หนีความวุ่นวาย มาให้ธรรมชาติโอบกอด
ที่ แพ 500 ไร่ เขื่อนเชี่ยวหลาน #สุราษฏร์ธานี
นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้พักผ่อน ไม่ได้ออกเดินทาง
ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ? หน้าฝนแบบนี้เป็นโอกาสดี
ให้เราได้ทำทั้ง 3 อย่างที่ว่าไปพร้อมๆกัน และก็คงไม่มี
ที่ไหนเหมาะสมไปมากกว่า “เขื่อนเชี่ยวหลาน” หรือ
“เขื่อนรัชชประภา” อีกแล้ว
เที่ยวต่างจังหวัด ต้องเช่ารถกับ Drive Hub ค่ะ
เขามีรถเช่าครอบคลุมกว่า 40 จังหวัดทั่วประเทศ
จองง่าย คอนเฟิร์มไว ปลอดภัย ได้รถชัวร์
ไม่มีบัตรเครดิตก็เช่าได้
ทางไปจอง :https://atth.me/004b0f001c4k
ใครที่ยังไม่เคยมาที่นี่ ดอกจันท์ร้อยดอก ว่าต้องมาจริงๆ!!
เพราะมันสวยม๊ากกกกกกกก นับเป็นพื้นที่ป่าดิบชื้นที่
อุดมสมบูรณ์ที่สุดในประเทศเลย รับรองว่ามาแล้ว
จะได้เห็นทั้งภูเขา สายน้ำ หมอก และ สัตว์ป่า
ทริปนี้เราพักที่ “แพ 500 ไร่” รีสอร์ทลอยน้ำตัวท๊อป
แห่งทะเลสาบเชี่ยวหลานค่ะ สิ่งที่ทำให้แพ 500 ไร่ แตกต่างจากที่อื่น
คือห้องพักที่สวยจริง สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
อาหารปักษ์ใต้อร่อยฟินทุกมื้อ พนักงานที่น่ารักและบริการดีสุด!
ไปจนถึงกิจกรรมที่มีให้เลือกทำอีกเพียบ เราอยู่ที่นี่อาทิตย์กว่า
ก็คือ มีอะไรทำทุกวัน ไม่เบื่อเลย
โพสต์นี้เราตัดมาเขียน เป็นทริป 3 วัน 2 คืน คนที่มีแพลนจะมา
พักผ่อนที่นี่ จะได้มีไอเดียว่ามาแล้วทำอะไรได้บ้างนะคะ
รายละเอียดทุกอย่างอยู่ในรีวิวนี้แล้ว เลื่อนอ่านกันได้เลย
ติดต่อแพ 500 ไร่
– https://www.facebook.com/500rairesort
ขอเกริ่นก่อนว่านี่เป็นรอบที่ 4 ที่เรามาพักที่แพ 500 ไร่เท๊ออออออออ
คือถ้ามันไม่ดีต่อใจจริงๆ ชั้นจะกลับมาทำม๊ายยยยยยยยยยยย
คือเลิฟตั้งแต่สโลแกน disconnect to reconnect แล้ว
ถึงจะมีเครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งอำนวยความสะดวกครบ แต่ที่เขาไม่มีให้คือ
WIFI จ่ะ.. ใช่… เขาต้องการให้เราเงยหน้าจากหน้าจอมือถือ/คอมแล้วซึบซับกับธรรมชาติให้ได้มากที่สุด
ขอเล่าย้อนไปถึงการเดินทางมายังแพ 500 ไร่ นิดนึงค่ะ
เรานั่งเครื่องบินจากกรุงเทพ มาลงที่สนามบินสุราษฏร์ จากนั้นจะมีรถตู้จากแพ
ไปรับเราที่ทางออกสนามบิน และขับพามาส่งที่ท่าเรือในอุทยานแห่งชาติเขาสกค่ะ
พอมาถึงก็จะมีด่านตรวจเอกสารต่างๆ เช่น บัตรประชาชน ใบรับรองว่าฉีดวัคซีนครบ
