สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนค้าบบบ..

หลังจากที่ทำมินิรีวิว "Cebu, Philippines เกาะนี้มีดีอะไร?" ไป

https://th.readme.me/p/3271

ตอนนี้ก็มาถึง 'รีวิวฉบับเต็ม' กันแล้วครับ

(ต้องขออภัยสำหรับรีวิวฉบับเต็มที่ล่าช้านะครับ)

...

หากมีข้อสงสัย มาสอบถามได้ และยินดีให้คำแนะนำสำหรับทริปเต็มที่

แวะไปพูดคุยกันได้ที่ >> https://www.facebook.com/hungrytraveller คับผม :)



นี่ถือว่าเป็นการไปเที่ยวฟิลิปปินส์ครั้งแรกเลย ผมหาข้อมูลเรื่องฟิลิปปินส์อยู่สักพักแต่ก็ไม่ค่อยมีคนรีวิวมากเท่าไหร่ เหมือนไม่ได้รับความนิยมจากคนไทยมากนัก อาจเป็นเพราะเรื่องความปลอดภัย แต่เท่าที่ผมไปเซบูมาหกวัน ผมว่าทุกอย่างโอเคมาก ปลอดภัย (หรือเป็นเพราะเราหน้าตาเหมือนคนที่นั่นเลยเนียนๆ ได้) จริงๆ เซบูก็เหมือนเมืองท่องเที่ยวทั่วไป เราแค่เพียงระมัดของมีค่าเท่านั้นเองครับ และเหนือสิ่งอื่นใดคือมีธรรมชาติที่สมบูรณ์และสวยงามมากกกก ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก ป่า หรือทะเล ที่นึกไม่ถึงว่าจะสวยขนาดนี้และอยู่ใกล้บ้านเราแค่นี้เอง...

ทริปนี้ผมไปทั้งหมด 6 วัน 5 คืน ผู้ร่วมทริปทั้งหมดสามคนรวมตัวผม ไปทั้งสามเกาะหลักด้วยกันคือ โดยสามวันแรกจะอยู่บนเกาะ Cebu แล้ววันที่สี่และห้าก็อยู่บนเกาะ Panglao และ เกาะ Bohol แล้วก็กลับมาเกาะเซบูอีกครั้งเพราะต้องเตรียมตัวเดินทางกลับสิงคโปร์ในวันสุดท้าย

ผมตั้งใจจะเขียนรีวิวให้ละเอียด ใส่รูปเยอะๆ เพราะอยากเอาไว้เป็นข้อมูลดีๆ สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากไปเที่ยวที่นี่ (คือสนับสนุนให้ไปอย่างมาก) แต่จะทยอยๆ เขียนรีวิวแต่ละตอนออกมา ซึ่งรีวิวจะขอแบ่งเป็น 3 ตอนด้วยกัน

Ep.1 ǀ เกาะเซบู (Canyoneering & Kawasan Falls)

Ep.2 ǀ เกาะเซบู (Whale shark watching & Sumilon Island)

Ep.3 ǀ เกาะ Panglao และ เกาะ Bohol (One day trip)

ส่วนค่าครองชีพก็ใกล้ๆ กับเราหรือบางอย่างอาจถูกกว่าด้วยซ้ำ ค่าเงินก็ถูกกว่า คือ 1 peso (PHP) อยู่ที่ 0.76 บาท หรือเอาง่ายๆ จะซื้อของอะไรก็แล้วแต่ราคาจะถูกกว่าเกือบๆ 30%

ปล. ภาพสวยๆ ในรีวิวนี้ ได้ผู้ช่วยอย่าง Sony Alpha a6000 with 16-50mm Lens กับกล้องกันน้ำ Olympus Tough TG-3


ค่าใช้จ่ายทริปนี้คร่าวๆ (รายละเอียดจะสรุปให้ในรีวิวตอนสุดท้ายอีกทีนะครับ)

  • ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ SIN-CEB ǀ 4,800 บาท
  • ค่าเดินทาง (รถตู้/ เรือ ferry / สามล้อ) ǀ 4370PHP = 3,320 บาท
  • ค่าโรงแรม 5 คืน ǀ 5,540 บาท
  • ค่าแพคเกจทัวร์ต่างๆ และค่าเข้าชม ǀ 4525PHP = 3,440 บาท
  • ค่าอาหาร ǀ 1800PHP = 1,380 บาท
  • ค่าภาษีสนามบิน ǀ 750PHP = 570 บาท
  • ค่า SIM ǀ 300 PHP = 228 บาท
  • รวม 19,300 บาท (ไม่รวมค่าซื้อของที่ระลึกน้าาาา)

รายละเอียดการเดินทางทั้งหมดหกวัน ห้าคืน สามเกาะ ...



