ถ้าพูดถึงจังหวัดเลย คงไม่มีใครไม่รู้จัก "เชียงคาน"
เมืองท่องเที่ยวติดริมแม่น้ำโขงแน่นอน เราแพลนไปกันทั้งหมด 3 วัน 2 คืน แต่เพราะเป็นช่วงหยุดยาว รถติดมากกกก กอไก่ล้านล้านตัว

ถ้าตามตาราง เลทให้สุดๆแล้วคือออกจากกรุงเทพฯเช้าจะถึงเชียงคาน ประมาณ 3-4 โมงเย็น แต่กลายเป็นว่าเราถึงเชียงคานเกือบ 4 ทุ่ม (เราเดินทางด้วยรถทัวร์ Sunbus) T^T ยับมาก นอนเลย 55555555 เลยกลายเป็นทริป 2 วัน 1 คืน เฉยเลย 5555 ทำใจร่มๆแล้วปรับแผนใหม่หมด

ปล.การเดินทางนี้ไปก่อนจะเกิด COVID-19 เพราะฉะนั้นจะยังไม่มีการใส่หน้ากากกันนะคะ


เราเริ่มวันแรกด้วย "ร้านแม่งามอิ่มอร่อย" ซอยศรีเชียงคาน 15 ร้านไข่กระทะเจ้าดัง
 เวลาเปิด-ปิด 05.00 - 14.00 น.
เราไปตอน 7 โมงเช้า คนเยอะแต่โต๊ะก็เยอะเช่นกัน แปปเดียวได้กินแล้ว

จากนั้นแวะร้านกาแฟ โดปเข้าเส้นกันคนละ 1 แก้ว "ร้าน With a View" เวลาเปิด-ปิด 08.00-21.00 น. ติดริมโขงเลย ราคาไม่แรง บรรยากาศดีด้วย ต้องบอกว่ารสชาติชาเค้าดีจริงๆ หอมมาก!!!

พอมีแรงเราก็เริ่มลุยกัน ไปเดินชิวริมโขง ซึ่งมีของกินขายประปราย บรรยากาศดีมากๆ เช้านี้ไม่มีแดด มีลมพัดเย็นหน่อยๆ เดินเรื่อยๆ เอื่อยๆได้ยาวไป
ที่นี่เค้านิยมปั่นจักรยานชมเมืองกัน มีให้เช่าตามที่พักต่างๆ แต่เราไม่เช่าค่ะ ชอบเดิน 5555555 และเป็นเมืองมีมุมให้ถ่ายรูป หรือยืนเหม่อๆเยอะเหมือนกัน สมกับที่เค้าเรียกกันว่า "เมือง Slow Life" ชอบ

ขยับจากริมโขงมาเดินในเมืองบ้าง เนิบๆดีอ่ะ คนไม่พลุกพล่าน เดินชิลๆ เรื่อยๆ เพราะเมืองเชียงคานเป็นเมืองไม่ใหญ่ แต่มีตรอกซอกซอยเยอะ บ้านไม้เป็นหลัก คงสภาพความเป็นเมืองดั้งเดิมไว้ ซึ่งก็เป็นจุดขายของที่นี่นั่นแหละ มีมุมแปลกๆ สวยๆ ให้หยุดเก็บภาพเยอะอยู่ ไปกับเพื่อนยิ่งสนุก

ระหว่างเดินก็จะมีร้านขายของอยู่ อยากกินอะไรก็จับจ่ายใช้สอยสบายๆกันได้เลย

ผ่านมาเกือบครึ่งวันเริ่มหิวแล้ว แอบไปเห็น "ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นมะระ" ข้างทาง เอาเลยร้านนี้แหละ 5555 ให้เยอะและรสชาติอร่อย ไก่เปื่อยมากกก ^^ น้ำซุปเด็ด แต่จำไม่ได้จริงๆค่ะ ว่าอยู่ตรงไหน เป็นร้านข้างทาง ไม่ได้อยู่เป็นตึก เป็นเพิงๆ หน่อย

กินเสร็จ เดินกลับไปพักเอาแรงที่พักกันหน่อยสัก 1-2 ชั่วโมง เราพักกันที่ "จันทรา วาริน โฮมเทล" (ถ่ายมาแค่ป้ายจริงๆ 5555) 2 คืน 3,000 บาท ไป 4 คน ห้องใหญ่ห้องครอบครัว ตกคนละ 750 บาท ได้คูปองอาหารเช้ามาคนละ 2 ใบ เลือกกินร้านในเมืองเชียงคานได้เลย สามารถเข้าดูในเพจของที่พักได้เลยค่ะ
Facebook: https://www.facebook.com/ChandraVarin1/