ผลตรวจโควิด และเราต้องสแกน QR code กรอกข้อมูลให้ Save Surat ด้วยน้า
จากท่าเรือไปแพ 500 ไร่ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที – 1 ชั่วโมงค่ะ
แต่แนะนำให้แวะ “เขาสามเกลอ” เป็นจุดที่ธรรมชาติสวยงาม
แปลกตามีเขาโผล่ขึ้นมาจากน้ำ 3 ยอดพอดี เป็นที่มาของชื่อ “เขาสามเกลอ” ค่ะ
สวยมั้ยล่าาาาาาา
วิวจากที่พัก คือ ทะเลสาบเชี่ยวหลาน
สวยปังมากๆ ยิ่งถ้ามาช่วงหน้าฝนแบบเรา
ตื่นเช้ามาเห็นหมอกทุกวันเลย
รูปนี้เอามายั่วก่อน เดี๋ยวมีให้ดูแบบเต็มๆอีกในรีวิวนี้แหละ
เช้าวันที่สอง เรานั่งเรือไปดูหมอกตอนเช้า
สวยม๊ากกกกก เหมือนอยู่ต่างประเทศเลย
ก่อนจะพาไปดูกิจกรรมแบบจุกๆ เราขอพาไปส่อง
ห้องพักของเราก่อน นั่นก็คือห้อง Deluxe Suite ค่ะ
ที่แพ 500 ไร่ ห้องพักแบ่งเป็น 2 โซน คือ Connecting Zone
และ Private Zone ห้องพักใน Connecting Zone
จะเชื่อมกันด้วยสะพานด้านหลังห้อง ต่อไปยังห้องอาหาร
และสระว่ายน้ำ ส่วนห้อง Private Zone จะแยกออกไป
ต้องเดินทางไป-กลับห้องพักด้วยแพยนต์ค่ะ มีบริการ
ตั้งแต่ 6.00 – 22.00 น. เลย
ดูรายละเอียดของประเภทห้องพักได้ที่ https://www.500rai.com/th
และนี่คือหน้าตาของห้อง Deluxe Suite ค่ะ
(Deluxe Suite มี 2 ห้องคือ ปีกซ้ายและขวาของแพ
ส่วน Family Suite จะอยู่ตรงกลางค่ะ)
ห้องนี้มีพื้นที่ 72 ตร.ม. เข้าพักได้ 4 – 7 คนเลย
มีห้องนอนชั้นล่าง 1 ห้อง ห้องนอนใต้หลังคา 1 ห้อง
ห้องอาบน้ำ+ห้องน้ำ ภายในห้อง 2 ห้อง และ
ห้องนั่งเล่น 1 ห้อง พร้อมระเบียงนั่งเล่นหน้าห้องอีกกกก
ห้องใต้หลังคา พื้นที่เหลือเฟือ :3
ห้องน้ำและห้องอาบน้ำในตัว 2 ห้องไปเลย
ไม่ต้องแย่งกัน ฮ่าๆ >//<
จากห้องเรา มองไปเห็น Connecting Zone
รู้สึกไพรเวทสุดๆไปเลย ระเบียงหน้าห้องก็กว้าง
นั่งเล่น นอนเล่นได้ทั้งวัน
มาดูห้องอาหารกันบ้าง เขาเคลมว่าที่นี่เป็น “ห้องอาหารลอยน้ำ”
ที่เดียวในเขื่อนเชี่ยวหลานเชียวน้า
อาหารมีให้เลือกเยอะมากกกกกก ต้ม ผัด แกง ทอด แต่ที่พลาดไม่ได้
คืออาหารพื้นบ้านปักษ์ใต้ ที่ใช้วัตถุดิบที่หาได้ในพื้นที่! อย่างเมนูปลา
ทั้งหลาย เขาก็เอาปลามาจากชาวประมงในเขื่อน เพื่อเป็นการ
กระจายรายได้สู่ชุมชนด้วยนะ
เรามาถึงวันแรก เช็คอินเรียบร้อย
ก็เจอมื้อเที่ยงแบบจัดเต็มเลย
สำหรับลูกค้าที่จองมาเป็นแพ๊คเกจ จะมีอาหาร
รวมให้ทุกมื้อในช่วงที่เราเข้าพักค่ะ ทุกมื้อก็
มีกับข้าวไม่ต่ำกว่า 4- 5 อย่าง เรียกได้ว่าอิ่มจุก!
