ช่วงนี้หลายๆโรงแรมโดยเฉพาะในกรุงเทพฯจะมี Package จองห้องพักแถม Hotel Credit มาให้เห็นบ่อยๆ มีตั้งแต่ 200 บาท(แค่เครื่องดื่มก็หมดแล้วมั้ง) จนถึงให้เท่ากับค่าห้องเลย
The Landmark Bangkok ก็เป็นแบบนั้นครับ แพ็คเกจ I Love You 3000 (เอามาจากหนังเรื่องไหนน้อ) ก็เป็นแพ็คเกจที่ค่าห้องพัก 3000 บาท/คืน และได้ Hotel Credit 3000 บาท แถมเป็นโรงแรมที่ขึ้นชื่อเรื่องเนื้ออร่อยด้วยแล้ว เข้าทางผมเลยทีนี้ ไปดูกันครับว่าคุ้มค่า 3000 บาทหรือเปล่า
The Landmark Bangkok Hotel อยู่ริมถนนสุขุมวิท ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS นานา แค่ประมาณร้อยกว่าเมตรเท่านั้น จอดรถเสร็จเข้ามาในอาคารส่วนต้อนรับ ออกแนวโล่งๆเลยครับแต่เรียบหรูด้วยการใช้ไฟ เคาท์เตอร์ต้อนรับ 3 ตัวอยู่ตรงกลาง พนักงานต้อนรับเช็คอินให้รวดเร็วและเป็นกันเองดีครับ
ห้องพักของผมในวันนี้เป็นห้องพักแบบ Premium Room พร้อม Hotel Credit 3000 บาท นอกจากนี้สามารถ Late Checkout ได้ถึง 16:00น.
ห้องพักแบบ Premium Room ขนาดของห้องไม่ได้ใหญ่เหลือเฟือขนาดเตะบอลเล่นได้ แต่ก็ไม่ได้เล็กจนอึดอัด ตกแต่งหรูหราประมาณหนึ่ง วิวจากชั้น 29 สวยงามทีเดียว เตียงนอนใหญ่นอนสบาย หมอนหนุน 4 ใบ หมอนอิงอีก 2 ใบรวมเป็น 6 ใบ เต็มเตียงกันไปเลย
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพักครบถ้วนครับ แต่โทรทัศน์เล็กไปนิดพอนอนดูจากเตียงมันเลยเล็กไปหน่อย มีโต๊ะทำงานตรงหน้าโทรทัศน์ 1 ตัวซึ่งผมไม่ชอบเลยครับ ชอบแบบแยกไปเลยมากกว่าซึ่งพื้นที่ในห้องผมว่าทำได้นะครับ ฝั่งที่ติดกับหน้าต่างเนื้อที่เหลือพอสมควรเลย วางโต๊ะทำงานตรงนั้นได้...แต่มันก็ต้องวางระบบสายไฟใหม่หมดเลยอ่ะเนอะ...อ่ะ ไม่เป็นไรก็ได้ พนักงานนำผลไม้พร้อมจดหมายต้อนรับจาก General Manager มาให้ ผลไม้เต็มจานเลยครับ เลือกทานตามสะดวก
ห้องน้ำติดกับห้องนอน(แหงล่ะ)...มีม่านมู่ลี่ปิดได้สำหรับคนที่อาจจะเขินคนข้างนอก พื้นเป็นกระเบื้องตอนมาเข้าห้องน้ำตอนเช้าพื้นเย็นเจี๊ยบบบบบ...สะดุ้งกันไปเลย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องน้ำครบถ้วนตามมาตรฐานของโรงแรม
มื้อเย็นที่รอคอยกับร้านระดับ Michelin...RR&B ซึ่งย่อมาจาก Rib Room & Bar ซึ่งแปลว่า ห้องซี่โครงและบาร์ (น่ากลัวเนอะ) ที่นี่เด่นเรื่องเนื้อเลยครับและราคาจะค่อนข้างสูงอยู่สักหน่อย ถ้าในภาวะปกติคงไม่ได้มาทานบ่อยๆแน่
ห้องอาหารตกแต่งด้วยสีแดงเป็นหลักเลยครับ แสงไฟในห้องจะค่อนข้างมืดให้ความรู้สึกร้อนแรงและเซ็กซี่ เหมาะกับการพาคนรักมาทานมื้อค่ำยิ่งนัก(เพราะมื้อเช้าเขาไม่เปิด)
พนักงานนำผ้าเช็ดมือมาให้ ผมสั่งอาหารไป 3 อย่างประกอบด้วย Beef Tartare หรือเนื้อดิบปรุงรส, เนื้อ Wagyu ribeye 400 day grain fed 250 กรัม และสุดท้าย Angus beef tenderloin 120 day grain fed 200 กรัม
