เชิญนั่งลงก่อน จิบเครื่องดื่มที่ชื่นชอบ เอนหลังพักกายในอิริยาบถที่ผ่อนคลาย เดี๋ยวผู้เขียนจะเล่าอะไรให้อ่าน เชื่อว่าทุกคนคงจะเคยได้ยินชื่อ สุโขทัย มากันแล้ว อาจจะเคยไปหรือยังไม่เคยไปก็ตามที ผู้เขียนก็เพิ่งจะเคยไปสุโขทัยอย่างตั้งใจไปเมื่อไม่นานมานี่เอง มาสิตามผู้เขียนมา เดี๋ยวผู้เขียนจะเล่าเรื่องราวให้อ่านกัน แต่ก่อนอื่นผู้เขียนขอเกริ่นสาระสักนิด

        อาณาจักรอันเก่าแก่ กว่า 200 ปีแห่งความรุ่งเรือง กว่า 700 ปีอันทรงคุณค่า มรดกแห่งสยามและ 1 ในมรดกของโลกสีน้ำเงินใบนี้ นาม สุโขทัย อ้างอิงจากเวบไซท์ของจังหวัดสุโขทัย http://www.sukhothai.go.th/suk... สุโขทัย มาจากคำว่า "สุขะ" กับ "อุทัย" แปลว่า "รุ่งอรุณแห่งความสุข" แต่ความชอบส่วนตัว ผู้เขียนชอบคำสนธิของ "สุโข" กับ "อโณทัย" มากกว่า มันคล้องจองกันดี

        ถึงแม้จะผ่านกาลเวลามามากกว่า 700 ปี แต่ความงดงามของศิลปะและโบราณสถานยังคงโดดเด่นมีเอกลักษณ์ ศิลปะแขนงหนึ่งของสุโขทัยที่ได้รับการยกย่องว่างดงามนั่นก็คือ พระพุทธรูป ไม่ว่าจะเป็นงานปั้นและงานหล่อ พระพุทธรูปสมัยสุโขทัยมีความอ่อนช้อย สรีระงดงาม มีพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยที่มีชื่อเสียงหลายองค์ เช่น พระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ พระศรีศาสดา เป็นต้น

พระพุทธชินราช ในวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก ถูกยกย่องว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยที่งดงามที่สุด

พระอจนะ วัดศรีชุม พระพุทธรูปพูดได้แห่งสุโขทัย

พระพุทธรูปปางลีลา วัดสระศรี อุทธยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

        อาณาจักรสุโขทัยยังมีโบราณสถานที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นหลายแห่ง อาทิเช่น อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อุทธยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย และ อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร

        จิบเครื่องดื่มอีกสักอึก หยิบขนมชิ้นเล็กๆ สักชิ้นให้ลิ้นได้รับรสสัมผัสมากขึ้น ผู้เขียนจะพาไปซ้อนท้ายจักรยานเที่ยวชมโบราณสถานที่มีชื่อเสียงของสุโขทัย ผู้เขียนสัญญาว่าจะขี่ไม่เร็วเพื่อให้ทุกท่านได้ชื่นชมทัศนียภาพได้อย่างเต็มที่ เริ่มกันที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยกันก่อนเลย สถานที่แห่งนี้ได้รับการยกย่องจากองค์กร UNESCO ให้เป็นแหล่งมรดกโลกเรียบร้อยแล้ว พ่วงไปกับอีกสองอุทยานประวัติศาสตร์ (ศรีสัชนาลัยและกำแพงเพชร) ในนาม เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร

       ในที่นี้ผู้เขียนขอบอกเล่าแค่สถานที่เด่นๆ ของสถานที่แห่งนี้ เพื่อไม่ให้บทความนี้ยาวเหมือนเป็นวิทยานิพนธ์จนเกินไป สถานที่ที่ผู้เขียนอยากเล่าให้อ่านที่แรกก็คือ วัดมหาธาตุ ผู้เขียนคาดว่าหลายคนคงได้เห็นวัดแห่งนี้จากการประชาสัมพันธ์ของการท่องเที่ยวในสื่อต่างๆ กันมาแล้ว เพราะสถานที่นี้เป็นจุดที่โดดเด่นที่สุดในอุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้ และเป็นวัดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาถ่ายรูปกันมาก

 เจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ (องค์กลางภาพ) สถาปัตยกรรมศิลปะสุโขทัย ณ วัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

        มาทางนี้ มาทางนี้ จอดจักรยานไว้ในซองให้เรียบร้อย แล้วมาชมศิลปะขอมสวยๆ กันทางนี้ วัดศรีสวายเป็นอีกหนึ่งวัดที่มีศิลปะอันโดดเด่น มีปรางค์สามองค์เป็นองค์ประธานของวัด ตามตำราประวัติศาสตร์ว่าสถานที่นี้เคยเป็นเทวาลัยของพราหมณ์ก่อนดัดแปลงมาเป็นวัดพุทธ

ปรางค์สามยอด ศิลปะลพบุรี ณ วัดศรีสวาย อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

บริเวณโถงภายในของวัดศรีสวาย อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

ทางเข้าด้านหน้า วัดศรีสวาย อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

        โน่น มองไปทางโน้นสิท่านผู้อ่าน ตรงนั้นมีเจดีย์ทรงระฆังคว่ำเป็นประธาน พระพุทธรูปทรงยืนปางลีลาอยู่ด้านข้าง โอบล้อมด้วยตระพังตระกวนแทนกำแพงรั้ว เผาเทียนเล่นไฟเวียนมาคราใด พลุ ตะไล ไฟพะเนียงอยู่รายล้อม อีกวัดที่สำคัญของอุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้ วัดสระศรี

เจดีย์ทรงระฆังคว่ำ เจดีย์องค์ประธานชองวัดสระศรี อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

        ท้องฟ้าในวันที่แดดแรงนี่ทำให้กลางวันเป็นช่วงเวลาที่ร้อนเสียเหลือเกิน ผู้เขียนคิดว่าเราควรจะหลบร้อนไปอยู่ในร่มหลบแสงแดดกันบ้างดีกว่า รู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงจะลดน้อยลงไป มองดูเงาที่เคยทอดยาว มาตอนนี้เริ่มหดสั้นลงเหมือนจะหลบแสงอันร้อนแรงโดยใช้ตัวของเราเองเป็นที่กำบัง ผู้เขียนขอจิบน้ำมะนาวโซดาเย็นๆ ในมือสักสามสี่อึก ก่อนที่จะพาผู้อ่านไปกินของอร่อยขึ้นชื่อของสุโขทัยกัน ตามผู้เขียนมาสิ เดี๋ยวผู้เขียนจะพาไปเดินเล่นในจังหวัดที่ถูกลืม ใช่แล้ว อ่านไม่ผิดหรอก ผู้เขียนหมายถึงจังหวัดที่ถูกลืมจริงๆ

        จังหวัดที่ผู้เขียนกล่างถึงในช่วงก่อนคือ จังหวัดสวรรคโลก นี่เอง สวรรคโลก เดิมเคยเป็นจังหวัดก่อนโดนผนวกเข้ากับจังหวัดสุโขทัยในปัจจุบัน จังหวัดสวรรคโลกเคยเป็นศูนย์กลางการค้า การคมนาคมขนส่ง ขนาดที่ว่าสุโขทัยยังต้องเป็นอำเภอในการปกครองของจังหวัดสวรรคโลกมาแล้ว ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถอ่านได้จาก https://tsri.or.th/th/news/con... ที่อำเภอแห่งนี้มีศาลหลักเมืองสวรรคโลกตั้งอยู่โดดเด่นก่อนเข้าสู่ตัวอำเภอ ซึ่งโดยทั่วไปแต่ละจังหวัดจะมีศาลหลักเมืองแค่หนึ่งแห่งเท่านั้น แต่สุโขทัยมีศาลหลักเมืองถึงสองแห่งด้วยกัน เนื่องด้วยผู้เขียนไม่ได้ลงไปสักการะเหตุเพราะต้องทำเวลาเข้าที่พักที่ต่างอำเภอให้ทันเวลานัดหมายจึงไม่มีรูปศาลหลักเมืองมาให้ชมกัน

