เที่ยวสิงคโปร์ โอ้โหนี่มันโคตรลำบาก (ตอนที่ 7)
highlights:
- อีเว้นท์ลงรถเมล์ผิดป้าย
- MRT "เอ็ก ปลา นา เด้อ" คือสถานีอะไรวะน่ะ
- อีเว้นท์เดินวนรอบศูนย์อาหาร Maxwell
- อีเว้นท์เดินวนรอบศูนย์อาหาร Chinatown complex
---------------------------------------------------------------------------------
จากตอนที่แล้ว [เที่ยวสิงคโปร์ โอ้โหนี่มันโคตรลำบาก (ตอนที่ 6)] ที่เราประทับใจม๊ากกกก ก็เข้าสู่สวัสดี DAY3 กับเช้าอันสดใส ขอให้วันนี้ฝนไม่ตกไม่งั้นไม่ได้ไปไหนแน่ๆ เลย 5555 เพราะที่นี่สภาพอากาศคาดเดาอะไรไม่ได้เลยจริงๆ
แล้วด้วยความที่เราตื่นเช้ามากกกก บนดาดฟ้ายังไม่มีใครมานั่งเลยก็เป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้เห็นวิวมุมสูงของสิงคโปร์กันบ้างงง
คือที่พักเราอยู่ใกล้กับห้าง Mustafa Centre มากกก มองจากตรงนี้ไปก็จะเห็นยอดตึกลิบๆ
แต่สิ่งที่เราชอบที่สุดก็คือลักษณะของอาคารบ้านเรือน มันมีความเป็นเอกลัษณะแบบที่เราไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่ บวกกับความเป็นระเบียบของบ้านเมืองคือดีมากกก นี่ขนาดอยู่ในโซนที่ค่อนข้างเก่าแก่แล้วด้วยนะ
ส่วนอาหารเช้าที่นี่คือขนมปังอีกแล้วจ้าาาาาา ฮรือออออฉันเกลียดขนมปังงงงง TT^TT แต่สิ่งที่โหดร้ายกว่าการมีขนมปังก็คือ ไม่มีกาแฟจ้าาา ไม่มีกาแฟฟฟฟ เราผู้ซึ่งเกลียดขนมปังและติดกาแฟ จะมีชีวิตรอดได้ยังไง 555555555
แต่ด้วยความกลัวเป็นลมไปกลางทางก็เลยฝืนใจกินขนมปังไป 4 แผ่น 5555555 ก็ได้เวลาออกไปผจญภัยกันแล้วววว เย้ แถมวันนี้ท้องฟ้าก็เป็นใจให้เราอีกต่างหากสีฟ้าสดใสเชียวว
วันนี้เราตั้งใจไว้ว่าจะไป MRT China town แต่เราก็ขี้เกียจจะไปเดินขาลากไปสถานี MRT ที่อยู่ใกล้กับที่พัก เราก็เลยตัดสินใจว่าเดี๋ยวเราจะนั่งรถเมล์ไปลง MRT ที่อยู่ใกล้ๆ ป้ายรถเมล์แล้วกันจะได้ไม่ต้องเดินเยอะ
ซึ่งรถเมล์ที่เราขึ้นมาเป็นรถสองชั้น ก็เลยได้ลองเปลี่ยนบรรยากาศขึ้นไปนั่งชั้นบนดูบ้าง วิวมันดีจริงๆ นะ ถ้าได้ไปสิงคโปร์อีก จะไปนั่งรถเมล์ให้รอบเมืองเล๊ยยย 55555
เรานั่งจากป้าย Opp Veerasamy Rd เพื่อจะไปลงที่ป้าย Raffles Hotel เพราะมันอยู่ใกล้กับ MRT Esplanade จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ใกล้อะไรเท่าไหร่หรอก 55555 ห่างตั้ง 130 m แหน่ะ