Day 1 - 01 May 16

09:25 น. ǀ ออกเดินทางจากสนามบินชางฮี สิงคโปร์ (ผมและเพื่อนอยู่สิงคโปร์เลยไม่ได้บินจากดอนเมืองนะครับ พอดีมีเที่ยวบินตรง และโปรโมชั่นไป-กลับของไทเกอร์แอร์ในราคาเกือบๆ ห้าพันบาท)

13:15 น. ǀ ถึงสนามบิน Mactan-Cebu Intl' Airport

14:00 น. ǀ รถตู้มารับที่สนามบิน เดินทางสู่เมือง Oslob

15:00 น. ǀ แวะทานอาหารเที่ยง Lechon Pork Belly

18:30 น. ǀ ถึงเมือง Oslob และ check in ที่ Brumini Resort


Day 2 - 02 May 16

08:30 น. ǀ ออกเดินทางสู่เมือง Badian

09:30 น. ǀ ถึง Badian เตรียมตัวสำหรับกิจกรรม Canyoneering

10:00 น. ǀ ลงทะเบียน Canyoneering

10:15 น. ǀ เริ่ม Canyoneering กิจกรรมสุด extreme

12:30 น. ǀ ทานเที่ยงที่ Kawasan Falls + Relax

14:30 น. ǀ รถตู้กลับมาส่งที่ Brumini Resort


Day 3 - 03 May 16

06:30 น. ǀ Oslob Whale Shark Watching ดำน้ำกับฉลามวาฬตัวใหญ่

08:00 น. ǀ กลับมาที่พัก อาบน้ำ ทานข้าวเช้า

09:00 น. ǀ นั่งรถไปท่าเรือเพื่อไป Sumilon Island (One day Trip)

09:30 น. ǀ ออกเดินทางสู่ Sumilon Island

10:15 น. ǀ Sumilon Island Sandbar + Snorkeling ให้จุใจ

12:30 น. ǀ ทานเที่ยงที่ Bluewater Sumilon Island Resort

14:00 น. ǀ Cool down ที่ Infinity Pool + Relax

17:00 น. ǀ นั่งเรือกลับเข้าฝั่ง

17:30 น. ǀ ถึง Brumini Resort


Day 4 - 04 May 16

10:00 น. ǀ Check out ที่ Brumini Resort

10:15 น. ǀ นั่ง tricycle ไปยังที่ท่าเรือแถวๆ Oslob Municipality Heritage Park

10:45 น. ǀ ถึง Oslob Municipality Heritage Park เดินเล่นแล้วนั้น และท่าเรืออยู่ใกล้ๆ

11:30 น. ǀนั่ง pump boat ไปยังเกาะ Panglao (ลงที่ Alona beach)

14:00 น. ǀ ถึงเกาะ Panglao นั่งรถไปยัง Alona beach

15:00 น. ǀ Check in ที่ Villa Kasadya Resort

16:00 น. ǀ เดินชิวที่ Alona beach ทาน late lunch ที่ร้านอาหารอิตาเลี่ยน (หิวโคตรๆ)

