สวัสดีค่ะ

ขอเล่าสักนิด...ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่ไม่เคยอยู่ในสารบบเราเลย เราไม่มีความรู้และไม่สนใจอะไรในปินส์เลย
แต่ด้วยความที่อยากตามเพื่อนไปเที่ยว เลยต้องทำความรู้จักกับปินส์สักหน่อย
ตามเพื่อนมาแบบไร้ข้อมูล เพิ่งศึกษาข้อมูลหลังจองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้วค่ะ และทำให้รู้ว่า...

ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่อันตรายมากกก!!! มิจฉาชีพเยอะ โดยเฉพาะมะนิลา บลาๆ //ช็อคค่ะ
แต่เพราะอยากเที่ยว ถ้าไม่มาคราวนี้ ก็ไม่รู้จะได้มาเมื่อไหร่ค่ะ ก็ต้องลองดูค่ะ

สาเหตุที่เพื่อนเลือกมะนิลาเพราะจะไปพิชิตภูเขาไฟพินาตูโบ (Mt. Pinatubo) และเที่ยว อินทรามูรอส (Intramuros)
แต่เพิ่งรู้ก่อนเดินทางไม่กี่วันว่า ช่วงนี้ภูเขาไฟปิดชั่วคราวค่ะ เซ็งเลย ก็เหลือแค่อินทรามูรอส ที่เราจะไป

...Intramuros เป็นภาษาสเปน แปลว่า ภายในกำแพง เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่สำคัญและเก่าแก่ที่สุดในมะนิลา ตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ภายในมีชุมชนและสถานที่สำคัญมากมาย เช่น ป้อมปราการ โบสถ์ โรงเรียน วิทยาลัย บลาๆ [กูเกิ้ล]
อยู่ๆ ก็รู้สึกฉลาด!! มาที่นี่แล้วได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ด้วยค่ะ ฮ่าาาาาาา


[[DAY 1]]

หลังจากบินตรงจากสิงคโปร์ https://th.readme.me/p/3497

จากการหาข้อมูล ทำให้รู้ว่าสนามบินนินอย เคยครองแชมป์เป็นสนามบินยอดแย่ 3 ปีซ้อน แล้วก็เรื่องมิจฉาชีพในสนามบิน ทั้งคนนอกและเจ้าหน้าที่ -.-" ค่ะ บินจากสนามบินยอดเยี่ยม มายัง อดีตสนามบินยอดแย่

เราบินมาคนเดียวค่ะ แยกกับเพื่อน และเพื่อนจะมาถึงมะนิลา 12.30 น.
ก่อนขึ้นเครื่อง คนปินส์ที่บินมาด้วยกันก็ไซโครสารพัดความอันตราย เราก็ยิ่งกลัวนะสิคะ แต่ทำใจมาแล้วระดับนึง ต้องสตอง ต้องอยู่ที่สนามบินรอเพื่อน 8 ชั่วโมงให้ได้

เราถึงสนามบิน Ninoy Aquino เวลาประมาณ 04.30 น. บินมากับ Tigerair มาลงที่ Terminal 1 ค่ะ
เพราะเทอร์มินอล 1 ไม่มีอะไรเลย เราต้องนั่ง Shuttle Bus ไปรอเพื่อนที่เทอร์มินอล 4 ซึ่งเป็นเทอร์ที่ใหญ่ ใหม่ และครบครันที่สุด


เมื่อเพื่อนมาถึง ก็ได้เวลาเข้าที่พักค่ะ เรารู้มาว่าไม่ควรนั่งแท็กซี่คันสีเหลือง (แท็กซี่สนามบิน)
เลยใช้บริการ Grab Taxi หน้าสนามบินค่ะ นั่งไปที่พัก 300 กว่าเปโซ


