มาครับทุกคน สายเดินป่า สายแอดเวนเจอร์ สายโหด ต้องทริปนี้ จะพาทุกคนไปตะลุยป่าหน้าฝนกัน จุดหมายปลายทางของเราในครั้งนี้คือ น้ำตกทีลอซู น้ำตกที่สวยอันดับต้นๆ ของไทย ที่สายเที่ยวต้องได้ไปสักครั้งในชีวิต
ผมตัดสินใจออกเดินทางครั้งนี้แบบกะทันหัน ไม่ได้แพลนอะไรมากนัก แค่รู้สึกว่าอยากไปเดินป่าสักแห่งเลยลองชวนเพื่อนดู มีเพื่อนตกหลุมพรางของผมสองคน มีเวลาเตรียมตัววางแผนการเดินทางแค่อาทิตย์กว่าๆ โทรจองเรือยาง จองตั๋วรถโดยสาร เก็บสัมภาระที่จำเป็น ไม่ได้แจ้งทางบ้านด้วยซ้ำ กลัวทางบ้านจะเป็นห่วง เพราะช่วงนั้นพายุเข้าพอดี การล่องเรือน้ำเชี่ยว เสี่ยงมาก แต่ในเมื่อตัดสินใจจะไปก็ต้องไป
จุดสตาร์ทของเราเริ่มที่ บขส.ขอนแก่น แบกเป้ขึ้นรถโดยสารสายขอนแก่น-แม่สอด ออกเดินทางสามทุ่ม ถึง บขส.แม่สอด 06.30 น.
![](/f/37912/60c46f425326a97db1703dd6.jpg)
บรรยากาศตอนเช้าที่แม่สอด ค่อนข้างเงียบ ไม่ค่อยมีรถโดยสาร ประมาณ 8 โมงเช้า ผู้คนค่อยเยอะขึ้น ส่วนใหญ่เป็นคนพม่า กับชาวเขาที่เดินทางมาซื้อของ เพราะอำเภอแม่สอดเป็นอำเภอใหญ่ เจริญเทียบได้กับตัวจังหวัดตาก
เรารอขึ้นรถสองแถวเพื่อไปอำเภออุ้มผาง ซึ่งเป็นที่ตั้งของน้ำตกทีลอซู อำเภออุ้มผางเป็นอำเภอชายแดน ติดกับพม่า อยู่ห่างออกไปอีก 164 กิโลเมตร ที่สำคัญเราต้องผ่านถนนลอยฟ้า 1219 โค้ง เส้นแม่สอด-อุ้มผาง เตรียมเมารถได้เลยครับ แต่รับรองเลยว่าวิว 2 ข้างทางสุดยอดมาก
ตอนขึ้นรถ แรกๆ เราก็นั่งไปแบบปกติทั่วไป มีผู้ร่วมทางสามสี่คน ไม่แออัดมาก รู้สึกสบาย อากาศกำลังดี วิวสองข้างทางเป็นไร่ข้าวโพด แต่ไม่จบแค่นี้นะครับ เขารับคนตามรายทางเพิ่มอีกคร้าบผม เราเริ่มได้ยืนตรงกลางรถสองแถว ยังครับ ยังไม่จบ เขารับมาเพิ่มอีก จนสุดท้าย เราต้องขึ้นไปนั่งบนหลังคารถทั้ง 3 คน นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกเลยที่ได้ไปนั่งแบบนั้น แต่ก็สนุกดีนะครับ วิวโคตรดีเลย 360 องศา แต่เสียวดีเวลาเข้าโค้ง
![](/f/37912/60c5aa581654ca7da2204388.jpg)
![](/f/37912/60c5aa581654ca7da2204389.jpg)
รถสองแถวที่อัดแน่นผู้โดยสารเต็มคันรถได้พาเราไต่ไปตามถนนลอยฟ้า 1219 โค้ง ผ่านเขาลูกแล้วลูกเล่าก็ยังไม่ถึงจุดหมายปลายทาง ฝนเริ่มโปรยปรายบางๆ นานเข้าๆ ฝนก็หนักขึ้นเรื่อยๆ เริ่มเปียก ต้องค้นหาเสื้อกันฝนมาใส่ ระหว่างทางเราแวะรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านข้างทางกลางหุบเขา เป็นร้านเล็กๆ ขายอาหารจานด่วน ก๋วยเตี๋ยว มันเผา ข้าวโพดปิ้ง เข้ากับบรรยากาศฝนพรำ
![](/f/37912/60c5bafadbc0c87d8ecae23d.jpg)
![](/f/37912/60c5bafbdbc0c87d8ecae23e.jpg)
