ช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา พวกเรา 5 คนได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตติดเกาะ 4 วัน 3 คืน ที่หมู่เกาะสุรินทร์ โดยที่เกาะจะไม่ค่อยมีสัญญาณมือถือเท่าไหร่ ทำให้พวกเรามีเวลาได้อยู่กับคนรอบข้างมากขึ้น โดยการมาอยู่บนเกาะขนาดนี้ ทำให้เรารู้จักเเทบทุกคนบนเกาะนั้นกันเลยทีเดียว ติดตามกันครับ

หมู่เกาะสุรินทร์ ชื่อนี้ อาจจะได้ติดหูใครหลายคนมาก เพราะส่วนมากคนที่มาท่องเที่ยวเเถบนี้ จะให้ความสนใจที่เกาะตาชัย เเละหมู่เกาะสิมลัน มากเสียส่วนใหญ่ เนื่องจากมีทรายที่ขาวละเอียดเเละน้ำทะเลที่ตัดกับสีท้องฟ้า เเต่หากเทียบกับความสวยงามเเละความอุดมสมบูรณ์ของโลกใต้ท้องทะเลนั้น หมู่เกาะสุรินทร์ถูกยกให้เป็นที่ดำน้ำตื้นที่สวยที่สุดในประเทศไทยเลยทีเดียว โดยการไปเที่ยวที่เกาะนั้น สามารถเลือกแบบ one day trip หรือ จะค้างคืนที่เกาะก็ได้ สามารถติดต่อเจ้าของแพคแกจทัวร์ต่างๆ ได้ เเต่พวกเราเลือกเเบบเตรียมกันเองทุกอย่าง เเม้กระทั่งอาหารการกินเเละที่นอน

ทริปนี้เราเริ่มเดินทางกันที่สถานีขนส่งสายใต้ นั่งรถทัวร์ของ บขส. ออกเวลา 19.30 ถึง คุระบุรี 07.00

ที่ท่ารถจะมี รถรับ-ส่ง ของบริษัทซาบีน่า มารอรับลูกค้าที่จะเดินทางไปเกาะสุรินทร์ จากนั้นแวะที่ตลาดเพื่อซื้อเสบียงเเละเครื่องดื่มต่างๆ ที่จะใช้กินบนเกาะกันครับ

จัดการซื้อตั๋วเรือไป-กลับ คนละ 1700 บาท และเช่าเสื้อชูชีพและสน๊อกเกิ้ลไปจากฝั่ง โดยจะคิดวันละ 100 บาท (ถ้าไปเช่าที่เกาะจะแพงกว่านิดหน่อยครับ) ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะถึงเกาะสุรินทร์


(ขอตัดภาพมาตอนถึงเกาะเลยนะครับ)

วันที่ 1

เพียงเเค่ลงจากเรือ มือผมนี่หยิบกล้องขึ้นเลย น้ำมันใสมาก (ตอนเเรกคาดหวังว่าคงไม่เท่าไหร่ เพราะจะเข้าช่วงมรุมเเล้ว)

ก่อนอื่นจัดการค่าเข้าอุทยานครับ คนไทยคิดคนละ 100 บาท และค่านอนคนละ 80 บาท / คืน

โดยปกติแล้วจะมีจุดพัก 2 จุด คือหาดไม้งามและหาดเขาช่องขาด แต่ช่วงเวลาที่เราไป หาดไม้งามปิดแล้วครับ เนื่องจากการดูแลนักท่องเที่ยวได้ไม่ทั่วถึง ทำให้เรานอนที่หาดเขาช่องขาด และพี่เจ้าหน้าที่ก็จะพาเราไปเลือกจุดกางเต็นท์ โดยเราเลือกบริเวณหน้าหาดเลย เพราะโปร่งกว่า สามารถนั่งเล่นหน้าเต็นท์ได้เลยครับ

เต๊นท์ติดหาดขนาดนี้ ฟินสิครับ!! ตื่นมาตอนเช้าก็เจอน้ำทะเล อยู่ที่ปลายเท้าเเล้ว


จัดเตรียมสถานที่นอนคืนนี้เสร็จแล้ว ก็กระโดดน้ำเลยครับ น้ำใสขนาดนี้ เล่นน้ำกันจนไม่กลัวดำเลย บริเวณหน้าหาดนั้น จะไม่มีปะการังและโขดหินมาก ทำให้เล่นน้ำได้สบายครับ

เราก็สำรวจบริเวณอ่าวช่องขาดไปรอบ จนถึงบริเวณระหว่างเกาะสุรินทร์เหนือเเละใต้ เราดำน้ำไปหา เเละได้เจอกับปลาการ์ตูน หรือนีโม่ นั่นเองครับ สมบูรณ์สุด ขนาดเเค่รอบๆ เกาะยังมีปะการังให้ชมด้วยนะครับ

ภาพนี้จากจาก Canon 6d (ถ่ายช่วงน้ำลง)

ภาพนี้จาก SJ

ช่วงเย็นเราเดินเลาะไปที่อ่าวกระทิง ที่ทำการกองทัพเรือประจำเกาะสุรินทร์ ครับ โดยได้รับการต้อนรับดีมากๆ เเละยังชวนพวกเราไปดำน้ำพรุ่งนี้ด้วยครับ ที่สำคัญฟรี!!!

