สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปเที่ยวหลีเป๊ะ 3วัน2คืน แบบสโลไลฟ์กันค่ะเริ่มต้นการเดินทางวันที่10/04/64 เริ่มต้นก็ขึ้นรถไม่ทันแล้ว ฮ่าๆๆ เราเลยต้องนั่งแท๊กซี่มาลงที่แอร์พอร์ตลิ้งค์ลาดกระบัง โดนค่าแท็กซี่ไป155บาท นั่งแอร์พอร์ตลิ้งค์มาลงพญาไท40บาท นั่งแท็กซี่มาลงหัวลำโพง55บาท จากนั้นก็ไปหาขนมกินแต่ทางออกที่ใกล้เซเว่นมันปิด เลยจำใจต้องซื้อในที่รอผู้โดยสาร ซึ่งแพงมาก น้ำขวดใหญ่22บาท ขนมเทสโต37บาท ทิชชู่16บาท ขนมปัง2ชิ้น40บาท รวมแล้ว115บาท นี่แค่เริ่มต้นนะ งบประหยัดไม่มีอยู่จริง

จากนั้นเราก็มานั่งรอรถไฟที่จะเดินทางไปสถานีหาดใหญ่ เราจองรถขบวน31 ชั้นล่างราคา 1105บาทรอบ14:30 ถึงหาดใหญ่ประมาณ7:30 เดี๋ยวเรามาดูว่าจะเลทมั๊ย รถที่เราจองเป็นตู้ใหม่สีแดง จะบอกว่าแอร์เย็นฉ่ำมากเลย คือดีย์ พี่พนักงานดีมาก ดูแลเอาใจใส่ดีมาก แต่ช่วงนี้เขาไม่มีตู้ร้านค้านะ เพราะเป็นช่วงโควิด ต้องตุนอาหารขึ้นมากินเอง 

พอรถออกมาสักพักทางพี่พนักงานก็จะมาเดินตรวจตั๋ว และด้วยความที่ไม่มีตู้ร้านค้า พี่พนักงานเลยจะสั่งที่สถานีให้ สถานีที่ให้สั่งขนมและข้าวจะมีอยู่2สถานี คือราชบุรีและเพรชบุรี เราก็เลยสั่งข้าวผัดปูมากิน1กล่องกับน้ำ1ขวด จ่ายไป65บาท(อร่อยมากๆเลย)ประมาณ6โมงพี่พนักงานก็จะมาถามว่าปูเตียงให้ไหมค่ะ ทุกคนก็ต่างพากันพยักหน้า หงึกๆๆ พอพี่เขาปูเสร็จเราก็จัดการซัดไก่ย่างข้าวเหนียวทันที

หิวมากกก พอหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อนสิทีนี้เลยจัดแจงจะไปล้างหน้าแปรงฟัน แต่เดี๋ยวก่อน โว้ยยยยยยยยยย!!!! กระเป๋าที่ใส่อุปกรณ์ล้างหน้าอาบน้ำไม่ได้เอามา (คือเราเปลี่ยนกระเป๋าตอนจัดกระเป๋าก็เลยลืมเอาออกมา)จบกันก็เลยต้องไปเอาน้ำเปล่าล้างหน้าเลยทีนี้ ห้องน้ำบนรถไฟเล็กมากนะ หรือตัวเราใหญ่