สักบ่าย 2 เราก็ออกมาชิวกันต่อ คราวนี้เราจะไปทัวร์วัดกัน (เมืองแห่งวัดเก่าแก่เราจะไม่แวะก็กระไรอยู่ ทำบุญให้ชีวิตสงบๆกันบ้าง) โดยวัดที่เราเลือก มีอยู่ด้วยกัน 3 ที่ เดินเป็นวงกลม

เริ่มด้วย "วัดป่ากลาง" หรือ “วัดมัชฌิมาราม”
เดิมเป็นวัดเล็กๆ 2 วัด คือ วัดกลางและวัดป่า แต่วัดกลางซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงถูกน้ำกัดเซาะตลิ่งพังเข้ามาถึงวัดชาวบ้านจึงย้าย 2 วัด รวมเป็นวัดเดียวกัน เราเลือกทำบุญด้วย Scan QR Code แถมมีหลักฐานเอาไปลดหย่อนภาษีได้อีก สมัยนี้ทันใจจริงๆ

ถัดมาวัดที่ 2 "วัดมหาธาตุ"
ก่อตั้งปี พ.ศ.2197 เป็นวัดที่เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของเมืองเชียงคาน อุโบสถเป็นไม้ ให้ความรู้สึกเก่าแก่มาก

นั่งเล่นในวัดสักพักนึง ท้องเริ่มร้อง เราเดินทางไปวัดที่ 3 ต่อทันที ระหว่างทางก็คือ ของกินเพียบ!!!! มาเชียงคานไม่กินกุ้งเสียบไม้คือมาไม่ถึงนะคะ จัดไปคนละไม้สองไม้ พออยาก ^^ มีกล้วยปิ้งไข่ปิ้งด้วย

แล้วมุมถ่ายรูปก็เยอะจริงๆ

เรามาถึงวัดสุดท้ายแล้ว "วัดศรีคุณเมือง" มีลวดลายตามกำแพงวัดสวยมาก ออกแนวล้านนาหน่อย ความจริงเรามีแพลนที่จะนั่งเรือชมพระอาทิตย์ตกที่นี่ เพราะสามารถขึ้นเรือที่นี่ได้ แต่วันที่ไป อากาศไม่ค่อยเป็นใจ ฟ้าไม่เปิด เลยยกเลิกไป แต่แวะอุดหนุนขนมเมี่ยงชาวบ้านแถวนั้นมาแทน

สำหรับใครที่ชอบส่งโปสการ์ด เชียงคานมีมากมายหลายร้านให้เลือกเลยพวกเราจบที่ "ร้านชานเคียง" ที่นี่เป็น GuestHouse ด้วย

ก่อนจะไปกินข้าวเย็น เราแวะไปที่ "ร้านกาแฟ สองผัวเมีย" ที่นี่เป็น GuestHouse ตัวร้านตกแต่งน่ารัก น่านั่ง เมนูกาแฟหลากหลาย อากาศก็ดี ฝนตกปรอยๆ บรรยากาศชิลมากๆเลย

มาค่ะ!!!!! ข้าวเย็นร้านดังของเมืองเชียงคาน "ร้านเฮือนหลวงพระบาง" เวลาเปิด-ปิด 11.00 - 15.00 น. และ 17.00 - 22.00 น. ร้านอาหารใหญ่ โต๊ะเยอะมากกกกกกกกกก อยู่ติดแม่น้ำโขง วิวดี
Facebook: https://th-th.facebook.com/Heonluangprabang/

เมนูแนะนำที่ต้องลองเลยคือ ผัดวุ้นเส้นหลวงพระบาง หน้าตาธรรมดาแต่ว่ารสชาติอร่อยเลยทีเดียว

กินอิ่มแล้วก็ได้เวลาเดินย่อยกันสักหน่อย พลาดไม่ได้กับการเดินชิลๆที่ "ถนนคนเดินเชียงคาน" เวลาเปิด-ปิด 17.00-22.00 น. โดยช่วงตอนหัวค่ำจะจัดไฟตามรายทาง มีความสุขกับการถ่ายรูปมาก ^^

