ไปเที่ยวเชียงใหม่ ณ บ้านแม่แดดน้อย (ตอนที่ 1)

highlights:

  • จุดเริ่มต้นของเรื่องราว
  • การนั่งรถเหลืองไปแม่แดดน้อย

---------------------------------------------------------------------------------

ช่วงกลางเดือนกรกฏาถึงสิงหาที่ผ่านมา เป็นอะไรที่หนักหน่วงกับเรามากทีเดียว ได้เริ่มต้นทำสิ่งใหม่อะไรหลายๆ อย่างที่เราไม่ค่อยถนัด ทั้งนอนน้อย ทั้งเครียด ทั้งกดดัน และเหนื่อยมากๆ ช่วงนึงของชีวิตเลย จนมีความรู้สึกว่า "อยากนั่งรถไฟไปไหนก็ได้ ที่ไกลๆ

นั่นเป็นสัญญาณการอยากหนีปัญหาอย่างชัดเจนของเรา ที่อยากไปไหนก็ได้ และได้ใช้เวลากับตัวเอง แบบไม่ต้องคอยโดนตามงาน ไม่ต้องแบกรับความดาดหวังของใคร แล้วลอง pause ชีวิตให้ช้าลงสักช่วงนึงก็ยังดี 

ประจบเหมาะกับตั๋วเครื่องบินไป-กลับเชียงใหม่ลดราคาพอดี เราก็เลยบอกเพื่อนไปว่า "จองจันทร์-ศุกร์ไปเลยเพื่อน" พอจองตั๋วเสร็จปัญหาก็ตามมาทันที แล้วเราจะไปทำอะไรที่ไหนกันตั้ง 5 วัน ตอนจองตั๋วนี่ยังมีสติกันอยู่ไหม 55555555

ด้วยความที่เราไม่เคยไปเที่ยวไทยที่ไหนเลยนอกจากกรุงเทพ เราก็ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากอะไรในเชียงใหม่ แต่เพื่อนเราผู้ซึ่งไปเชียงใหม่อย่างช่ำชองก็หย่อนประโยคมาในช่องแชทว่า "อันนี้ไกลมากกกกกกก อยู่อำเภอกัลยานิวัฒนา บ้านแม่แดดน้อย ใกล้ๆ กับ Doolaylay ที่ถ่ายทำหนัง low season สุขสันต์วันโสด" มันก็เหมือนเป็นโจทย์ที่เราก็ต้องไปหาข้อมูลต่อว่า "มันมีอะไรทำไมถึงต้องอยากไป"

หลังจากดูหนังจบไป 3 รอบ และไปดูรีวิวการเดินทางต่อ ไม่พบคำว่าอะไรนอกจากคำว่า "ลำบาก ลำบาก และลำบาก" โอ้วววววววแมรรร่ ฉันจะไปลำบากเพื่อให้ได้อะไรขึ้นม๊าาาาาาา ทุกวันนี้ชีวิตยังลำบากไม่พออีกหรอ 55555 

แล้วประโยคเด็ดของเพื่อนคือ "เพื่อนค่อยๆ ซึมซับความลำบากไป แล้วค่อยๆ ตัดสินใจ 555 แต่อย่าหาความสบายนะ ลำบากมาก" เพื่อนพูดมาขนาดนี้แล้วมันควรไปจริงๆ รึเปล่าฟะ แล้วยังไม่พอมีประโยคต่อมาอีกว่า "แต่ก็ขอให้ทำใจหน่อยนะ ว่าจากเชียงใหม่ไปก็ 4-5 ชั่วโมง" ห๊ะ!!! อะไรนะ ออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปอีก 4-5 ชั่วโมง ตาย ตาย ตาย ตายแน่นอนไม่ต้องสืบ

คือเราเป็นนมุษย์ผู้ซึ่งกลัวความลำบากประมาณนึงเลยแหละ จะไปเที่ยวไหนแต่ละทีคือเน้นความสะดวกสบายเป็นหลัก ดังนั้น บ้านแม่แดดน้อย อ. อำเภอกัลยานิวัฒนา เป็นด่านที่โหดร้ายสำหรับเรามากๆ เพราะสโลแกนของเราคือ รัก BTS ชอบ MRT และเป็นมิตรกับ Airport Rail Link จะให้ไปลำบากลำบนขนาดนั้นทำไม 555555

