🌲🌳🚗 อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล
เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ในอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน และอำเภอห้างฉัตร อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง เรียกได้ว่ามาที่เดียวแต่เหมือนได้อยู่ 2 จังหวัด เป็นเขตแดนกึ่งกลางระหว่างลำพูนกับลำปางนั่นเอง สภาพพื้นที่อุทยานนั้นเป็นป่าอุดมสมบูรณ์ และเป็นแหล่งต้นน้ำ สามารถเดินทางโดยรถไฟมาลงที่สถานีรถไฟขุนตาน ซึ่งเป็นที่ตั้งอุโมงค์ขุนตาน อุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ทริปนี้เรานัดรุ่นพี่ที่นั่งรถไฟจากกรุงเทพฯ มาลงที่ขุนตาล ส่วนเราเดินทางโดยรถยนต์จากเชียงใหม่โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงอุทยานแล้ว ทริปเดินป่ารอบนี้เราตุนเสบียงมากันเยอะพอควร และระยะการเดินเท้าของเรารอบนี้ก็อยู่ประมาณ 5 กิโลเมตรจากจุดเริ่มเดิน แบ่งออกเป็น ย. 1 - 4 ตอนเราไปนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นตั้งแคมป์กันที่ ย. 2 มีแก๊งค์เราอยู่ ย. 3 ทีมเดียวเพราะจุดนี้ต้องเสียค่าบริการเป็นรายคน เสบียงที่ตุนกันมาอย่างกะจะมาอยู่หลายวันแต่กินหมดในวันเดียว!!
ระหว่างทางไปอุทยานบอกเลยว่าตอนแรก GPS พาเราเข้าป่าจริงๆ แบบป่าจ๋าที่มีแต่ดินแดงลูกรังจึงหันไปมองหน้ากันแบบว่า "นี่มันใช่ทางนี้เหรอวะ?" สรุปมาทะลุถนนลาดยางค่ะ คืองงว่าจะพาลัดเข้าป่าทำไม ทางดีๆ มีก็ไม่พาไป 555+ คราวหลังจะไปไหนก็ตามป้ายบอกทางดีกว่า อย่าเชื่อ GPS ให้มากนัก เจ็บกันมาเยอะแล้วกับ GPS
ใครมาขุนตาลต้องมาถ่ายภาพตรงนี้ค่ะ ไม่งั้นเรียกว่ามาไม่ถึง นี่คือเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างลำพูนกับลำปาง เรากำลังยืนอยู่ระหว่างสองจังหวัด!!
ขับรถมาจอดตรงลานจอดรถของ ย. 1 ซึ่งเป็นจุดเริ่มเดินของทริปนี้ บอกเลยว่าถ้าจอดรถข้างล่างแล้วเดินแบกเป้กันขึ้นมาระยะทางเป็นกิโล กินแรงก่อนเดินของจริงกันไปอีก ใครเอารถส่วนตัวมาเองแนะนำมาจอดที่นี่ได้ค่ะ ถ้าใครไม่มีรถก็อาจจะต้องเดินไกลหน่อย หรืออาจจะติดต่อรถรับส่งให้มาส่งที่จุดเริ่มเดิน ซึ่งมีค่าบริการค่ะ อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่าเท่าไร ต้องลองถามเจ้าหน้าที่อุทยานดูอีกทีจ้า
ใครมาที่นี่ต้องได้เจอกับน้องดำค่ะ ไกด์นำทางของที่นี่แหละ เดินส่งนักท่องเที่ยวขึ้นลงเขากันเป็นว่าเล่น วันละกี่เที่ยวไม่รู้ ก็เหมือนเดินไปเดินมาอยู่นั่นล่ะ 555+ น้องน่ารักเป็นมิตรนะ แต่กลิ่นตัวแรงไปนิด 55