ระหว่างทางเราเราจะผ่านหมู่บ้านผู้ลี้ภัย ที่นี่จะรองรับผู้ลี้ภัยจากประเทศเพื่อนบ้าน แรกๆที่นี่มีผู้อพยพไม่มาก แต่ผ่านไปหลายปี ผู้อพยพเริ่มมีการขยายครอบครัวและสร้างบ้านพักจากใบตองและหญ้าคา จนเต็มภูเขา โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติร่วมกับรัฐบาลไทย
![](/f/37912/60c5c4773d25087d95aeed3a.jpg)
เดินทางมาได้ประมาณ 5 ชั่วโมง ผ่านเขา ผ่านโค้ง ผ่านสายฝนมาจนเมื่อยล้า และแล้วเราก็มาถึงสักที อำเภออุ้มผาง เมืองแผ่นดินลอยฟ้า เมืองนี้เป็นอำเภอปิด มีชายแดนติดพม่า ดูเงียบสงบ ผู้คนไม่พุกพร่าน ตัวอำเภอกระจายไปตามไหล่เขา รอบๆ เต็มไปด้วยไร่ข้าวโพด อารมณ์เหมือนกับอยู่ท่ามกลางหมู่บ้านฮอบบิท
![](/f/37912/60c5c5595326a97db1703e0b.jpg)
![](/f/37912/60c5c5595326a97db1703e0c.jpg)
เราเดินทางมาถึงที่นี่ประมาณบ่ายสองโมงครึ่ง ด้วยสภาพที่เปียกปอน รถโดยสารมาส่งเราไว้ที่ปั้มน้ำมันท้องถิ่น เรารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและรีบติดต่อคนพายเรือยางที่จะพาเราออกล่องเรือ ไม่นานชาวบ้านที่เราติดต่อไว้ก็มารับ พาเราไปที่ท่าน้ำ เพื่อล่องเรือตามลำน้ำแม่กลอง รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแล้วสิ
![](/f/37912/60c5cabf1654ca7da220438a.jpg)
![](/f/37912/60c5cabf1654ca7da220438b.jpg)
เราเริ่มล่องเรือตอนบ่ายสาม มีคนพายเรือ 2 คน กับทีมเรา 3 คน ล่องทวนน้ำที่ค่อนข้างเชี่ยว หน้านี้พายุเข้าทำให้น้ำแรงและสีเหลืองขุ่น จะไม่ใสเหมือนหน้าแล้ง
ระหว่างล่องเรือเราก็ฟังลุงคนพายเรือเล่าเรื่องราวของสายน้ำ เรื่องราวของผืนป่าแห่งนี้ ยิ่งฟังยิ่งน่าสนใจ บทสนทนาเริ่มเร่งเร้าพอๆกับความแรงของสายน้ำ พอล่องเรือลึกเข้าไปเราจะลัดเลาะตามหน้าผา ชมนกชมไม้ไปเรื่อย วิวสองข้างฝั่งก็สวยงามชวนมองไม่รู้เบื่อ ที่สวยที่สุดที่ผมประทับใจคือ น้ำตกทีลอจ่อ เป็นน้ำตกที่ไหลมาจากภูเขาสูง ลงมาตามหน้าผาและหินย้อย ยิ่งมีแสงแดดยามเย็นมากระทบกับละอองน้ำ จะเกิดเป็นสายรุ้ง เป็นภาพที่สวยงามน่าจดจำ
![](/f/37912/60c6da3edbc0c87d8ecae25e.jpg)
![](/f/37912/60c6da3fdbc0c87d8ecae25f.jpg)
![](/f/37912/60c6da3fdbc0c87d8ecae260.jpg)
. เราใช้เวลาล่องเรือยางประมาณ 3 ชั่วโมง ประมาณ 17.45 น. คนเรือพาเราเทียบท่าแล้วบอกให้เราขึ้นฝั่งและเริ่มเดินจากตรงนี้ เขาจะจอดเรือรออยู่ตรงท่าเรือ หาปลารอ อีก 2 วันเจอกัน
![](/f/37912/60c6dc6f1654ca7da22043a5.jpg)
![](/f/37912/60c6dc701654ca7da22043a6.jpg)