        เชิญเลย เชิญเลือกที่นั่งกันตามอัธยาศัย มื้อเที่ยงนี้ผู้เขียนจะพามาชิมอาหารขึ้นชื่อของสุโขทัยในรสชาติแบบสวรรคโลกกัน ขอเกริ่นสักนิดว่า สุโขทัยขึ้นชื่อเรื่องก๋วยเตี๋ยว มีเอกลักษณ์และรสชาติของตัวเอง ในตัวจังหวัดสุโขทัยเองมีร้านก๋วยเตี๋ยวรสชาติแบบสุโขทัยมากมายหลายร้าน โดยแต่ละร้านก็มีรสชาติของตัวเองที่แตกต่างกันไป ผู้เขียนได้มีโอกาสชิมก๋วยเตี๋ยวของร้านดังของสุโขทัยมาบ้าง แต่ร้านที่จะแนะนำต่อไปนี้ผู้เขียนคิดว่าก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ชื่นชอบก๋วยเตี๋ยวได้พอสมควร

บรรยากาศหน้าร้านและครัวของร้านเจ๊อุ่น ก๋วยเตี๋ยวกะลา

        ร้านที่ว่านี้ชื่อว่าร้าน เจ๊อุ่น ก๋วยเตี๋ยวกะลา เป็นร้านไม่ใหญ่มาก อยู่ติดริมแม่น้ำยม บรรยากาศร้านเป็นแบบร้านอาหารที่พบเห็นได้ทั่วไปในต่างจังหวัด ราคาที่ไม่แพง มีเมนูที่หลากหลาย แล้วให้ปริมาณที่กินอิ่ม ผู้เขียนขอติตรงที่รสชาติออกจะติดหวานไปสักหน่อย แต่ก็พูดได้ว่าหลังจากได้ชิมก๋วยเตี๋ยวมาหลายๆ ร้าน รสชาติก๋วยเตี๋ยวที่สุโขทัยนี้ค่อนไปทางหวาน แต่โดยรวมในความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้เขียนคิดว่าร้านนี้เป็นร้านที่ดีในระดับที่ถ้ามีโอกาสก็จะกลับมาชิมอาหารเมนูอื่นๆ อีก

เกี๊ยวทอดกรอบน้ำจิ้มรสเด็ด เมนูนี้ 20 บาท

ขนมปังหน้าหมู อีกหนึ่งเมนูกินเล่นระหว่างรอก๋วยเตี๋ยว

ขนมเบื้องไข่ เมนูนี้ก็ 20 บาท

ก๋วยเตี๋ยวสวรรคโลกในชามกะลา มาถึงเมืองสวรรคโลกแล้วก็ต้องลองชิม

        เมื่ออิ่มท้องกันแล้ว เชิญตามมาทางนี้ ผู้เขียนจะพาไปเดินเล่นในตัวอำเภอสวรรคโลกกันต่อ โบราณว่าขึ้นโรงพักมักมีเรื่องไม่ดี แต่โรงพักแห่งหนนี้ ขึ้นกี่ทีจ่าก็ไม่จับ (ถ้าไม่ทำผิดกฏหมายนะ) อย่างที่บอกกันนั่นแหละ โรงพักแห่งนี้เป็นเรือนไม้ทรงปั้นหยาที่หลงเหลืออยู่ไม่กี่แห่งในประเทศไทย ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานแต่ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมสถาปัตยกรรมได้ แต่ผู้เขียนขอแนะนำผู้อ่านสักนิด เราอย่าอยู่ที่นี่นานเกินไป ผู้เขียนกลัวเจอผู้กองละม่อมผ่านมาตรวจราชการที่นี่ ผู้เขียนได้ยินมาว่าผู้กองคนนี้จับคนร้ายได้เก่งนักแล

เรือนไม้ทรงปั้นหยาในสถานีตำรวจภูธรสวรรคโลก อาคารเก่าที่ถูกอนุรักษ์

"ธนาคารในโรงพัก" กำปั่นเก็บเงินและของมีค่าที่สมัยก่อนนิยมมาฝากไว้ที่โรงพัก

        อิ่มท้องมื้อเที่ยงมา พอช่วงบ่ายทีไรร่างกายก็ดูอ่อนล้า เปลือกตาบนอยากไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่บ้านเปลือกตาล่างเป็นประจำ ผู้เขียนขอพักเรื่องเล่าไปชงกาแฟเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าให้สมองโล่งตื่นตัวสักครู่ เดี๋ยวเราจะกลับมาเดินเล่นกันต่อ ว่าแต่มีใครอยากได้กาแฟเหมือนกันบ้างไหม?

