“ หยุดยาวนี้เราแบกเป้ไป ยะลา กันมั้ย ”
แล้วการเดินทางของเราก็เริ่มต้นขึ้น 3 วัน 2 คืน กทม – ยะลา , เบตง
เริ่มจากการที่ไม่ได้วางแผนอะไรมากมายนัก นอกจากมีแค่ตั๋วรถไฟขาไป และตั๋วเครื่องบินขากลับเท่านั้นเราเริ่มออกเดินทางจาก กทม. ด้วยรถไฟรอบ 12.30 น. ขบวนที่ 171 ด้วยความที่ไม่ได้ถูกวางแผนก่อนหน้านี้ ทำให้เราพลาดตั๋วของรถไฟตู้นอน และได้ตั๋วของรถไฟชั้น 2 แทน ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 22-23 ชั่วโมง นั่งกันแบบยาวๆ มีพ่อค้าแม่ค้าขึ้นมาขายของแทบทุกสถานี เราแนะนำให้เตรียมแบงก์ย่อยไปเยอะๆนะคะ 55555
เมื่อรถไฟถึงสถานียะลา เราก็เริ่มเดินทางต่อโดยการนั่งรถกะป้อ – สี่ล้อเล็กหน้าสถานีรถไฟไปคิวรถตู้ ต่อรถตู้จากยะลาไปเบตง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่งโมง ถึง 2.30 ชั่วโมง โค้งเยอะมากกกกกกกกกกก สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือ หลับค่ะ 555555
เวลาค่อยผ่านไปเรื่อยๆ และไม่นานเราก็ถึงเมืองเบตง เราเข้าพักที่ Hlangkha Hostel - หลังคา โฮสเทลที่พักเปิดใหม่สะอาดมาก และยังมีคาเฟ่ไว้บริการอีกได้ทั้งความสะดวกและความสบายเราได้นั่งคุยกับพี่เจ้าของที่พักเกี่ยวกับชื่อที่พัก เอ๊ะ ทำไมนะ หลังคา ถึงใช้ตัว H เป็นตัวตั้งต้น พี่เขาน่ารักมากนั่งอธิบายถึง Concept ให้เราฟังจนเข้าใจถึงความคิดนั้น H ที่เปรียบเสมือนที่นี่เป็นหลังคาบ้านหลังที่สองของทุกคนเป็นที่กันแดด ลม ฝน ที่เป็นส่วนบนสุดที่สำคัญของบ้าน ทุกครั้งที่เราเหนื่อยล้าอ่อนแรงเราแค่กลับบ้านให้หลังคาคุ้มภัย จากสิ่งไม่ดีที่เรารับมา เพียงแค่ลืมตาข้ามวันก็ผ่านไป ใต้หลังคาเดียวกันในทุกวัน เราเริ่มรู้สึกอิน และหลงรักที่นี่จากการพูดคุยกับคนในพื้นที่ ผู้คนน่ารักและเป็นการเองกับพวกเรามาก พี่เขาแนะนำและยินดีที่จะพาเราเดินทางไปชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ที่เป็นจุดชมวิวที่สวย และฮิตที่สุดในเบตง ณ ช่วงเวลานี้พี่ให้เรายืมรถมอเตอร์ไซค์เพื่อขับเล่นชมเมือง เราขับไปเรื่อยๆ หาของอะไรอร่อยๆกิน และถ่ายรูปเล่นตามภาพวาด Street art
เช้าอีกวันของเรากับ สกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง , เบตง ,ยะลา จุดชมวิวทะเลหมอกที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุดของเบตง จ.ยะลา ที่มีความสูง 2,038 ฟุต จากระดับน้ำทะเลความงามแห่งฤดูร้อนกับทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ทะเลหมอกสุดฟูฟ่อง ไกลสุดสายตา เคลื่อนตัวช้าๆไหลไปกับแนวเทือกเขา เป็นภาพความสวยงามทะเลหมอกชายแดนใต้แห่งนี้ แม้เป็นช่วงฤดูร้อนอย่างเดือนเมษายน ก็ยังสามารถเห็นทะเลหมอกได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
