สวัสดีครับ ห่างหายไปนานพอดูหลังจากการรีวิวทริปที่แล้ว ครั้งนี้จริงๆ แล้วผมจองตั๋วเครื่องบินไว้นานแล้วเพื่อจะข้ามไปปากเซ แต่ด่านยังปิดอยู่จากโควิด เลยเปลี่ยนแผน เป็นสายบุญแทน โดยการตะเวนไหว้พระให้ครบ 9 วัด ในจังหวัด อุบลราชธานี อำนาจเจริญ มุกดาหาร และนครพนม แทน รวมถึงแวะเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ระหว่างทางด้วย รวม 4 วัน 3 คืน ครับ ด้วยงบที่ไม่แพงมาก ได้สถานที่ท่องเที่ยวมากมาย
- น้ำตกแสงจันทร์ (ลงรู)
- อุทยานแห่งชาติผาแต้ม (เสาเฉลียงและผาแต้ม)
- วัดถ้ำคูหาสวรรค์ (วัดที่ 1)
- วัดสิริธรวนาราม (วัดที่ 2)
- วัดมหาวนาราม (วัดที่ 3)
- วัดทุ่งศรีเมือง (วัดที่ 4)
- วัดพระธาตุหนองบัว (วัดที่ 5)
- สามพันโบก
- วัดปากแซง (วัดที่ 6)
- วัดสี่แยกแสงเพชร (วัดที่ 7)
- วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร (วัดที่ 8)
- สะพานมิตรภาพไทย-ลาว (มุกดาหาร)
- วัดภูมโนรมย์ (วัดที่ 9)
- ร้านมานาเด้อ
ลองมาติดตามกันเลยครับ
ครั้งนี้ก็ใช้บริการของแอร์เอเชียเช่นเคย จองไว้นานมากแล้วครับ อย่างที่บอกไปตอนแรกจะข้ามไปลาว เลยได้ราคาแค่นี้ 555+ ผมไม่ชอบบินเช้ามากครับ ทรมานในการตื่น เลยเอาสายๆ หน่อย กลับก็ค่ำๆ
เป็นปกติของผมระหว่างรอขึ้นเครื่องก็หาของกินก่อน เจ้าเดิมเจ้าประจำ 555+
เครื่องบินมาแล้วครับ พร้อม ไปได้
ไม่นานก็มาถึงครับ ผมเผลอหลับไม่รู้เรื่องเลย >_<
สวัสดีอุบลฯ เราเจอกันอีกแล้วนะ มาบ่อยช่วงนี้ 555+
จากนั้นก็เดินออกมานอกตัวอาคารเลยครับ จุดรับรถเช่าอยู่ข้างนอกหมดเลย (อ้อ ที่นี้มีรถบัสรับส่งด้วยนะครับ และก็แท็กซี่ราคาถูกไม่โก่งราคาอีกด้วย)
ครั้งนี้ผมก็ใช้บริการของ Thairentacar เช่นเดิมครับ จองมาในช่วงโปรฯ ยาริสใหม่ วันละ 399 รวม ประกันชั้น 1 รวมเป็นเงินประมาณ 1,200 บาท เองครับ แถมน้ำให้อีก 2 ขวด ^_^
คันนี้ครับที่ผมเช่ามา สภาพดีทีเดียวครับ
จากนั้นก็ออกจากสนามบิน ยิงยาวไปจุดแรกที่วางแผนไว้เลยครับ วันนี้ตั้งใจจะไปดูวัดสิรินธรวรารามภูพร้าวยามค่ำ ที่เขาบอกว่าสวยงามยิ่งนัก เลยวางแผนไปแวะสถานที่อื่นๆ ก่อน แล้วไปค่ำที่วัดพอดี จุดแรกที่ไปจึงเป็นน้ำตกแสงจันทร์ หรือน้ำตกลงรู อช.ผาแต้ม มีเส้นทางไปหลายเส้น แต่เลือกเส้นที่ผ่านพิบูลมังสาหาร เพราะได้ข่าวว่าซาลาเปาที่นี้อร่อย 555+
ถึงพิบูลฯ จะเห็นร้านขายซาลาเปาอยู่แทบจะทุกหนแห่ง เลือกตามที่สะดวกได้เลยครับ ผมเลือกร้านนี้แวะง่ายดี
เอาทุกใส่เลย ได้อย่างเยอะเลยครับ 1 ชุด กล่องละ 60 บาท อร่อยทุกใส้เลย
และแล้วผมก็มาถึง ถนนนี่แอบโหดแฮะ หลุมจะเยอะไปไหน 55+ ลงรถมาก็ต้องไปวัดไข้ก่อน ตรงจุดวัดไข้มีป้ายบอกสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ละแวกนี้ให้วางแผนกันด้วย