        กาแฟร้อนหอมๆ จากเกล็ดเมล็ดกาแฟถุงจากห้างค้าปลีกก็พอกระตุ้นต่อมใต้สมองไม่แพ้กาแฟสดตามคาเฟ่ต่างๆ ให้สมองตื่นตัวต่อกับยามบ่ายอันแสนร้อนจากเปลวแดดได้อีกสักพัก ว่าแต่เมื่อสักครู่เราเดินเที่ยวกันไปถึงไหนกันแล้ว อ๋อ เราหลบหน้าผู้กองละม่อมมานี่เอง งั้นไปกันต่อเลยเดี๋ยวจะเสียเวลา

        อีกหนึ่งจุดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้แวะมาถ่ายรูปคือสตรีทอาร์ท ถนนพิศาลสุนทรกิจ ถนนเส้นสั้นๆ เส้นนี้มีรูปแนวสตรีทอาร์ทให้ผู้มาเยือนได้ถ่ายรูปไปอวดให้เพื่อนๆ ในโลกออนไลน์ได้อิจฉากัน ผลงานทั้งหมด 6 ภาพมาจากฝีมือของศิลปินชาวไทยและอาเซียน เป็นความร่วมมือของททท. กับบริษัทเอกชนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศิลปะวัฒนธรรมใน 3 เมืองรองของไทยและสุโขทัยก็เป็น 1 ในเมืองที่ถูกเลือกให้แสดงผลงาน แต่เนื่องด้วยภาพทั้งหมดได้ผ่านแดดตากฝนมาชี่วระยะเวลาหนึ่ง บางภาพจึงมีความสึกกร่อนลงบ้าง บางภาพผู้เขียนไม่สามารถถ่ายรูปมาให้ชมกันได้เนื่องด้วยเป็นบ้านพักอาศัย จึงอาจเป็นการรบกวนเจ้าของบ้านจนเกินไป ภาพที่เหลือท่านผู้อ่านสามารถเยี่ยมชมได้ทางประตูด้านขวามือนี้เลย https://travel.mthai.com/blog/...

"สาวน้อยผู้มาไกลจากต่างแดน" ผลงานจากศิลปินชาวมาเลเซีย

บางภาพผ่านกาลเวลาทำให้ดูเก่าลงไปบ้าง

        เหลือบมองดูเวลาก็บ่ายคล้อยซะแล้ว เดินเล่นจนตะวันเริ่มลดแสงอันร้อนแรงลง ผู้เขียนคิดว่าเราจำเป็นต้องเดินทางกันต่อ มิเช่นนั้นเราจะถึงสถานที่ต่อไปไม่ทันจะได้ชมบรรยากาศยามเย็นของหมู่บ้านระดับรางวัล บ้านนาต้นจั่น หมู่บ้านที่ได้ชื่อมาจากต้นจั่นต้นไม้ท้องถิ่นที่ขึ้นอยู่จำนวนมาก ณ สถานที่แห่งนี้

บ้านนาต้นจั่น อำเภอศรีสัชนาลัย หมู่บ้านโฮมสเตย์ระดับรางวัล 

บ้านกลางนา หนึ่งในโฮมสเตย์ที่เป็นที่นิยมของบ้านนาต้นจั่น

อีแต๊กทัวร์ กิจกรรมพานักท่องเที่ยวเยี่ยมชมจุดสำคัญต่างๆ ของบ้านนาต้นจั่น

        บ้านนาต้นจั่นได้รับการเรียกขานกันว่าหมู่บ้านโฮมสเตย์ที่มีสื่อจากแหล่งต่างๆ แวะเวียนมาทำรายการนำเสนอเป็นจำนวนมาก บ้านนาต้นจั่นอยู่ค่อนข้างลึกจากถนนหลวงสายหลัก สองข้างทางเข้ามาสู่หมู่บ้านแห่งนี้จะเป็นนา สวน ไร่ เกือบตลอดทาง ภายในหมู่บ้านจะแบ่งเป็นโซนบ้านพัก ผู้เขียนขอใช้คำว่าโซนด้านนอกและโซนด้านใน โดยยึดโรงเรียนบ้านนาต้นจั่นเป็นศูนย์กลางเพื่อจะได้อธิบายให้นึกภาพกันออกง่ายขึ้น