และอาหารเขาก็อร่อยจริงๆ อย่างมื้อแรกเราโดน
ผักกูดผัดน้ำมันหอย, แกงส้มปลากดหน่อไม้ดอง,
ปลาสามรส, หมูหวาน, ไก่ต้มขมิ้น ดีงามมมมม
และแกงส้มเป็นเมนูแนะนำของที่นี่นะคะ ใครมาต้องสั่ง
ห้องอาหารกับสระว่ายน้ำอยู่ใกล้กันเลย
เหมือนเค้าอยากให้เราไปว่ายน้ำย่อยหลังกินเสร็จ
วันแรกมาถึง เราก็พักผ่อนชิลลๆ ถ่ายรูปรอบๆที่พักกันก่อนค่ะ เข้าไปดูรูปเพิ่มเติมได้ที่ IG เราเลย ^^
https://www.instagram.com/blissoutthere/
หน้าห้องพักมีคายัคและเสื้อชูชีพให้ด้วย
โดดลงน้ำจากหน้าห้องได้เลยจ้า
*แนะนำให้ใส่เชื้อชูชีพตอนเล่นน้ำนะ
เพราะน้ำที่นี่ลึกมากจริงๆ เกิน 30 เมตรค่ะ
รูปนี้เราพายไปจากหน้าห้องไม่เกิน 3 เมตร
แค่เพื่อให้ได้รูปแล้วก็รีบพายกับมาใส่ชูชีพ
ก่อนจะพายต่อยาวๆเลย
มื้อเย็นที่นี่เสิร์ฟประมาณ 6.00 – 6.30 น. ค่ะ
กับข้าวมี 5 อย่างอีกแล้ววววว *O* หรือถ้าใคร
อยากสั่งที่ชอบก็ดูในเมนูได้เล้ยยยย
ต้มยำปลา เนื้อฉ่ำๆ
วันที่สอง เราตื่นแต่เช้าไปดูหมอกค่ะ
พี่ไกด์นัดเราต้องตั้งแต่ 7.00 น. โดยเราออกไปดูหมอกก่อน
แล้วค่อยกลับมาทานมื้อเช้าที่แพ… โชคดีมากๆวันที่เราไปฟ้าเปิด
อากาศดีมากๆ ได้เห็นหมอกลอยทั่วพื้นที่เลย แต่ไม่หนาเกินไป
ยังเห็นช่องเขา และแสงแดดตอนเช้าด้วย
ใครมีแพลนมาที่นี่ แนะนำเลยว่าให้มาหน้าฝนค่ะ จะได้เห็นหมอกสวยๆแบบนี้
ไม่พูดเยอะ ให้ภาพเล่าเรื่อง
บรรยากาศห้องอาหารตอนเช้าๆ มันดีย์
ซีเรียล นม น้ำผลไม้ ชา กาแฟ และ ขนมปัง
เราบริการตัวเองได้เลย เติมได้ไม่อั้นจ้า
ส่วนเมนูอาหารเช้าที่ทางแพเสิร์ฟก็จะเปลี่ยนไปทุกวันๆ
อย่างวันนี้เราได้กินข้าวต้มกับกุนเชียง ไข่แดง ผักดอง
และขนมจีนน้ำยาปลา ที่รสชาติกลมกล่อมม๊ากกกกกกเลิฟม๊ากกกกกกกกกก
เติมพลังไปแล้ว พักผ่อนแป๊ปนึง เราก็ไปลุยกันต่อ
กับกิจกรรม “น้ำตกแปดเซ๊ยน” จากแพไปทางขึ้นน้ำตกแปดเซียน
ใช้เวลาประมาณ 15 นาที จากนั้นเป็นทางเดินขึ้นไปตามน้ำตก
ประมาณ 100 เมตร ใช้เวลา 20 – 30 นาทีก็ถึงจุดสูงสุด
แล้วเราก็ถ่ายรูป นั่งแช่น้ำกันให้หายเหนื่อย แล้วค่อยกลับค่ะ
เป็นกิจกรรมที่ใช้เวลาไม่มาก และไม่เหนื่อยเกินไป
ได้รูปสวยๆอีกต่างหาก สายธรรมชาติต้องจัดดด
แล้วไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยเลย เพราะมีพี่ไกด์คอยดูแลตลอดค่ะ
ไปต่อกันที่ “ถ้ำประกายเพชร” อีกหนึ่งกิจกรรมแนะนำ
ทำได้ทั้งกับเพื่อน ครอบครัว และ คู่รัก จากแพเดินทางไปที่ถ้ำ
ใช้เวลาแค่เพียง 30 นาที พอไปถึงก็สามารถเดินขึ้นบันไดเข้าถ้ำได้เลยค่ะ
ถ่ายรูปหน้าทางเข้ากันหน่อยยยย ^^
ป.ล. พี่ไกด์เค้าเตรียมไฟฉายไว้ใช้ในถ้ำให้ด้วยค่า
ด้านในถ้ำมีหินงอกหินย้อยรูปร่างต่างๆให้ดู เพลินมากๆค่ะ
และทางเดินก็ไม่มืดหรือยากเกินไป สามารถเดินได้เรื่อยๆ
ส่วนตัวชอบหินย้อยที่อยู่ใกล้ๆกันเป็นกลุ่ม มันเหมือนผ้าม่านดี
พี่ไกด์บอกว่าที่นี่แต่ก่อน หินมีประกายมากกว่านี้ แต่ปัจจุบัน
จะมีประกายแค่บางจุดเท่านั้นค่ะ
เจ้าก้อนนี้เหมือนจระเข้มากๆ
นอกจากค้างคาวในถ้ำแล้ว
พวกเรายังได้เจองูถ้ำถึง 2 ตัว!