ทั้ง2แหละ

แต่โดยรวมก็สะอาดอยู่ ล้างหน้าแล้ว นอนด้ายยย

วันที่11/04/64และแล้วก็มาถึงหาดใหญ่ ให้ทายว่าเลทมั๊ย เลทสิฮ่ะจะไปเหลืออะไร ความจริงต้องถึง7โมง25บาท แต่ไปถึงแปดโมงกว่าๆ แต่พี่พนักงานเขาก็แจ้งไว้ก่อนแล้วว่าจะเลท เพราะเขาทำรางรถไฟกันอยู่ หลังจากลงจากรถไฟก็ไปหาซื้ออุปกรณ์อาบน้ำหมดไป132บาทจากนั้นก็ไปรอรถตู้มารับ เราจองทัวร์กับมาลินีทราเวล แพคเกจ 2590บาท รวมทุกอย่างแล้ว รถไปกลับหาดใหญ่ เรือไปกลับเกาะ ที่พัก2คืน และดำน้ำโซนใน1วัน ประมาณแปดโมงครึ่งรถตู้ก็มารับ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึงท่าเรือ ระหว่างทางนั่งรถมาพี่คนขับรถคือดีมาก แวะให้ซื้อของที่ปั้มเพราะแกบอกว่าที่เกาะของแพงเลยให้เราซื้อของตุนไว้ก่อน เราก็จัดหนักเลยหมดไป150บาท ระหว่างทางพี่คนขับรถจะเล่าประวัติความเป็นมาของเกาะให้ฟัง และจะบอกประวัติตามจุดต่างๆที่ขับรถผ่าน คือดีมากอ่ะ พอมาถึงท่าเรือก็ไปติดต่อทางทัวร์ที่จองไว้ ทางทัวร์ จะแจ้งรายล่ะเอียดต่างๆให้ คนหาดใหญ่ทุกคนคือดีมากอ่ะ ยิ้มเก่งช่วยเหลือเก่ง ประทับใจสุด วันนี้คนเยอะมาก กว่าจะได้ขึ้นเรือก็รอประมาณชั่วโมงนึง ระหว่างรอเราก็ไปกินข้าวกัน จานล่ะ50บาท อร่อยด้วย จะซื้อใส่กล่องไปกินที่เกาะแต่ไม่ทันเรือมาก่อน เสียดายอ่า

ก่อนขึ้นเรือต้องจ่ายค่าท่าเรือ20บาทและค่าเข้าอุทยานตะรุเตา40บาทหลังจากขึ้นเรือมาเรือจะพามาแวะเกาะตะรุเตาและเกาะไข่ 

เกาะไข่ 

ประตูนี้คือเขาเชื่อกันว่าถ้าลอดกับคนรักจะทำให้รักกันยืนยาว แต่ฉันผู้โสด ก็ไม่ต้องลอด แอบถ่ายรูปเบาๆพอ 5555+++

ซึ่งเรือจะจอดให้ถ่ายรูปประมาณจุดล่ะครึ่งชั่วโมง ซึ่งพริบตาเดียวก็หมดเวลาแล้ว หลังจากนั้นเราก็มาถึงจุดหมายปลายทางของเรา #หลีเป๊ะ พอมาถึงจะมีพนักงานของที่พักมารอรับพร้อมกับร่มให้เราใช้หลบแดด เราได้ที่พักของฮาร์โมนี่ รีสอร์ท ห้องสแตนดาร์ด หลังจากนั้นพนักงานจะขับรถซาเล้งไปส่งเราที่ที่พัก ที่พักเราอยู่ใจกลางเกาะเลยเดินไปที่เที่ยวอื่นๆใกล้มาก ถนนคนเดิน เซเว่น ใกล้มาก ที่พักโอเคมากเลยนะ แอร์เย็นแต่น้ำที่ฝักบัวอาบน้ำไหลน้อยไปนิดห้องสะอาดและจะมีพนักงานทำความสะอาดมาทำให้ทุกวันเลย

จากนั้นก็ไปหาของกิน เราเดินไปเจอข้าวเหนียวไก่ย่างส้มตำ กินหมดไป95บาท หลังจากกินเสร็จก็มาอาบน้ำเตรียมไปดูพระอาทิตย์ตกที่หาดซันเซ็ทกัน ระหว่างทางเดินไปก็ซื้อกล้วยหอมไปกิน15บาท คนมารอดูพระอาทิตย์ตกค่อนข้างเยอะมากเลย พระอาทิตย์ตกคือสวยมาก 

หลังจากดูเสร็จก็กลับระหว่างทางกลับซื้อมาม่ามาต้มกับน้ำหมดไป40บาท ถึงห้องพักผ่อนตามอัธยาศัย พรุ่งนี่เราจะตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันนน!!!!