        บ้านพักโซนด้านใน ผู้เขียนคิดว่าเป็นโซนที่เงียบและสงบกว่าด้านนอก เพราะจำนวนบ้านพักที่ร่วมทำโฮมสเตย์มีจำนวนไม่มากเท่าโซนด้านนอก โซนด้านในนี้มีวัดนาต้นจั่น มีร้านอาหารข้าวเปิ๊บยายเครื่อง ขณะที่โซนด้านนอกจะเป็นเรือนพักที่ได้รับความนิยม อาจเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มผู้บุกเบิกชุมชนโฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่นก็ว่าได้

เฮือนรัดดา โฮมสเตย์ บ้านหลังนี้สาวสาวคุม

เฮือนรัดดาโฮมสเตย์ บรรยากาศเหมือนมานอนบ้านเพื่อนที่ต่างจังหวัด

        มานั่งล้อมวงกัน เขยิบเข้ามากันทางนี้ ผู้เขียนจะชวนไปดูสำรับกับข้าวในรสชาติแบบบ้านนาภาคเหนือตอนล่างภาคกลางตอนบนกัน โฮมสเตย์ที่นี่จะมีอาหารให้ 2 มื้อ มื้อเย็นกับมื้อเช้า อาหารสองมื้อนี้จัดได้ว่าเป็นสำรับชุดใหญ่แทบจะไม่ต่างกัน ต่างกันแค่เมนูที่ทางบ้านพักแต่ละหลังจะรังสรรค์ปรุงรสมาให้อาคันตุกะได้ชิมตามความถนัดของแม่บ้านแต่ละบ้าน เมนูเด่นที่ถือว่าแปลกและผู้เขียนไม่เคยเจอเมนูจานนี้ที่ไหนมาก่อนคือ น้ำพริกซอกไข่ คำว่า "ซอก" ในความหมายถิ่นนี้คือการตำเบาๆ ตำแบบบดๆ อาจจะไม่ละเอียดเหมือนการโขก จากการที่ได้พูดคุยกับทางแม่ครัว ซึ่งก็คือเจ้าของบ้านพักนั่นเอง ผู้เขียนได้ความว่า น้ำพริกซอกไข่เป็นอาหารพื้นถิ่นที่ชาวบ้านแห่งนี้ทำกินกันอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว รสชาติของน้ำพริกถ้วยนี้มีรสเผ็ดอ่อนถึงเผ็ดกลาง กินกับไข่ต้มก็ได้รสชาติเข้ากันดี ปั้นข้าวเหนียวหรือคลุกข้าวสวยก็เพิ่มรสชาติให้เจริญอาหารขึ้นได้

สำรับอาหารแบบท้องถิ่นที่ถูกปรุงแต่งรสชาติตามฝีมือการทำอาหารของเจ้าของบ้านแต่ละหลัง

"น้ำพริกซอกไข่" เมนูที่เป็นเอกลักษณ์ของบ้านนาต้นจั่น

        นอกจากอาหารถิ่นที่แม่ครัวแต่ละบ้านพักจะทำมาให้ผู้มาพักได้ชิมอิ่มท้องแล้ว ที่บ้านนาต้นจั่นยังมีเมนูอาหารจานเอกลักษณ์ที่มีต้นกำเนิดจากหมู่บ้านแห่งนี้เอง เรียกว่า "ข้าวเปิ๊บ" ให้เข้าใจง่ายก็คือก๋วยเตี๋ยวแบบนาต้นจั่นนั่นเอง ร้านขายข้าวเปิ๊บที่นี่จะมีอยู่สองร้านเด่นๆ ร้านแรกจัดว่าเป็นต้นตำรับของเมนูนี้ กับร้านที่นำเมนูนี้มาประยุกต์ให้มีจุดขายเพิ่มขึ้น

