ถ้ามีใครถามว่า มาภูเก็ต ควรเลือกพักที่ไหน - ที่นี่จะเป็นคำตอบแรกของผมเสมอ
Pullman Phuket Arcadia Naithon Beach ตั้งอยู่บนหาดในทอน หาดเล็กๆที่สวยมากๆอีกแห่งของภูเก็ต ที่ยังมีธรรมชาติสวยงาม คนไม่พลุกพล่าน เพราะยังไม่ค่อยมีรีสอร์ตเปิดใหม่มากนัก - ห่างจาก ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 - 15 นาที เท่านั้น
รีวิวนี้ตั้งใจทำมากๆ กว่าจะได้ภาพต่างๆทั้งหมด - ผมต้องไปพักที่นี่ถึง 5 ครั้ง เพราะที่ผ่านๆมา ส่วนใหญ่จะเจอฝน หรือไม่ก็ฟ้าปิด เนื่องจาก ส่วนใหญ่จะเลือกไปพักในช่วง Low Season ที่ราคาไม่แรงเท่าไหร่
เพิ่งมาเจอราคาดีมากๆ ในฤดูร้อนของภูเก็ต ก็ในช่วง Covid ที่ผ่านมานี้เองครับ แขกก็ไม่เยอะ ถ่ายรูปสนุกมาก
ช่วงที่เปิดใหม่ๆ Pullman Arcadia @ Naithon Beach จัดว่าราคาแรงมาก - แต่ล่าสุด หลังจาก Covid ระลอก 2 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ช่วงที่ภูเก็ตดาร์คสุดๆ ราคารวมอาหารเช้าของที่นี่ ลดลงมาเยอะมาก จนน่าเห็นใจ (แต่ตอนนี้เริ่มดีดกลับขึ้นไปอีกแล้ว)
รีวิวนี้ ผมจ่ายค่าที่พักเองทุกครั้ง และตั้งใจทำรีวิว เพื่อเป็นกำลังใจให้กับ staff และพนักงานของที่นี่ทุกคน โดยหวังว่าสักวันหนึ่ง - อุปสรรคต่างๆจะผ่านพ้นไปด้วยดี
เราไปชมภาพต่างๆกันดีกว่าครับ
จาก Google Earth จะเห็นว่าที่นี่อยู่ไม่ไกลจาก ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตเลย ขับรถ 10 -15 นาที ก็ถึง
แต่เป็นถนนแคบ ผ่านหมู่บ้าน ขึ้นลงเนิน และมีโค้งเยอะพอประมาณ ควรขับด้วยความระมัดระวัง
การเข้า/ออก ของที่นี่ จะได้รับการตรวจเช็คจากยาม ที่ประตูนี้ทุกครั้ง
*โปรดสังเกตเสือดำ บนป้าย Pullman ในภาพล่าง - เพราะระหว่างพักอยู่ในรีสอร์ท เราจะได้พบกับพี่เสือดำอีกหลายตัวเลย 🙂
ทางขึ้น/ลงจะเป็นเนิน ผ่านป่าไผ่ที่ได้รับการดูแลอย่างดี - แต่บางช่วงก็โดนตัดแต่งจนดูโปร่งไปเลยเช่นกัน
*เมื่อเช็คอินเสร็จแล้ว ก็ต้องนำรถมาจอดที่ลานจอดในภาพล่างซ้าย
สิ่งที่ชอบมากๆ และเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของที่นี่ คือ การใช้ Nissan March รุ่นแรก แทนรถกอล์ฟ
โดยทำสีใหม่ให้จี๊ดจ๊าด ตั้งใจเอาประตูทั้ง 4 บานออกไป ทำให้ดูโปร่ง โล่ง เบา
ขณะที่สามารถบรรทุกผู้โดยสาร และสัมภาระ ได้พอๆกัน แต่มีกำลังเครื่องยนต์ดีกว่า
รถจ๊าบๆนี้ มีบริการตลอด 24 ชั่วโมง / แต่ส่วนใหญ่ผมจะเดินเอานะ (ยกเว้นตอนเช็คอิน เช็คเอาท์) เกิดวันอาทิตย์ ใจร้อน ขี้เกียจรอ