พักที่ Tambayan Capsule Hostel อยู่ในซอยตรงข้ามห้าง Robinson's Place Manila



ช่วงบ่ายหลังจากจัดการกับตัวเองเรียบร้อย ก็เตรียมออกไปอินทรามูรอสกันค่ะ
ซึ่งไปยังไงนั้น...ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ฮ่าาาาาาา กะมาตายเอาดาบหน้านี่แหละ ถามพนง. โฮสเทล ว่าจะไปยังไง นางก็ให้คำตอบ (แบบไม่มั่นใจ) ว่า ไปขึนรถไฟฟ้า LRT สถานี Pedro Gil ซึ่งเป็นสถานที่ใกล้ที่สุด แล้วไปลงสถานี Central Terminal

เดินออกจากซอยที่พักก็เลี้ยวขวา เดินตรงไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนเจอสี่แยก ก็จะเจอสถานี Pedro Gil ค่ะ


ออกมาที่ถนนก็ได้เจอหนึงในสัญลักษณ์ของปินส์ค่ะ นั่นคือ รถจี๊ปนี่ (Jeepney) เหมือนรถสองแถวบ้านเรานี่แหละค่ะ ที่มาก็ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวอเมริกันทิ้งเอาไว้ ชาวปินส์ก็นำมาดัดแปลงเป็นรถโดยสาร


มะนิลาเวลานี้เป็นช่วง Rush Hour พอดีเลยค่ะ วุ่นวาย มั่วตั้วสุดๆ


มีรถรับจ้างอีกประเภทหนึ่ง คือ รถพ่วงข้างสามล้อค่ะ มีทั้งแบบจักรยานและมอเตอร์ไซต์ แต่ดูสกปรกมาก ทั้งรถทั้งคนขี่
บางคนจอดรถไว้ข้างทาง กลางคืนก็นอนกันบนรถนั่นแหละ


ตลอดทางที่เดินมา ช็อคกับสภาพแวดล้อมมาก พบเจอแต่ความสกปรก และกลิ่นเหม็น กลิ่นฉี่ คนเร่ร่อน ขอทาน เดินมาขอเงิน
เราก็ต้องตื่นตัว ระวังตัว ระวังกระเป๋าตลอดเวลา แต่ก็ยังสะพายกล้องและถ่ายรูปมาเรื่อยๆ...ทำไมกล้าล่ะ ฮ่าาาา

เมื่อมาถึงสี่แยก ภาพที่เห็นทำให้เราคิดถึงกรุงเทพ และรักกรุงเทพขึ้นมาทันที
ทั้งรถ ทั้งคน วุ่นวายกันไปหมด รถติดหนักมาก และบีบแตรกันหนักมากกกกกกกกกกก คนก็จะเดิน รถก็จะไป พอรถไปไม่ได้ ก็บีบไล่กัน ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยอะไรป่ะ หนวกหูสุดๆ ค่ะ สามัคคีกันบีบมาก ปวดหู...

ชมคลิปทางนี้ https://www.facebook.com/winya059/videos/101536133...


ฟิลิปปินส์เป็นชาติแรกในอาเซียนที่มีรถไฟฟ้า เพราะเป็นชาติแรกสินะ สภาพเลยเก่า ดูล้าสมัย และทรุดโทรมมาก

พอไปต่อแถวซื้อบัตร ก็พบว่า ขึ้นผิดฝั่งค่ะ ต้องไปขึ้นฝั่งตรงข้าม ซึ่ง...ด้านบนไม่มีทางเชื่อมเหมือนบ้านเรานะ มันมีแค่ชั้นเดียว เราต้องเดินลงมาข้างล่าง ข้ามถนนไปขึ้นอีกฝั่ง -.-"
เพราะเป็นชั่วโมงเร่งด่วน คนก็เต็มขบวนเลยจ้า ขบวนแรกมาถึง เรารีบบอกเพื่อนเลย ไม่ขึ้นนะ!! มันน่ากลัว กลัวในกลิ่น กลัวในคน ฮ่าาาาาาาาา จนขบวนที่สองมา ฟ้ามีตา ขบวนนี้โล่งๆ หลวมๆ ไปได้ ฮ่ะๆ


พอถึงสถานี Central Terminal เราก็มั่วกันล่ะค่ะทีนี้ ไปทางไหนละเนี่ย ก็ถามทางคนแถวนี้มาเรื่อยๆ ก็มั่วมาเรื่อยๆ ผ่านนู่นผ่านนี่