อยากชิมข้าวเปิ๊บ จะไปซ้ายหรือไปขวา ขอเสี่ยงทายก่อน

        แม้จะอิ่มท้องจากสำรับอาหารที่บ้านพักมาแล้ว แต่เมื่อได้มาถึงต้นกำเนิดของข้าวเปิ๊บทั้งที ผู้เขียนอยากขอไปลองชิมรสจากต้นตำรับดูสักหน่อย เพื่อจะได้นำมาบอกเล่าท่านผู้อ่านจากประสบการณ์ตรงได้ อันตัวเส้นของข้าวเปิ๊บนี้ทำมาจากแป้งข้าวเจ้าที่ผ่านกรรมวิธีบด กรอง ตากแห้งแล้วมาผสมน้ำทำเป็นเส้นแผ่นคล้ายปากหม้อ ทำให้สุกผ่านไอน้ำร้อนแทนการลวกเส้นแบบร้านก๋วยเตี๋ยวทั่วไป หลักการเดียวกับขนมจีบ ซาลาเปาแต่ไม่ได้ใช้ซึ้งนึ่งแค่นั้นเอง ใส่ผัก ใส่หมูแดงแผ่นใหญ่ โปะด้วยไข่ดาวที่นึ่งมาเช่นกัน ก่อนจะใส่น้ำซุปออกมาเป็นชามข้าวเปิ๊บพร้อมรับปะทาน ในความคิดผู้เขียน ข้าวเปิ๊บก็คล้ายกับก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา แค่ไม่มีกลิ่นของคาวปลา แป้งก็จะมีผิวสัมผัสหยาบๆ นุ่มๆ เพราะไม่ได้มีน้ำมันผสมลงไปเหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยวทั่วไปและเป็นแป้งสด มาเถอะอย่ารอช้า หยิบช้อนหยิบตะเกียบแล้วมาชิมกัน แบ่งๆ กันไปคนละคำพอให้รู้รสเพราะผู้เขียนสั่งมาแค่ชามเดียว ไม่ใช่เพราะงบน้อย แต่กลัวกินไม่หมดเพราะจัดการสำรับชุดใหญ่จากบ้านพักมาแล้ว

"ข้าวเปิ๊บ" อีกหนึ่งเอกลักษณ์เมนูที่มีต้นกำเนิดจากบ้านนาต้นจั่นแห่งนี้

"ก๋วยเตี๋ยวแบ" อีกหนึ่งเมนูก๋วยเตี๋ยวแบบแห้งที่ควรลิ้มลองไม่แพ้เมนูก๋วยเตี๋ยวน้ำแบบข้าวเปิ๊บ

        เอาละ เมื่อมาถึงตรงนี้ การเดินทางแบบขึ้นจากใต้ไปเหนือเที่ยวเมืองรุ่งอรุณแห่งความสุขครั้งนี้ก็คงต้องสิ้นสุดที่บ้านนาต้นจั่นแห่งนี้ตามเวลาพักผ่อนที่ลาพักจากงานที่ทำมาแค่ไม่กี่วัน ผู้เขียนเองก็เป็นเพียงแค่นักเล่าเรื่องมือสมัครเล่นที่เพิ่งได้ลองเขียนบทความสาธารณะมาให้ผู้อ่านได้เลือกอ่านกัน รูปประกอบทุกรูปในบทความนี้ผู้เขียนได้เป็นผู้บันทึกเอง บางภาพจึงอาจไม่สวยสู้นักถ่ายภาพมากประสบการณ์ท่านอื่นๆ ได้ ผู้เขียนก็ยังอยากถ่ายทอดเรื่องราวออกมาให้ผู้อ่านได้นึกภาพตามได้มากที่สุดตามความสามรถที่ผู้เขียนมี ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่เข้ามานั่งล้อมวงไปเที่ยวด้วยกันมา จนกว่าเราจะพบกันใหม่กับเรื่องเล่าครั้งหน้า

จากใจผู้เขียน

สะพากล้องท่องโลกกว้าง

สะพายกล้องท่องโลกกว้าง

 วันพฤหัสที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 17.26 น.

ความคิดเห็น