พี่เสือดำตัวที่สอง กำลังกินนํ้าอยู่หน้า Lobby
Lobby โอ่อ่า โอฬาร ตระการตา
เคาน์เตอร์เช็คอิน
*สมาชิก All Accor Life Limitless สามารถเช็คอินได้ ที่เคาน์เตอร์ในสุด
เชื่อว่า แขกทุกท่านที่มาพักที่นี่ คงอดไม่ได้ ที่จะเดินดูบรรยากาศโดยรอบ ของบริเวณ Lobby
วิวแรก จาก Lobby
จากโซฟากลางสระ บริเวณ Lobby - มองไปยังทางซ้าย/ขวา
ชอบการออกแบบ Lobby ของที่นี่มากครับ
ใกล้ๆกัน เป็น C Bar - ล็อบบี้เลาจน์ สำหรับมานั่งจิบเครื่องดื่มยามเย็น เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่โคตรสวย
ตามปกติในช่วงคํ่าถึงดึก จะมีดนตรี folk song มาบรรเลงด้วย - แต่ช่วงแขกน้อยๆแบบนี้ คงต้องพักไว้ก่อน
2 ภาพบนเป็น Welcome Drink และอุปกรณ์ต่างๆในยุค Covid
ส่วนภาพล่าง เป็นยุคก่อนหน้านี้ 🙂
ถ้าเรายืนหันหน้าออกสู่ทะเล ฝั่งขวามือของ Lobby จะเป็น Common Room ชื่อ The Connectivity
นอกจากโต๊ะพูลขนาดกำลังดีสีม่วงตรงกลางห้อง ยังมีหนังสือ นิตยสาร เกมต่างๆ เครื่องเล่น pc /iMac และมีห้องประชุมขนาดย่อม อีก 2 ห้อง
ฝั่งซ้ายมือของ Lobby เป็นทางเดินๆไปยัง อาคารห้องพักแบบ Ocean และทางแยกไปยังห้องประชุม/จัดเลี้ยง ขนาดใหญ่
*เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของ Pullman คือ การเป็นโรงแรม / รีสอร์ท 5 ดาว ที่มีห้องประชุม/จัดเลี้ยง ขนาดใหญ่ภายในโรงแรม
เช็คอินเสร็จแล้วไปชมห้องพักกันดีกว่าครับ โปรดสังเกตว่า ที่นี่จะอุดมไปด้วยต้นไม้ บรรยากาศเป็นป่าริมทะเล
ห้องพักของที่นี่จะแบ่งเป็น 5 type
- Deluxe
- Grand Deluxe
- Ocean
- Ocean Grand
-1 Bedroom Luxury Pool Villa
ปกติ ผมก็จะจองห้อง Type ตํ่าสุดเสมอละครับ แต่โชคดีได้ upgrade แทบทุกครั้ง เพราะเลือกไปพักในช่วง Low season ที่ราคาไม่ค่อยแรง / ห้องพัก Deluxe ส่วนใหญ่ อยู่บนเนินเขาสูง หากมีห้องว่าง - ทางโรงแรมจึงมักจะเลือกห้องที่อยู่ในโซนใกล้ๆ Lobby ให้มากกว่า
ล่าสุด เมื่อต้นเดือน มีนาคมที่ผ่านมา - ช่วงที่ต้องเจอการระบาดระลอก 2 ของ Covid ทำให้จำนวนแขกลดฮวบจนเหลือไม่กี่ห้อง ราคาห้องพักของที่นี่ก็ลดลงมาแบบไม่เคยปรากฏมาก่อน
มาพักบ่อยๆ น้องเค้าเลย upgrade ให้เป็นห้อง Ocean Grand ครับ
*อยากเรียนให้ทราบกันไว้ก่อนนะครับ ว่าเวลาเราเข้าพักโรงแรม/รีสอร์ท การได้รับ upgrade นี่จะขึ้นอยู่กับความสะดวก เป็นไปได้ และเป็นสิทธิ์ของทางรีสอร์ทเท่านั้นนะครับ (subjected to availability)