เดินถามมาจนรู้ว่าต้องข้ามถนนไปอีกฝั่งค่ะ พยายามมองหาสะพานลอย มองไปไกลมากแต่ไม่มีเลย จะไปไงละเนี่ย ก็เดินมาเรื่อยๆ ตามๆ เค้าไป จนเจออุโมงค์ข้ามแยกค่ะ..อ๋อออ อย่างนี้นี่เอง

สภาพอุโมงค์ก็ไม่ไหวจะเคลียร์ เก่า สกปรก โทรม เหม็นอับ ข้างใต้มีร้านค้าขายของ


พอข้ามฝั่งมาได้ ก็เดินย้อนกลับมานิดนึงแล้วเลี้ยวซ้ายค่ะ เดินตรงมาก็เจอกันสักทีนะ...ทางเข้าอินทรามูรอส ,,,เฮ้อ เหนื่อย


กลับมาลองหาเส้นทางที่เราเดินไป ก็เป็นดังนี้ล่ะค่ะ ลอดอุโมงค์บริเวณหน้า Manila City Hall


เพราะอินทรามูรอสกว้างขวางยิ่งนัก พอเข้ามาในอินทรามูรอสแล้ว ก็ยังไม่วายเดินมั่วอีกค่ะ ฮ่าาาา
อินเตอร์เน็ตก็มีใช้นะคะ แต่รู้สึกว่าเสียเวลาเสิร์ชดู ถามคนแถวนี้สะดวกกว่า


บริเวณ Intramuros Wall ด้านนี้อยู่ฝั่ง Muralla Street ด้านบนกำแพงมีป้อมปืนใหญ่มากมาย


เดินลงมาด้านล่างกำแพง จากที่อ่านป้ายตรงนี้คือ Puerta Del Parian And Revellin Del Parian
เป็นทางเข้าฝั่งตะวันออก 1 ใน 8 ทางเข้าทั้งหมดของที่นี่...เหมือนเป็นทางเข้าในอดีต ไม่น่าจะใช้ทางเข้านี้แล้ว


ที่นี่มีรถสามล้อไฟฟ้าคอยบริการฟรีให้แก่คนทั่วไปที่ไม่อยากเดิน เราเจอก็โดดขึ้นมาเลย จะผ่านตรงไหนบ้างก็ไม่รู้เรื่องเล๊ยยย


นั่งรถมาเรื่อยๆ จนเจอแลนด์มาร์กสำคัญ คือ มหาวิหารมะนิลา (Manila Cathedral) เป็นมหาวิหารโรมันคาทอลิก
เรามาถึงกันเย็นเกินไป เค้าปิดไม่ให้เข้าแล้ว




ฝั่งตรงข้ามหาวิหารคือ Plaza Roma มีอนุสาวรีย์พระเจ้าการ์โลสที่ 4 แห่งสเปน (Al Rey D. Carlos 4) สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ท่าน ที่ทรงส่งเซ็ตวัคซีนรักษาไข้ทรพิษเซ็ตแรกมายังฟิลิปปินส์ [วิกิพีเดีย]


นี่ก็มืดแล้ว บรรยากาศดูน่ากลัวและอันตรายอีกตะหาก จะกลับยังไงละเนี่ย กลับไม่ถูก ฮ่าาาาาา
ก็ใช้วิธีเดิมค่ะ ถามพี่ยามแถวนั้น ตอนแรกก็ถามทางกลับไปสถานีรถไฟฟ้า เค้าบอกว่าไกลนะ เราเลยบอกเค้าว่าจะไปโรบินสันเพลส ง่ายเลยคราวนี้ เค้าชี้ตรงไปทางถนนที่ยืนอยู่ แล้วบอกว่าเดินตรงไปเลย ตรงไปเรื่อยๆ ตรงไปอย่างเดียว ก็จะเจอ

