"รักป่า รักเขา รักเราบ้างก็ได้นะ"

เปิดบทมาน้ำเน่าอีกแระ55555

สวัสดีค่ะทุกคนนนนนนน

         ช่วง Covid-19 ระลอก 2 นี้ อยากไปไหนก็จะลำบากหน่อย นอกจากการหนีเข้าป่า พาตัวเองไปใช้เวลา

กับธรรมชาติ ให้ธรรมชาติบำบัดซะหน่อย

เคยเป็นมั้ยคะ? จู่ๆ คิดอยากทำอะไรก็ตัดสินใจทำเลย.....ไม่ถามใครด้วย เพราะอยากทำมากๆ

         ครั้งนี้จู่ๆเรา ก็อยากเรียนขี่ม้า...เลย search หาข้อมูลใน internet ว่า จ.เลยที่เราอยู่เนี่ย มีที่ไหนบ้าง

แล้วเราก็เจอข้อมูลจ้าาาาาา แถมวิวที่เราเจอก็อยู่บนเขาด้วย ภาพเลยติดอยู่ที่หัวทั้งคืนเลยจ้าาาาาาาา

แต่ๆๆๆๆ จะชวนใครไปล่ะ? คนรู้ใจก็ไม่มี แงๆๆ เศร้าไปอีก....เพื่อนก็คงไม่ชอบแนวลุยๆแบบนี้แน่....โอ๊ย!!! จะ

ดราม่าทำเพื่อ???? ปลอบใจตัวเองด้วยประโยคที่ว่า  "เป็นโสดต้องอดทน สิบล้อชนต้องไม่ตาย" !!!5555

          เอาวะ!!! ไปคนเดียวก็ได้.....พอตัดสินใจแล้ว วันถัดมาเราก็ทำการติดต่อกับที่พัก และครูสอนขี่ม้าเลยค่ะ 

เวลาเรามีน้อยนิด (งานกองท่วมหัว ชอบทำตัวชิล55555) เลยบอกกับทางที่พักและครูสอนขี่ม้าว่า จะไป

นอน 1 คืน และ อีก 1 วันเราก็จะเรียนทั้งวัน ขอวิวสวยๆด้วย  พอเข้าใจตรงกัน ก็ทำการจอง จองด้วยปาก

เปล่าด้วยนะ5555

          ขั้นตอนต่อไปคือ ขออนุญาตท่านพ่อและท่านแม่55555 เนื่องจากว่าเราอยู่กับพ่อกับแม่ค่ะ ถึงจะโต

ขนาดนี้แล้วเราก็ต้องบอก บอกเพื่อให้พ่อแม่ไม่เป็นห่วงเราค่ะคือเนื่องจากเราเป็นผู้หญิง และเดินทางคน

เดียว เราเลยต้องรอบคอบนิดหนึ่งค่ะ เจ้าของที่พักเป็นผู้หญิงและมีลูกสาว ส่วนครูสอนขี่ม้าเป็นผู้ชาย โอเค

ข้อมูลที่ได้ก็บอกต่อกับพ่อแม่ และพี่ชาย คนรอบข้างเอาเป็นว่าไม่อันตรายแระ


*****************************************************************

ข้อมูลคร่าวๆ นะคะ ^^

1. ที่พักชื่อว่า ณัฐชนันท์ฟาร์ม ที่พักโฮมสเตย์ และโรงเรียนสอนขี่ม้า ค่ะ หาใน Facebook ได้ค่ะ ที่พักเพิ่ง

เปิดบริการใหม่เอี่ยมเลยค่ะ เปิดได้ประมาณ 2 เดือน เจ้าของที่พักชื่อคุณสุค่ะ ส่วนคุณครูที่สอนเราขี่ม้า ชื่อ

ว่า คุณครู ประสาท ปิติเจริญค่ะ สอนเรา 1 วันเต็ม สอนเก่ง จนเราขี่ม้า ขึ้นเขา ลงเขาได้ ที่สำคัญเราสามารถ

ขี่แบบ canter (การขี่ม้าแบบโขยกได้ค่ะ แอบเสียวสันหลังวาบบบบบบ แต่ก็สนุกดีค่ะ) สามารถโทรสอบถาม