วันที่12/04/64สารภาพตรงนี้ว่าตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นไม่ทัน

แต่ไม่เป็นไรพักผ่อนเอาแรง แล้ว9โมงไปดำน้ำกัน แต่งตัวเสร็จเดินไปขึ้นเรือที่หาดซันไรส์ เราไปดำน้ำกับเรือหางยาว เกาะแรกที่ไปคือเกาะหินงาม

และก็เกาะต่างๆโซนใน จากนั้นก็พักกินข้าวที่เกาะ (แฮร่ จำไม่ได้ จำไม่ได้ซักเกาะ) แล้วก็ไปดำจุดที่เรารอคอยคือร่องน้ำจาบังเป็นจุดไฮไลท์เพราะมีประการังที่สวยมากๆ แต่เดี๋ยวก่อน เราไม่ได้เห็นประการังนั้นเพราะน้ำแรงมาก และน้ำขุ่น (อดเห็นเลยเห็นแต่ปลาว่ายเต็มไปหมด) แต่พี่คนขับเรือบอกว่าถ้าอยากเห็นต้องมาให้ตรงกับ 8,9,10ค่ำ น้ำจะใสและนิ่งมากโอเครับทราบฮ่ะ พอกลับจากดำน้ำเราก็มาเล่นน้ำต่อที่หาดซันไรส์ น้ำใสมากขนาดชายหาดยังมีปลาเลย 

พอกลับที่พักก็สั่งข้าวส้มตำไก่ย่างมากินค่าเสียหาย130บาท กินเสร็จอาบน้ำอาบท่าไปเดินถนนคนเดินกัน ที่ถนนคนเดินมีร้านอาหาร มีบาร์เล็กๆไว้นั่งเยอะเลย เดินจนสุดถนนคนเดินก็ไปเจอหาดพัทยา ที่นั้นจะมีคนมาเล่นควงไฟให้เราได้ชมกัน นั่งเล่นสักพักก็ไปเดินหาไรกิน ได้ยำมะม่วงมา25บาท มาม่ากับนม45บาท และขนมปังทอดกับขนมจีบ60บาท กลับห้องไปกินหนมกัน

วันที่13/04/64วันนี้เราตื่นแต่ตีห้าเลย เตรียมตัวไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันก่อนกลับบ้าน เราเดินไปหาดซันไรส์แค่5นาทีเอง ก็ได้เห็นแสงแดดแรกยามเช้าคือสวยอยู่นะ แต่มีเมฆบังเยอะไปหน่อย

หลังจากดูพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จก็ไปหาข้าวกิน เราซื้อข้าวหมกกับข้าวมันมากินอย่างล่ะกล่อง กล่องล่ะ40บาเอง ร้านอยู่ใกล้เซเว่นนะ หมดไป80บาท กินข้าวเสร็จก็อาบน้ำแต่งตัวเช็คเอาท์ ออกจากที่พัก เราต้องกลับเรือรอบ9:30เลยต้องออกแต่เช้าเพราะทางทัวร์แจ้งว่าคนเยอะไม่งั้นจะไม่ทันไฟท์บิน เราก็เค๊ เช้าก็เช้า จากนั้นก็จะมีรถมารับเราจากที่พักไปท่าเรือ บทสรุปเรือออก9โมง 

อ่ะขึ้นเรือเสร็จถึงฝั่งก็ไปกินข้าวกับน้ำ80บาท อร่อยมาก พิกัดข้างสำนักงานมาลินีทราเวล ซึ่งเป็นทัวร์ที่เราจองไป ทัวร์ที่นี่ดีมากเลยค่ะ ดูแลเอาใจใส่ ที่สำคัญเขาจัดการทุกอย่างให้เราเลยค่ะ เรามีหน้าที่เที่ยวกับกินเท่านั้น

จากนั้นก็ขึ้นรถตู้ไปสนามบิน เรามาถึงบ่ายโมงกว่าๆ เรามีบิน5:20น. โอ้แม่เจ้า รอยาวๆๆ อันนี้เป็นการขึ้นเครื่องครั้งแรกเลย ตื่นเต้นสุด ตอนตรวจกระเป๋าแอบโดนยึดโลชั่น เพราะ mlเกินเอาขึ้นเครื่องไม่ได้ มาถึงสนามบินก็หาไรกิน หมดไป95บาท แล้วมานั่งรอขึ้นเครื่องกันเล้ย

วันนี้เวทเจททำเวลาได้ดีมากไม่เลท มีเลทตอนจะขึ้นเครื่องนิดเดียว เรานั่งเครื่องบินไปลงสุวรรณภูมิ700บาท นั่งแอร์พอตมาลงลาดกระบัง15บาท นั่งสองแถวลงวัดราช7บาท นั่งแทกซี่มาบ้าน70บาทถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ

Soraya Wangsasuk

 วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 11.02 น.

ความคิดเห็น