ความที่ไม่อยากนั่งรถโดยสารให้วุ่นวาย กับการหาที่ขึ้นลง ก็เดินนี่ล่ะค่ะ เดินจากสคปมามากแล้ว ยังต้องมาเดินต่อที่ปินส์!
สเต็ปการเดินก็ต้องสตรอง ตาก็ต้องไวมากค่ะ คนไม่น่าไว้ใจเยอะแยะ เราก็พยายามเกาะกลุ่มตามชาวบ้านเค้าไป เรารู้สึกได้ว่าคนพื้นที่เอง โดยเฉพาะผู้หญิงก็ดูระแวงระวังตัวเช่นกัน
ผ่านทั้งคนเร่ร่อน และกลิ่นเหม็นๆ เช่นเคย พอเริ่มใกล้เข้าแหล่งชุมชมก็หาที่กินละค่ะ จากนั้นก็เดินต่อจนเจอห้าง เดินทะลุห้างเข้าไป ออกอีกทาง ก็เจอที่พักเราแล้วค่ะ...รอดแล้ว ฮ่าาาา


ขอบอกว่าห้างนี้กำลังจะเปิดร้าน Pablo Cheese Tart จากญี่ปุ่นด้วย...ดีอ่ะ เมืองไทยยังไม่มีเลย


[[DAY 2]]

เนื่องจากอกหักจากภูเขาไฟพินาตูโบ เราก็กลับไปเก็บอินทรามูรอสอีกรอบ เพราะยังไปไม่ทั่ว
ตอนเช้ากำลังแต่งตัวจะออกไป ไม่รู้ด้วยเหตุเภทภัย น้ำหรืออากาศปินส์อันใด ทำเราเป็นลมพิษ!!!
ทำอะไรไม่ได้ กินยา ทายา นอนรอให้มันหาย กว่าจะได้มูฟก็เที่ยงๆ

เข็ดจากรถไฟฟ้าเมื่อวานและมันอ้อมด้วย วันนี้เลยตัดสินใจเดินค่ะ รู้ทางแล้วนี่ ง่ายๆ สบายๆ แต่ระยะทางไม่ค่อยสบายเท่าไหร่


อยากบอกว่า กลิ่นฉี่ตามหลอนไม่เลิก ขนาดอยู่กลางสี่แยก กลิ่นก็ชัดเจนมาก!!!


ระหว่างที่เดินอย่างรู้จุดหมายที่ห่างไกลและอากาศที่ร้อน ก็มีคนปั่นสามล้อเข้ามาทัก และขายแพ็กเกจกับเรา
เป็นการพาทัวร์รอบอินทรามูรอส มีแผนการเดินทางเสร็จสรรพ เราต่อรองราคาได้ที่ 30 นาทีละ 150 เปโซ
ก็ยังแพงอยู่ดี แต่ก็ไป เพราะขี้เกียจเดินแล้ว

บอกเลบว่าเห็นสภาพพี่แกแบบนี้ ความรู้แน่นนะคะ อธิบายประวัติมากมาย ภาษาอังกฤษก็ดี เราก็เข้าใจบ้าง งงบ้าง

แค่จุดสตาร์ทก็เสียวแล้ว
https://www.facebook.com/winya059/videos/vb.651067...


ที่แรกที่แวะชมคือ Puerta Real เป็นอีก 1 ใน 8 ทางเข้าของอินทรามูรอส ตั้งอยู่ทางทิศใต้ ไม่ได้เปิดให้ผ่านทาง


เสร็จแล้วก็ตรงเข้าอินทรามูรอส ทางถนน General Luna แล้วเลี้ยวขวาไปตามทางกำแพงเมือง ผ่านนู่นนี่มาเรื่อยๆ เช่น Manila High School, Mapúa Institute of Technology เป็นต้น


และก็ผ่านฝั่งกำแพงที่เราเดินเล่นเมื่อวานค่ะ ด้านล่างเคยเป็นคุกชาวญี่ปุ่นมาก่อน


ตามกำแพงก็มีร่อยรอยกระสุนหลงเหลืออยู่
ส่วนสีเหลืองๆ ที่ทาตรงฟุตบาท พี่ไกด์บอกเราว่าทำมาจาก ไข่แดง ซึ่งผสมอะไรบ้างเราก็ไม่รู้เหมือนกัน


Asean Garden


Aduana Building เคยเป็นตึกที่อยู่ภายใต้อาณานิคมของสเปน และเคยเป็นออฟฟิสของหลายๆ รัฐบาล ในสมัยนั้น [วิกิพีเดีย]
ตอนนี้เป็นตึกร้างค่ะ ในรูปคือด้านข้างทั้งสองด้าน
https://www.facebook.com/winya059/videos/vb.651067...