เราเริ่มออกเดินเท้า มองดูนาฬิกา บอกเวลา 18.02 น. พอมีแสงแดดส่องมาริบๆ คนเรือก็ถามอีกครั้งว่าจะไปมั้ย เขาแนะนำให้พักกับเขาที่เพิงหินแถวนั้นก่อน ตอนเช้าค่อยไป แต่เราได้คุยกันไว้แล้วกลัวผิดแผนเลยตัดสินใจว่าจะลองเสี่ยงไป เตรียมไฟฉายไว้ให้พร้อม แล้วเริ่มก้าวยาวๆ ออกเดินไปตามหุบเขา ค่อยๆไต่ขึ้นลงตามไหล่เขา ทางเดินเป็นทางเท้าของชาวบ้านที่มาล่าสัตว์ หาปลาแถวนั้น คนเรือบอกว่าเดินไปเรื่อยๆ เราจะเจอป้ายบอกทาง ตามที่อ่านข้อมูลมาเขาบอกว่าใช้เวลาเดินประมาณ 2-3 ชั่วโมง ก็จะถึงที่ทำการ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ซึ่งเป็นที่ที่เราจะกางเต็นท์พักแรมคืนนี้ จากที่คำนวณเราจะถึงประมาณสองทุ่มครึ่ง(ถ้าเราเดินแบบไม่หยุดเลย)ซึ่งก็มืดและค่อนข้างอันตราย เราออกเดินทางต่อด้วยแสงที่ยังพอให้มองเห็นทางเดิน
![](/f/37912/60c6e4561654ca7da22043ae.jpg)
![](/f/37912/60c6e4571654ca7da22043af.jpg)
![](/f/37912/60c6e4571654ca7da22043b0.jpg)
เดินมาได้สักพักเราก็มาถึงทางรถ แต่ มันไม่เป็นแบบที่คิดไว้ คือทางมันแย่มาก ทางเป็นดินโคลนลึก ขอบทางลื่น ทำให้เราเดินทางได้ช้าลงไปอีก ไม่นานความมืดก็เข้าปกคลุมทั่วผืนป่า ป่าที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยสัตว์ป่า ทั้งช้างป่าและเสือโคร่ง ทั้งป่าเงียบสงัด มีเพียง 3 ชีวิตที่กำลังก้าวเดินไปในความมืด ความรู้สึกตอนนั้นคือ รู้สึกกลัว รู้สึกเสียดาย เราไม่น่าพาเพื่อนมาเสี่ยงเลย
เราเดินไปเรื่อยๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ตรงไหน ใกล้ถึงหรือยัง ได้แต่เดินไปเรื่อยๆ มือขวาถือไฟฉาย มือซ้ายถือไม้ พอถึงป่าไผ่ทึบๆ ได้ยินเสียงเหมือนมีสิ่งมีชีวิตกำลังเคลื่อนไหว ปฏิกิริยาของร่างกายทำงานเร็วมาก มือส่องไฟ เท้าเตรียมถอย ตามองหาต้นไม้เพื่อปีนขึ้นหลบภัย แล้วก็บอกเพื่อน “ วิ่ง “ วิ่งกลับไปได้ประมาณ 100 เมตร ก็ปรึกษากัน จะกลับหรือจะไปต่อ ได้ข้อสรุป ไปต่อ ก็ค่อยๆ เดินกลับมาหาต้นตอของเสียง กล้าๆ กลัวๆ แต่ที่แน่ๆ มันเป็นสัตว์ป่าแหละ เดินเข้าไปใกล้ ไฟส่องตาเป็นแสงวาว “ ควายป่า” ใจชื้นขึ้นมา รอดแล้วเรา อย่างน้อยแถวนี้ก็ไม่มีเสือเพราะควายป่ายังอยู่ได้ เดินเข้าไปใกล้ระยะ 5 เมตร ได้ยินเสียงลุกขึ้นพรึบ พร้อมกัน “โอ้ว! มันไม่ได้มีตัวเดียว เป็นฝูง “ ถอยอีกรอบ กลับมาปรึกษากันได้ข้อสรุปว่าเราจะรอ ให้ฝูงเจ้าถิ่นนี้เคลื่อนผ่านไปก่อนเราค่อยไป รอประมาณ 30 นาที ก็ไม่มีทีท่าว่าเขาจะเคลื่อนทัพกันเลย เราจึงตัดสินใจสู้ เรามีสามคน 6 เท้า พยายามกระทืบเท้า และส่งเสียงดังให้เหมือนมีคนเยอะๆ “เฮ้ย! มันถอยเข้าไปในป่าไผ่จริงๆด้วย” เล่นเอาซะเหงื่อตกเลย
