up cafe แต่คนเยอะมากๆบวกกับการเดินทางที่แสนเหนื่อยของเรา เลยตัดสินใจไม่เข้าดีกว่า ไปหาร้านนั่งชิว ... เปิดอากู๋เลยยย หาร้านพิกัดใกล้ๆ ดึ้งงงงง "บ้า(น)ดิน" ขึ้นมาเลยยยย เฮ่ยอยู่ในซอย13 อีกแล้ววววว ไม่รอช้ารีบเดินกันไปเลยยยย


ไม่ผิดหวังเลยร้านชิวมาก เป็นบ้านดิน ตกแต่งไฟสวยงาม เปิดเพลงสบายๆ เจ้าของก็น่ารักเป็นกันเองมากมากเลยยย ชอบมากมาก แต่ลืมถามชื่อมา เสียดายยย พี่เขาจัด Bahama mama มาให้เรา1bucket 300บาท

สำหรับเราไม่รู้ว่าเหนื่อยล้ามารึป่าวหรือจะไม่สบายกันทั้งคู่ เลยรู้สึกว่าอื้อหื้อออแรงได้ใจเลยยยยถังนี้ 55555 แต่น่าเสียดายร้านปิดเที่ยงคืน ด้วยกฎหมายบ้านเมือง ก็ต้องเข้าใจ พี่เขาก็เลยใจดีให้ยกถังนั้นกลับห้องมาด้วยเลยยย เพราะเราเพิ่งจะเข้าร้านตอน 23.20 น. สำหรับคืนนี้ก็เข้าห้องนอนพักให้อิ่มหนำสำราญใจจจจจจจเช้าวันที่3 วันสุดท้ายแล้วววว


ตื่นเช้าล้างหน้าแปรงฟัน เดินไปกินอาหารเช้า ข้าวต้มร้อนๆ กับปาท่องโก๋ โอวัลติน สลัด แซนวิช เอาให้อิ่มกันไปเลย


วันนี้เราได้จองเหมารถแดงไว้ ลืมชื่อพี่คนขับ (เบอร์ 083-577-1869) ในราคา600บาท ไปบ้านข้างวัด และก็แกรนแคนย่อนนนน นัดกันไว้ว่าจะมารับหน้าซอย13 ตอนเที่ยง


ตอนนี้เพิ่ง10โมง ขอไปเข้าคาเฟ่ก่อน อยู่ตรงข้ามซอยเลยยย ร้าน wake up เปิด24 ชั่วโมง ร้านคุมโทนสีขาว ไม้ ราคาไม่แพงไม่ถูกเกินไป ตามปกติของร้านคาเฟ่ จะรวมอยู่กับ Subway นั่งเล่นกินหนมกันไปพลางๆ

เมื่อถึงเวลาพี่คนขับรถก็มารับประมาณเที่ยงๆ ได้เวลาไปเที่ยวต่อกันแล้ววววว


ขึ้นรถแล้วไปกันเล้ยยยยยยย ที่แรก 'โครงการบ้านข้างวัด' เข้ามาจะเป็นเหมือนบ้านหลายๆหลังๆติดๆกัน เป็นปูนเปือยสลับกับไม้ มีร้านคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก

แต่ที่เราสนใจกันก็คือ ร้าน Mahasamut โดดเด่นเตะตามากกกก กับกำแพงชั้นกนังสือขนาดใหญ่ ไม่รีรอ เดินเข้าไปสั่งหนมปังปิ้งกับเครื่องดื่มเย็นๆ นั่งพักให้หายเหนื่อยสักพัก และเดินเล่นถ่ายรูปตามประสาสาวๆ5555


ท้องเริ่มร้องอยากกินของคาววว สนใจกับร้านอาหารเล็กๆธรรมดาๆ ร้านหมูสะเต๊ะป้าปูน สั่งมา1ชุด 50 บาททท โอ้โห้ป้าเอามาปิ้งกันตรงหน้าชวนน้ำลายไหลมากกก ปิ้งเสร็จใส่ถ้วยสังกะสีมา ได้อารมณ์เก่าๆโบราณๆไปอีกแบบบบ แถมอร่อยอีกด้วยยยยย


บ่ายสองแล้วววต้องรีบออกแล้วล่ะ ขึ้นรถไปกระโดดน้ำแกรนด์แคนย่อนกันนนนนนนน


มาถึงแกรนด์แคนย่อย ใช่เวลาเดินทางจากบ้านข้างวัดมา 30 นาที เสียค่าเข้าคนละ50 บาท แถมฟรีน้ำสมุนไพร

รีบเข้ากันเลยยเปลี่ยนเสื้อผ้ารีบลงน้ำ~~~~ ฝรั่งเยอะมากกกกก งานดีจริงๆฝรั่งที่นี่ 5555555 ตอนแรกก็ยังไม่กล้าโดดกัน ค่อยๆกระดึ้บลงที่ตื่นๆ สุดท้ายอดใจไม่ไหวกับแรงเชียร์การโดดน้ำของผู้คนในนั้นนนน เอาว่ะ มาแล้วไม่เสียเที่ยวก็โดดกันไปคนละทีสองที ไม่ได้ถ่ายรูปตอนโดดมานะ เพราะว่าต่างคนต่างเสียวและก็กลัว ไม่ได้จับกล้องอะไรเลยยยยอีกอย่างหน้าพังค่ะ5555555555555555 หน้าสดเดี๋ยวตกใจ


ว้าาาาาา ไม่นานก็หมดเวลาสนุกซะแล้วต้องรีบไปสนามบิน ไฟท์ 17.10 ครั้งนี้หามตกเครื่องแล้ววววว ไม่งั้นได้อยู่ยาวไม่ได้กลับแน่ๆ ถึงเวลาขึ้นเครื่องกันแล้ววววว ลาก่อนเชียงใหม่


ขอบคุณทุกๆอย่างระหว่างการเดินทาง ที่เพิ่มบันทึกของชีวิตให้พวกเราอีกหลายหน้า ไว้มีโอกาสเราจะกลับมาอีกรอบแน่นอนนนนนน เชียงใหม่



บายยยยจ้าาา เจอกันทริปหน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

gogogether (jijijijijinju)

 วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 01.59 น.

ความคิดเห็น