ได้เวลาเดินลงไปชมความงามกันแล้วครับ ลุยๆ
อันนี้คือน้ำตกที่ว่าครับ (เอ้ยย ไม่ใช่ 55+) อันนี้คือด้านบนที่น้ำไหลลงรูครับ เดี๋ยวเราลงไปดูด้านล่างกัน
เดินลงมาประมาณ 50 เมตร ก็ถึงแล้วครับ มองเห็นน้ำตกไกลๆ
และแล้วก็เดินมาถึงครับ เด็กๆ กำลังเล่นน้ำกันอยู่พอดี
มีการบอกสถานการณ์น้ำด้วยครับ เพื่อความปลอดภัย
เป็นน้ำตกที่สวยและแปลกตาดีครับ ไหลลงช่องพอดี ขอแบบใกล้ๆ ซักรูป
จากนั้นก็ขับรถต่อไปยังสถานที่ถัดไป เสาเฉียงและผาแต้มครับ อยู่ไม่ไกลกันมาก
ระหว่างทางไปที่ทำการอุทยาน เราแวะเสาเฉียงได้ก่อนเลยครับ ออกจากด่านมานิดเดียวแล้วจะอยู่ทางซ้าย สวยดีครับ นี่ก็ถ่ายย้อนแสง 55+
ก็ไปต่อไม่ไกลก็ถึงที่ทำการอุทยานครับ
ด้านในมีห้องนิทรรศการด้วย
ดูรายละเอียดคร่าวๆ แล้วก็ลงไปดูของจริงกัน ต้องเดินไกลเอาเรื่องอยู่นะครับ 55+
มาถึงทางลงแล้วครับ ช่องนี้
ลงมาซักหน่อยจะมีป้ายบอกว่าเราต้องเดินไปไกลขนาดไหน 555+
ระหว่างทางลง วิวก็สวยดีครับ นู่นฝั่งลาว
ได้เวลาลงแล้วครับ บันไดชันเอาเรื่องอยู่นะครับ แต่ก็แข็งแรงดี
ถึงทางลาดแล้วครับ เป็นเส้นทางทอดยาวตามริมหน้าผา สวยและแปลกตาไปอีกแบบครับ
บางช่วงนี้เราหลบฝนได้เลยนะเนี้ยะ ผ้ายื่นออกมาแบบนี้
วิวดี แล้วไม่มีคน ขอซักรูปหน่อย 555+
และแล้วเราก็เดินมาถึงแล้วครับ แต่ละจุดจะมีป้ายอธิบายไว้
ของจริงครับ ใหญ่มากครับ ไม่รู้ตอนวาดนี่วาดยังไง คนสมัยนั้น
แล้วก็วาดยาวไปไกลเลยครับ สุดมาก
ได้เวลาเดินกลับแล้วครับ ย้อนกลับทางเดินนะครับ ขอรูปเท่ห์ๆ ตอนเดิน 1 รูป 555+
เดินขึ้นมาก็นั่งพักเหนื่อยซักครู่ ผาแต้มถือว่าเป็นจุดวัดอากาศจุดหนึ่งที่สำคัญของประเทศ เช่น ผาชะได ที่เราฟังวิทยุกันบ่อยๆ ก็เป็นจุดที่มองเห็นแสงแรกของวัน ถือเป็นจุดแรกของประเทศ
จุดชมวิวอีกจุดครับ สวยงามมาก ด้านล่างผานี้ลงไปคือที่ผมลงไปเดินข้างล่างก่อนหน้า
มีเจ้าถิ่นนอนกันอยู่เยอะครับ ท่าทางเป็นมิตรสุดๆ (เหรอวะ 55)
ก่อนกลับขออีกซัก 1 ภาพละกัน แม่น้ำโขงทอดยาวเพื่อออกสู่ทะเล
จากนั้นก็เดินทางไปยังสถานที่ถัดไป วัดถ้ำคูหาสวรรค์ครับ ไม่ไกล
มาถึงแล้วครับ วัดถ้ำคูหาสวรรค์ สร้างโดยหลวงปู่คำคะนิง จุลมณี แม้ท่านมรณภาพแล้วแต่สรีระไม่เน่าเปื่อย ทางวัดยังคงเก็บรักษารสรีระไว้ให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะ ภายในวัดมีความโดดเด่นด้วยฆ้องขนาดใหญ่ เจดีย์ สวนไม้ดอกไม้ประดับ และจุดชมวิวแม่น้ำโขง แม่น้ำมูล บ้านเรือนเมืองโขงเจียมได้
องค์เจดีย์ขนาดใหญ่
เข้าไปด้านในเพื่อกราบสักการะ
มีฆ้องใหญ่อลังการ สวยงาม
