ผมผ่านการเดินเขา เข้าป่า มาแล้ว ทั้งภูกระดึง ดอยหลวงเชียงดาว กะว่ามาที่นี่คงไม่ยากเท่าไหร่

แต่พอมาถึง สัมผัสเข้าจริงๆ 
 “ ผ า หิ น กู บ “ ทำให้ผมลืมความยากของเขาที่เคยไปมาเลย 


ถ้าพูดถึงความยากในการพิชิตผาหินกูบ??? ยากยังไงน่ะหรอ ??? หุหุหุ.... ก็ไม่รู้เหมือนกัน !!!


แวะชมกระทู้เก่า ๆ ได้ตามลิงค์ข้างล่างนี้นะครับ

[ ★ ] ครั้งหนึ่งในชีวิต พิชิต " ผ า หิ น กู บ " ( 2 วัน 1 คืน กับงบ 1,400.-) https://th.readme.me/p/3774
[ ★ ] " ที ล อ ซู " อุ้มผาง มหัศจรรย์แห่งสายน้ำ กับเส้นทางลอยฟ้า 1219 โค้ง ( 3,900 บาทไทย ) https://th.readme.me/p/3935
[ ★ ] Backpack เว้ - ดานัง - ฮ อ ย อั น ( 5 วัน 4 คืน กับงบ 5,139.-) บนเส้นทางแห่งความทรงจำ ในวันที่ไม่นั่งเครื่องบิน :) https://th.readme.me/p/4720
[ ★ ] ก ร ะ บี่ ทริปสุดปัง !!! เที่ยวจุใจ 3 วัน 2 คืน ( 3,900.- เอาอยู่ ) https://th.readme.me/p/3937
[ ★ ] นอนแคมป์สุดชิค 2 วัน 1 คืน รับลมหนาว GOOD OLD DAYS จ. จันทบุรี https://th.readme.me/p/4721
[ ★ ] " มหากาพย์ลำคลองงู " แบกชูชีพ - เดินป่า - ไต่หิน - ลอดถ้ำ - ลอยตัว - โดดน้ำ - ตะลุยโลกใต้พิภพ https://th.readme.me/p/9353

+++พูดคุยทักท้ายกัน ติดตามเพจได้ที่นี่ ++

https://www.facebook.com/tiewhaikonaijchaa/


ทริปนี้ใช้เวลาเดินทาง 2 วัน 2 คืน


ออกเดินทางเย็นวันศุกร์ ขึ้นรถตู้ที่บางแสน เวลา 17.00 น. เพื่อไปนอนค้างที่ โรงแรม อัมรินทร์ พาเลส Tel. 039- 601 502 ราคาต่อคืน อยู่ที่ 400 บาท ตามคำแนะนำของลุงเชาว์ (เจ้าของรถมาสด้า) (นั่งรถประมาณ 3 ชม)

https://www.facebook.com/MazdaChanthaburi1735 เฟสบุ๊คลุงเชาว์น่ะครับ


ก่อนออกเดินทาง ติดต่อจองเจ้าหน้าที่ ได้ที่เบอร์ 084-864-9357 (พี่เดชา)

เจ้าหน้าที่ 200 บาท / คน ลูกหาบก็ 1000 บาท / คน

ส่วนของผมงบไม่พอไม่จ้างครับ แบกเอง เป้ 5 โล กับรองเท้าผ้าใบเก่าๆ


อุปกรณ์ที่เตรียมไป :-


1. รองเท้าผ้าใบ / รองเท้าเดินป่า

2. ถุงกันทาก (อันนี้สำคัญมาก เจอมากับตัว) / ยาทากันแมลงและทาก

3. หมวก หรือผ้าโพกหัว / ไฟฉาย / กล้องถ่ายรูป / powerbank / เสื้อกันฝน

4. ทิชชู่เปียก น้ำเปล่า และของใช้ส่วนตัว


5. อาหารสำเร็จรูป (ไม่ต้องเอามาม่าขึ้นไปน่ะ ) หมูปิ้ง / ข้าวต้มมัด / ไก่ทอด / ขนมปัง / สปอนเซอร์

[ DAY 1 ]



