ทริปนี้เกิดจากการคิดถึงบรรยากาศของเชียงดาวที่เคยไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ไปตอนนั้นยังไม่มีไฟฟ้า ไม่มีสัญญานโทรศัพท์ ห้องน้ำยังเป็นห้องน้ำรวม ข้อดีของการไม่มีแสงไฟเลยคือพระจันทร์สวยมาก ทอแสงนวลสว่างไปทั่วหมู่บ้านมันเป็นแสงที่สว่างละมุลตาและสว่างพอๆ กับแสงไฟเลยทีเดียวมันทำให้เห็นเขาหลวงที่ทอดยาวอยู่ข้างหน้าได้อย่างชัดเจน บอกได้เลยว่าเสน่ห์แสงสว่างของดวงจันทร์ทำให้เราหลงแสงจันทร์ไปเลย แต่การไปถึงครั้งนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปที่นี่เริ่มมีร้านค้าและแน่นอนไฟฟ้ามีครบทุกหลัง สิ่งเดียวที่ยังคงเหมือนเดิมคือความงาม

เขาหินปูนที่สูงเสียดฟ้าทอดยาวตระหง่านโอบล้อมหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีอยู่ไม่กี่หลังคาเรือน รูปร่างเขาสวยงามแปลกตาจนทำให้คนที่มาเห็นต้องหยุดมอง และระเบียงของบ้านพักทุกหลังจะต้องหันหน้าเข้าไปทางเขาหลวงแห่งนี้ และกิจกรรมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น กิน นั่งเล่น หรือแม้แต่มานอนดูแสงจันทร์ก็ล้วนแล้วแต่ทำที่ระเบียงห้องพักทั้งนั้น แต่น่าเสียดายที่หลังจากที่เรากลับบ้านพักแห่งนั้นก็ถูกปิดไปแล้ว

พวกกินข้าวเย็นเสร็จแอบบอกว่าอาหารของที่พักอร่อยมากโดยเฉพาะน้ำพริกกระเหรี่ยง ตักกินคู่กับไข่เจียวและผักสดกรอบๆ หวานๆ ประกอบกับวิวงามๆตรงหน้านี่บอกเลยว่าเป็นอาหารเย็นที่วิเศษสุดๆ อีกมื้อหนึ่งเลยที่เดียว อิ่มแล้วก็กระจายตัวอาบน้ำแล้วออกมารวมตัวนั่งเล่นนั่งคุยกันแล้วก็นอนมองวิวที่ระเบียง

ตื่นเช้ามาพร้อมกับกลิ่นหอมของกระเทียมเจียวที่ถูกโรยหน้าข้าวต้มที่ทำเพิ่งเสร็จควันกำลังลอยกรุ่นอยู่ในหม้อที่ตั้งอยู่กลางระเบียง พอเดินออกจากห้องก็เจอขันโตกเช็ตชากาแฟพร้อมกาน้ำร้อน เริ่มสับสนว่าจะกินอะไรก่อนดี(ฮาๆๆ) แต่หมอกและบรรยากาศตอนเช้าทำให้ต้องหยิบถ้วนกาแฟมาจิบชมวิวก่อนที่จัดการกับข้าวต้ม

จุดหมายต่อไปของทริปคือแม่กำปอง หมู่บ้านเล็กๆ บนเขาแห่งนี้ดึงดูดคนเข้ามาเที่ยวด้วยความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงไปกับโลกภายนอก ธุรกิจที่เกิดขึ้นที่หมู่บ้านนี้จะเป็นของคนในหมู่บ้านเท่านั้นห้ามคนภายนอกเข้ามาประกอบธุรกิจ

แวะเติมพลังข้าวเที่ยงและกาแฟแล้วก็ออกเดินเที่ยวในหมู่บ้านและน้ำตกเล็กๆ ท้ายหมู่บ้าน ขอบอกว่าการเดินเที่ยวของที่นี่ก็ต้องใช้กำลังขากันหน่อยหนึ่งเพราะบางช่วงของหมู่บ้านต้องเดินขึ้นเขาแต่ก็เป็นการเดินที่สนุกและเพลินดี

กลับจากแม่กำปองก็แวะเที่ยวโครงการหลวงตีนตก ไปนั่งเล่นมองลำธารใสๆ ไหลผ่านโซนร้านอาหารทะลุออกไปโซนบ้านพัก นี่ที่ทั้งที่ให้นั่งเล่นฟังเสียงธารน้ำที่กำไหลเอื่อยๆ ผ่านไปและยังมีสะพานให้เดินเล่นถ่ายรูปได้อีกด้วย

 จุดหมายสุดท้ายของทริปคือผาช่อ การมาที่นี่ไม่ใช่ว่าจอดรถแล้วจะได้เห็นผาตั้งตระหง่าให้เราได้ถ่ายรูปกันเลยนะ เราจะต้องไปลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่แล้วก็เดินป่าเข้าไปในเขามีทั้งช่วงที่ลงเขาอันนี้ก็จะเดินสบายหน่อย ช่วงกลางๆ ยังไม่ชันค่อนข้างราบก็ยังถือว่าเดินง่ายใช้ได้ แต่ช่วงใกล้ถึงนี่ค่อนข้างชันหน่อยแต่สำหรับเราก็ถือไม่ได้ว่าอะไรมาก แต่สำหรับคนอ้วนหรือว่าไม่ออกกำลังเลยก็เล่นเอาหอบอยู่เหมือนกัน พอไปถึงแล้วก็คุ้มกับการได้เห็นผาดินที่ตั้งอลังการอยู่ท่ามกลางป่าเขาแบบนี้

 

Titi goaround

 วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2563 เวลา 16.06 น.

ความคิดเห็น