จุดชมวิวมุมสูงเมืองโขงเจียม มองเห็นแม่น้ำมูลไหลบรรจบกับแม่น้ำโขงด้วย (แม่น้ำ 2 สี)
ก่อนเดินทางต่อขอซัก 2 ก้อน รองท้อง ^_^
และแล้วก็ได้เวลาไปยังจุดไฮไลท์ของวันนี้ เดินทางไม่ไกล ครึ่งชั่วโมงก็ถึง
มาทันช่วงพระอาทิตย์ตกพอดี แต่พอมาถึงเท่านั้นแหล่ะ คนเป็นล้านครับ 555+
วัดสิรินธรวนารามตั้งอยู่บนเนินเขาสูง โดยจำลองสภาพแวดล้อมของวัดป่าหิมพานต์หรือเขาไกรลาศ บริเวณบนยอดเขาจะมองเห็นพระอุโบสถสีปัดทองตั้งเด่นเป็นสง่า จุดเด่นของวัดคือ การได้มาชมภาพเรืองแสงเป็นสีเขียวของของต้นกัลปพฤกษ์ที่เป็นจิตรกรรมที่อยู่บนผนังด้านหลังของอุโบสถในยามค่ำคืน ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการมาชมและถ่ายภาพคือ ตั้งแต่เวลา 6.00.19.30 น. ซึ่งหากโชคดีก็จะได้เห็นดวงดาวมากมายเต็มท้องฟ้า อีกด้วย
พระอาทิตย์กำลังตกแล้วครับ สวยงาม
เมื่อมาถึงแล้วก็ขึ้นไปกราบพระก่อนดีกว่า
พระพุทธรูปองค์สีทองอร่าม
และแล้วก็ได้เวลาลองความเรืองแสงที่คนพูดถึงกัน ใช้แสงจากโทรศัพท์เขียนข้อความขึ้นมาได้จริงๆ ด้วย
มองด้วยตาอาจไม่ชัดเท่าใช้กล้องถ่ายครับ
อันนี้เป็นด้านหลังอุโบสถเป็นต้นกัลปพฤกษ์รูปใบโพธ์ สวยงามยิ่งครับ
อีกซักมุม
เมื่อเดินมาด้านหน้าจะมีโรงทานอยู่เต็มไปหมดครับ หอมมาก ตั้งใจไว้ว่าครั้งหน้าจะมาอีกครั้งในวันที่คนน้อยๆ จะได้ถ่ายรูปสวยๆ ^_^
ขณะนี้เป็นเวลา 19:00 น. ได้เวลากลับเข้าเมืองอุบลแล้วครับ ยิงยาวๆ ไป ประมาณชั่วโมงนิดๆ
คืนนี้ผมพักที่ T3 House อุบลราชธานี คืนละ +500 ได้โปรจาก Agoda เก็บของเข้าที่แล้ว ดูแล้วว่าเอารถออกน่าจะค่อนข้างลำบากเวลากลับมาดึกๆ เลยเลือกเดินออกไปหาอะไรกินใกล้ๆ ดีกว่า โชคดีมีร้านหมูกระทะอยู่ข้างหน้าพอดี เดินออกมานิดหน่อย ชุดละ 129 บาท อิ่มทีเดียว
มันแน่นมาก ต้องเดินย่อยหน่อย ก็เดินเล่นๆ ไปถึงแถวธนาคารยูโอบี มีร้านน่านั่งลองเข้าไปดู OK เลย
ฟังเพลงชิลล์ๆ สบายๆ
บรรยากาศในร้านครับ
ซักพักก้กลับมานอนละครับ พรุ่งนี้ก็ไปอีกหลายที่ 555+
---- จบวันที่ 1 ----
*** วันที่ 2 ***
วันนี้ตื่นไม่เช้ามากครับ แปดโมงกำลังดี บิดขี้เกียจ แล้วนอนเล่นอีกซักหน่อย ค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่งตัว เช็คเอ้าค์ มีกาแฟขนมปังให้กินฟรีด้วยครับ ข้างล่าง
วันนี้วางแผนไว้ จะเป็นวัดส่วนใหญ่ที่อยู่ในเมืองอุบลฯ ไปที่วัดแรกเลยครับ วัดมหาวนาราม เป็นพระอารามหลวง นะครับ อยู่ไม่ไกลที่พัก แป๊บเดียวถึง
วัดมหาวนาราม ชาวบ้านนิยมเรียกกันทั่วไปว่า "วัดป่าใหญ่" เป็นวัดเก่าแก่และถือเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดอบุลฯ เดิมเป็นเพียงสำนักสงฆ์ฝ่ายวิปัสสนากัมมัฎฐาน เป็นวัดที่สวยงามอีกวัดเลยครับ
