เขาว่ากันว่าเชียงรายเป็นเมืองแห่งศิลปะ ที่มีศิลปินชื่อดังอาศัยกันอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น "อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี" ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) เมื่อพ.ศ. 2544 หรือแม้แต่ "อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์" ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ในปี พ.ศ. 2554 ก็อยาศัยอยู่ที่เชียงรายนี้เช่นกัน

ดังนั้นแล้วเชียงรายจึงเป็นเมืองแห่งศิลปะวัฒนธรรมที่เราหลงไหลมากๆ เมืองหนึ่ง แต่ครั้นจะให้ไปตามเก็บทุกสถานที่ขึ้นชื่อของเชียงรายก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และด้วยเวลาอันน้อยนิดเพียงครึ่งวันของเราที่นี่ ทำให้เราจะต้องเลือกว่าจะไปที่ไหนถึงจะได้เสพบรรยากาศของความเป็นเมืองศิลปะแห่งได้อย่างเต็มอิ่ม จึงเป็นโจทย์ยากมากๆ ว่าเราอยากจะไปที่ไหน

หาไปหามาก็มาเจอกับสถานที่ที่หนึ่งที่เป็น บ้านพักมิชชันนารี OMF (OMF International หรือชื่อเดิม Overseas Missionary Fellowship) อาคารหลังนี้ในอดีต ถูกเรียกว่า ตึกใต้ เป็นที่พักของมิชชันนารี คณะอเมริกันเพรสไบทีเรียนที่เข้ามาเผยแผ่คริสต์ศาสนาในเมืองเชียงราย

ว่ากันว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ "หมอบริกส์" หมอชื่อดังในจังหวัดที่มีคุณูปการต่อเชียงรายเป็นอย่างมาก ทั้งวางผังเมือง สร้างโรงพยาบาล สร้างโรงเรียน และนำความเจริญเข้ามาสู่เชียงราย เป็นผู้สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นสถานที่ที่มิชชันนารีที่มาเผย่แพร่ศาสนาได้พักอาศัย

และสันนิษฐานว่าบ้านหลังนี้ถูกสร้างมาตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 6 ระยะเวลา 100 กว่าปี โดยตัวบ้านสามารถรองรับแรงขณะที่เกิดแผ่นดินไหวได้ ซึ่งในปัจจุบันบ้านแห่งนี้ถูกปรับมาเป็นคาเฟ่ และ art gallery ชื่อว่า "Baanmod CAFE' ร้านกาเเฟบ้านมด" หรือ "บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย"

ก้าวแรกที่เราได้เหยียบย่างเข้ามาที่นี่ ทำให้เราไม่ค่อยแน่ใจนักว่าที่แห่งนี้ยังเปิดอยู่หรือไม่ เนื่องด้วยสถานการณ์ COVID-19 ที่ระบาดอย่างหนักทำให้ทั้งเมืองเชียงรายเงียบเหงาอย่างบอกไม่ถูก รวมถึงบ้านสิงหโคลด้วยเช่นกันที่ก็เงียบเหงามากๆ แต่ไหนๆ ก็มาแล้วก็มีแต่ต้องเดินเข้าไปเท่านั้นแหละ ^^

first impression ของที่นี่เป็นอะไรที่เรารู้สึกสงบและอบอุ่นมากๆ ให้บรรยากาศและความรู้สึกมีเสน่ห์ชวนหลงไหลในความเป็นบ้านเก่ามากๆ อารมณ์เดียวกันกับ "บ้านอาจารย์ฝรั่ง ศิลป์ พีระศรี" ที่เราเคยไปเลย

และด้วยความที่เราไปวันธรรมดาเวลาประมาณสี่โมงเย็น ก็แอบเห็นน้องๆ นักเรียนชวนกันมาทำการบ้านกันเป็นกลุ่มๆ แล้วก็เริ่มมีคนเดินทยอยๆ กันเข้ามาในร้านอย่างไม่ขาดสาย

ในวันที่เราไปเชียงรายเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายน ที่อากาศเริ่มจะหนาวกว่าบางแสนที่ที่ไม่เคยมีอากาศหนาว เราก็เลยอยากสั่งอะไรอุ่นๆ มานั่งเสพบรรยากาศของร้าน ถ้าจำไม่ผิดน่าจะสั่ง espresso matcha 

ซึ่งเราก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย ขอแค่เป็นเครื่องดื่มอุ่นๆ แก้หนาวก็พอ ปรากฎว่าชาเขียวของเรามาพร้อมกับลาเต้อาร์ตสุดน่ารัก พร้อมกับกลิ่นหอมกรุ่นอุ่นๆ ร้อนๆ แถมอร่อยมากกกกกกก ทำให้เราดื่มจนหมดในเวลาอันรวดเร็ว 55555

แต่เราก็ยังคงไม่เสพบรรยากาศของร้านจนลืมเป้าหมายในการมาครั้งนี้ก็คือ Art gallery ที่อยู่ตรงชั้น 2 ของบ้าน

แต่ระหว่างที่เราจดๆ จ้องๆ ถ่ายรูปในห้องนี้นั่นนี่ ก็มีพนังงานเดินเอาเชือกมากั้นที่บันได เขาบอกกับเราว่าปกติแล้วร้านปิด 17.00 ก็จริง แต่โซนที่เป็น Art gallery จะปิดตอน 16.00 ฮรือออออ อดขึ้นไปดูเลยยยย ถ้ารู้งี้เราไม่น่าโอ้เอ้เดินเรื่อยเปื่อยชมนกชมไม้ไม่เข้ามาดูสักทีหรอก TT^TT

แต่ไม่เป็นไรยังมีมุมอื่นให้เราได้เดินชมอีกเย้ออออ

ยิ่งเดินชมทั่วทั้งบ้านเราก็ยิ่งชอบบรรยากาศของบ้านนี้เข้าไปใหญ่ มันเป็นความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านจริงๆ ถ้าหากใครแวะมาที่เชียงรายแล้วหาที่เที่ยวใกล้ๆ ง่ายๆ ในเมือง บ้านสิงหไคล ตอบโจทย์จริงๆ จ้าาาา

แล้วเจอกันบทความต่อไปจ้าาาา และสามารถติดตามเรื่องราวอื่นๆ ของเราได้ที่ [https://th.readme.me/id/JKtrytotry] หรือพูดคุยกันได้ในเพจ "Try to Try ก็แค่ออกไปลอง" แล้วจะรู้ว่าการก้าวออกจาก Comfort zone ของตัวเองมันสนุกแค่ไหน

ขอบคุณที่ติดตามค่าาาา ❤
Try to Try ก็แค่ออกไปลอง

ความคิดเห็น