สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนค่ะ
จะมารีวิว เที่ยวกัมพูชา - เสียมเรียบ 3 วัน 2 คืน
คำว่า เสียมเรียบ ในภาษาเขมรมีหมายความว่า "สยามราบ" คือ "สยาม (แพ้) ราบเรียบ"[4] ส่วน เสียมราฐ ในภาษาไทยนั้น หมายถึง "ดินแดนของสยาม"
บ้างว่า เสียมราบ มาจากสงครามที่เกิดขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราช (เจ้าพญาจันทราชา) ซึ่งเป็นการศึกระหว่างกัมพูชากับสยามในปี พ.ศ. 2089 ซึ่งปรากฏในพงศาวดารเขมร จ.ศ. 1217 เพียงฉบับเดียวเท่านั้น[4] ความว่า[5]
"...พระองค์ทรงราชย์ ลุศักราช ๑๔๖๒ (จ.ศ. ๙๐๒) ศกชวดนักษัตรได้ ๒๕ ปี พระชันษาได้ ๕๕ ปี พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา จึ่งยกทัพมาถึงพระนครหลวง ในปีชวดนั้น พระองค์ยกทัพไปถึงพระนครหลวงรบชนะพระเจ้ากรุงศรีอยุธยาหนีไป พระเจ้าจันทร์ราชาจับได้เชลยไทยเป็นอันมากแล้วเสด็จกลับเข้ามาครองราชสมบัติ..."
จึงสันนิษฐานว่าสงครามครั้งนี้น่าจะเป็นที่มาของชื่อ "เสียมราบ" เนื่องจากเป็นการรบครั้งสำคัญครั้งสุดท้ายที่รบใกล้เมืองพระนคร เพราะหลังจากนี้เส้นทางการเดินทัพและสมรภูมิจะเปลี่ยนไปเป็นเส้นทางฝั่งตะวันตกของทะเลสาบ คือ แถบเมืองพระตะบอง, โพธิสัตว์, บริบูรณ์ และละแวก เป็นต้น[4] แต่อย่างไรก็ตามการสงครามครั้งนี้ไม่มีการกล่าวถึงในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาแต่อย่างใด[4]
บ้างก็ว่าชื่อ "เสียมเรียบ" ตั้งขึ้นใหม่แทน "เสียมราฐ" หลังจากที่ใน กรณีพิพาทอินโดจีน พันตรีแปลก พิบูลสงคราม ผู้บัญชาการกองทัพอีสานและบูรพาในขณะนั้น ได้เคยบุกข้ามชายเดนขับไล่ฝรั่งเศสออกจากดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง พระตะบอง และเสียมราฐ แต่แพ้
ข้อมูลอ้างอิงจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%90
มรดกโลกเป็น bucket list ที่ต้องไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต “See Angkor wat and die” เมืองเสียบเรียบไม่ได้มีแค่ Angkor Wat ยังมีร้านคาเฟ่ชิคๆและ Pub street ที่คอเบียร์ไม่ควรพลาดกับ Draft beer อันเลื่องชื่อ 5555 ในราคาแก้วล่ะ 0.50$ หรือ แก้วละ 15 บาทไทยให้ลองกันอีกด้วยซึ่งคอเบียร์อย่างเรานั้นไม่ควรพลาด! 😁
Rate แลก USD อยู่ที่ 30.54 = 1$.