อุโบสถสวยงามมากครับ
ด้านในประดิษฐานพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยลักษณะศิลปะแบบลาว ขนาดหน้าตักกว้างประมาณ 3 เมตร สูงจากเรือนแท่นถึงเปลวพระโมลี 5 เมตร ก่ออิฐถือปูน ลงรักปิดทอง เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของชาวอุบลและใกล้เคียง ข้างในสวยมากครับ
เก็บภาพด้านนอกอีกซักมุม
จากนั้นก็ไปหาอาหารเช้ากินซักหน่อย มีร้านดังเก่าแก่อยู่แถวนี้ไม่ไกลมาก เดินไปได้
เดินมาถึงพอได้ออกกำลังกาย เข้าไปกันเลยครับ
บรรยากาศภายในร้านครับ
มาแล้วครับของขึ้นชื่อของที่นี้ ขนมปังกินกับซุปน้ำสำรอง อร่อยแบบแปลกๆ ดีครับ
และที่ขาดไม่ได้ก็ก๋วยจั๊บยวน อร่อยอย่าบอกใคร
อิ่มแล้วก็เดินกลับวัดไปขับรถออกมา (จริงๆ ขับมาจอดแถวนี้ก็ได้ 555+) ไปยังวัดต่อไป 5 นาทีถึง
วัดทุ่งศรีเมือง ตั้งอยู่ในเขตกลางใจตัวเมืองอุบลฯ เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมอันงดงามมากมาย ที่แนะนำเลยคือ “หอไตรกลางน้ำ”
เป็นหอพระไตรปิฏกที่สร้างด้วยไม้ตั้งอยู่กลางสระน้ำ มีลักษณะผสมผสานกันระหว่างศิลปะของไทย ลาว และพม่า
เข้าไปดูด้านในหน่อย สวยงามดูขลังมาก (ขี้นกจะเยอะหน่อยๆ ระวังด้วย)
ส่วนนี้เป็นตัวอย่างพระไตรปิฏกครับ
ถวายสังฆทานซักหน่อยแล้วก็ไปยังวัดถัดไปครับ วัดพระธาตุหนองบัว ประมาณ 15 นาทีครับ
ถึงเรียบร้อย วัดพระธาตุหนองบัว เป็นวัดที่มีชื่อเสียงและสำคัญของอุบล มีพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ พระธาตุประจำปีเกิดปีมะเส็ง และรูปปั้นพญานาคราช 2 องค์ ขนาดใหญ่งดงาม ที่ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าพระเจดีย์ โอ้โห อลังมากครับ
ผมชอบมุมนี้สุดๆ เลย ดูขลังและมีอะไรมาก
พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ที่จำลองแบบมาจากเจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
ภายในพระธาตุครับ วิจิตรสวยงามมากครับ
เหลืองทองอร่าม งามตามากครับ เข้าไปนั่งข้างใน ก็รู้สึกสงบ ทั้งๆ ที่มีผู้คนมากมาย
นั่งอยู่ซักพักแล้วก็ออกมา เพื่อยิงยาวไปยังสถานที่ถัดไป ชั่วโมงครึ่งครับ เอาเรื่องทีเดียว
และแล้วผมก็มาถึงครับ สถานที่ท่องเที่ยวที่มาอุบลฯ แล้วต้องมา สามพันโบกนั้นเอง
มีห้องนิทรรศการด้วย ไปเดินอ่านตำนานกันได้ครับ
ดูรูปแล้วช่างสวยงาม ธรรมชาติรังสรรค์แท้ๆ
เอาหล่ะไปดูของจริงกันบ้าง
แต่...เอิ่ม...ผมมาผิดฤดูครับ เขามาฤดูแล้งกัน มาฤดูฝนน้ำก็ท่วมหมดสิ 555+
กลาง ต.ค. น้ำกำลังหลากเลย เนื่องจากพายุเข้า ต้องมาช่วง ธ.ค. ถึง มี.ค. ครับกำลังสวยเลย
ไหนๆ ก็มาแล้ว ต้องหาอะไรให้รู้สึกว่ามาแล้วคุ้ม ไม่ยอม เจอร้านข้าวราคาอย่างถูก 555+