ซึ่งมันจะหลบอยู่ตามเพดานถ้ำ
(จริงๆมันอยู่ไกลนะ นี่เราใช้กล้องซูม
จะได้เห็นชัดๆ :D)
ไกด์บอกว่างูเหล่านี้ไม่มีพิษค่ะแต่เวลาเห็นก็น่ากลัวอยู่ดี
วิวตอนดินออกมาจากถ้ำก็สวยอยู่น้า
เดินถ้ำมาเหนื่อยๆ เจอแบบนี้ก็หายเหนื่อยเลย อิ_อิ
วันที่สองทำกิจกรรมกันไปแบบจุกม๊ากกกกกกกกกกก
วันที่สามเราเลยขอพักผ่อนชิลล์ๆ สั่งเซ็ต picnic ถ่ายรูป
กับวิวทะเลสาบหน้าห้องจ่ะ
กิจกรรมนี้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากค่าห้องพักนะ ใครสนใจก็
แจ้งพนักงานที่ lobby ตอนเข้าพักได้เลยค่ะ สิ่งที่ได้คือ
อาหาร 3 อย่าง ใส่มาในปิ่นโตสาน คิ้วท์มากกก และ เครื่องดื่ม 2 แก้ว
พร้อมดอกไม้เนพร็อพ เสื่อ จาน ช้อน ส้อม ค่ะ
อาหารที่เราได้วันนั้นมีแซนวิชแฮมชีส สลัดผลไม้รวม
ปีกไก่ทอด และ น้ำอัญชันมะนาว คือเริ่ดอยู่น้า
แล้วเอาจริงคือ วิวนี้ กินอะไรก็อร่อยหมดแหละ ^^
ทั้งอิ่ม ทั้งได้รูป >//<
หมดแล้ว ทริปรีชาร์จ 3 วัน 2 คืนที่แพ 500 ไร่
ใครที่มีแพลนจะมาพักที่นี่ แต่ไม่รู้ว่ามาแล้วทำอะไรได้บ้าง
ก็ทำตามรีวิวของปิงได้เลยยย ไม่หวงค่ะ
ส่วนตัวเลิฟทริปนี้มากๆ เพราะได้ทุกฟีล
ทั้งฟีลพักผ่อนชิลล์ๆ และ ฟีลลุยๆ adventure
แต่จะบอกว่าทริปนี้ยังไม่จบนะ!! เดี๋ยวปิงทำภาค 2 ต่อ!!
เพราะปิงมาอยู่ที่นี่เป็นอาทิตย์เลย ทำครบทุกอย่างจริงๆ
ไว้มาเล่าต่อค่ะ ฝากติดตามที่เพจ Bliss Out There ด้วย
วันนี้ไปแล้ว
𝐅𝐨𝐥𝐥𝐨𝐰 𝐌𝐞
FB : https://www.facebook.com/BlissOutThere/
IG : https://www.instagram.com/blissoutthere/
YouTube : https://www.youtube.com/c/BlissOutThere
Website : https://blissoutthere.com/
ตอนนี้มี LINE OA แล้วนะ อย่าลืมมาติดตามกันนะ
Line : https://lin.ee/3R4lVCCv
เข้า LINE แล้วกดปุ่ม 3 บน Timeline เลย
Bliss Out There
วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 00.39 น.