ข้อมูลได้ที่เบอร์ 064-6187687 นะคะ ใครอยากเรียนแบบไหน ลองเสนอคุณครูประสาทได้ค่ะ เราเรียนคอร์ส

เร่งรัด 2 วัน 1 คืนค่ะ มีแบบ 3 วัน 2 คืน หรือ 15 วันก็มีนะคะ หรือใครอยากไปแค่ 1 วันเต็มไม่นอนค้างก็ลอง

เสนอคุณครูประสาทได้นะคะ

2.มีโอกาสเจอทะเลหมอกตอนเช้าค่ะ แต่เรานั้นดวงไม่ค่อยมี อดเจอ อุตส่าห์ตื่นตั้งแต่ 6 โมง ตื่นเช้ากว่าไป

ทำงานอีก5555

3.เหมาะกับสายลุยขั้นต้น จนถึงสายลุยขั้นสุดค่ะ...อีกอย่างเหมาะกับคนที่ enjoy กับ ธรรมชาติจริงๆค่ะ

4.อารมณ์เหมือนไปเข้าค่ายลูกเสือค่ะ สนุกดี มีก่อกองไฟตอนกลางคืนด้วย บรรยากาศหนาวๆๆๆ

5.ที่พัก ตอนนี้มีแค่ 3 หลังค่ะ 1 หลังสำหรับเจ้าของที่พัก อีก 2 หลังสำหรับลูกค้าค่ะ กับเต้นท์อีก 2 ค่ะ ผู้

หญิงไปคนเดียวไม่น่ากลัวนะคะ เราลองมาแล้ว ^^ ไม่มีไฟฟ้านะคะ แต่มีไฟจากโซล่าเซลล์ค่ะ ห้องน้ำแยกจาก

ที่พักค่ะ ไม่มีน้ำอุ่นค่ะ อุณหภูมิประมาณ 10 กว่าองศานะคะ ตอนนอนไม่รู้สึกหนาวเพราะผ้าห่มเพียงพอค่ะ เรา

เอาถุงนอนไปเผื่อค่ะ

6.เตรียม Power bank ให้พร้อมนะคะ เราเตรียมไปก้อนเดียว หมดตั้งแต่ตอนกลางคืนแล้วค่ะ ตอนเช้ามาก็

ยืมทางที่พักชาร์จมือถือ

7.ที่พักเราได้ราคาช่วงเปิดที่พักใหม่ ช่วงโควิดด้วยแหละ เราจ่ายไปในราคา 1,200 บาทค่ะ รวมอาหารมื้อเย็น 

(หมูกระทะ ลูกชิ้นปิ้ง) 1 มื้อ มื้อเช้า (ขนมปัง ผลไม้ โอวัลติน) 1 มื้อ มื้อเที่ยง (ก๋วยเตี๋ยว) 1 มื้อ และรวมเรียนขี่

ม้าทั้งวันค่ะ

8. เราเริ่มเรียนขี่ม้า เวลา 9.00 น.ค่ะ เราเป็นคนกำหนดเวลาเองค่ะ เรียนภาคทฤษฎีประมาณ 40 นาทีค่ะ 

จากนั้นก็ได้ลองขี่ม้าจริงในสนามประมาณ 1 ชม.ค่ะ พอ 11.30 น.ก็พักเข้าห้องน้ำ พักผ่อนนิดๆค่ะ บอกเลยว่า 

เวลาเล่นมือถือไม่ค่อยมีค่ะ พอตอนเที่ยงครูฝึกบอกว่าจะพาขี่ม้าลงเขาไปกินก๋วยเตี๋ยวในหมู่บ้านค่ะ (แอบตื่น

เต้นเหมือนกันเพราะไม่ได้ขี่แค่ในสนามทางราบแล้ว มีทั้งลงเขา ขึ้นเขา ลุย)

9.พอทานก๋วยเตี๋ยวเสร็จแล้ว ก็ขี่ม้าขึ้นเขา ลงเขา ผ่านสวนยางพารา ห่างจากที่พักไปอีกประมาณ 2 

กิโลเมตรค่ะ เพื่อไปชมธรรมชาติ ลำธารเล็กๆ น้ำตกเล็กๆค่ะ เราเตรียมน้ำ ขนม ผลไม้ไปกินด้วยค่ะ อย่าลืม