รออะไร สั่งเลยสิครับ หมดนี้ไม่ถึง 200 บาท อร่อยอีกต่างหาก ^_^
อิ่มแล้วก็เดินทางต่อไปยังสถานที่ถัดไป ไม่ไกลจากนี้ครับ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงถึง
วัดปากแซง ชาวบ้านจะนิยมเรียกกันว่าวัดพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ เพราะมีพระพุทธรูปเก่าแก่ปางมารวิชัย สร้างด้วยอิฐผสมปูนขาว ขนาดหน้าตักกว้าง 2.90 เมตร สูง 4.36 เมตร และเป็นที่เคารพนับถือ ของทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาว
พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ ดูศักดิ์สิทธิ์มากครับ ห้ามยืนถ่ายรูปด้วยนะครับด้านใน ต้องนั่งถ่าย
ปกติข้ามเรือจากฝั่งลาวมาได้ มีบันไดเดินขึ้นมาจากริมน้ำ แต่ช่วงนี้โควิดเลยมายังไม่ได้
ไหนๆ ก็ได้มาแล้ว ปล่อยปลาไหลซักหน่อย ไม่ว่าจะเกิดวันไหน ป้าแกคิด 100 บาท เท่ากันหมด ผมวันศุกร์ 21 ตัวไปเลย 555+
อิ่มบุญแล้วก็เดินทางไปยังสถานที่ถัดไป วัดสี่แยกแสงเพชร ไกลอีกแล้วครับ อำนาจเจริญนู้น จริงๆแล้ว 2 จุดวันนี้น่าจะมาพร้อมกับที่มาเมื่อวาน ที่ตั้งสามพันโบกอยู่ไม่ห่างจากน้ำตกแสงจันทร์เลยแต่เวลาไม่พอ เลยดูย้อนไปย้อนมานิดๆ 555+
คิดว่ามาถึงแล้ว สรุปเลี้ยวผิดครับ ผิดวัด >_< ต้องไปอีกเส้น อันนี้ข้างล่าง เราต้องขึ้นไปบนเขา 555+ ตรงจุดนี้คือวัดถ้ำแสงเพชรครับ มีซุ้มไผ่สวยดี
และแล้วก็มาถึงซักที วัดสี่แยกแสงเพชร ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดถ้ำแสงเพชรที่หลงไปเมื่อกี้ ภายในวัดบรรยากาศร่มรื่น กว้างขวาง และมีสิ่งก่อสร้างที่งดงามมาก ทั้ง พระสถูปเจดีย์ อุโบสถ พระนอนขนาดใหญ่ที่มีพุทธลักษณที่งดงาม
ตัวอุโบสถเป็นศาลาขนาดใหญ่สีน้ำตาลอ่อนที่สร้างด้วยหินขัดมันและลวดลายแกะสลัก สวยงามมากครับ
ด้านหน้าอุโบสถมีรูปปั้นพญานาคสีขาวและรูปปั้นสิงโตอยู่เคียงคู่กัน ดูเข้ากันดีครับ
ภายในประดิษฐานพระประธานองค์เล็กสีขาว มีรูปของพระโพธิญาณเถระ (หลวงปู่ชา สุภัทโท) ด้วยครับ
ขึ้นไปด้านบนถัดจากสถูปเจดีย์ จะเห็นพระนอนที่มีพุทธลักษณะที่งดงามมาก เชื่อกันว่าการได้มากราบไหว้บูชาพระนอนที่นี้แล้ว ถือเสมือนเป็นการได้เข้าเฝ้ารับฟังปัจฉิมโอวาทที่พระุทธเจ้าทรงแสดงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเสด็จดับขันปรินิพานด้วยล่ะ
เกือบจะห้าโมงเย็น วัดจะปิดแล้ว ก็ได้เวลาไปที่พักต่อ วันนี้นอนที่อำนาจเจริญ ดูใน Agoda รีวิวไว้ดีเยี่ยม ไกลเมืองไปหน่อย แต่ดูแล้วก็น่าจะโอเค
เก็บของเสร็จได้เวลาออกหากิน ขับรถวนเล่นอยู่รอบนึง เมืองไม่ใหญ่มาก สรุปก็ได้ร้านหมูกระทะอีกแล้ว 555+ อยู่แถวๆ นี้ Google map ยังไม่มี