ผมนัดลุงเชาว์ให้มารับเวลา 06.30 น. ที่หน้าโรงแรม เพราะต้องเผื่อเวลาสำหรับซื้อเสบียง มื้อกลางวัน และมื้อเย็น รวมถึงมื้อเช้าบนผาหินกูบด้วยครับ บนรถมีเพื่อนร่วมทางอยู่แล้วครับ เป็น 3 สาว น่าจะมาจากกรุงเทพฯ หลังจากเตรียมเสบียงกันเสร็จเรียบร้อย
แล้วลุงเชาว์ก็พาไปทานต้มเลือดหมูรองท้องกันก่อนเดินทางครับ ก็ถึงเวลาเดินทางแล้วครับ ลุงบอกประมาณ 45 นาที
แวะรับเพื่อนร่วมทางอีก 3 คน ที่บ้านหัวหน้าหน่วย แล้วก็เดินทางเข้าหน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งเพล อะไรไม่จำเป็นก็ฝากไว้กับลุงเชาว์ครับ

ถ่ายกับป้ายซะหน่อย ระหว่างรอเจ้าหน้าที่

แบกเป้ 5 โล กับรองเท้าผ้าใบเก่าๆ 1 คู่

ประมาณ 09.30 น. ได้เวลาออกเดินทาง โดยทางขึ้นจะอยู่ข้างหลังหน่วย

เส้นทางเดินช่วงแรกเป็นป่าดิบชื้น + ดงทาก ตอนเดินระวังหนามจากต้นระกำ พอพ้นดงทากมาก้อเจอเส้นทางความยากระดับ ๓ ระดับ คือ ชันเล็กน้อย ชันปานกลาง และโคตรชัน (ชิหาย) ช่วงที่ผมไปฝนตก ทากชุกชุมมาก โดนกันไปหลายคน ของผมโดนเกาะนิ้ว (ร้องซะแต๋วแตกเลยทีเดียว) ช่วง 2-3 กิโลเมตร เป็นอะไรที่ถอดใจมาก เพราะทางชันสุดๆ

ช่วงขาขึ้นนี้ผมถ่ายรูปเต็มที่ เพราะขาลงนี่คงไม่มีแรงจะถ่ายแน่นอน เอ้าพร้อมแล้ว ลุย !!!!

การเดินในช่วงแรก ยังถือว่าเดินสบายอยู่ ทางเป็นพื้นราบ เดินง่ายๆ แต่ค่อยๆชันขึ้น
(ต้องระวังหนามจากต้นระกำ) และตัวทากที่จ้องจะส่ายหัวหาเรา กระเจิงเลย)

ระหว่างทางทั้งร้อน ทั้งเหนื่อย นึกถึงงงเพลง " ฉั น ม า ทำ อ ะ ไ ร ที่ นี่ " #อยู่บ้านดีๆ ไม่ชอบ มาลำบากเพื่อ???

เดินมาประมาณ 1 ชม. ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร
ก้อมาถึงจุดพักใหญ่ (จุดเติมน้ำจุดแรก)
จุดพักนี้เป็นลำธาร น้ำใสและเย็นมาก มีลูกปลาพลวงเต็มไปหมด พอโดนน้ำเย็นๆแล้วสดชื่นฟุดดด

นั่งพักประมาณ 5-10 นาที ก็พร้อมลุยต่อแว้ววว

เส้นทางยังไม่โหดมาก ค่อยๆ ไต่ความชันขึ้นไป ... ยังชิลล์อยู่

พี่เจ้าหน้าที่บอกว่า ถ้าเราหลงป่า ให้หลบอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ๆ แบบนี้

ผ่านมาครึ่งทางแว้วว จุดหมายต่อไปคือพักกินข้าวเที่ยง

นั่งพักขา กินข้าว เติมน้ํา เติมพลัง

เพราะหลังจากจุดนี้เป็นต้นไป จะเดินขึ้นอย่างเดียว ซึ่งต้องใช้ทักษะอย่างมาก การพยุงตัว การทรงตัวเดินขึ้น ปีนขึ้น ไต่ขึ้น

ใช้แรงขาและแขนเป็นอย่างมาก เพื่อไต่ความชันขึ้นไป

เดินมาได้สักพัก เงยหน้ามองทาง เฮ้ย!!! ทางมันชันขึ้นเรื่อยๆ สัมภาระที่พกมา เริ่มรู้สึกว่ามันหนักขึ้น
++ แทบอยากจะถอดกระเป๋าวางของทิ้งไว้ ขากลับค่อยลงมาเอา ++