20:00 น. ǀ สลบ


Day 5 - 05 May 16

09:00 น. ǀ Check out รถมารับเพื่อไป One day tour in Bohol

09:30 น. ǀ แวะซื้อตั๋วเรือ ferry กลับ Cebu ที่ท่าเรือ Tagbilaran ก่อน

11:00 น. ǀ ล่องแม่น้ำ Loboc ทานเที่ยงบนเรือ ชมธรรมชาติ

12:30 น. ǀ ถึง Tarsier Sanctuary ไปแอบส่องหา Tarsier

13:00 น. ǀ แวะถ่ายรูปที่ Bilar Man-made Forest

13:45 น. ǀ ถึง Chocolate Hills

14:30 น. ǀ แวะสวนผีเสื้อ

15:00 น. ǀ ชมสะพานไม้ไผ่คู่ 'Sevilla's Twin Hanging Bridge

16:00 น. ǀ แวะ Blood Compact Monument

16:30 น. ǀ ถึงท่าเรือ Tagbilaran

17:00 น. ǀ ออกเดินทางสู่เมือง Cebu

19:00 น. ǀ ถึงท่าเรือ Pier I และรถตู้มารับไปส่งที่โรงแรม Bella Vista

20:00 น. ǀ Check in ที่โรงแรม Bella Vista


Day 6 - 05 May 16

10:00 น. ǀ Check out ที่โรงแรม Bella Vista นั่ง shuttle bus ฟรีไปส่งที่สนามบิน

10:20 น. ǀ ถึงสนามบิน Mactan-Cebu Intl' Airport

12:50 น. ǀ ออกเดินทางกลับสิงคโปร์


มาเริ่มกันเริ่มครับ!!

ผมกับเพื่อนผมชาวสิงคโปร์ซึ่งเป็นคู่สามีภรรยาที่พึ่งแต่งงานมาไม่นาน รวมทั้งหมดสามคน แพลนว่าจะไปเที่ยวที่เกาะเซบูกันตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เพราะอยากไปว่ายน้ำกับฉลามวาฬ

จัดแจงซื้อตั๋วและหาที่พัก และแพลนว่าจะไปเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมากันเพราะเป็นช่วงที่ดีในการเที่ยวเซบู แดดออก และไม่มีฝน (แน่นอนว่า ใครไปทะเลก็ไม่อยากเจอฝนใช่มะ)

จริงๆ แล้ว Cebu เที่ยวได้ทั้งปีครับ แต่ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการท่องเที่ยว ช่วงมกราคมถึงปลายพฤษภาคมเป็นช่วงหน้าร้อน ไม่มีฝน เหมาะกับการเที่ยวทะเล และ canyoneering ส่วนหน้าฝนเริ่มจากมิถุนายนเป็นต้นไปไปจนถึงธันวาคมครับ ช่วงนี้จะ canyoneering ไม่ได้เพราะน้ำเชี่ยวมาก แต่ฤดูกาลและเดือนก็เปลี่ยนแปลงไปตามภาวะโลกร้อนนะครับ (อ้างอิงจากเพื่อนที่อยู่ที่นั่น ยังไงลองเช็คข้อมูลจากหลายๆ แหล่งอีกทีนะครับ )


ตอนแรกได้ใช้บริษัททัวร์แห่งหนึ่งให้จัดการเรื่องรถตู้รับส่งและที่พักที่เซบู แต่สุดท้ายไม่ได้ใช้บริการทางนั้น เพราะตอนแรกคุยกันว่าผมจะไปสามคน แต่ทางนั้นคิดว่าผมจะไปหกคน ไปๆ มาๆ ราคาสุดท้ายเลยเพิ่มเป็นสองเท่าก็เลยยกเลิกไป (แนะนำให้คุยกับทางบริษัททัวร์ให้ละเอียดเรื่องจำนวนคนและต้องมีจ่ายเพิ่มอะไรอีกไหม) แต่ก็โชคดีมากที่มีเพื่อนที่ทำงานด้วยกันเป็นคนเซบู มีกิจการบริษัทรถตู้รับส่ง แถมรีสอร์ทที่จะไปนอนก็เป็นของป้าอีก ก็เลยให้เค้าจัดการให้หนึ่งอาทิตย์ก่อนวันเดินทาง

เมื่อทุกอย่างพร้อมก็.. ออกเดินทาง!!!