สมาชิก Accor Plus มีมาการองต์ + ช็อคโกแลต ต้อนรับอยู่ในห้องพัก
ภาพล่าง - แผนผังอาคารต่างๆ
ภาพแรกของห้องแบบ Ocean Grand
ถ้าเข้าใจไม่ผิด - ห้อง Ocean Grand ก็จะมีขนาด และการออกแบบตกแต่งภายในเช่นเดียวกับห้อง Grand Deluxe
เพียงแต่เป็นห้องที่เห็นวิวทะเล / Grand Deluxe จะอยู่ในโซนเนินเขา มองไม่เห็นทะเล
ภาพล่าง คือ วิวจากระเบียง
Ocean Deluxe มีพื้นที่ 55 ตารางเมตร จัดว่าใหญ่โตโอ่อ่ามาก โซนของห้องนํ้าและตู้เสื้อผ้า แยกออกไปเป็นสัดส่วนเลย
ชอบการออกแบบของที่นี่จริงๆ
หรูหราแบบเรียบแต่โก้
มีลำโพง Bluetooth JBL ให้ทุกห้องเลยครับ
มินิบาร์
*สำหรับห้องใน type นี้ เราสามารถดื่ม soft drink พวกนํ้าอัดลม ที่อยู่ในตู้เย็นได้ฟรี (ยกเว้น นํ้าแร่/เบียร์/ไวน์)
เครื่องชงกาแฟ Nespresso และ กาแฟ วันละ 6 แคปซูล
บรรยากาศบนเตียง 🙂
Walk in Closet อุปกรณ์ต่างๆครบครัน
ผ้าขนหนูชายหาด / เตารีด / เครื่องเป่าผม / กระดาษทิชชู
*Comfort Kit คือ ยาจุดกันยุง พร้อมไม้ขีด ครับ
บริเวณอ่างล้างหน้า และ อ่างอาบนํ้า
Amenities
ห้องอาบนํ้า และห้องสุขา แยกส่วนกัน
*ปกติที่นี่ไม่มีสายฉีดชำระ แต่ล่าสุดที่พักห้องนี้ - สายฉีดชำระ ได้รับการติดตั้งแล้วครับ
ภาพบน - มองจากระเบียง เข้าไปในห้อง
ภาพ กลาง +ล่าง - วิวจากระเบียง ระเบียงกว้างขวางมากครับ มาพักที่นี่ แทบไม่ต้องอออกไปไหนเลย
ต่อไปจะพาไปชมห้องพักแบบ Ocean ที่อยู่บนอาคารทั้ง 2 ฝั่งของ Lobby
ห้องประเภทนี้จะเห็นทะเลแบบชัดเจน เต็มอิ่ม วิวดีพอๆกับ Pool Villa ราคาแพง แต่ขนาดห้องพักจะเล็กกว่าแบบ Grand Deluxe นิดหน่อย
ห้อง type นี้ มีพื้นที่ 46 ตารางเมตร
เปิดประตูเข้าไปจะพบกับชานพักเล็กๆ หน้าห้อง เมื่อผ่านประตูชั้นใน จะพบกับ Walk in Closet ขนาดย่อม - อุปกรณ์ต่างๆครบครัน
บรรยากาศภายในห้องพักแบบ Ocean - เข้าใจว่าคงมีลักษณะการวางผังเช่นเดียวกับห้องใน Type Deluxe
ถึงแม้ขนาดพื้นที่จะน้อยกว่า แต่เฟอร์นิเจอร์ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แทบไม่ต่างจากห้อง Grand เลย
ที่เห็นรอยนูนๆบนที่นอน คือ รอยนูนจากแผ่น Topper นะครับ เตียงที่นี่ นุ่มสบาย ดูดวิญญาณ หายห่วง zzzz
Day Bed / โต๊ะทำงาน
โซนห้องนํ้า มีฉากเลื่อนกั้นระหว่างโซนนี้กับห้องนอน - หากรู้สึกไม่สะดวก จะเลื่อนเปิด/ปิด ก็ได้
ระเบียงมีพื้นที่กว้างขวางพอสมควรเลยครับ
ช่วงบ่ายๆ นั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ มองทะเล ฟังเสียงคลื่นจากมุมนี้ - ชิลล์มาก ♥