ร้านนี้เลยครับ แถวนี้ร้านหมูกระทะเยอะมาก แต่มีร้านนี้ร้านเดียวที่คนดูเยอะ ลองเลยแล้วกัน 55+
สั่งมา 1 ชุด คนเดียวเท่านี้พอ ในราคาร้อยนิดๆ
อลังไหมหล่ะครับ อร่อยจริงๆ ร้านนี้ แนะนำเลย
อิ่มแล้วก็ได้เวลากลับโรงแรม กลับแบบงงๆ อิ่มแบบงงๆ (งงกับตัวเองหมูกระทะ 2 วันติด 555+)จากนั้นก็อาบน้ำนอน วันนี้เดินทางเยอะแอบเพลีย แต่สุดท้ายกว่าจะหลับก็เกือบเที่ยงคืน มัวแต่เล่นเกมส์ coin Master อยู่
---- จบวันที่ 2 ----
*** วันที่ 3 ***
ตื่นเช้ามาพร้อมสายฝน เล่นเอาแทบไม่ยากลุกจากเตียงเลย เย็นสบายดีแท้ แต่ก็ต้องดันตัวเองลุกไปอาบน้ำ แต่งตัว ฝนตกเย็นชุ่มฉ่ำ
ต้องเดินออกมากินข้าวเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม ระหว่างรอก็ชมบรรยากาศของโรงแรมท่ามกลางสายฝน
ไม่นานอาหารที่สั่งก็ได้แล้วครับ ที่นี้เขาให้มารับเอง ตรงนี้ครับ
มีขนมปังกับกาแฟให้ด้วย
นี่อาหารเช้าครับ ไข่กระทะ+ข้ามต้ม อร่อยดีครับ
จากนั้นก็ยิงยาวเลยครับ ขับรถชิลล์ๆ ไป (ขับเร็วไม่ได้ฝนตก 55) ถึงพระธาตุพนมฯ ก็เกือบเที่ยง
มาถึงฝนก็หยุดตกพอดี วันนี้วันหยุดยาวคนเยอะ ได้ที่จอดรถไกลเลยครับ แต่ก็ได้มุมถ่ายรูปสวยไปอีกแบบ
เดินผ่านสถูปอิฐของพระธาตุองค์เดิมที่เคยพังลงมาด้วยครับ (ไหว้)
และแล้วก็เดินผ่านประตูเข้ามา โดนยิงหัวไป 2 ที เครื่องไม่ติด 555+ มาถึงก็ไปกราบพระก่อน
พระธาตุพนม เป็นพระธาตุประจำของเกิดปีวอก และคนเกิดวันอาทิตย์ เชื่อกันว่า ถ้าใครได้มานมัสการพระธาตุครบ 7 ครั้ง จะถือว่าเป็น “ลูกพระธาตุ” ได้รับอานิสงค์บุญบารมี มีคนเคารพนับถือ ชีวิตดี เจริญรุ่งเรือง
วัดนี้ผมมาบ่อยมากครับ ถ้าได้เฉียดมาแถวนี้เมื่อไหร่เป็นอันต้องแวะมา อีกซักรูปละกัน
จากนั้นก็เดินกลับทางเดิมว่าจะกลับไปที่รถ แต่เดินเลยไปหน่อยดีกว่า ไปถ่ายรูปประตูไซธาตุพนม
มุมมองทะลุไปยังพระธาตุ (กว่าจะรอรถว่างได้ 55+)
ด้านหลังก็กำลังจะทำเป็นถนนวัฒนธรรมครับ ยาวไปสุดท่าเรือเลย
ท่าเรือครับ เป็นด่านพรมแดนด้วย เพราะพี่น้องชาวลาวก็ข้ามมาซักการะพระธาตุพนมกันเป็นปกติ (แต่ช่วงนี้ผิดด่าน เลยดูเงียบๆ)
จากนั้นก็ขับย้อนกลับมามุกดาหารครับ เพราะคืนนี้นอนนี่ 55+ แวะสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 เสียหน่อย
เป็นสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ครับ ฝั่งตรงข้ามเป็นสะหวันนะเขต
ปกติจะมีคนเยอะครับ แต่วันนี้ฝนตก เงียบเลย 555+
เอ้า อีกซักมุม ไหนๆ ก็มาแล้ว >_<
บริเวณใกล้ๆ มีเรือนจอมเพชรที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับบูชาพ่อปู่พญานาค อนันตนาคราช ด้วยครับ คนเยอะมาก