ซึ่งประโยคเด็ดของเพื่อนก็จัดมาอย่างต่อเนื่อง "มันเป็นสถานที่ ที่คาดเดาไม่ได้ อย่าตั้งความหวังว่ามันจะสวยแบบในรูป เพราะหน้าฝนเรากำหนดไม่ได้ มันคงจะมีแต่คำว่าอิหยังวะเต็มไปหมด แต่มันคือครั้งนึงอะเพื่อน ครั้งนึงที่เราจะมี Content ของชีวิต" อื้อออออหืออออหยั่งคมอะ หยั่งงี้ก็ต้องไปแล้วป่ะ

ใจนึงเราก็กลัวจะไม่รอด แต่อีกใจนึงก็อยากจะลองไปดู หาข้อมูลไปก็ปลุกใจตัวเองไป อยู่ชลบุรีไม่มีชาวปกาเกอะญอให้ดู อย่างน้อยรีวิวไม่สวยก็ได้เปิดโลกแหละวะ เที่ยวลำบากก็ต้องไปเที่ยวตอนอายุเท่านี้แหละ แก่แล้วก็จะไม่มีแรงไปแล้ว......

เกริ่นมาสะยืดยาว และแล้วการเดินทางไปแม่แดดน้อย อ. อำเภอกัลยานิวัฒนา แบบ 3 วัน 2 คืนก็ได้เริ่มต้นขึ้น 

เราจะมาตั้งต้นกันที่สถานีขนส่งช้างเผือกเพื่อหารถสีเหลืองวัดจันทร์-เชียงใหม่ ซึ่งก็ดูจะหาได้ไม่ยากเย็นสำหรับเรา เพราะคิวรถจอดอยู่ตรงข้ามกับ 7-11 โซนข้างหน้าเลย เราก็ได้แต่ภาวนาว่าขอให้คนไม่เยอะชีวิตจะได้ไม่ลำบากมากเกินนัก 55555

ที่นี่จะมีรถอยู่สองรอบคือรอบ 09.00 และ 11.00 ราคา 150฿ เราเลือกไปรอบ 11.00 กัน และรถออกตรงเวลามากกกก ก่อนที่รถจะออกเราก็ลองเสริชดูแผนที่ อื้อหืออออออ ทางคดเคี้ยวเลี้ยวรถมากแมรรรร่ จะรอดไหมเนี่ยยยย TT^TT จะกลับก็ไม่ได้แล้วง่ะ มีแต่ต้องลุยเท่านั้นแหละ สู้เว้ยยย

และแล้วการภาวนาของเราสัมฤทธิ์ผลเพราะทั้งรถมีสมาชิกอยู่ 5 คน ที่นั่งเหลือๆ ไปเลยจ้าาาา

แต่ระหว่างทางที่นั่งไป จู่ๆ ก็มีน้ำหยดลงมา สักพักก็หยดแรงเป็นน้ำตกเลยจ้ะ 55555

พอนั่งรถไปสักพักวิวข้างทางก็เริ่มเต็มไปด้วยต้นไม้ เราก็ตื่นเต้นใหญ่เลย ไม่เคยเห็นต้นไม้แน่นขนาดนี้มาก่อน ดี๊ด๊าถ่ายรูปมาตลอดทาง แล้วถ้าฝนตกลงมาสักหน่อยก็น่าจะถ่ายรูปสวยกว่านี้เนอะ

แล้วรถก็ไต่ขึ้นมาบนภูเขาเรื่อยๆ วิวข้างทางก็ยิ่งสวยมากขึ้นเรื่อยๆ อู้หู้ววววว สวยม๊ากกกกกก

ด้วยความที่เรามัวแต่ดี๊ด๊าถ่ายรูป เราก็เริ่มพะอืดพะอม เมารถแล้วจ้าาาา 55555 แต่ยังไม่ทันเมามากเท่าไหร่รถก็มาจอดที่จุดพักรถสะเมิงพอดี ผ่านไปชั่วโมงครึ่งกับการนั่งรถยังเหลืออีกตั้งครึ่งทาง เราก็ยังไหวนี่นา *0*