พักดื่มน้ำกันก่อน เหนื่อยแล้วก็แวะพักข้างทางดื่มน้ำให้หายเหนื่อยกันก่อน แต่อย่าดื่มเยอะ ไม่งั้นเดินป่ามีจุก
น้ำยี่ห้อนี้เรากินประจำ พกไปเกือบทุกที่อ่ะ น้ำแร่ 100 เปอร์เซ็นต์ กินจนติด แบบกินแล้วมันชื่นใจอ่ะ ใครกินน้ำแร่ประจำแล้วไปกินน้ำธรรมดาจะรู้สึกไม่อร่อยจริงๆ นะ แบบถ้าได้ติดน้ำแร่แล้วอ่ะนะ
เนี่ยๆ เขาออกแบบมาใหม่ มีฝาจุกเปิดง่ายมาก แถมขวดก็อ้วนๆ สั้นๆ พกพาไปไหนมาไหนสะดวกแล้วก็ง่ายมากๆ แค่เปิดจุกก็ยกขึ้นดื่มได้ทันที แนะนำสายเดินป่าค่ะ Minéré Thailand
วิวระหว่างทางเดินขึ้นเขาค่ะ คือสวยมาก หยุดพักดื่มน้ำมองวิวไป ฟินไปอีก
จุดแวะพักมีมาให้ตลอดทาง ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีที่นั่ง
ในที่สุดก็มาถึง ย. 2 แล้ว เล่นเอาหอบไปตามๆ กัน แวะทุกจุดที่มีจุดนั่งพัก เจ้ๆ ทั้งสองคนบอกเราว่าเขาทำที่นั่งให้แล้วเราก็ต้องนั่งสิ เดี๋ยวคนทำจะเสียใจ (จริงๆ ไม่ใช่ สังขารเจ้ไม่ไหว 55)
อีก 2 กิโลกว่าเราก็จะถึงจุดตั้งแคมป์คืนนี้แล้ว ระหว่างทางเดินจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะค่ะ แต่อย่ามองป้ายบ่อย รู้สึกว่ายิ่งมองก็ยิ่งเหนื่อยยังไงไม่รู้ แบบเมื่อไรจะถึงสักที...
ความเขียวของธรรมชาติข้างทางทำให้หายเหนื่อยจริงๆ
ระหว่างที่กำลังเดินทางกันต่อนั้นก็มีน้องหมาตัวสีน้ำตาลตัวนึงวิ่งสวนลงมา คิดว่าน้องน่าจะไปส่งนักท่องเที่ยวข้างบนแบบเจ้าดำและกำลังเดินกลับลงไปค่ะ
ขนาดหมายังเหนื่อย 55+
ตัวนี้คือน่ารักมาก เจอปุ๊บคือแชะทันทีแบบที่เพื่อนร่วมทริปยังไม่มีใครสังเกตุเห็น
เพราะสีน้องกลืนไปกับใบหญ้ามากๆ
อีกนิดเดียวเท่านั้น รู้สึกเหมือนว่า 3 โค้งก็ถึงแล้วแต่ทำไมนานจัง 55+
เจ้ไม่ไหวบอกของพักแป๊บแล้วจะตามมา เดินก่อนเลย พวกเอ็งอายุเข้าเลข 3 เมื่อไรจะรู้เองว่าทำไม 555+
มาถึงแล้วจ้า ย. 3
ทริปนี้พวกเราตั้งแคมป์กันที่จุดตั้งแคมป์ ย.3 ซึ่งต้องเสียค่าบริการในการกางเต็นท์ต่อคน คนละ 100 บาท (ย้ำว่าคิดเป็นหัวนะคะ) มีห้องน้ำให้ใช้ จริงๆ มีไฟฟ้าให้ใช้ด้วยนะ แต่เขาคิดหัวละ 100 แก๊งค์เราไม่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าค่ะเลยไม่ใช้ไฟ ขอแค่มีห้องน้ำก็พอ ส่วนเสบียงอาหารในทริปนี้ของเราเจ้ๆ ของเราก็ได้มีของเล่นใหม่มานำเสนอสายเดินป่า กับหม่าล่าชาบู หม่าล่าหม้อไฟกึ่งสำเร็จรูป แค่เติมน้ำเปล่าธรรมดาปิดฝาทิ้งไว้ก็ร้อนเองได้ในตัว สะดวกพร้อมกิน เหมาะกับสายเดินป่าที่ไม่อยากทำอาหารให้ยุ่งยาก ทริปนี้พวกเราเน้นกินง่ายอยู่ง่ายกันค่ะ