เสร็จแล้วก็ได้เวลาไปเช็คอินที่โรงแรม ขับรถ 15 นาทีถึงครับ
วันนี้เลือกพักโรงแรมริมแม่น้ำโขง ราคาไม่แรงเท่าไหร่ 600 บาท จองมากับ Agoda รวมอาหารเช้า ด้านหน้าโรงแรมก็จะเป็นตลาดอินโดจีน แต่ช่วงนี้จะดูเหงาๆ หน่อย ด่านปิดด้วย
อีกซักมุมของโรงแรมครับ ลงมาก็เดินชมของได้เลย สำหรับสายช็อป
ส่วนผมนั้นเก็บของเสร็จก็เดินเล่นครับ ไปเรื่อยๆ
เลาะไปเรื่อย หลังบ้านใครไม่รู้ 555+
เดินมาเรื่อยๆ ชักเริ่มไกลแฮะ 555+
เดี๋ยวจะไกลไปกว่านี้แวะร้านนี้ดีกว่า "นัดพบริมโขง" ดูบรรยากาศดี
ฝนตกซะแล้ว กลับไม่ได้ซักหน่อยละกัน >_<
สั่งอาหารนั่งฟังเพลงชิลล์ มีดนตรีด้วย เพลงมีหลายแนว
ตามด้วยอาหารชุดใหญ่ (สั่งไม่ได้สนเลยว่าจะหมดไหม 555+)
นั่งไปนั่งมา ลืมเวลา อ่าวเห้ย มืดแล้ว จะเดินกลับยังไง 555+กว่าจะถึงโรงแรมก็เล่นเอาปวดขาเหมือนกัน ตอนเดินไปไม่ได้คิดถึงตอนกลับเลย พอถึงห้องก็อาบน้ำ เล่นเกมส์ แล้วก็นอน...
---- จบวันที่ 3 ----
*** วันที่ 4 ***
วันนี้ไม่ต้องรับตื่นเช้า เพราะไม่มีแผนไปไหนเยอะ เหลือเก็บตกอีก 1 วัด เนื่องจากเมื่อวานฝนตกเลยไม่ได้ขึ้น สายๆ ก็อาบน้ำแต่งตัว ขึ้นไปกินข้าวเช้าชั้นบนสุดของโรงแรม เป็นห้องอาหาร
วิวแอบดีแฮะ มุมวิวเมืองและก็แม่น้ำโขงได้เลย
กินข้าวไป กินกาแฟชิลล์ๆ ไป มองวิวไป รู้สึกดีแฮะ
ก่อนลงมาขอเก็บแบบพาโนฯ ซักรูป
แถมๆ วิถีชีวิตชาวประมงแม่น้ำ ก็ดูชิลล์ๆ
จากนั้นก็ได้เวลาเช็คเอ้าค์เพื่อไปยังสถานที่ถัดไป อยู่ไม่ห่างจากโรงแรมมากนัก
เมื่อวานมาแล้วฝนตกเลยไม่ได้ขึ้น เพราะจะต้องจอดรถไว้ข้างล่างแล้วใช้บริการรถสองแถวขึ้นไป แบบนี้
และแล้วก็ขึ้นมาถึงครับ วัดภูมโนรมย์ หรือ วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ เป็นวัดที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของประเทศก็ว่าได้ ตั้งอยู่บนยอดเขาที่สามารมองเห็นทิวทัศน์ของจังหวัดมุกดาหาร แม่น้ำโขง และแขวงสะหวันนะเขตของลาว ไปจุดแรกกันก่อนเลย ไหว้พระใหญ่
ดอกไม้ ธูป เทียน พร้อม
สามารถเดินขึ้นไปข้างบนได้ (ยังสร้างไม่เสร็จ)
เราจะขึ้นมาได้ถึงชั้นที่เป็นฐานพระพุทธรูปตรงนี้ครับ วิวดีจริงๆ ครับ บนนี้
พระเจ้าใหญ่แก้วมุกดาศรีไตรรัตน์
มีจุดให้ได้สักการะขอพรข้างบนนี้ได้อีกด้วย
ขอแบบพาโนฯ อีกซักรูป เห็นพญานาคตรงนั้นไหมครับ เราจะไปที่นั้นกัน
ระหว่างทางเดินไปจะมีผ้าสีแดงผูกอยู่ตลอดทาง
ใกล้ถึงแล้วครับ ดูสมจริงแฮะ
พอมาดูใกล้ๆ แล้วขนลุกครับ องค์พญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราช เหมือนมีชีวิตเลย สมจริงมากๆ
อีกซักมุมครับ มุมนี้สวยและมีความหมายมาก
เอาเป็นว่าอีกซักรูปแล้วกันครับ ให้ดูความยิ่งใหญ่