Day 01 ǀ Singapore - Cebu - Oslob ชิมหมูสามชั้นย่าง หมดเวลาไปกับการเดินทางไปเมือง Oslob

เราบินตรงจากสิงคโปร์ไปลงที่เซบู ที่ Mactan Cebu Airport บนเกาะเล็ก ๆ คือเกาะ Mactan เมื่อเครื่องลงก็จะผ่าน ตม. จะต้องกรอกใบเข้าเมืองและใบสุขภาพ (ผมไม่เห็นเรื่องการจำกัดจำนวนเงินที่ถือเข้าฟิลิปปินส์เหมือนเมื่อก่อนนะ) และก็ผ่าน ตม. ใช้เวลาไม่ถึง 10 วินาที แบบ ไม่มีการถ่ายรูป และถามอะไรเลย

จากนั้นก็จัดการซื้อซิมการ์ดของ Smart Globe ก่อนเลยตรงทางออก เนทแบบ unlimited สำหรับห้าวันถือว่าเพียงพอ ในราคา 300PHP (228 บาท) จากนั้นก็ขึ้นรถตู้ไป oslob

บ่ายกว่าๆ แล้ว ท้องร้องเพราะข้าวเที่ยงก็ยังไม่ได้ทานกัน เลยบอกให้รถตู้พาไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกัน คนขับพามาทาน Cebu's Original Lechon Pork Belly เป็นหนึ่งในอาหารที่ขึ้นชื่อของชาวเซบูเลยก็ว่าได้

มันก็คือหมูสามชั้นเอามาม้วนๆ เป็นก้อนๆ หมักด้วยเครื่องเทศแล้วเอาไปย่าง ก็จะได้หมูสามชั้นย่างหนังกรอบออกมา จะมีสองแบบให้เลือกคือ รสดั้งเดิม กับ รสเผ็ด (คือแค่ราดพริกน้ำส้มเพิ่ม) สามารถสั่งได้จะเอา 250, 500 กรัม หรือ 1 กิโลกรัม ทานคู่กับผักดองที่เค็มโคตรๆ กับข้าวเหนียวอัดๆ ที่ห่อในใบไม้สานๆ คล้ายตะกร้อที่เรียกว่า Puso

มื้อนี้สั่งสองแบบ อย่างละครึ่งโล และก็ Lechon Rolls เป็นปอเปี๊ยะทอดไว้หมูสามชั้น เสริฟมาสามชิ้นในราคา 65PHP คืออันนี้อร่อยนะ แนะนำให้สั่ง

ด้วยความหิว.. หมูหนึ่งกิโลกรัมก็ถูกจัดการแบบไม่เหลือซาก ค่าเสียหายสี่คนรวมคนขับ 890PHP (676 บาท) แต่ผมว่าถ้าได้ข้าวเหนียวแบบบ้านเรากับน้ำจิ้มแจ่ว รับรองเด็ดมาก

จากนั้นก็นั่งรถตู้เพื่อไป oslob กันต่อระยะทาง 139 กิโลเมตร ระหว่างทางจะสังเกตว่า การขับรถที่นี่ค่อนข้างจะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ถนนที่ไปเมือง oslob จะเป็นถนนที่ขนาบกับทะเล เป็นถนนสองเลนสวนกัน จะผ่านหมู่บ้านและย่านชุมชนเป็นระยะๆ ทำให้ขับด้วยความเร็วมากไม่ได้ ระหว่างทางจะผ่านนาข้าว ฟาร์มเลี้ยงปลา เป็นระยะๆ ออกแนวชนบทคล้ายๆ บ้านเรา

สำหรับใครถ้าไม่เช่ารถตู้ ต้องไปขึ้นรถบัสที่ South Bus Terminal รถเมล์สีเหลืองและบอกคนขับให้จอดที่ oslob ซึ่งราคาจะถูกกว่าแต่ใช้เวลาเดินทางนานกว่า แต่ผมกับเพื่อนไม่อยากสมบุกสมบันมากเลยยอมจ่ายแพงหน่อยแลกกับความสบายและย่นระยะเวลาการเดินทาง (ราครถตู้ที่เหมานั้นคือจาก Airport ไป Oslob ในวันแรก / Oslob - Bandian (ไป-กลับ) ในวันที่สอง และ จากท่าเรือ Pier I ที Cebu ไปส่งที่โรงแรมบนเกาะ Mactan ในวันที่ห้า ทั้งหมดในราคา 6000PHP - 4560 บาท)

ประมาณหกโมงเย็นก็ถึง Brumini รีสอร์ท ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรีสอร์ทขนาดใหญ่ที่ได้รับความนิยม อยู่ใกล้กับจุดดำน้ำดูฉลามวาฬ มี wifi (ไม่ค่อยแรงเท่าไหร่) และก็สระว่ายน้ำ เราทำการเช็คอิน เราจองไว้สองห้อง (ห้องละ 1500PHP เป็นห้องธรรมดา และ 2500PHP เป็นห้องดีกว่าห้องธรรมดาและใหม่กว่าหน่อย รวม 4000PHP ต่อคืน ทั้งหมดสามคืน)

หลังจากนั้นก็ทานอาหารค่ำแถวๆ รีสอร์ทที่มีหลายร้านไว้ให้เลือก จบหนึ่งวันซึ่งหมดไปกันการเดินทาง...