โรงแรมเราเลือกพักที่ Reveal Angkor Hotel มีรถรับส่งจากสนามบินฟรี 1 เที่ยว Welcom Drink ต้อนรับ และอาหารเช้า
(ยืมรูปจากโรงแรมนะคะเพราะตอนไปมืดแล้วไม่ได้ถ่าย ><")
และรูปถ่ายเราจากห้องพักจริง
ตั๋วค่าเข้านครวัดแบบ One day : 37 USD
Map Angkor Wat เที่ยววันเดียวก็ไม่หมดแต่เราเลือกแค่ที่อยากจะไป 4 ที่ก็ตาลายแล้ว 555555
อ้างอิงแผนที่จาก : https://www.google.com/url?sa=i&source=images&cd=&cad=rja&uact=8&ved=2ahUKEwj5nPCpvITlAhUPS48KHREsAokQjB16BAgBEAM&url=https%3A%2F%2Frealworldadventures.com%2Fcycle-angkor-wat-cambodia%2F&psig=AOvVaw1c0Ya8uRK6QfThuhnafpVW&ust=1570342622082785
กรุ๊ปเราผู้หญิงตัวเล็กๆ เลยเหมารถตุ๊กๆ พร้อมคนขับเป็นไกด์ไปในตัว คนกัมพูชาคนนี้พูดภาษาไทยได้
ช่วยแนะนำสถานที่ต่างๆ ประวัติศาสตร์ของ นครวัด นครธม ได้เป็นอย่างดี บริการดีถ่ายรูปเก่งและสวยมาก (ปล.ไม่ได้อวยนะแต่ดีจริงๆ)
เราเหมาตั้งแต่ตีสี่ครึ่งจนถึงห้าทุ่มครึ่งคนละ 10 $. ตีเป็นเงินไทย 305 บาท ถือว่าคุ้มมาก
ติดต่อได้เลยค่ะไปหลายๆวันต่อรองราคาได้อีก
มาเริ่มกันเลยค่ะ
ตอนเช้าไกด์พาเราไปที่แรกคือ นครวัดเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ แต่ แต่ โชคไม่เข้าข้างวันนั้นฝนตกหนักมากมาหยุดเอาตอนหกโมงเช้าเลยได้ภาพอย่างที่เห็น ^^"
ปราสาทบายน (เขมร: ប្រាសាទបាយ័ន) เป็นปราสาทหินของอาณาจักรเขมร อยู่ในบริเวณของใจกลางนครธม สร้างขึ้นราวปลายศตวรรษที่ 12 หรือต้นศตวรรษที่ 13 เป็นวัดประจำสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หลังจากที่พระองค์ทรงได้ชัยชนะจากการขับไล่กองทัพอาณาจักรจามปาออกจากอาณาจักรเขมรได้สำเร็จ[1][2] นับเป็นศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีความซับซ้อนทั้งในแง่โครงสร้างและความหมาย เนื่องจากผ่านความเปลี่ยนแปลงด้านศาสนาและความเชื่อมาตั้งแต่คราวนับถือเทพเจ้าฮินดู และพุทธศาสนา อาคารมีลักษณะพิเศษ เนื่องจากส่วนของหอเป็นรูปหน้ายิ้มหันสี่ทิศ จำนวน 49 หอ ปัจจุบันคงเหลือเพียง 37 หอ ลักษณะโดยทั่วไปจะมี 4 หน้า 4 ทิศ แต่บางหออาจมี 3 หรือ 2 แต่บริเวณศูนย์กลางของกลุ่มอาคาร จะมีหลายหน้า[3]ลักษณทางสถาปัตยกรรมของบายนก็เช่นเดียวกับเรื่องความเชื่อ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงมาในหลาย ๆ สมัย กษัตริย์ในยุคหลัง ๆ พบว่าเป็นการง่ายกว่าที่จะปรับปรุงวัดแห่งนี้ แทนที่จะรื้อสร้างใหม่เช่นที่ทำกัน และใช้เป็นวัดประจำสมัยต่อเนื่องกันมาข้อมูลอ้างอิงจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99
ปราสาทบาปวน (อังกฤษ: Baphuon, เขมร: ប្រាសាទបាពួន) เป็นปราสาทขอมแห่งหนึ่งใน เมืองพระนคร สร้างขึ้นในยุคพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 (พ.ศ. 1550 - 1600) ตั้งอยู่ในเมืองยโสธรปุระ ทางด้านทิศใต้ของปราสาทนครวัดประมาณ 30 กิโลเมตร