ไหนๆ ละ แถมอีกซักมุมครับ นี่ผมชอบจริงๆ นะ เห็นแล้วมัน touch มาก 555+
อยู่ทางนั้นจนหน่ำใจแล้วก็ย้ายมาอีกมุมบ้าง
เดินจนเหนื่อย ก็มีร้านกาแฟชิลล์ห้นั่งพักครับ ชื่อร้านพอใจ มีเมนูเยอะทีเดียว
มีขนมไทยวางขายด้วยนะ น้ำชาดื่มฟรี
ได้กาแฟแล้วก็ออกมานั่งดื่มทั้งกาแฟและบรรยากาศข้างนอก อิ่มจริงๆ ทั้งกายและใจ
สมควรแก่เวลา ได้เวลากลับแล้วครับ แต่ดูเวลาแล้วจะไปนั่งรอที่สนามบินก็จะเบื่อไป หาร้านกาแฟชิลล์นั่งรอก่อนไปสนามบินดีกว่า หาอยู่นานเลยได้ร้านมานาเด้อ ขับรถยาวๆ ไป 2 ชั่วโมง
ถึงแล้วครับ ถ้าไม่ใช่คนอิสานจะคิดว่าร้านนี้มีชื่อภาษาฝั่งเศส 555+
คนอย่างเยอะเลยครับ มาผิดที่ป่าวเนี่ยะ แสดงว่าต้องอร่อยแหล่ะ คนถึงเยอะ คิดบวกเข้าไว้ 555
สั่งข้าวกระเพราหมูกรอบไป เฮ้ยย ใช้ได้หว่ะ อร่อยนะเนี่ยะ
อิ่มแล้ว แต่อีกตั้งนานกว่าจะหกโมงเย็น สั่งของหวานเพิ่มอีกซักอย่าง จัดเต็ม หึหึ
อร่อยมากครับ อย่างจุกเลย ต้องลุกเดินย่อยกันเลยทีเดียว บรรยากาศก็ดี มีมุมถ่ายรูปเยอะ
มีสะพานไม้ยื่นไปในทุ่งนาด้วย
เดินไปจนสุดทางมีกะท่องสองชั้น ขึ้นชั้นบนถ่ายกลับมา บรรยากาศบริเวณร้าน
มองดูนาฬิกาก็ได้ฤกษ์แล้ว กลับสนามบินเถอะ เดี๋ยวตกเครื่อง 55+ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
คืนรถ เช็คอิน รอเรียกขึ้นเครื่อง
กลับละ บ้าย บาย อุบลราชธานี แล้วพบกันใหม่
กลับถึงกรุงเทพมหานครโดนสวัสดิภาพ
---- จบการเดินทาง ----
เป็นอีกหนึ่งการเดินทางที่ผมรู้สึกประทับใจและคิดว่าคุ้มค่ามาก มันรู้สึกอิ่ม จะว่าผมเวอร์ก็ว่าเถอะ แต่ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่ทำบุญ ไหว้พระ แต่ธรรมชาติที่ไปพบเจอนั้น มันทำให้ผมหายเครียดจากสิ่งต่างๆ ที่ผมแบกอยู่ตอนอยู่กรุงเทพฯ เหมือนไปเติมพลังเพื่อกลับมาต่อสู้อีกครั้ง ยังไงก็อยากให้ลองไปดูครับ รับรองไม่ผิดหวัง แล้งพบกันใหม่ทริปหน้านะครับ สวัสดีและขอบคุณมากครับ ที่อ่านจนจบ ^_^
สรุปค่าใช้จ่าย
- ค่าตั๋วเครื่องบิน (ไป-กลับ) ช่วงโปร 225 บาท
- ค่าเช่ารถ 3 วันๆ ละ 399 รวมประมาณ 1,200 บาท
- ค่าโรงแรม 3 คืน รวมประมาณ 1,500 บาท
- ค่าน้ำมัน ประมาณ 1,200 บาท
- ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ประมาณ 2,000 บาท
- ค่าเบ็ดเตล็ดอื่นๆ ประมาณ 200 บาท
รวมค่าใช้จ่ายในทริปนี้ทั้งสิ้นประมาณ 6,300 บาท
ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ได้ที่
Blog : https://goalonetravel.blogspot.com/
FB Page : https://www.facebook.com/คนเดียวก็ไปเที่ยวได้-1238634139627858/
GoAloneTravel
วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 23.44 น.