จุดพักรถที่สะเมิงตรงนี้คือไม่ลำบากเท่าไหร่ มีของขาย มี Lotus express ไม่ต้องกลัวอดตายเลย มีขายทุกอย่าง ราคาเป็นมิตรสุดๆ แล้วจะจอดนานไม่นานขึ้นอยู่กับคนขับเลย ของเราเขาจอดประมาณ 45 นาที ได้พักหายใจ หายเมารถสักพักใหญ่ๆ เลย 5555

แล้วเราก็เดินทางกันต่อด้วยถนนสองเลนเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือฝนเริ่มตกแล้ว เย้ ภาพเราต้องสวยแน่ๆ เลยยย >///<

พอฝนตกมันก็ดูชุ่มฉ่ําขึ้นเยอะเลยย แต่สิ่งที่เราต้องแลกก็คือรองเท้าผ้าใบคู่เดียวคู่เดิมของเราก็เปียกไปเป็นแถบๆ 55555

แล้วถ้าฝนตก งั้นก็ต้องมีหมอกด้วยสิ *0* คุณหมอกกกกกกกก

ผ่านจุดชมวิวเหยียบเมฆาแล้ว อยากมาที่นี่จังงง

ระยะทางช่วงสะเมิงไปบ้านแม่แดด เป็นอะไรที่โหดร้ายมากกว่าครึ่งแรกเย้ออออ ทางคดเคี้ยวมากกว่า วิวข้างทางเริ่มใกล้สายตามากขึ้นไม่ใช่วิวที่มองเห็นไกลๆ อีกแล้ว บวกกับเราก็มัวแต่ถ่ายรูปอีกแล้ว ก็เลยเมารถอย่างสมบูรณ์แบบไปเลยจ้าาา 

นั่งรถ 5 นาที เหมือน 5 ปี 5555555 มีแต่คำถามวนอยู่ในหัวตลอดเวลาว่า "ฉันมาทำอะไรที่นี่" ทรมานไปหมด ถ่ายรูปก็ไม่สนุกอีกต่อไปแล้ว เมื่อไหร่จะถึงสักทีนะ รู้สึกเหมือนจะตายยย 555555 จนในที่สุดดดดดดด ก็ไม่ไหวแล้ววว จัดไปสองอ้วกเบาๆ 555555555 

พออ้วกเสร็จไม่ทันถึง 5 นาที รถเหลืองก็หยุด ห๊ะถึงแล้วหรอ เราก็เดินลงรถไปมึนๆ มองไปรอบๆ สิ่งไหนหรอถึงเรียกว่า "อบต. แม่แดด" มีแต่ถนน กับภูเขาาาาา เพื่อนก็เลยหันไปบอกลุงคนขับว่าเราจะไปลงที่ อบต. แม่แดดนะ ลุงแกก็เลยให้ขึ้นรถไปอีกที 

และแล้วในที่สุดก็ถึงอบต. แม่แดดแล้ววววว น้ำตาจะไหล ถึงสักทีเหอะ ออกมาจากเมืองเชียงใหม่ตอน 11.00 ถึงแม่แดดก็ 15.00 พอดี เท่ากับว่าเราใช้เวลาเดินทางไปทั้งหมด 4 ชั่วโมงเต็มๆ อื้อหือออ มีชีวิตรอดถึงนี่ได้ก็น้ำตาจะไหลแล้ววว อารมณ์แบบสักครั้งในชีวิตต้องพิชิตบ้านแม่แดด 5555555

ส่วนตอนหน้าเราจะไปพักที่ไหน โปรดติดตามได้ในตอน [ไปเที่ยวเชียงใหม่ ณ บ้านแม่แดดน้อย (ตอนที่ 2)] และสามารถติดตามเรื่องราวอื่นๆ ของเราได้ที่ [https://th.readme.me/id/JKtrytotry] หรือพูดคุยกันได้ในเพจ "Try to Try ก็แค่ออกไปลอง" แล้วจะรู้ว่าการก้าวออกจาก Comfort zone ของตัวเองมันสนุกแค่ไหน

ความคิดเห็น