เก็บขยะกลับมาด้วยนะคะ เราชอบที่นี่มาก ถอดรองเท้า เอาเท้าแช่น้ำ แล้วก็ enjoy มากค่ะ เพราะมีเด็กๆ ไป

ด้วย 2 คน ลูกเจ้าของที่พัก และเพื่อนของลูกเจ้าของที่พักค่ะ เด็กๆก็เล่นน้ำ หาสาหร่ายน้ำจืด (คนเมืองเลย

เรียกว่า เทา ค่ะ) นั่งดูเด็กๆ ก็เพลินดีค่ะ

10.เตรียมตัวเตรียมใจว่าก้นระบมแน่ๆ55555 ขี่ม้าทั้งวัน ตอนขี่ม้าสนุกและตื่นเต้นมาก ตอนนี้ก็ทนปวดก้น

ต่อไปจ้า55555

11.ใครที่ต้องการความสะดวกสบายจ๋าาาา คาเฟ๋เก๋ๆ ที่นี่อาจจะไม่เหมาะนะคะ

12. เสื้อผ้า รองเท้าบูท หมวก เราเตรียมไปเองค่ะเพื่อความเท่ล้วนๆ5555 แต่ถ้าใครไม่มีบูท ทางที่พักมีให้ยืมนะคะ

13.เราไปคนเดียวแต่ได้รูปและวิดีโอเยอะมาก เพราะคุณสุ เจ้าของที่พัก ถ่ายให้เราทุกวินาทีเลยค่ะ555

14.รวมๆแล้วเราว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปค่ะ^___^


*****************************************************************

เอาล่ะ เรามาเริ่มทริปกันเลย

วัน ศุกร์ที่  22 มกราคม 2563

        เราเดินทางจากออกจากบ้าน  เวลาประมาณ 15.30 น. ค่ะ ขับแบบเร็วเลย555 จุดหมายปลายทางที่เรา

จะไปคือ หมู่บ้านสำราญ ต.ท่าศาลา อ.ภูเรือ จ.เลยค่ะ พอไปถึงหมู่บ้านเราก็โทรหาทางที่พักที่เราประสานไว้ 

พอเจอกันเราต้องจอดรถไว้ที่บ้านของคุณสุ (เจ้าของที่พักค่ะ) แล้วก็ขึ้นรถของทางที่พักค่ะเพื่อไปซื้อของที่

ตลาดค่ะ แล้วก็ขนของเครื่องใช้เราขึ้นรถนะคะเนื่องจากว่าเราต้องขนอุปกรณ์ทุกสิ่งอย่างขึ้นไปนอนบนเขา

ค่ะ

เห็นฝุ่นที่เกาะรถของทางที่พักแล้ว...ใช่ค่ะ ทางเป็นฝุ่น5555

แวะซื้ออาหาร เพื่อไปทำอาหารกินบนเขาค่ะ เราไม่ต้องทำนะคะ ทางที่พักจะเตรียมให้เราค่ะ

พอซื้อของเสร็จ ประมาณ ห้าโมงกว่าๆเราก็มุ่งหน้าขึ้นไปบนเขาค่ะ ใช้เวลาขึ้นเขา ผ่านสวนยางพารา

ประมาณ 20 นาทีค่ะ

ถึงแล้วค่ะที่พักเราคืนนี้ นอนหลังนี้คนเดียว ส่วนหลังทางขวามือนั้น คุณสุ และน้องป๋อมแป๋ม (ลูกสาวคุณสุ 

มานอน เราก็อุ่นใจ ไม่น่ากลัวค่ะ)

อากาศบนเขาก็เริ่มเย็น ภาพนี้ก็ดูเหง๊าาาา เหงาจริงๆ แต่วิวก็สวย ทดแทนความเหงาได้5555

เจอน้องม้าแล้ววววว ตื่นเต้น พรุ่งนี้จะได้เรียนแล้ววววว

ลานขี่ม้าที่เราจะเรียนพรุ่งนี้ค่ะ

ถ่ายรูปให้พอใจ

ห้องน้ำค่ะ เราใช้ห้องขวามือ ไม่มีใครใช้กับเราค่ะ น้ำเย็นนะคะ ดีที่เราตัดสินใจอาบน้ำมาจากบ้านก่อนมาที่