แต่ทีนี้ด้วยความที่มัวแต่ถ่ายรูป เราก็เลยไม่ได้ดูว่าตอนนี้รถมันวิ่งไปถึงไหนแล้ว ก็เลยเกิดอีเว้นท์ลงรถเมล์ผิดป้ายเกิดขึ้น 555555555 เราลงก่อนถึงป้ายนึง ทีนี้เนี่ยถ้าเป็นบ้านเราลงรถเมล์ผิดป้ายเราก็ขึ้นไปใหม่ได้เลยใช่ป่ะ แต่ที่นี่คือไม่จ้าาา
พอเราวิ่งลงจากทางลงประตูหลังรถ แตะบัตรลงอะไรเรียบร้อย พอรู้ตัวว่าลงผิดก็เลยวิ่งไปขึ้นรถใหม่ที่ประตูหน้า พอแตะบัตรมันขึ้น error หรืออะไรสักอย่างหลายรอบมาก คนขับก็เลยบอกเราว่าต้องรอเบอร์นี้แหละอีกคันนึง เราก็เลยเดินมานั่งรอที่ป้ายรถเมล์งงๆ 55555
ระหว่างรอรถเมล์เราก็เลยลองเสริซดูว่า แถวนี้มี MRT ใกล้ๆ อีกไหม สรุปมีด้วย และอยู่ใกล้มากๆๆๆๆๆ ห่างจากเราแบบไม่ถึงสิบก้าว ต้องขอบคุณในความลงรถผิดเลยไม่ต้องเดินเยอะ 5555
แล้วเราขึ้น MRT Bras Basah ที่เป็นสายสีส้ม แต่เราจะไป MRT Chinatown ที่เป็นสีม่วงหรือสีน้ำเงิน เราก็เลยต้องไปเปลี่ยนสายที่ MRT Dhoby Ghaut สีม่วงที่อยู่ใกล้ที่สุดแทน ย้อนไปแค่สถานีเดียวเอง
จุดที่ต้องระวังก็คือว่า MRT ที่มันอยู่รอบเรามี 3 สถานี 3 สี ถ้าดูจากแผนที่จะเห็นได้ว่า MRT Bencoolen ที่เป็นสายสีน้ำเงินจะอยู่ใกล้กับ MRT Bras Basah ที่สุด แต่มันไม่มีจุดให้ขึ้น เราก็เลยต้องไปเลือก MRT Dhoby Ghaut สีม่วงที่มีจุดให้ขึ้นแทน ซึ่งกรณีแบบนี้มีหลายจุดเลยแหละ อาจจะงงเอาได้ง่ายๆ
แต่ระหว่างทางเดินในสถานี ก็มีคู่สามีภรรยาชาวมาเลเซียขอให้เราช่วยซื้อตั๋วจากตู้ขายตั๋วให้หน่อย เขาหาสถานี "เอ็ก ปลา นา เด้อ" ไม่เจอ เราก็แบบ ห๊ะ สถานีอะไรนะ "เอ็ก ปลา นา เด้อ" น้ำตาจะไหลสถานีอะไรวะน่ะ 55555 เราผู้ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวและไปสิงคโปร์ครั้งแรกจะรู้ไหมเนี่ย ก็เลยพยายามนึกๆ จากที่เราดูแผนที่มาเยอะ สถานีอะไรนะที่ออกเสียงคล้ายแบบนี้ นึกไปนึกมา อ๋อออออ สถานี Esplanade (เอส พลา นาด) เราก็เลยชี้ที่จอขายตั๋วให้ดูว่าใช่สถานีเอสพลานาดไหม เขาบอกว่าใช่ โอ้วววโล่งอกไปที อ่านเอสพลานาดมาทั้งชีวิตเจอเอ็กปลานาเด้อเข้าไปจอดเลย 5555