ฝั่งตรงข้ามด้านหลังตึก Aduana


ด้านหลังตึก Aduana


ด้านหน้าตึก Aduana


ตรงข้ามหน้าตึก Aduana มีอนุสาวรีย์พระเจ้าฟิลิปป์ ที่ 2 แห่งสเปน ซึ่งเป็นผู้ตั้งชื่อประเทศฟิลิปปินส์



ผ่านตึกเก่าสวยๆ มาเรื่อย ไม่รู้อะไรคืออะไร ฮ่าาาา


แล้วก็มาถึงจุดท่องเที่ยวหลักอีกที่ คือ Fort Santiago กว้างใหญ่พอสมควร และเสียค่าเข้าคนละ 75 เปโซ


Fort Santiago เป็นป้อมปราการที่เก่าแก่ที่สุดของมะนิลา นับเป็นด่านแรกที่ป้องกันการโจมตีจากข้าศึกที่เข้ามาทางปากอ่าวมะนิลา [กูเกิ้ล]


เดินลึกเข้ามาด้านในก็จะเจอ ป้อม Santa Barbara ซึ่งหันหน้าออกไปทางแม่น้ำ Pasig


แม่น้ำ Pasig


Rizal Shrine เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงผลงานสำคัญของ José Rizal นักเขียนและวีรบุรษคนสำคัญของฟิลิปปินส์ในการต่อสู้เพื่อเรียกร้องเอกราชจากสเปน [วิกิพีเดีย]


ออกมาจาก Fort Santiago ก็กลับมาที่ Manila Cathedral อีกครั้ง และได้เข้าไปชมด้านในโบสถ์ด้วย



ไกด์ของเรารออยู่ด้านนอก


ที่สุดท้ายที่ไกด์พามาและเราก็แยกกันตรงนี้คือ San Agustin Church
สิ่งก่อสร้างเดียวในอินทรามูรอสทีรอดพ้นจากระเบิดจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และยังมีสภาพครบถ้วนสมบูรณ์
เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในฟิลิปปินส์ สร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลังและได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย [กูเกิ้ล]



ประตูโบสถ์เป็นไม้แกะสลัก สวยมากกกกกกกกก งานละเอียดมากกกกกกกกก ชอบมากกกกกกกกกกก


บริเวณรอบๆ ระแวกโบสถ์


เดินถัดจากโบสถ์มา ก็เจอ Barbaras Restaurant เป็นคาเฟ่และที่พักด้วย


ด้านในสวยมาก อย่างกะอยู่ในยุโรป


เรายังไปไม่ทั่วอินทรามูรอส แต่เริ่มเย็นแล้ว ควรกลับไปก่อนที่มันจะมืด และจากจุดตรงนี้ เราก็แค่เดินตรงไปเรื่อยๆๆ เพื่อกลับไปยังโรบินสัน เพลส



สลัมในอินทรามูรอส



กลับเข้าที่พัก จัดการชีวิตเสร็จก็ออกไปท่องราตรีย่านมากาติ ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจ ย่านคนเมืองของมะนิลา อยู่ไกลจากที่พักเรามาก ต้องนั่งแท็กซี่ไป
เราไปดริ้งกันที่ดาดฟ้าของ Z Hostel ได้ชมไฟเมืองมะนิลาจากตรงนี้



เช้าวันถัดไปเราต้องบินไป เกาะโบราไกย์ https://th.readme.me/p/3352 ตอนบ่าย

แต่ แต่ๆๆๆ คราวซวยมาเยือน เที่ยวบินดีเลย์หรอ...ใช่ 2 ชั่วโมง แต่มากกว่านั้นนะสิ เพราะเที่ยวบิน...โดนแคนเซิ่ลลลลลลล เหตุจากสนามบินคาลิโบ้ ที่เราจะบินไปลงนั้น รันเวย์มีปัญหา ทุกไฟท์ที่จะลงที่นั่นโดนยกเลิกหมดเลย