Day 02 ǀ Canyoneering @Badian กิจกรรมสุดเอ็กซ์ตรีม กระโดดผา ว่ายน้ำเล่นที่ Kawasan Falls

ที่ฟิลิปปินส์สว่างเร็วมากนะครับ ตีห้าก็เริ่มสว่างแล้ว อย่านอนตื่นสายกันละ ตื่นเช้ามาทานมื้อเช้าร้านแถวๆ รีสอร์ท เป็นร้านเหมือนข้าวแกงให้เลือก ก็เลยเลือกข้าวผัด ไข่ดาวแล้วก็หมูทอด จานนี้ประมาณ 100PHP แนะนำให้ทานเช้าก่อนที่จะไป canyoneering เพราะจะต้องใช้พลังงานอีกมาก

แล้วก็นั่งรถตู้คันเดิมเพื่อไป Badian ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีครับ คือขับลัดเลาะไปอีกฝั่งของเกาะ พอไปถึงประมาณเกือบๆ สิบโมง ก็มีไกด์ที่จะพาเราไป Canyoneering มาเตรียมของให้เรา คือ exclusive trip แบบสุดๆ เราจ่ายที่ 1200PHP (912 บาท) ต่อคน รวมอาหารเที่ยง เพราะเพื่อนรู้จักกันและไม่ต้องเสียค่ารถจาก oslob มา แต่ปกติราคาซื้อที่รีสอร์ทอยู่ที่ประมาณ 1500PHP ต่อคน

หลายคนคงไม่คุ้นกับคำว่า 'Canyoneering' ไม่แน่ใจว่าภาษาไทยแปลว่าอะ ไร แต่ประมาณว่าจะมีลำธารสีฟ้าใสไหลผ่านไปตามซอกหินและหน้าผา เราก็ปีนป่ายไปเรื่อยๆ โดยเริ่มต้นจากจุดบนสุดแล้วค่อยๆ ไต่ระดับดับลงมาด้านล่าง ความพีคอยู่ตรงที่บางจุดเป็นหน้าผาหรือน้ำตก ก็ต้องกระโดดลงไปเพื่อไปต่อ บางจุดเป็นช่องเล็กให้ลอดแค่พอดีตัว บางจุดเป็นคล้ายๆ ถ้า มีหินงอกหินย้อยก็ลอดไปจนสุดทางของมัน

เมื่อเตรียมเสื้อชูชีพ รองเท้าผ้าใบและหมวกกันน๊อคเรียบร้อย ไกด์จะแจกน้ำดื่มเล็กคนละขวด แนะนำครับว่า ไม่ต้องเอาอะไรไปเลยเพราะระหว่างทางจะทุลักทุเลสุดๆ ให้เอาเงินติดตัวไปหน่อยสัก 500-1000PHP ใส่กระเป๋าตรงเสื้อชูชีพไว้ ส่วนกล้องก็เอาที่กันน้ำไป นอกนั้นไม่ต้องเอาไปครับ เอาให้คล่องตัวเข้าไว้เพราะต้องกระโดด ปีนป่าย อีกเยอะ...

จากนั้นก็นั่งมอไซค์ไปยังจุดที่ลงทะเบียนและฟัง brief จากเจ้าหน้าที่ว่าห้ามทำอะไรบ้าง

"..Take nothing but Pictures, Leave nothing but Footprints, Kill nothing but Time.."