จากนั้นเราเดินทางต่อไปที่น้ำเฉลิมพระเกียรติ ร.9 แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเบตง ตั้งอยู่ริมถนนทางหลวงสาย 410 ยะลา-เบตง บริเวณ กิโลเมตรที่ 33 บ้าน กม.32 เมื่อมาถึงทางเข้าน้ำตกเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 700 เมตร ระหว่างทางเห็นลำธารที่ไหลมากจากตัวน้ำตกข้างบนตลอดเส้นทาง ใช้เวลาไม่นานเราก็ถึงน้ำตก น้ำตกที่อยู่ในป่าที่อุดมสมบูรณ์ ไหลมาจากหน้าผาสูง กว่า 30 เมตร ทำให้มีละอองน้ำลอยตามอากาศ รอบบริเวณปกคลุมไปด้วยพรรณไม้เขียวขจี มีศาลาสำหรับนั่งพักผ่อนชมวิวน้ำตกประมาณ 2 จุด ตอนแรกเห็นน้ำตกแค่ในภาพ มาเห็นของจริงไม่คิดว่าจะสวยงามขนาดนี้ เราใช้เวลาที่นี่สักพัก และก็ต้องถึงเวลาที่เดินทางต่อเราเดินทางต่อไปที่ ร้านก๋วยเตี๋ยวกะลา กม.28 จุดนัดพบสำหรับขึ้นไปตั้งแค้มป์บนเขาฆูนุงซีลีปัต เมื่อถึงเวลาที่ต้องเดินทางต่อ เราก็ต้องบอกลากับพี่น้ำหวาน และคุณพ่อที่เป็นคนนำเที่ยวของเราขอบคุณที่ดูแลเราอย่างดีนะคะ ไว้มีโอกาสเราจะกลับไปหานะคะ
ฆูนุงซีลีปัต - ฆูนุงซาลี Gunungsilipat ไม่ใช่เขาที่สูงที่สุด แต่เป็นเขาที่เห็นทะเลหมอกที่สวยที่สุดขอบคุณความพอดีของธรรมชาติ และยินดีกับทุกการเดินทางของเรา การเดินทางของเราในครั้งนี้เป็นการเดินทางที่แสนจะประทับใจ ทั้งเจ้าถิ่นที่ต้อนรับเราอย่างดีและอบอุ่น ทั้งเพื่อนร่วมทริปที่ต้อนรับเราด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ.เราโชคดีที่ได้เจอกับ "ทางช้างเผือกแรกของปี" ที่เราไม่คิดว่าจะเจอ เราโชคดีที่เราได้เจอกับ "ทะเลหมอกแบบ 360 องศา" ที่เราหวังเล็กๆ ว่าเราน่าจะเจอนะ แต่ก็ไม่อยากคาดหวังเท่าไรเพราะกลัวผิดหวัง สุดท้าย การไม่คาดหวัง ก็จะไม่ทำให้เราผิดหวังเช่นกัน ทั้งหมดนี้มันคือความ "มหัศจรรย์ของธรรมชาติ" ที่ทำให้เราหลงรักฆูนุงซีลีปัต และจะเก็บทุกเรื่องราวของที่นี่เอาไว้ ให้เป็นอีกหนึ่งของ "ความทรงจำที่ดีที่สุด" ของการเดินทางเราสองคนต้องขอบคุณแบเฮง ฅนนำทางฆูนุงซีลีปัต ที่ต้อนรับเป็นอย่างดีขอบคุณแบซู และทีมงานที่ดูและและพาเราไปถ่ายทางช้างเผือกแรกของปี ขอบคุณจริงๆจากใจ ฆูนุงซีลีปัต - ฆูนุงซาลี Gunungsilipat
ขอบคุณทีมพี่ๆสต๊าฟ และเพื่อนร่วมทริปที่เจอทุกๆคน ขอบคุณสำหรับมิตรภาพ รอยยิ้มเเละเสียงหัวเราะให้กันค่ะขอบคุณพี่หมอทั้ง2 ที่ให้เราติดรถมาลงหาดใหญ่ในวันกลับค่ะ จนกว่าจะพบกันใหม่นะคะ.#หวังว่าการเดินทางของเราจะทำให้คุณหลงรักเหมือนที่เรารัก#24องศาc #ฆูนุงซีลีปัต #อัยเยอร์เวง #เบตง #ยะลา #ฆูนุงซิลีปัต
24 องศา C
วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลา 15.27 น.