พนักงานกระตุ้นต่อมรับรสด้วยอาหารพิเศษประจำวันคือ Amuse-bouche หรือแปลเป็นไทยว่าอาหารสนุกปาก...ซึ่งจริงๆอาหารสนุกปากสำหรับผมคือเม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด...จานนี้ชื่อ Akami Tuna with orange sauce เนื้อทูน่าเด้งหนึบหนับ ซอสส้มรสเปรี้ยวไม่ถึงกับเปรี้ยวปรี๊ด รวมกันให้ความสดชื่นกำลังดีครับ
สักพักพนักงานเข็นรถมามีครกไม้ยักษ์ผมก็งงว่ารถอะไร พนักงานบอกว่าจะปรุง Beef Tartare ให้...ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อนเลยครับ ปกติคือเสริฟแบบสำเร็จมาแล้วแต่นี่มาปรุงให้ดูเลย ตื่นตาตื่นใจดีครับ
ในรถเข็นมีเครื่องปรุงเป็นสิบชนิด มีอะไรบ้างผมก็ไม่ได้ถามมัวแต่ตื่นเต้นอยู่ พนักงานลงมือคลุกเครื่องปรุงและเนื้ออย่างคล่องแคล่ว สักพักก็ตักเป็นคำเล็กๆส่งมาให้ชิมก่อน ถ้าไม่ถูกใจจะได้ปรุงเพิ่ม พอได้ที่ก็ตักทั้งหมดใส่พิมพ์สี่เหลี่ยม แล้วก็ออกมาตามภาพ รสชาติถูกใจมากครับ เครื่องปรุงครบครันจริงๆ เนื้อนุ่มไม่มีกลิ่นประหลาด
อย่างหนึ่งที่ผมไม่รู้เลยคือ...อาหารจานหลักจะเสริฟหลังจากทานจานตะกี้หมดแล้ว ผมก็ละเมียดทานไปเรื่อยแล้วก็รอเนื้อจานหลักทำไมไม่มาสักที ก่อนจะเป็นจานหลักพนักงานนำ Yuzu Plum Sherbet มาให้ทานล้างปากตัดเลี่ยนกับจานก่อนหน้าเสียก่อน
เนื้อจานหลักมาแล้วครับ ความนุ่มของเนื้อดีมากๆทั้ง 2 จาน ต่างกันตรงที่เนื้อ Ribeye จะค่อนข้างติดมันเยอะพอสมควรใครชอบมันเนื้อนี่สมใจอยาก ส่วนคนไม่ชอบมันมากลองไป Tenderloin จะได้เนื้อแบบเต็มคำ ซึ่งจานหลังนี้จะมีรสสัมผัสของเนื้อที่ต้องเคี้ยวอยู่แต่ไม่ใช่ความเหนียวนะครับ เคี้ยวสบายนุ่ม...ไม่เมื่อยกรามแน่นอน ส่วนเนื้อ Ribeye ถ้าทานหมดชิ้นเลยอาจจะเลี่ยนได้แนะนำให้สั่งเครื่องเคียงที่มีรสออกเปรี้ยวมาตัดเลี่ยนเสียหน่อยจะทานได้สบายท้องขึ้น
อาหารเช้าไปทานที่ Executive lounge ชั้นเดียวกับ RR&B นั่นแหละครับ จำนวนโต๊ะไม่มากนัก แต่ที่น้อยกว่าโต๊ะคือพนักงานนี่แหละ อาหารเช้าเป็นแบบรายการอาหารมาให้เลือก...ภาพรวมของอาหารเช้ามีทั้งที่ควรชื่นชมและควรปรับปรุง สิ่งที่ควรชื่นชมคือคุณภาพอาหารค่อนข้างดี โจ๊กหมูอร่อยครับ หมูชิ้นใหญ่สะใจ และสิ่งที่ต้องชื่นชมมากๆคือพนักงานเท่าที่นับมีแค่ 2-3 คนเท่านั้นซึ่งแน่นอนว่ารองรับกับจำนวนลูกค้าที่ขึ้นมาทานอาหารเช้าแทบไม่ทัน แต่พนักงานก็พยายามบริการเต็มที่ ส่วนที่ต้องปรับปรุงคือการบริหารจำนวนพนักงานซึ่งเป็นหน้าที่ของระดับหัวหน้าหรือบริหารแหละครับที่ควรจะจัดพนักงานมาให้เพียงพอ ไม่ให้ลูกค้าต้องรอนานและพนักงานก็ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป
โดยรวมการพักผ่อนคราวนี้กับแพ็คเกจ I Love You 3000 ถือว่าคุ้มค่าเลยครับ ห้องพักนอนสบาย อาหารค่ำถูกปากและถูกใจมาก อาหารเช้าใช้ได้ พนักงานบริการดี โดยเฉพาะพนักงานตอนอาหารเช้า อันนี้ชมจากใจเลยครับ ใครที่ชอบเนื้อและอยากพักผ่อนกลางกรุงก็ลองดูโพรโมชันของทางโรงแรมที่เวปไซท์โรงแรมได้เลยครับ...สวัสดีครับ
Pratuneung
วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 14.05 น.