ที่เก๋ คือ กระจกเล็กๆทั้ง 3 บานนั้น ช่วยสร้างบรรยากาศให้เหมือนอยู่บ้าน
ผมมีโอกาสพักห้อง type นี้ 2 ครั้ง ภาพบน คือ วิวจากระเบียงตึกฝั่งซ้ายของ Lobby จะเห็นหาดในทอนอยู่ข้างล่าง
ส่วน 2 ภาพล่าง เป็นวิวจากตึกฝั่งขวา ใกล้กับสระว่ายนํ้า และใกล้ทะเลมากกว่า
อาคารฝั่งขวาของ Lobby ที่จะมองเห็นทะเลเต็มๆ ถ้าจำไม่ผิด เรียกว่า Ocean C
ออกไปเดินชมบรรยากาศภายในรีสอร์ทกันครับ
สิ่งที่ชอบมากๆ อีกอย่าง คือ ที่นี่ เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ที่ได้รับการดูแลอย่างดี เขียวสดใส เติบใหญ่ ให้ร่มเงา ดูดีไปทั้งรีสอร์ท (y)
ระหว่างเดินเล่น เก็บภาพ ได้พบกับน้องๆคนทำสวน ทราบมาว่า เจ้าของโรงแรม รักต้นไม้มาก ต้นไม้ทุกต้นจึงได้รับการดูแลอย่างดี
2 ภาพบน เป็นโซนของ Pool Villa
ส่วนภาพล่าง คือ หน้าตาของ Ocean Grand - ตึกที่เป็นห้องพักของผม (ห้องซ้ายสุดชั้นบน)
มีสวนผักเล็กๆ สำหรับให้แขกเดินเล่น ชมนกชมไม้
ภาพกลาง คือ สะพานโค้ง ที่น่าจะเป็นจุดถ่ายรูปที่ใครๆก็ต้องมาเช็คอิน
โชคดีมาก บ่ายวันนั้น ฟ้าสวยสุดๆไปเลย - เมฆในภาพที่ 2 สวยมาก (y)
เห็นฟ้าใสๆแบบนี้ เชื่อไหมครับ ว่าผ่านไปไม่ถึง 2 ชั่วโมง ฝนเทลงมาอย่างหนัก จนเย็นวันนั้น ไม่เห็นพระอาทิตย์ตกทะเลเลย
จากโซน Pool Villa เดินย้อนกลับมาทางสระว่ายนํ้า จะพบกับ Sunset Deck จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกทะเลครับ
เข้าใจว่า เจ้าของรีสอร์ท คงต้องการเก็บรักษาต้นไม้ยักษ์ต้นนี้เอาไว้ แทนที่จะโค่นมันลงมา เพื่อสร้างตึกได้อีกหลังใหญ่ๆ - แต่เก็บรักษาต้นไม้เอาไว้ และออกแบบตรงนี้ให้เป็นลานอนเกประสงค์
วิวข้างล่างนี่สวยสุดๆไปเลย ยิ่งในช่วงหน้าร้อน นํ้าใสแจ๋ว (y)
วิวแบบ Panorama ของอ่าวในทอน
ทางเดินจาก Sunset Deck ไปยังสระว่ายนํ้า
อาคารที่เห็นในภาพนี้ละครับ คือ Ocean
อาคารแบบ Ocean ฝั่งนี้ มีห้องพัก 20 ห้องเท่านั้น
อาบแดด บนพื้นทรายจำลอง แกล้มวิวหาดในทอน
สุดปลายทางเดินตรงนี้ จะเป็นทางเดินลงหาด - ช่วงที่รีสอร์ทเปิดใหม่ๆ จะยังไม่มีประตูกั้น (ภาพซ้าย)
แต่ช่วงนี้ มีประตูแล้วครับ (ภาพขวา) สามารถใช้ key card เปิดได้
ขออนุญาตเลี้ยวกลับขึ้นมาบนโซนสระว่ายนํ้าก่อนครับ
2 ภาพนี้ จะอยู่ตรงทางเดินขึ้นมาจากหาดในทอน
เคาน์เตอร์แจกผ้าขนหนู และ ตาราง daily activities
อากาศดี ฟ้าสวย แขกไม่เยอะ ถ่ายรูปสนุกมากๆครับ