อันนี้สั่งใน shopee ไฮไลต์คือชาบูหม่าล่า อย่างอื่นที่เราเอามาเป็นเมนูข้าวค่ะ ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่สามารถทำกินได้ง่ายมากๆ แค่เติมน้ำเปล่าธรรมดาลงที่ก้นถ้วย ใส่วัตถุดิบในซองที่มีมาให้รวมกันทั้งหมดแล้วเทน้ำเปล่าลงไปอีกรอบ ปิดฝาก็รอเดือดได้เลย
มันเหมาะมากกับสายเดินป่าที่่ขี้เกียจทำกับข้าว 555+
พระอาทิตย์ตกแล้ว แสงแรกของวันหายไป เราต้องตื่นแต่ตี 5 เพื่อเดินไปยังจุดชมวิว ย. 4 ต่อค่ะ พวกเราเลยรีบอาบน้ำทำธุระส่วนตัวกันแล้วรีบนอนตั้งแต่ยังไม่ทัน 2 ทุ่ม
เช้าวันที่อากาศเย็นมากกกกก แบบไม่มีใครอาบน้ำเลย เราต้องลุกแต่ตีห้าเพื่อเดินขึ้นไปจุดชมวิวต่อ
การเดินขึ้นมาบนจุดชมวิวก็เล่นเอาเหนื่อยแล้วก็หอบกันอีกรอบเหมือนเมื่อวานตอนขาเดินขึ้นมาจุดตั้งแคมป์ ทางก็จะมีความชันเป็นบางช่วง แต่แอบชันกว่าขาเดินมา ย. 3 ดังนั้น 1 กิโลของทางขึ้นเขากับ 1 กิโลของทางปกติธรรมดาจึงมีความต่างกันมากกกกก
พระอาทิตย์เหมือนจะโกรธอะไรใครมารึเปล่าเธอถึงได้ไม่ยอมโผล่ออกมาให้เห็น
ละสุดท้ายก็ได้เห็นแค่แสงจางๆ ค่ะ มองไม่เห็นพระอาทิตย์เลย
แต่ก็ได้เจอวิวสวยๆ กับอากาศเย็นๆ ได้ประสบการณ์เดินป่าใหม่ๆ แค่นี้ก็สนุกแล้วล่ะ
สายเดินป่าเข้าแล้วออกไม่ได้นะ เราติดกับนี้มานานแล้วออกไม่ได้เลย หลงรักไปแล้ว
เราเดินกลับลงมาข้างล่างตรงเนินวัดใจ ซึ่งเพื่อนร่วมทริปผู้มากอายุกว่าหน่อยของเราได้นั่งรออยู่ข้างล่างเพราะไปไม่ถึงจุดชมวิว เราเลยทำได้แค่เก็บภาพกลับมาฝากเจ้ของเรา
พอลงมาคือเจ้ๆ ก็นั่งดริปกาแฟรออยู่แล้ว ชิวกันไปอีก แล้วก็นั่งกินมันตรงนี้แหละ ตรงเนินวัดใจนี่ล่ะ!
จบแล้วทริปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ ย. 4 ของพวกเรา (คือไม่เจอพระอาทิตย์ 555) แค่ไปดูวิว นั่งดริปกาแฟเล่น
ทริปนี้ก็ได้มีคนรองเท้าขาดกันไป 1 คู่ บอกแล้วให้เอารองเท้าดีๆ มา 555+
ทริปหน้าเราจะพาไปเดินป่ากันที่ไหนต่อติดตามได้ที่หน้าเพจ เที่ยวให้โลกจำ นะคะ ฝากติดตามเพจกันด้วยค่ะ เราจะลงรีวิวเรื่อยๆ นะ ใครสายเดินป่าห้ามพลาด เพจเราคือเพจที่คลั่งไคล้การเที่ยวป่าเที่ยวเขาค่ะบอกเลย
พิกัด : ตำบล ทาปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัด ลำพูน
แผนที่ : https://goo.gl/maps/kWbLmvViynEaL3bx7
#เที่ยวให้โลกจำ #อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล #เดินป่าไทย #เดินป่า #คิดถึงอ้อมกอดธรรมชาติ #ธรรมชาติบำบัด #กอดป่า #ตั้งแคมป์ #เที่ยวป่าเที่ยวเขา #อุโมงค์ขุนตาล #เที่ยวไทย #เที่ยวไทยเท่ #เที่ยวลำพูน #เที่ยวลำปาง #เที่ยวทั่วไทย
เที่ยวให้โลกจำ
วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2563 เวลา 12.28 น.