ที่นี่จะเน้นการเที่ยวแบบเชิงอนุรักษ์ (Eco Tourism) ครับ และลงทะเบียนโดยลงชื่อ อายุ และสัญชาต จากนั้น จนท จะประทับตราไว้ที่มือเราเป็นอันว่าไปได้

จากนั้นก็กระโดดขึ้นรถมอไซค์ได้เลย โดยมอไซค์จะพาเราไปส่งที่จุด canyoneering ระหว่างทางก็ขรุขระเหมือนผิวดาวอังคารให้ความรู้สึกว่านี่การผจญภัยกำลังเริ่มต้นแล้ว..

จุดแรกก็เป็นน้ำตกเล็กๆ ที่เป็นหน้าผาและทุกคน "ต้องกระโดด" ครับ ผมว่ามันสูงอยู่สำหรับทุกคนที่ไม่เคย canyoneering มาก่อนในชีวิต แต่ก็เอาวะ โดดก็โดด เพราะถ้าไม่โดดก็ไปต่อไม่ได้ งานนี้โดดสิครับ รออะไร คือดูมันสูงนะ แตแบบว่ามันส์ คือจุดแรกมันก็ฟินส์แล้ว

งานนี้ต้อง " สตรอง!" เท่านั้นถึงได้ไปต่อ..

เอาละครับ การผจญภัยกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วก็ไม่รู้จะเจออะไรมากกว่านี้แต่ไกด์บอกว่า เตรียมตัวไว้เลย.. พร้อมกับ #ยิ้มอ่อน ให้พวกเราเบาๆ..

ระหว่างนั้นก็จะผ่านหน้าผาให้ปีนป่าย ลอดซอกหิน และก็มีหน้าผาอีกหลายอันให้กระโดด

ไกด์จะคอยแนะนำและดูแลเราเป็นอย่างดีครับ ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดจะได้ปลอดภัยไม่ต้องห่วงครับ คือไกด์จะรู้จักหินทุกก้อน ว่ากระโดดแล้วลงตรงไหน ห้ามกระโดดลงตรงไหน หินอยู่ตรงไหนเพราะกระโดดแล้วจะได้รับอันตราย


อีกอย่างที่สะดุดตามากที่สุดก็คือลำธารฟ้าอมเขียวมรกต น้ำใส สะอาด และเย็นโคตรๆ คือแบบว่างานนี้เหนื่อยแต่ก็ได้แช่น้ำเย็นๆ แบบนี้ก็ชื่นใจ บวกกันธรรมชาติที่โอบล้อมเราอยู่ คือ " ฟินหนักมาก" กับธรรมชาติที่โอบรอบกายตลอดทาง



ไกด์บอกว่าอันนี้เป็นหินรูปหัววัว มองดูก็คล้ายๆ เหมือนกันนะ

พอผ่านไปได้สักครึ่งทางก็จะมี 7-11 เคลื่อนที่ครับ เป็นซุ้มไก่ย่าง ลูกชิ้นปิ้ง (แต่ไม่มีส้มตำนะ) อาหารเบาๆ ไว้จำหน่ายเผื่อใครหิว (แน่นอนครับว่าทุกคนหิว!)

ตรงนั้นจะเป็นจุดกระโดดอีกหนึ่งจุดที่สูงสุดแล้วตั้งแต่เริ่มมา คือถ้าใครกล้า ก็กระโดดที่จุดสูงสุด แต่ถ้าใครไม่กล้าก็เดินลงไปกระโดดตรงที่ไม่สูงมากได้ แต่ยังไงก็ต้องกระโดดครับ ไม่งั้นไปต่อไม่ได้

งานนี้มาแล้วนี่ครับ เอาหวะ เป็นไงเป็นกัน ก่อนกระโดดไกด์บอกให้ถอดหมวกกันน๊อคออกเพราะด้วยความที่สูงมาก พอตัวเราลงถึงน้ำ สายรัดหมวกจะรัดตรงคอได้ครับ (ในใจคิดถอดหมวกนี่ตรูจะปลอดภัยไหม) สุดท้ายก็โดดครับ แปปเดียวจริงๆ ก็ลงไปในน้ำละ