ในช่วงปกติ แถวนี้จะคลาคลํ่าไปด้วยฝรั่งนอนอาบแดด และเด็กๆ มาเล่นนํ้า เพราะในโซนนํ้าตื้นจะมีนํ้าพุด้วย
แม้จะเป็นสระ free form แต่ก็มีความยาวไม่ใช่เล่น
Azur - Beach Bar ข้างสระว่ายนํ้า
*หากเป็นสมาชิก Accor Plus สามารถมารับ Welcome Drink ได้ที่นี่
ใกล้ๆกันเป็นสปา - Dhatri Spa
ติดๆกับ Azur คือ Elements - ห้องอาหารใหญ่ประจำรีสอร์ท
รับประทานมื้อเช้ากันที่นี่นะครับ - ที่นี่เป็นครัวหลัก เสิร์ฟอาหารได้ตลอดวัน
บางช่วงที่มาพัก ถ้าขี้เกียจออกข้างนอก ผมก็มาทานมื้อค่ำที่นี่เช่นกัน บรรยากาศดีมาก (y)
จาก Elements เดินออกมาข้างนอก จะพบกับนํ้าตก และโซนร้านค้า
Bowls & More เป็นร้านจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพ ส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารว่าง / Bakery / Cake / เครื่องดื่ม / ไวน์ ฯลฯ
ใกล้ๆกันมี ร้านกาแฟ และ ร้านขายเสื้อผ้า + ของที่ระลึกเก๋ๆ
โซนร้านค้าบริเวณนี้ ออกแบบได่น่ารักมากครับ ล่าสุดมีการนำหุ่นนกกระยางสีชมพู มาวางตัดกับหญ้าสีเขียวๆ บอกตามตรงว่า "โคตรเท่" (y) ♥
ร้านกาแฟ
หมอนอิงรูปนกกระยาง+ใบไม้เขียว และ Wall art ข้างๆร้านค้า
ภาพบน - จาก Bowls & More มองไปยังทางเดินขึ้น Lobby
ภาพล่าง - จากทางเดินขึ้น Lobby มองลงมายัง Bowls & More
ร้านบูติก Uma & Leopold
จากโซน Bowls & More เดินขึ้นบันไดขึ้นไปจะพบกับ Vero - ร้านอาหารอิตาเลี่ยนครับ วิวดีมาก เป็นห้องอาหารที่เห็นวิวแบบ 180 องศาเลยจริงๆ
รถ Vespa - Signature ของ Vero
Vero - Trattoria & Wine Bar
วิวจาก Vero - อยากจะบอกว่า มาพักที่นี่ แค่เดินถ่ายรูป ก็หมดเวลาไปเกือบทั้งวันแล้วครับ 😄
จาก Vero เดินตัดออกไปทางบริเวณหน้าทางขึ้น Lobby ข้างหลังพี่เสือดำกินนํ้า จะพบทางขึ้นไปยัง Kid's Club / Fitness และสระว่ายนํ้าอีกแห่ง
เดินขึ้นบันได้มาไม่ไกลมากเท่าไหร่ก็ถึงครับ / แต่ถ้าไม่อยากเดิน ก็เรียกรถ March ได้เลย แป้บเดียวถึง
Kid's Club ที่นี่ กว้างขวางใหญ่ โต
โซน outdoor - Kid's Club
เดินขึ้นบันไดข้าง Kid's Club จะพบกับ Float สระว่ายนํ้าบนเนินเขา และ Family Bar ครับ
สวยงาม โอ่อ่า ตระการตา บนยอดเขา
ถ้าไม่ถนัดกับสระว่ายนํ้าแบบ free form เชิญขึ้นมาบนนี้เลยครับ / ปกติสระว่ายนํ้าของ Float จะเป็นแขกที่ได้ห้องพัก Deluxe และ Grand Deluxe โซนชั้นบนๆ
ช่วงที่แขกน้อยๆแบบนี้ สระนี้เลยว่าง โล่ง สวยมากๆ 👍🏻
บริเวณนี้ คือ Float Bar ซึ่งปิดอยู่ครับ