ปราสาทบาปวนมีลักษณะเป็นรูปทรงพีระมิด มีฐานเป็นชั้น ๆ ส่วนบนสุด เป็นปราสาทประธานหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ลักษณะของตัวปราสาทประธานมียอดเรียวแหลม คล้ายกับปราสาทพนมรุ้ง มีระเบียงคตถึงสามชั้นที่เชื่อมต่อกันได้ตลอด โคปุระขนาดใหญ่สุด อยู่ทางด้านทิศตะวันออก เครื่องบนของโคปุระ ทำด้วยเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ซึ่งผุผังไปตามกาลเวลา โดยมีร่องรอยของการเจาะคานไว้บนหน้าบัวของโคปุระ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานของศิวลึงค์ทองคำ สัญลักษณ์แทนพระศิวะ แต่ได้สูญหายไปนานแล้ว ปราสาทบาปวนจัดได้ว่าเป็นต้นแบบของศิลปะแบบบาปวนโดยแท้จริง และเป็นศิลปะร่วมแบบเขมรของปราสาทในประเทศไทยหลายแห่งด้วยกัน ซึ่งลักษณะเด่นของศิลปะสมัยนี้ ได้แก่ ภาพสลักเล่าเรื่องทำเป็นช่องเล็ก ๆ ต่อเนื่องกันลงมาในแนวดิ่ง แต่ในสมัยที่พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองเข้ามาแทนที่ในศาสนาพราหมณ์ ปราสาทบาปวนถูกรื้อลงไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพื่อนำไปสร้างพระพุทธรูปปางไสยาสน์ขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังปราสาท ร่องรอยต่าง ๆ ถูกโกลนเพื่อให้เข้ากับลักษณะของพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ทางรัฐบาลฝรั่งเศสจึงได้ทำการรื้อและสำรวจทำหมายเลขกันใหม่ จนกระทั่งมาถึงยุคเขมรแดง เอกสารแผนผังการจัดทำการบูรณะปราสาทบาปวนถูกเผาทำลายจนราบเรียบ[2]
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2538 ปราสาทบาปวนได้ถูกบูรณะอีกครั้งโดยความช่วยเหลือจากรัฐบาลฝรั่งเศส จนแล้วเสร็จและมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 และได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ โดยได้รับการกล่าวขานว่าเป็นปราสาทที่สวยที่สุดในกลุ่มปราสาทนครวัด[3]
ข้อมูลอ้างอิงจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%A7%E0%B8%99
ปราสาทตาพรหม (เขมร: ប្រាសាទតាព្រហ្ម) สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1729 เป็นปราสาทหินในยุคท้าย ๆ ของอาณาจักรเขมร กษัตริย์สมัยนั้นสนับสนุนให้มีการสร้างปราสาทนี้เป็นพุทธศาสนสถาน ซึ่งเป็นช่วงที่พุทธศาสนาสมัยนั้นมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก การดูแลปราสาทต่าง ๆ นั้นรัฐบาลได้ทำการตัดต้นไม้ออกจากปราสาทอื่น ๆ เพราะกลัวว่าปราสาทจะล้มลงหากต้นไม้ใหญ่โตขึ้นมาก แต่สำหรับปราสาทตาพรมนั้นรัฐบาลมีแนวคิดที่จะคงต้นไม้ไว้ให้เหมือนช่วงโบราณที่มีต้นไม้ขึ้นบนปราสาทต่าง ๆ จึงกลายเป็นลักษณะเด่นของปราสาทตาพรหมที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นปกคลุมตัวปราสาทเป็นจำนวนมาก