และแล้วเราก็มาถึง MRT chinatown สักที เย้ chinatown เมืองสิงคโปร์ต่างจาก chinatown บ้านเราเยอะเลยย
ตึกต่างๆ ก็จะมีเอกลักษณ์คล้ายๆ กับ chinatown ที่มาเลเซียแต่สวยกว่าใหม่กว่า
แต่สิ่งที่เราไม่คิดไม่ฝันจะได้เจอก็คือ "การตากผ้า" ของคนที่นี่ ภาพจำของสิงคโปร์ในความคิดเราคือเมืองที่ทันสมัยอุดมไปด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมและการวิศวกรรมต่างๆ จนเราลืมมองไปว่ามันยังมีมุมอื่นๆ ที่เราไม่รู้จักอีกตั้งเยอะแยะ
ด้วยความที่สิงคโปร์เป็นเกาะที่เล็กมากๆ พื้นที่ก็เลยมีอย่างจำกัด ทำให้ตึกรามบ้านช่องอะไรต่างๆ ก็จะเล็กตามลงไปด้วย ซึ่งจากแฟลตที่เราเห็นแต่ละห้องคือเล็กมากจริงๆ และไม่มีระเบียง พอมันไม่มีระเบียงก็เลยไม่มีที่ตากผ้า วิธีการตากผ้าของคนที่นี่ก็เลยใช้ไม้ยาวๆ ห้อยเสื้อผ้าไว้แล้วยื่นออกมานอกหน้าต่างอย่างที่เห็น โอ้โหววววเปิดโลกมากจริงๆ
ไหนๆ มา chinatown แล้ว ถ้าไม่มาถ่ายรูปกับวัดเขี้ยวแก้วก็เหมือนมาไม่ถึง ถ่ายสักหน่อยก็แล้วกัน 55555 แล้วแถมวันนี้ฟ้าก็เป็นใจสีฟ้าสวยเชียว >///< แล้วอาม่าอากงแถวนี้คือข้ามถนนกันเก่งมาก เดินแบบฉับ ฉับ ฉับเลยทีเดียว
เป้าหมายที่เรามา chinatown ก็เพื่อจะมากิน ข้าวมันไก่ ไก่ ไก่ นั่นเองงง ข้าวมันไก่นี้อยู่ที่ศูนย์อาหาร Maxwell คือถ้าเราข้ามถนนจากวัดเขี้ยวแก้วมาก็เจอเลย แต่ด้วยความที่เป็นนังกลูเกิ้ลแมพ นางก็หลอกให้ฉันเดินวนรอบศูนย์อาหารอีกแล้วจ้ะ ว่าจะหาเจอคือแทบขาลาก เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าไว้ใจนาง (ควรคิดได้ตั้งแต่แรกแล้วไหม) 5555
คนเยอะมากแมรรรรรร่ เทียนเทียนข้าวมันไก่ รีวิวไหนก็ต้องมา
เห็นคนเยอะแบบนี้ไปหาที่นั่งก่อนแล้วกัน แล้วค่อยไปต่อแถว ซึ่งวันที่เราไปโชคดีมากเพราะแถวสั้นนิดเดียวเอง ระหว่างต่อแถวรอ เขาก็จะมีป้ายเมนูให้เราดูไปพลางๆ พอถึงคิวก็จะได้สั่งได้เลย
ด้วยความหิวโหย บวกกับขนมปัง 4 แผ่นที่ไม่อยู่ท้องเมื่อเช้า ก็เลยจัดไก่มาเลยจ้ะครึ่งตัว 555555555555 ตอนแรกคิดว่าจะกินไม่อิ่ม แต่ที่ไหนได้คือเกือบกินไม่หมด
ถ้าเทียบกับข้าวมันไก่ต้มบ้านเรา เราว่าน้ำจิ้มบ้านเราอร่อยกว่า ส่วนเนื้อไก่ร้านนี้อร่อยกว่าไม่เหม็นคาวไก่ต้ม แต่มันจะแปลกๆ นิดนึงตรงที่ว่าไก่มันเย็นเจี๊ยบเลยอะสิ๊ 55555 โดยรวมๆ แล้วก็อร่อยแหละ อ้ออ แล้วน้ำจิ้มร้านนี้ขอเพิ่มได้ด้วยนะ *0*