พี่เสือดำ เฝ้าสระ
อีกฝั่งของบันไดทางขึ้น Float คือ Fit Lounge : fitness ของรีสอร์ท
บนหลังคาของ Fit Lounge คือ จุดชมวิวอีกแห่งของรีสอร์ท -ถ้าชอบดูพระอาทิตย์ตก คงต้องพักที่นี่หลายๆคืน เพราะมีจุดชมวิวเยอะจริงๆๆ
มี Steam Room อยู่บริเวณห้องอาบนํ้าชั้นล่าง (ใกล้ๆ Kid's Club)
เดินทั่วรีสอร์ทแล้ว - มาชมบรรยากาศช่วงพระอาทิตย์ตกกันดีกว่า
สารภาพไว้ตรงนี้เลยครับว่า ไปพักมา 5 ครั้ง ภาพที่ได้ในรีวิวนี้ส่วนใหญ่เป็นภาพจากครั้งล่าสุด ที่ฟ้าดินเป็นใจมาก ♥
บรรยากาศ บริเวณสระว่ายนํ้า
Lobby Lounge
ทุกๆวันพฤหัสบดี - ที่ Pullman Arcadia จะมี Sunset Cocktail ช่วง 6 โมงเย็น ถึง 1 ทุ่ม สำหรับสมาชิก All Accor
*ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่า สมาชิกระดับ Gold จะได้ benefit นี้หรือไม่ ปรากฏว่าได้นะครับ ♥
ตัดภาพมาที่ อาหารเช้า
ปกติไลน์อาหารเช้าของที่ Pullman Arcadia ก็จะจัดหนัก จัดเต็ม ตามปกติของรีสอร์ท 5 ดาว แม้ในช่วงที่แขกน้อยๆอย่างนี้ ก็ยังขึ้นไลน์บุฟเฟต์ให้เลือก อาจจะน้อยกว่าช่วงเวลาปกติไปบ้าง แต่ก็เรียกได้ว่าแทบไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องครับ
มี Egg Benedict Salmon ด้วยนะครับ
จานกลางเป็น Poach Egg สไตล์อิตาเลียน Ciao Baby Feta
ชามล่าง เกาเหลาลูกชิ้น งัย 🙂
ได้เวลาลงทะเลแล้วครับ 🙂
ข้างๆโรงแรม เป็นทางนํ้าธรรมชาติ ที่บางช่วง นํ้าก็ขุ่นเอาเรื่อง แถมมีก้อนหินเยอะ
เวลาจะเล่นนํ้าทะเล แนะนำให้เดินออกไปแถวกลางๆหาด จะดีกว่า
หากมีเวลาว่าง และเป็นขาลุย ในช่วงหน้าร้อน วันที่อากาศดี ฟ้าใส คลื่นไม่แรง - อาจจะมาเดินไต่ก้อนหินริมทะเล ลัดเลาะไปยังจุดตกปลาแถวๆนั้น ซึ่งมีอยู่หลายจุด
*แต่ถ้าฝนตก คลื่นลมแรง หรือในช่วงฤดูมรสุม ไม่แนะนำเลยนะครับ อันตราย !
และที่ขาดไม่ได้อย่างแรง เมื่อมาพักที่ที่ คือ เล่นนํ้าทะเล ที่หาดในทอน + ดูพระอาทิตย์ตก ♥
โดยสรุป Pullman Phuket Arcadia Naithon Beach เป็นรีสอร์ต 5 ดาวที่มีคุณสมบัติต่างๆที่รีสอร์ทที่ดีๆพึงจะมี ครบทุกประการ
อยากมาเที่ยวภูเก็ต หากมีโอกาส แนะนำที่นี่เลยนะครับ fatreview เล่าให้เห็นภาพอย่างละเอียดที่สุดแล้วในชีวิตการทำรีวิวของข้าพเจ้า
ขอบคุณสำหรับการติดตาม รีวิวยาวๆ ย้วยๆ รูปเยอะ ๆ
หากมีข้อเสนอแนะ/ ติชม ช่วย comment ไว้นะครับ ผมจะเข้ามาตอบ ♥
fatreview : CHECK IN
วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 11.39 น.