เราเดินต่อไปจนถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง พอถึงแล้วทั้งเหนื่อย ทั้งดีใจอย่างบอกไม่ถูก “เรารอดแล้ว” ต่อไปจะไม่ใช้ชีวิตเสี่ยงขนาดนี้(ดราม่าอี๊ก) ส่องดูนาฬิกาข้อมือ บอกเวลา 22.36 น. เรามาว่างสัมภาระที่หนักคนละ 20 กิโลกรัม ไว้ที่ ศาลาใกล้ๆ ธารน้ำ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวกำลังนอนในเต็นท์ ประมาณ 5 เต็นท์ ท่ามกลางสายฝนพรำ มองเห็นแสงลิบๆ มาจากบ้านพักเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ห้างออกไปจากศาลาที่กางเต็นท์ ประมาณ 300 เมตร เราเดินไปแจ้งเจ้าหน้าที่ เพื่อขอกางเต็นท์ ในใจก็กลัวโดนเจ้าหน้าที่ด่า เพราะไม่ได้แจ้งไว้ก่อน “ เอาโว้ย “ พอเดินไปถึงบ้านพักเจ้าหน้าที่ ร้องเรียก ไม่มีเสียงตอบรับ เรากลับมากางเต็นท์นอนหลับไปด้วยความเหนื่อย
![](/f/37912/60c6fbd3dbc0c87d8ecae26a.jpg)
![](/f/37912/60c6fbd4dbc0c87d8ecae26b.jpg)
![](/f/37912/60c6fbd4dbc0c87d8ecae26c.jpg)
ตื่นเช้ามาพร้อมกับสายฝนพรำ ได้เวลาออกเดินทางไปยลโฉม น้ำตกที่สวยที่สุดของไทย ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากที่ทำการประมาณ 2 กิโลเมตร ทางเดินเป็นพื้นคอนกรีต สะดวกสบายไม่ต้องปีนเขา ป่าบริเวณนี้เป็นป่าดิบชื้น มีความชุ่มชื้นและมีความอุดมสมบูรณ์มาก
![](/f/37912/60c6fd2edbc0c87d8ecae26d.jpg)
![](/f/37912/60c6fd2fdbc0c87d8ecae26e.jpg)
เดินเข้าไปใกล้เริ่มได้ยินเสียงน้ำตก เริ่มตื่นเต้น พอเดินพ้นป่าออกไปเท่านั้นแหละ ภาพตรงหน้าคือ สวยอ่ะ สวยมาก ขนาดหน้านี้น้ำสีเหลืองยังสวย เหมือนภาพวาดในหนังจีนเลย เราใช้เวลาดื่มด่ำกับบรรยากาศ มีละอองน้ำโปรยมาตลอด จนเสื้อผ้ารองเท้าเปียกหมด ช่วงนี้น้ำเชี่ยวเลยไม่ได้ลงเล่น ปกติไปน้ำตกไหนก็ต้องลงเล่นน้ำ แต่คราวนี้ต้องตัดใจ เดินกลับ
เรากลับมาทำอาหารเช้ากินกัน เมนูก็เป็นข้าวต้มเห็ดหอม แล้วก็ต้มน้ำไว้ดื่มระหว่างทาง เพราะหน้านี้ไม่มีแม่ค้าขึ้นมาขายของเลย ต้องพึ่งพาตัวเองทุกอย่าง กินข้าวเสร็จก็ถ่ายรูกกันสักพักแล้วเก็บสัมภาระ ออกเดินทางกลับ ขากลับเรากลับทางเดิม ลุยโคลนเหมือนเดิม แต่ไม่ต้องรีบเหมือนตอนขามา
![](/f/37912/60c815915326a97db1703e41.jpg)
![](/f/37912/60c815915326a97db1703e42.jpg)
ขามาเหนื่อยยังไง ตอนกลับก็เหนื่อยยังงั้น แต่ก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้เดินทาง ทริปนี้แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ แต่ก็อยู่ในความทรงจำตลอดไป
ปล. สำหรับท่านที่จะเดินทางมาหน้าฝน ขอให้วางแผนให้รัดกุมนะครับ
อยากเที่ยวก็เที่ยว
วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 09.54 น.