ในช่วงกษัตริย์ที่นับถือฮินดูได้อำนาจแทนกษัตริย์ที่นับถือพุทธ จึงให้มีการทำลายปราสาทตาพรมเพราะความต่างของการนับถือศาสนา ปราสาทตาพรมจึงไม่หลงเหลือศิลปะให้พวกเราได้เห็นมากนัก และเนื่องจากใช้ถ่ายทำหนังหลายเรื่อง เช่น ทูมไรเดอร์ เจมส์บอนด์ ฯลฯ นักท่องเที่ยวจึงเข้ามาเพื่อถ่ายรูปกับรากไม้มากกว่าการซาบซึ้งในสถาปัตยกรรม
ข้อมูลอ้างอิงจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A1
อาหารกลางวันไกด์พาพวกเราไปกินร้านตรงนครวัด
เมนูก็คือ ต้มยำรวมมิตร ห่อหมกกัมพูชา ผัดเปรี้ยวหวาน(หรือผัดมะเขือเทศฟ่ะ) และปลาทอดยำมะม่วง
รสชาติ 6/10 ราคาอาหาร 29 $ ตกคนละ 5.8$
ก็ถือว่าโอเคใช้ได้ (ข้าวฟรี)
เพลา....เย็น พวกเราไปต่อกันที่ย่าน Pub street
ผับ สตีท (Pub Street & Pub Street Alley) เมืองเสียมราฐ
หลังพระอาทิตย์ตกจะครึกครื้นมาก บรรยากาศจะคล้ายๆย่านถนนข้าวสาร ในกรุงเทพฯ บ้านเราเลยยยยยยย
Draft beer อันเลื่องชื่อ 5555 ในราคาแก้วล่ะ 0.50$ หรือ แก้วละ 15 บาท
ยำหัวปลีกับพิซซ่าเด็ดมากกกกกราคาไม่แพงด้วยหารกันแล้วคนละ 5$. ไปเถอะะะะะอยากให้ไปเที่ยวกัน 5555555+
เบียร์เย็นๆๆ ฟินนนนนนนๆ โอยยยยย
วันที่ 3 ของการเดินทาง.....
พวกเราออกจากโรงแรมตอนบ่ายโมง ไปต่อกันที่คาเฟ่ BROWN Coffee ที่เขาว่ากันว่ามาเมืองเสียมเรียบแล้วไม่ควรพลาด
คาเฟ่ ชิคๆ ของคนที่นี่... (ราคาใช้ได้ 3$.+ up.)
และอาหารกลางวันต่อด้วย Chinese Noodle (อาหารจานเดียวจะอยู่ที่ 3$.ซึ่งถือว่าถูกปริมาณ1 ถ้วยกินได้สองคน แต่เราสั่งมากันคนละถ้วยเกือบยัดกันไม่หมดดดดด 555555 เหมือนจะหิววววว)
ก่อนกลับสนามบิน พวกเราก็เลือกที่จะไม่พลาด...ตบท้ายด้วยเบียร์กันอีกคนละ 2-3 แก้ว ช่วยไม่ได้ก็มันอร่อยนี่นาาาา 55555+ (ลำยองอะนะ)
วนกันมาที่ Pub Street อีกครั้ง recommend ร้านนี้คือดีย์ Khmer Family Restaurant - Pub Street
ยำหัวปลีอีกแล้ววววววกับเป็นกับแกล้มชั้นดี...กลมกล่อมถ้ากินกับเบียร์แล้วรับรองมีต่อแก้วสามแก้วสี่แน่นอน 5555555
กลับบบบบบ้านแล้วน้าาาาา บะบายยยยยยยย เจอกันทริปหน้าค้าบบบบบบบ
สรุปค่าทริปทั้งหมด
ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ(แอร์เอเชีย) โปร 0 บาท จองข้ามปี คนละ 2,000 บาท
ค่าโรงแรม 2 คืน คนละ 1,100 บาท
ค่าเหมารถตุ๊กๆ 1 วัน พร้อมคนขับพูดภาษาไทยได้คนละ 10$. USD (ติดต่อคุณ Thorn Angkor ผ่าน Facebook และ Line 😊)
ค่าตั๋ว Angkor wat คนละ 37$. USD
ค่ากิน คนละ 800 บาท
ค่ารถตุ๊กๆไปกลับสนามบิน คนละ 7$. USD
ใช้เงินไปประมาณ 5,550 ต่อคน
ปล. ซิมอินเตอร์เน็ตแนะนำให้ไปซื้อที่สนามบินเสียมเรียบจะดีกว่า 3$. ประมาณ 90 บาทไทยเล่นอินเตอร์เน็ตได้ 32 GB เราใช้ Sim2Fly สัญญาณไม่ค่อยเวิร์ค เพื่อนซื้อซิมที่นู้นค่อยข้างเร็วแชร์กันหลายๆเครื่องก็ได้นะ
Life_Is
วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 11.19 น.