เวลากระโดด แนะนำให้กระโดดแบบท่าที่ถูกต้อง ขาชิดนะคับ มือหนึ่งถือกล้อง อีกมือหนึ่งให้บีบจมูกไว้กันน้ำเข้า ห้ามอ้าขาเป็นอันขาดไม่งั้นจะเจ็บปวดมากสำหรับคุณผู้ชายทั้งหลาย หรือบางคนเอาท้องหรือพุงลง เมื่อกระทบกับน้ำจะได้ยินเสียง " แปะ" ดังลั่นป่า เพราะไขมันได้กระแทกกับผิวน้ำ อันนั้นก็เจ็บปวดเหมือนกัน

เรา canyoneering มาเรื่อยๆ จนถึงจุดสุดท้ายแล้ว คือเรียกว่าผมประทับใจมากอะ คือไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาว่ามันจะต้องขนาดนี้ แต่มันช่างเป็นกิจกรรมที่สุด extreme ใครชอบแอดเวนเจอร์แบบนี้.. ที่นี่คือคำตอบครับ!

จริงๆ ไกด์บอกว่า canyoneering ไม่ได้ทั้งปีนะ ในช่วงหน้าฝน น้ำจะเชี่ยวและระดับน้ำสูงมากและอันตราย ดังนั้นถ้าใครจะมาก็ให้หาข้อมูลดีๆ ก่อน ผมว่าถ้าใครมาเซบู ต้องห้ามพลาดอะ มันพีคจริงๆ (พีคกว่าดำน้ำกับฉลามวาฬอีก)

จากนั้นเราก็เดินๆๆๆๆ ไปเพื่อไปให้ถึง Kawasan falls ก่อน โดยน้ำตกแห่งนี้มีสามชั้นด้วยกัน เราเดินไปถึงชั้นที่สามก่อนซึ่งอยู่บนสุด ก็มีจุดกระโดดเหมือนกันตรงหน้าผา แต่งานนี้ขอบายเพราะสูงเกิน แต่น้ำด้านล่างนี่ใสจริง ๆ

เห็นวิถีชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นที่เอาผ้ามาซักริมลำธาร เอาแกลลอนมากรอกน้ำเพื่อเอาไปใช้หรือดื่ม ไกด์บอกบ้านของชาวบ้านอยู่บนภูเขาโน่น (พร้อมชี้มือ คือสูงมากอะ) คือธรรมชาติสุดๆ

แล้วก็เดินไปนิดนึงก็ถึงน้ำตกชั้นที่สอง เรานั่งทานข้าวเที่ยงกันที่นี่ (อาหารเที่ยงรวมอยู่ในแพคเกจต่อคนแล้ว)

หิวมากครับ ใช้พลังงานไปเยอะมาก มีเฟรนช์ฟราย ไก่ทอด แล้วก็ปลาหมึกย่างที่ตัวใหญ่กว่าหน้า 55 งานนี้อาหารเยอะเกินทานไม่หมดครับ

แล้วก็ไปต่อที่ชั้นที่หนึ่งของ Kawasan falls ซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่นี่ ถึงจุดกระโดดที่สูงที่สุดแล้วคือ 15 เมตร หรือประมาณตึก 5-6 ชั้น แต่น้ำข้างล่างนี่จะสีฟ้าอะไรเบอร์นั้น ผมตั้งชื่อให้ว่า blue lagoon ละกัน

ผาวัดใจ หรือสำหรับใครอาจเป็น 'ผาหำหด' แทนก็ได้ ฮ่าๆๆ

กล้าโดดไหม.. #ถามใจเทอดู

ไม่ไหวคับสูงเกินแต่ถ้าใครจะกล้าก็ลองดูนะ แต่ก็มีคนโดดนะ

เราเดินลงไปด้านล่างก็จะมีแพไม้ไผ่ให้เช่า ในราคา 300PHP ต่อแพ ก็จะมีคนลากๆไปให้ถึงตรงน้ำตกแล้วก็ถ่ายรูป แต่เราเลือกที่จะว่ายไปคับ (ขี้เหนียวเล็กน้อย) ลึกอยู่เหมือนกันแล้วต้องว่ายน้ำแข็งพอนะ ไม่งั้นก็ใส่ชูชีพเอา ไปถึงก็ไปขอเกาะแพไม้ไผ่ แล้วก็เนียนๆ ปีนขึ้นไปขอถ่ายรูปแบบไม่เสียตังค์ 55 เสร็จก็ถึงเวลากลับ