งานเข้าค่ะ ไม่เคยโดนเทเยี่ยงนี้ ทำตัวไม่ถูก ไปแย่งต่อแถวเปลี่ยนตั๋วใหม่ไม่ทัน ก็ได้แค่ขอเงินคืน แล้วหาทางไปใหม่ T.T
หนทางใหม่ที่เราเลือก ก็กระชากวิญญาณและเงินในกระเป๋าเราไปอย่างมากมาย...ร้องเอี้ยหนักมาก แต่เพราะต้องการไปให้ถึงเกาะในวันรุ่งขี้น ไม่อยากกลับเข้าเมืองแล้ว รอไปวันอื่นมิไหว ก็ต้องยอม~
แค่นี้ก็รวมเวลาสิงอยู่ในสนามบิน 18 ชั่วโมงแล้ว +[]+ ฟิลิปปินส์ทำให้เราสตรองจริงๆ

...สรุปสักนิด เพื่อเป็นแนวทางให้คนที่อยากไปเที่ยวฟิลิปปินส์ค่ะ

- สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมีมากมายค่ะ ทั้งทางบก ทางน้ำ ไปไม่ยากค่ะ คนที่นี่พูดภาษาอังกฤษได้ทุกคน ค่าครองชีพพอๆ กับบ้านเรา แต่ของบนเกาะก็มีแพงบ้าง
- ความที่เรากับเพื่อน เป็นเด็กใต้ผิวคล้ำ คนที่นี่มักคิดว่าเรากับเพื่อนเป็นคนปินส์ พูดตากาล็อกใส่เสมอ แต่เพื่อนเรามีความหน้าปินส์มากกว่าเรา บางคนก็ทักว่าเราเป็นคนไต้หวัน...ข้อดีคือ เราใช้ความปินส์ของเพื่อนที่เค้าบอกว่าสวยเซ็กซี่ ช่วยต่อรองราคา ค่ารถนู่นนี่ และก็สำเร็จ ฮ่าาาา
- ที่ว่าฟิลิปปินส์อันตรายสารพัด สำหรับเรายังถือว่ายังรับได้ เรื่องมิจฉาชีพ ลักขโมย อันนี้ไม่เจอ..ดีแล้ว แต่ต้องระวังระแวงตลอดเวลานะเพื่อความปลอดภัย เรื่องกลโกง เราว่าอยู่ที่ทักษะการเอาตัวรอดของแต่ละคน ทำการบ้านมาดีแค่ไหน
- ที่สนามบินก็โอเค ไม่ได้ร้ายแรงอะไร ห้องน้ำนินอยสะอาดกว่าสนามบินมาเลเซียซะอีก
- คนปินส์เป็นคนเฟรนลี่ค่ะ ขยันทำงาน เอาใจใส่ในการบริการ
- เราไม่ชอบความสกปรกพร้อมกลิ่นฉี่ตลอดทางของมะนิลา และการจราจรที่วุ่นวายพร้อมบีบแตรที่สาดใส่กัน อะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็บีบแตรไล่
- ทะเลปินส์สวยมากกกกกกกก ต้องไปสัมผัสสักครั้งนะคะ

...นี่คือทริปฟิลิปปินส์ครั้งแรกของเรากับเพื่อน และมั่นใจว่าจะมีครั้งต่อไป เพราะติดใจทะเลฟิลิปปินส์เข้าซะแล้ว

ขอบคุณทุกคนที่สละเวลาอ่านค่ะ
ขอจบรีวิวด้วยคำคมของทริปนี้...สวยกว่าเปียมิสยู ก็คือเรา สตรองกว่าปาเกียว ก็คือเราอีกนั่นแหละ! ฮ่าาาาาาา บรัย~

...วิญย่า

Winya Pawinya

 วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 19.58 น.

ความคิดเห็น