นี่5555 เราเลยไม่ต้องอาบน้ำเย็น ^^

หรือถ้าใครอยากนอนเต๊นท์แบบนี้ก็ได้นะคะ น่าจะเย็นน่าดู

ตกแต่งเต้นท์ด้วยไฟ เราเตรียมมาเอง เพื่อความโรแมนติกแบบเหงาๆค่ะ5555

ที่นอนไม่ต้องเตรียมไรมานะคะ ทางที่พักมีให้ค่ะ แต่เรากลัวหนาวเลยเตรียมถุงนอนมาเผื่อค่ะ

พอเริ่มมืด อากาศก็เย็นมากๆ หมูกระทะเท่านั้น เยียวยาทุกอย่าง 

นั่งข้างกองไฟคืออุ่นมาก พอออกจากกองไฟนี่ หนาวจริงๆ

พอทานอิ่มแล้ว นั่งคุยทำความรู้จักกับคุณครูประสาทและคุณสุไปเรื่อยก็เริ่มง่วง เราเลยขอตัวไปล้างหน้า

แปรงฟัน และเข้านอนค่ะ จำได้ว่าเข้านอนประมาณ สามทุ่มกว่าๆ

นั่งดูดาว เพิ่ม level ความเหงาซะหน่อย ไปให้สุด แล้วเข้านอนจ้า55555

ฝันดีนะคะทุกคน นอนแระ ^^

วันเสาร์ที่ 23 มกราคม 2563

Morning ค่ะทุกคนนนนนนน รีบตื่นมาเพื่อจะดูทะเลหมอก แต่แห้วตามเคยจ้าาาา ดวงในการดูทะเลหมอก

เราไม่ค่อยมี555

ไม่เป็นไร วิวก็ยังสวยอยู่ดี ฟินนะจ๊ะ ตื่นมาวิวแบบนี้

นั่งเล่นมือถือไปสักพัก ก็ได้เวลาไปทำธุระส่วนตัว ล้างหน้าแปรงฟัน น้ำจะอาบไม่อาบแล้วแต่จะพิจารณาค่ะ 

เพราะอุณหภูมิ 14 องศาค่ะ555

เมื่อทำธุระเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาอาหารเช้าค่ะ 

กะจะนั่งกินไรตรงนี้ แต่ควันไฟไม่เป็นใจ ย้ายที่ก็ได้555

ย้ายมากินบนบ้านก็ได้จ้า....อย่าตกใจนะคะ เราทานไม่หมด เราทานนิดๆก็อิ่มแล้ว

พอทานอิ่มแล้ว ก็ถ่ายรูปจ้า เก็บบรรยากาศซะหน่อย

น้องป๋อมแป๋ม จูงน้องซูก้ามาให้เราถ่ายรูปด้วย

ล่อด้วยมันแกวค่ะ จั๊กกะจี้มือ555

จากนั้นทำนู่นนี่นั่น ทำธุระส่วนตัว ก็ได้เวลานัด 9.00 น.กับคุณครูประสาทแล้วค่ะ

เอาล่ะ เริ่มเรียนทฤษฎี ประมาณ 40 นาทีค่ะ เพื่อให้เราเข้าใจเรื่องม้า การบังคับม้า คุณครูบอกว่าให้เราใช้

ความรู้สึก ตอนแรกเราก็แอบงงๆ ยิ่งตอนขี่ม้าจริงๆนะ พยายามควบคุมสติไม่ให้สติแตก555 เอาจริงๆ แอบ

ตื่นเต้น กลัวทำผิดด้วย5555

พอเรียนทฤษฎีเสร็จครูก็ให้เราขี่ม้าจริงๆค่ะ ฝึกขี่ที่ลานนี้ประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ น้องตัวนี้ชื่อว่า บราวน์นี่ค่ะ  ม้า

ที่นี่มี 3 ตัวค่ะ มีน้องบราวน์นี่ ซูก้า และแบล็คกี้ค่ะ ทั้งสามตัว เป็นตัวผู้หมดค่ะ

พอฝึกขี่ม้าขั้นพื้นฐานได้แล้ว ก็ได้เวลาถ่ายรูปกับน้องบราวน์นี่ซะหน่อย

ม้าทำดีเราต้องชมเค้าค่ะ ลูบและชมเค้า

บอกเลยว่าครั้งนี้เป็นครั้งเเรกที่เรียนการขี่ม้าจริงจัง หลงรักการขี่ม้าเข้าแล้วสิ ^^