จากนั้นเราก็เดินมาจากน้ำตกเพื่อจะไปขึ้นรถตู้กลับ ถ้าใครขี้เกียจเดินก็นั่งพี่วินออกไปได้

ประมาณ 3-4 ชั่วโมงสำหรับการ Canyoneering ถือว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก ผมประทับใจโปรแกรมนี้สุดๆ คือแบบครั้งแรกในชีวิต คือถ้ามากับเพื่อนกลุ่มใหญ่ๆ จะฮากว่านี้เพราะจะมีเสียงเชียร์และแรงกดดันจากเพื่อนๆ ให้กระโดดหน้าผาแน่นอน ส่วนไกด์ให้บริการดี เทคแคร์ดีมาก ก็เลยให้ทิปไป 600PHP (การให้ทิปถือเป็นเรื่องที่ควรทำสำหรับทีนี่ เพราะไกด์จะทวงตอนท้ายด้วย 55)

แล้วก็ไปเปลี่ยนชุดเพราะเปียกมาทั้งตัว มีห้องน้ำใกล้ๆ คอยให้บริการ แต่ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ แค่เช็ดตัวให้แห้งแล้วค่อยไปอาบน้ำที่โรงแรมดีกว่า

มาถึงโรงแรมก็บ่ายสามกว่า อาบน้ำ พักผ่อน เราสั่งอาหารค่ำทานกันพร้อมกับดูพระอาทิตย์ตก วันนี้ขอจัดมื้อใหญ่หน่อยเพราะใช้พลังงานไปเยอะมากตอน canyoneering เลยสั่งกุ้งทะเลย่างเนยกับกระเทียม (ขายตามน้ำหนัก) หมูสามชั้นย่าง ผัดวุ้นเส้น และผัดผัก (ผัดผักจากนี้ราคาเท่ากับหมูสามชั้นเลย ไม่แน่ใจว่าทำไมที่นี่ผักราคาแพง และคนไม่ค่อยนิยมทานกันเท่าไหร่ ทำให้ท้องผูกไปหลายวันเหมือนกัน) มื้อนี้ค่าเสียหาย 850PHP ประมาณ 650 บาทต่อสามคน ถือว่าโอเคเลย

คืนนั้นเราต้องเข้านอนเร็วหน่อยเพราะวันรุ่งขึ้นจะต้องไปว่ายน้ำกับฉลามวาฬแต่เช้าตรู่

และจำได้ว่า สลบเหมือดตั้งแต่สามทุ่ม....zZ


. . .

ต่อตอนสองครับ

Ep.2 ǀ เกาะเซบู (Whale shark watching & Sumilon Island)

https://th.readme.me/p/3763

^____^

.

.

.

ขอบคุณสำหรับการติดตาม

หาเงินก็หาไป.. แต่อย่าลืม "หาเวลา" ให้ตัวเอง

~ Hungry Traveller


รีวิวที่ท่องเที่ยวที่ผ่านมา by Hungry Traveller

[[เสม็ดนางชี]] ที่นี่.. กับ Panoramic view ของอ่าวพังงาแบบจุใจ : https://th.readme.me/p/2372

[[[ เ ก า ะ ต า ชั ย . . ช่ายยยยยยยยเลย ]]] : https://th.readme.me/p/2405

เทกาย . ทิ้งใจ . ไว้ทีนี่.. [[ สิมิลัน ]] : https://th.readme.me/p/2542

สิงคโปร์ไม่ได้มีแค่สิงโตพ่นน้ำ ตอนที่ 1 :: Underground Crossing ที่ Fort Canning Park : https://th.readme.me/p/2459

สิงคโปร์ไม่ได้มีแค่สิงโตพ่นน้ำ ตอนที่ 2 :: Lone tree ที่ Upper Seletar Reservoir Park : https://th.readme.me/p/2672

สิงคโปร์ไม่ได้มีแค่สิงโตพ่นน้ำ ตอนที่ 3 :: วิวแพงแบบไม่ซ้ำใครที่ใต้สุดอ่าวมารีน่า.. กับ Marina Barrage Cove https://th.readme.me/p/2794

Cebu, Philippines เกาะนี้มีดีอะไร ?? :: https://th.readme.me/p/3271

Hungry Traveller

 วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.02 น.

ความคิดเห็น