เจอหินก้อนใหญ่ก้อนนี้ แสดงว่าโค้งหน้าถึงป่าไผ่แล้ว ซึ่งมันทั้งชัน มีเชือกให้จับเป็นระยะๆๆ

ผ่านบรรยากาศแบบนี้ นึกถึงหนังจีนกำลังภายใน ที่มาฝึกวิทยายุทธ์

พอหลุดจากป่าไผ่มา ก็จะมีแต่การปีนป่าย มีทั้งไต่เชือก ไต่เถาวัลย์ ถ้าแขนขาไม่แข็งแรงกลิ้งตกลงไปแน่ . . .

เดินลอดถ้ำออกมา ต้องปีนขึ้นหินก้อนเล็กก้อนน้อย แล้วก็ออกขวา เพื่อเดินต่อไป

ออกจากถ้ำมาก็จะมองเห็นกูบลางๆแบบไกลๆ อีกแปบเดียว ก็จะถึงแล้ว แต่ขามันล้าฟุดๆๆ

ถึงแล้ว " ผ า หิ น กู บ " ขณะนั้นเวลา 14.00 น.


หลังจากขึ้นมาถึง " ผ า หิ น กู บ " วางสัมภาระกระเป๋าหนัก 5 โล เอาถุงนอนออกมาปู

เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่า คืนนี้ผู้ชิตผาหินกูบอย่างผมจะนอนตรงไหนแล้ว ก็รีบมาถ่ายรูปกับป้ายผู้พิชิตก่อน เลย

เดี๋ยวคนจะเยอะ แล้วก็ตาม Step คัฟ ต้องถ่ายรูป... แช๊ะ แช๊ะ แช๊ะ

ไม่ผิดหวังเลย !!! มองภาพบรรยากาศรอบๆ ความเหนื่อยล้าแทบไม่มีเหลือเลย

นอนกันแบบนี้เลยคัฟ ใครไม่มีถุงนอนก็เจ็บหลังเอาการ (เต๊นท์ไม่ต้องแบกมาให้หนักน่ะ) ไม่มีลานเรียบๆ ให้กาง

แค่ผ้าใบผืนใหญ่ก็พอแหละ ใครมาก่อนก็ได้จองที่นอนบนกูบ ใครมาช้า ก็ต้องหาจุดอื่นคัฟ แต่มีที่นอนทุกคน

อากาศด้านบน . . เห้ยยยย !!! มันดีมากอ่ะ

" เ ข า " ที่อยู่ข้างหน้า เรียกว่า " ผ า ห มี "

พอถ่ายรูปบริเวณที่พักค้างคืนจนพอใจ (ระหว่างรอแดดร่ม) ก็เตรียมตัวขึ้นไปถ่ายรูปเก็บบรรยากาศบน " กู บ "

แต่เสียดายที่สุดคัฟ เอากล้อง Gopro มา แต่ลืม Memory ไม่ง้นคงได้ภาพเต็มๆ แบบสวยๆ อีกเยอะ ^:^

ทางที่จะขึ้นไป " กู บ " ก็วัดใจกันสุดๆ

ต้องดึงเถาวัลย์ขึ้นไป เดินบนขอนไม้ เพื่อโหนตัวไปยังหินอีกก้อน และดึงเชือกเพื่อขึ้นไปบนกูบ

คำว่า " กู บ " ก็คือที่นั่งบนหลังช้าง . . .

หินกูบ เป็นลักษณะแคบๆ แหลมๆ แล้วลาดลงทั้งสองข้าง เหมือนกับหลังช้างน่ะคัฟ

กว่าจะขึ้นมาถึง ระหว่างทางต้องผจญภัยกับทากที่จ้องจะกระโดดเกาะเรา แต่พอมาถึงข้างบนแล้วมันคุ้มค่าอ่ะ

ความเหนื่อยที่พยายามหาคำตอบมาตลอดทาง " ฉั น ม า ท ำ อ ะ ไ ร ที่ นี่ " มันหายไปไหนหมดฟ่ะ

เหลือแต่ความสุขและความประทับใจ :)