พอถ่ายรูปเสร็จแล้วครูให้เวลาพัก 15 นาทีค่ะ เพื่อเตรียมตัวจะพาขี่ม้าลงจากเขาไปกินก๋วยเตี๋ยวในหมู่บ้านค่ะ 

แอบตื่นเต้นนะเนี่ย จะได้ลงสนามจริงแระ

นั่งฟังครูประสาทอีกรอบ5555

ครูประสาทและคุณสุ แต่งหล่อให้น้องม้าทั้ง 3 ตัว ค่ะ

เอาล่ะลุย!! ไปกินก๋วยเตี๋ยวกัน

อารมณ์ประมาณออกมาถ่ายละคร5555

ใช้เวลาลงจากเขาประมาณ 30 นาทีค่ะ เราอยู่ตรงกลาง ตามคุณครูประสาท ส่วนคุณสุตามหลังเราค่ะ แถม

ถ่ายรูปให้เราอย่างเยอะด้วย

การลงมาในหมู่บ้าน ก็จะมีทั้งหมาเห่า5555 ทั้งรถผ่าน เราผู้บังคับบังเหียนต้องอย่าตกใจนะคะ ไม่งั้นม้า

เราเตลิดค่ะ แต่ไม่ต้องกลัวค่ะ ม้าเคยลงมาในหมู่บ้านแล้วว่างั้น เราเลยไม่ตกใจค่ะ

ก๋วยเตี๋ยวมาแล้ว หิวๆๆๆๆๆๆๆ

เมื่อทานเสร็จก็ได้เวลาขี่ม้าขึ้นเขาค่ะ ขี่ไปห่างจากที่พักประมาณ 2 กิโลค่ะ ไปกลับ 4 กิโล เพื่อไป ชมลำธารริม

สวนยางพาราค่ะ

ขี่ไป เรียนรู้ไป ทั้งเดิน และวิ่งขึ้นเขา

นี่เลย ขี่ผ่านสวนยางพารา ขี่แบบซิกแซก ขี่ลงเขา แล้วแต่คุณครูจะสั่งเราค่ะ

เอาล่ะถึงลำธารแระ ได้เวลาพักผ่อน ถ่ายรูปได้

ถอดรองเท้าซะหน่อย

เอาเท้าแช่น้ำ เย็นสบายยยย

น้องป๋อมแป๋มและน้องตอง เราเรียกว่าลูกสาววววถูกชะตากันมากกก5555 เด็กๆกำลังหาสาหร่ายน้ำจืด 

หรือเทานั่นเอง นั่งดูไปก็เพลินดีค่ะ

ได้เวลากลับไปที่พักแล้วค่ะ เพื่อไปฝึกขี่ม้าอีก รวมๆแล้วเราว่าคุ้มมากเลยค่ะในราคาที่จ่ายไป

#becoolbykrugib #เที่ยวเลย #เลย #เมืองเลย #เมืองเลยน่าเที่ยว #จังหวัดเลย  #ภูเรือ #รีวิวที่เที่ยว #ธรรมชาติบำบัด #เที่ยวคนเดียว

เอาเป็นว่า ใครอยากลองกิจกรรมสุด cool กับวิวหลักล้าน ที่เช็คอินไม่ซ้ำใคร เราว่า ที่นี่ก็น่าสนใจไม่น้อยนะคะ

แถมได้มิตรภาพใหม่ๆด้วยค่ะ 

ส่วนเรานั้น กลับไปเยือนอีกแน่นอน

เอาล่ะได้เวลากลับบ้านแล้วววววววววว เจอกันใหม่นะคะ

***************************************************

ขอบคุณสำหรับการกดแชร์ประสบการณ์....เรื่องราวการท่องเที่ยวของเราด้วยนะคะ^____^

พูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้เพิ่มเติมที่

เพจ Facebook : Be Cool by Kru Gib ได้เลยค่ะ ตามลิงค์นี้เลยค่ะ

https://www.facebook.com/becoolbykrugib/


Be Cool by Gib

 วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2564 เวลา 19.52 น.

ความคิดเห็น