มื้อนี้ก็ถือว่าเป็นราคาข้าวมารตฐานล่ะมั้ง คนละ 6.8$ ใช้บัตรจ่ายได้ด้วย
แล้วเราก็มีอีก Mission นึงใกล้ๆ กัน คือ มาตามหาเสี่ยวหลงเปาเจ้าดังที่เปิดขายตอน 11.00 ที่ศูนย์อาหาร Chinatown Complex แต่นังกลูเกิ้ลก็ได้ทำร้ายจิตใจเราโดยการพาเดินวนอ้อมรอบศูนย์อาหารอีกแล้ววววว 55555 แล้วศูนย์อาหารนี้ไม่ได้มีชั้นเดี๊ยววววมีตั้งหลายชั้น อิกลูเกิ้ลก็พาเราเดินวนอ้อมทุกชั้น 5555555555 โอ่ยน้ออออออ 555555555 จนในที่สุดเราก็ทนกับมันไม่ไหวและ เดินอ้อมไปอ้อมมาหยั่งเหนื่อย เลยตัดสินใจปิดนางไปเลยจ้ะ แล้วเดินถามทางคนดีกว่า
แล้วสิงคโปร์ในอิมเมจเราคือทุกคนพูดภาษาอังกฤษได้ (งานมโนก็มาอีกแล้วจ้ะ) เราก็เลยเลือกอาม่าหน้าตาเป็นมิตรสักคนนึงถามทางหาร้านเสี่ยวหลงเปา สิ่งที่อาม่าบอกคือแกพูดภาษาอังกฤษไม่ได้นะให้ลองเดินไปถามคนนู้นดู นี่ก็เลยเป็นการเปิดโลกว่าคนสิงโปร์ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษได้ทุกคนนะจ้ะ
เราก็เดินถามทางไปเรื่อยคนแล้วคนเล่า จนในที่สุดก็เจอกับร้านเสี่ยวหลงเปาแล้วววววว อื้อหื้ออออออน้ำตาจะไหล เหนื่อยมากกกกกก คือจากศูนย์อาหาร Maxwell ที่ไม่ได้อยู่ไกลกันเลยจนถึงร้านเสี่ยวหลงเปา ใช้เวลาเกือบชั่วโมง
เท่านั้นยังไม่พอ เรายืนต่อแถวอยู่ครึ่งชั่วโมงคนแรกที่มาต่อแถวยังไม่ได้ของเลย TT^TT แล้วเราก็ต้องรีบไปอีกที่นึงต่อเพราะซื้อตั๋วมาแล้วแพงมากด้วย เลยตัดสินใจว่าไม่รอแล้วกันไปเถอะ โอ้วววววเกือบสองชั่วโมงที่ดั้นด้นเหนื่อยยากมา ต้องมาเจอกับคำว่าฉันไม่ได้กินเสี่ยวหลงเปา ฮรือออออออ TT^TT แล้วก็ต้องออกจากแถวไปอย่างเสียดายมากๆๆ
ส่วนตอนหน้าเราจะไปที่ไหนเราจะไปลำบากเดินวนรอบอะไรที่ไหนยังไง ติดตามได้ในตอน [เที่ยวสิงคโปร์ โอ้โหนี่มันโคตรลำบาก (ตอนที่ 8)] และสามารถติดตามเรื่องราวอื่นๆ ของเราได้ที่ [https://th.readme.me/id/JKtrytotry] หรือพูดคุยกันได้ในเพจ "Try to Try ก็แค่ออกไปลอง" แล้วจะรู้ว่าการก้าวออกจาก Comfort zone ของตัวเองมันสนุกแค่ไหน
Try to try ก็แค่ออกไปลอง
วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2563 เวลา 15.20 น.