คืนนี้เรามีเเผนมาล่าช้าง กันที่สุรินทร์ครับ เตรียมพร้อมกันเต็มที่ เเบกขาตั้งกล้องมาเที่ยวทะเล

เเต่ว่า เมฆบดบังบริเวณทางช้างเผือกที่เราจะถ่ายกันทั้งคืน ตื่นมาทีไร ก็มีเเต่เมฆ เลยได้ภาพดีที่สุดเท่านี้ครับ


ตัดมาตอน

เช้าวันที่ 2

รีบตื่นมาทำกับข้าวกินง่ายๆ หุงข้าวกินกัน เเต่ด้วยการที่พวกเราทั้ง 5 เป็นหน่วยล้างจานเเทบทุกทริปเวลาไปไหน ทำให้ข้าวไหม้ครับ เปลี่ยนเเผนมากินมาม่าง่ายๆ เเทน เเละเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติเลาะไปยังอ่าวกระทิง เพื่อเตรียมตัวไปดำน้ำ

ระหว่างออกเรือไปหน้าอ่าวกระทิง พี่ทหารเรือก็ชี้ว่า เต่ากระ ทุกคนบนเรือต่างพากันชะโงกหัวออกนอกเรือ โดยที่เรือนั่นเอียงไปข้างนึงเลยครับ พี่เขาบอกว่าช่วงน้ำขึ้นตอนเช้า เต่าจะมากินหญ้าทะเล บริเวณหน้าอ่าวกระทิง

ช่วงเช้าพวกเราดำน้ำ 3 จุด 1.อ่าวสับปะรด 2. อ่าวผักกาด 3.อ่าวสิ้นคิด

ตอนพวกเราดำน้ำ ก็จะมีทหารเรือ เป็นคนคอยลากพวกน้องๆ เเละจะชึ้ให้ดูสัตว์น้ำต่างๆ

ช่วงบ่ายเราซื้อทัวร์ดำน้ำ 150 บาท 3 จุด

ช่วงเย็น พวกเราทำสุกี้กินกัน เเละชวนเพื่อนชาวดัตช์ มากินด้วยอีก 2 คน

กินสุกี้กันไป พร้อมกับชมพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น พรีเมี่ยมสุดๆ

ค่ำๆ จิบเบียร์ ฟังกีตาร์จากเต็นท์ข้างๆ ครบทุกรสชาติจริงๆครับ ตกดึกนี่นอนกันไม่ค่อยได้เลยครับ เกือบเเทบทุกเต็นท์ จะเอาผ้ามาปูจับจองพื้นที่นอนหน้าเต็นท์ เห็นเเล้วก็เเปลกตาดีครับ คนเรายอมเพื่อเเลกกับความสุข

วันที่ 3

หุงเข้าตอนเช้า วันนี้ หุงดีกว่าที่คิด ขึ้นหม้อเเละกินพออยู่ได้ ในการหุงข้าวเเต่ละมื้อจะ ต้องเสี่ยงดวงกันทั้งนั้น บางมื้อหุงข้าวสวย ออกมาเป็นข้าวต้ม ก็ต้องกินกันทั้งเเบบนั้นละครับ สีสันของทริป การหุงข้าว!!

เเผนเราตอนเช้า คือ เดินไปที่หาดไม้งาม เพื่อที่จะดูลูกฉลากครีบดำ บริเวณป่าโกงกางกันครับ เดินไปพบว่าที่หาดไม้งามนั่นเงียบมาก ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเลย

หลังจากนั้น เรามาพายเรือคายัคของพี่ทหารเรือเล่นบริเวณอ่าวกระทิง


เเวะเติมพลังก่อนครับ มื้อนี้ทีเด็ด

เตรียมเส้นสปาเก็ตตี้มาทำกิน กะว่ามื้อนี้ได้กินของดีหน่อย เเต่ดันลืมเอาซอสมะเขือเทศมา จังหวะนั้นปลากระป๋องเลยครับ ใกล้เคียงสุดเเละ กินไม่ได้ก็ต้องกินครับ

ช่วงบ่ายพวกเราตกลงกันว่าจะทำอะไรชิวๆ ใครจะไปดำน้ำก็เเยกกันไป หรือ จะนอนอ่านหนังสืออยู่ที่หาด

หลังจากช่วงบ่ายไป ที่เกาะจะเงียบมาก เพราะทุกคนจะออกไปดำน้ำกันหมด

บรรยากาศบนเกาะจึงเป็นส่วนตัวมาก ๆ เหมาะเเก่การพักผ่อนเเละถ่ายรูปมุมต่างๆ มากครับ

เมฆฝนเริ่มก่อตัว ฤดูกาลท่องเที่ยวทะเลอันดามัน กำลังจะหมด

ทำให้อุทยานทางทะเลต่างๆ เริ่มปิดตัวลง เพื่อความปลอดภัยเเละฟิ้นฟูธรรมชาติ


ชมพระอาทิตย์ตกวันสุดท้ายที่เกาะสุรินทร์ก่อนกลับ


ค่าใช้จ่าย

ค่ารถไปกลับ กรุงเทพ - คุระบรี 1300 บาท

ค่าเรือไปกลับ 1700 บาท

ค่าเช้าสน็อกเกิ้ล 4 วัน 300 บาท

ค่าเข้าอุทยาน 100 บาท

ค่านอน 3 คืน 240 บาท

ค่าดำน้ำช่วงบ่าย 150 บาท

ค่ากองกลาง 500 บาท

รวมเเล้ว 4290 บาท / คน


ติดตามการเดินทางได้ที่

https://www.facebook.com/DREAM-DARE-D0-1706804592970830/

Tiranon Tippayamongkongul

 วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 20.17 น.

ความคิดเห็น