มีร้านขายของพื้นเมือง สินค้าแฮนด์เมด ร้านอาหารพื้นเมือง ตลอดจนร้านกาแฟให้นั่งสบายๆ ตั้งแต่ถนนชายโขงซอย 5 ไปจนถึงซอย 20 

ก่อนกลับไปนอนพักผ่อนกัน เพราะวันนี้เราตะลุยกันมาทั้งวัน พวกเราเดินริมโขงกะหาร้านนั่งคุยกัน จนไปเจอไปร้าน "Jo+beer" ร้านอยู่เกือบมุมเหนือสุดของถนนริมโขง เวลาเปิด-ปิด 17.00-00.00 น.
Facebook: https://th-th.facebook.com/jo.beer.thailand/

เป็นร้านคราฟเบียร์เล็กๆ ที่บรรยากาศดีมาก พี่เจ้าของร้านใจดีมาก เดินไปเลือกไปคุยไป ชิมได้ด้วย แถมปีกไก่เผ็ดเกาหลีรสชาติก็ดีชะมัด 5555 เราใช้เวลาอยู่ที่นี่เป็นชั่วโมง นั่งคุยกันยาวๆ แล้วเราก็กลับไปนอน

ต้องบอกว่าเป็น 1 วันที่คุ้มค่าจริงๆ ทั้งเหนื่อย ทั้งชิล ปนๆกัน หลับสนิทกันเลยทีเดียว 555


เช้าวันที่ 2 เราตื่นกันตั้งแต่ 5.00 น.  เรามีนัด "ตักบาตรข้าวเหนียว" โดยจะมีพระสงฆ์จากวัดต่างๆ เดินบิณฑบาตรตั้งแต่เวลา 06.00 จนถึงเวลาประมาน 07.00 น. ที่พักส่วนใหญ่ของเชียงคานจะมีบริการจัดชุดตักบาตรเตรียมไว้ให้พร้อม รับรองว่ามาเที่ยวเชียงคาน อิ่มทั้งบุญและอิ่มบรรยากาศอย่างแน่นอน (ราคาชุดตักบาตรชุดละ 100 บาท)

วันนี้ฝนตกนิดหน่อย ก่อนออกไป "แก่งคุดคู้" เราไปใช้คูปองอาหารเช้ากับร้านไข่กระทะเช่นเคย แล้วค่อยออกเดินทางกัน

แก่งคุดคู้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ห่างจากเชียงคานประมาน 3 กิโลเมตร เดินทางได้ด้วยรถยนต์ หรือจะจ้างรถ Sky Lab ก็ได้ ราคาไป-กลับเหมาๆ คนละ 100 บาท
แก่งคุดคู้มีแนวหินขนาดใหญ่โผล่กลางน้ำตั้งแต่ฝั่งลาวยาวมาจนเกือบสุดฝั่งไทย ด้วยความที่มีหินขนากใหญ่มาขวางแม่น้ำเอาไว้ทำให้แม่น้ำโขงบริเวณนั้นมีกระแสน้ำที่ไหลแรง

มีแพร้านอาหารอยู่ด้วย พวกเราเลยฝากมื้อกลางวันที่นี่เลย เมนูที่ห้ามพลาดเลยคือ "กุ้งฝอยทอด" มาเป็นแพแบบนี้ กรอบ อร่อยแน่นอน

แล้วเราก็กลับมา Check Out ที่พัก และออกเดินทางกลับ หมดเวลาสนุกกับเชียงคานแล้ว


เชียงคานเป็นเมืองท่องเที่ยวเล็กๆ ที่สามารถใช้การเดินหรือปั่นจักรยานแค่ 1-2 วันก็ครบหมดแล้ว อาหารรสชาติอร่อย บ้านเมือง/วิวของเมืองสวย ถึงแม้หลังๆจะออกเป็นเชิงธุรกิจไปบ้าง แต่ก็ยังเป็นเมืองที่น่ารัก เหมาะสำหรับพักผ่อน จะจองที่พักติดริมโขงแล้วชิลอยู่ในห้องอย่างเดียวก็ดูโอเคได้ 555

ไว้สถานการณ์ COVID-19 ดีขึ้น เดินทางได้ คงได้มีโอกาสกลับไปอีก ^^

ไว้ครั้งหน้าจะพาไปเที่ยวไหนกันอีก
ฝากติดตามที่ Readme #AnywhereIGobyThita #ฐิตา
Twitter: @AnywhereIGo2

ฐิตา

 วันพฤหัสที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 08.59 น.

ความคิดเห็น