แต่บอกเลย กว่าจะได้แต่ละรูป มุมมันไม่ได้ง่ายเลย ต้องปีนป่ายกันไป ต้องมีสติและระวังตัวตลอดเวลา

ด้านบน จะมีธงชาติไทย ให้ถือ (เป็นพร้อพถ่ายรูป) เพื่อทำท่าผู้พิชิตด้วยล่ะคัฟ

!!! เสียดาย ด้านบนนี้ไม่มีป้ายผู้พิชิต

บรรยากาศโดยรวมและวิวด้านบน " กู บ " น่ะค้าฟ ลมพัดแรงสุดๆๆ

เป็นสันๆ เลยล่ะคัฟ เดินก็ระวังหน่อย ไม่งั้นกลิ้งตกลงไปแน่ๆๆ

บนเขาลูกข้างหน้าที่เห็นในภาพนี้ ใช้เวลาเดินไม่เกิน 10 นาทีก็ถึง

เขาเรียกกันว่า " ผ า ห มี " เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตก เส้นทางการเดินไปยังผาหมี ก็ไม่ยากคัฟ ลงๆๆ ขึ้นๆๆ ปีนๆๆ เกาะๆๆ

นี่แหละคัฟ " กู บ " ที่คืนนี้เราใช้อาศัยนอน มีฟ้าเป็นมุ้ง มีหินเป็นเตียง ปูเสื่อหนึ่งผืนใต้โขดหิน (ถ้ามี)

แล้วก็วางถุงนอน พร้อมกับซุกตัวเข้าไป ดูท่าจะนอนลำบากเนอะ . . . แต่เชื่อเหอะ !!!

ความรู้สึกโคตรดีอ่ะ อากาศด้านบนจะหนาวลม เพราะลมพัดแรงมากกกกกก

บรรยากาศบนเขา " ผ า ห มี " เป็นความสวยงามของธรรมชาติ หมอกค่อยๆ ไหลปกคลุมไปทั่ว

ทำให้วันนี้ไม่มีพระอาทิตย์ตกดิน (แอบเศร้าเล็กน้อย)

หลังจากเสพธรรมชาติ . . . ถ่ายรูปฝึกวิทยายุทธ์บนยอดเขา ตามรอยหนังจีนเรียบร้อย

ก็เดินลงจากผาหมีเพื่อกลับไปกินอาหารเย็น (ข้าวเหนียวหมูปิ้ง + ไก่ทอด + ข้าวต้มมัด) และเตรียมตัวนอนดูดาวในคืนนี้


คืนนี้ไม่มีดาวสักดวง ท้องฟ้ามืดสนิท มีเพียงเสียงลม และเสียงนอนกรนของเพื่อนร่วมทาง

ที่มาเจอกันบนผาแห่งนี้ ^^


[ Day 2 ]

เช้าวันนี้ :) ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงเพื่อนร่วมทางหลายชีวิตที่นอนเรียงรายกันเป็นปลาทู เกือบ 20 ชีวิต

วิวข้างหน้าสวยงามมาก เป็นห้องนอนที่วิวสวยที่สุด ตั้งแต่ลืมตาตื่นนอนมา

เพื่อนร่วมทางบางคนก็ยังหลับอยู่ บางคนก็ตื่นแล้ว แต่ยังไม่ออกจากถุงนอน

เพราะลมหนาวในตอนเช้ายังคงพัดเบาๆ แต่หนาวแหะ

บางคนก็เลือกที่จะไปเก็บบรรยากาศที่ " ผ า ห มี "

บรรยากาศที่นอนในยามเช้า . . . สดชื่น . . . ไร้การปรุงแต่งจริงๆ

ลุกขึ้นมา ล้างหน้าแปรงฟัน กินขนมปังรองท้อง แล้วก็เก็บถุงนอนยัดใส่กระเป๋าเป้

แล้วก็ขึ้นไปเก็บบรรยากาศด้านบนกูบอีกสักรอบก่อนกลับ

ตอนเช้านี้ ลมแรงมาก ตัวแทบปลิวเลยทีเดียว

ผม ต ก ห ลุ ม รั ก " เ ข า " ซะแล้ว


พอกลับลงมาจากกูบด้านบน เพื่อนร่วมทางกว่า 20 ชีวิต ได้อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย

!!!! คือ พวกเค้าเดินลงไปกันก่อนแว้ววว

ประมาณ 08.30 น. ผมก็เตรียมตัวเดินลงจากผา ก่อนกลับก็ถ่ายรูปกับกูบอีกสักที

เพราะเมื่อวานไม่ได้ถ่าย คนเยอะมาก ถ่ายไม่ได้เลย (จริงๆน่ะ)

ขาลงนี่เดินไวมากเลยล่ะค้าฟฟ กะเวลาไว้ 2 ชั่วโมง เพราะตอนขึ้ผมใช้เวลา 4 ชั่วโมง

แทบไม่ได้พักเลยทีเดียว ถ้าไม่ได้รู้สึกว่า ในกางเกงยีนส์ตัวเก่งมีทาก เพราะรู้สึกเหมือนตัวอะไรกระดึ๊บ ๆๆๆ อยู่ในกางเกง

ต้องหยุดฉีดสเปรย์เลยล่ะค้าฟ ไม่ได้อยากทำบาปน่ะ

แต่ไม่ไหวค้าฟ กลัวมากก (แต๋วแตกเลยทีเดียว)

ระหว่างทางเดินพ้นจุดพักจุดแรกมา เดินหาสัญญาณนานมากค้าฟ ผมโทรหาลุงเชาว์ให้เตรียมตัวมารับ

พร้อมสั่งลุงซื้อสปอนเซอร + แป๊บซี่เย็นๆ มาให้ด้วย เพราะอยากกินมากๆๆๆๆๆ

และก็ลงมาถึงเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าด้านล่าง 10.30 น. ใช้ระยะเวลาในการเดินลง 2 ชั่วโมง .. พอดีเป๊ะ !!!


ค่าใช้จ่าย : -

  • ค่ารถตู้ไป-กลับ 340 บาท
  • ค่าโรงแรม 1 คืน 200 บาท
  • ค่าเจ้าหน้าที่ 200 บาท
  • ค่ารถมาสด้า xxx บาท (แล้วแต่ตกลงกับลุง)
  • ค่ากิน 300 บาท

รวม 1,400 บาท


!!!! ถ้าอยากลุ้นเจอทะเลหมอกเต็มๆ ต้องมาหน้าฝน . . . แต่ก็น่ะ เส้นทางก็คงลำบากพอๆ กับความสวยงาม

กับการเดินป่า .. ค้นหาทะเลหมอกที่ยอดหินกูบ เมืองจัน !!! แต่เสียดายวันที่ผมไป

อากาศค่อนข้างครึ้ม พระอาทิตย์ไม่ตกและไม่ขึ้น

ไม่แน่ใจเหมือนกันน่ะค้าฟ ว่านี่เรียกว่า " การพักผ่อนวันหยุดหลังจากการทำงานมาทั้งสัปดาห์ " หรือเปล่า?????

เพราะที่นอนก็ไม่ได้สบายเลย หินเป็นพื้นแข็งๆ มีหินก้อนใหญ่ ๆ เป็นหลังคา กันไม่ให้เปียกฝน

แต่ก็น่ะ . . . ไม่ได้มีใครบังคับให้มา !!!!

ผมว่ามันเหนื่อยกว่าการทำงานมาทั้งอาทิตย์ กับการเดินป่า ปีนเขา ในหน้าร้อน

ที่เสี่ยงกับฝนตกแบบนี้ ทั้งปวดขาและร้อนมากมาย

เสื้อเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่มันก็เป็นแค่อุปสรรคเล็กน้อย และคงเป็นอีกหนึ่งรสชาติของชีวิตที่ป่ามอบให้

ถึงจะลำบากมากแค่ไหน พอกลับถึงบ้าน เปิดดูรูปที่ถ่ายมา . . .

ผมก็เริ่มมองหาสถานที่ต่อไปว่าจะไปลำบากที่เขาลูกไหนดี ????? เพราะมันทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น

*** ขอแค่มั่นใจว่าจะขึ้นไปถึงปลายทาง ระหว่างทางจะเจออะไรก็ช่างมัน ***

เ ที่ ย ว ใ ห้ ค น อิ จ ฉ า

 วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 19.10 น.

ความคิดเห็น