สวัสดีจ้า เราเล่าถึงการเดินทาง และสถานที่เที่ยวในจังหวัดบึงกาฬกันไปแล้วในตอนแรก ใครที่สนใจสามารถตามไปอ่านในลิ้งก์นี้ได้เลยค่า https://th.readme.me/p/39250

ส่วนตอนที่สองนี้จะเน็นในส่วนของจังหวัดอุดรธานี กับขอนแก่น อีก 5 วัน 4 คืนเช่นกันค่า แพลนในแต่ละวันจะเป็นตามนี้เลย

1 เดินทางจากบึงกาฬไปอุดรธานี ไปบ้านเชียงในตอนบ่าย – พักที่อุดรธานี

2 พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี แล้วนั่งรถตู้จากอุดรธานีไปขอนแก่น -  พักที่ขอนแก่น

3 พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียงและอุทยานแห่งชาติภูเวียง

4 จุดชมวิวหินช้างสี ที่อุทยานแห่งชาติน้ำพอง

5 เที่ยวพิพิธภัณฑ์ในอ.เมืองขอนแก่น – โฮมมูมมัง พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา มข และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขอนแก่น

การเดินทางไปขอนแก่น

ขาไป เราเดินทางด้วยรถตู้จากอุดรธานีไป จากที่นี่ จะมีรถตู้ไปขอนแก่นหลายเจ้า หลายช่วงเวลา (แต่ราคาเท่ากัน) สามารถเลือกได้ตามอัธยาศัยเลยค่ะ ที่เราเห็นคือมีอย่างน้อย 3 เจ้า อยู่ตรงเซ็นทรัลอุดร 1 เจ้า และตรงบขส อีก 2 เจ้า ราคาคนละ 90 บาทเท่ากัน

ตอนแรกเราคิดจะนั่งรถตู้ตรงเซ็นทรัลอุดร เพราะเป็นรถเร็ว ไม่จอดรับส่งรายทาง แต่ช่วงนี้มีรอบรถเพียงวันละ 3 รอบ คือตอน 7.30 10.30 และ 14.00 ซึ่งลงท้าย เราไปไม่ทันรอบรถ 10.30 เลยลองเดินเข้าไปในบขสเพื่อถามรอบรถเจ้าอื่นดู (หากไม่่รู้ว่าต้องไปขึ้นรถตรงไหน สามารถถามคนแถวนั้นได้เลยค่ะ พวกเขาให้ความช่วยเหลือดี ตอนที่เราเดินเข้าไปในโซนบขส ก็จะมีคนมาถามว่าจะไปไหน พอเราบอกว่าไปขอนแก่น เขาก็ชี้ทางให้เราเลยว่าต้องไปขึ้นรถตู้ตรงไหน ช่วยได้เยอะเลยค่ะ) รถตู้ไปขอนแก่นในบขสมีรอบออกตอนเที่ยงพอดี เราเลยขึ้นที่บขสเลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. และมีแวะจอดรับส่งระหว่างทางประปราย ข้อดีคือ ทำให้เราขอลงกลางทาง ตรงจุดที่ใกล้กับที่พัก แล้วเดินต่อไปที่พักได้โดยไม่ต้องไปลงที่บขส 3 ซึ่งเป็นปลายทางรถตู้ แล้วต้องหารถสาธารณะหรือเรียกแท้กซี่นั่งย้อนกลับไปยังที่พักอีก

ขากลับ นั่งเครื่องบินกลับมากรุงเทพ – ขอนแก่นมีสนามบินไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก ใครที่ไม่มีรถส่วนตัว สามารถนั่งรถขอนแก่นซิตี้บัสจากสนามบินเข้าไปในตัวเมืองได้ จะผ่านมหาวิทยาลัยขอนแก่น เซ็นทรัลขอนแก่น และบขส 3 ซึ่งเป็นจุดต่อรถบขสไปยังจังหวัดอื่นๆ ราคาค่ารถเด็กอยู่ที่ 10 บาท ผู้ใหญ่คนละ 15 บาท

*จากสถานการณ์โควิด ทำให้รอบรถน้อยลงอย่างมาก แนะนำให้เช็กรอบรถจากเฟสบุ๊กของขอนแก่นซิตี้บัสล่วงหน้าค่ะ*

ที่พัก

อุดรธานี – เราพักใกล้ๆ กับเซ็นทรัลอุดรธานีและบขส เพื่อสะดวกในการเดินทาง

ขอนแก่น – เราพักโฮสเทลแถวเซ็นทรัลขอนแก่นเช่นกัน เพราะใกล้กับร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ ยืม-คืนสะดวก


ร้านเช่ารถมอเตอร์ไซต์

อุดรธานี – มีร้านเช่ารถมอเตอร์ไซต์แถวบขส เราหาข้อมูลไว้บ้าง แต่ก็ไม่ได้เช่าค่ะ 

ขอนแก่น - เราเช่ากับเฟสบุ๊กเพจ เช่ารถมอเตอร์ไซค์ ขอนแก่น By เอ็มโอ ราคาค่าเช่ารถมีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับรุ่นรถที่เช่าและจำนวนวันที่เช่าค่ะ เขาจะมีจุดที่รับ-ส่งรถฟรีอยู่ในแต่ละวัน สามารถทักไปสอบถามเพิ่มเติมก่อนได้ค่ะ ใครที่จะใช้รถแน่ๆ แนะนำให้จองรถไว้ก่อนเลยค่ะ เราไม่ได้จองไปก่อน พอไปถึงที่นั่นแล้ว ปรากฏว่ารถหมด ดีที่มีคนมาคืนในเย็นวันนั้น เราเลยมีรถขับไปเที่ยวที่อื่นๆ ต่อ เกือบต้องนั่งกินแห้วกระป๋องอยู่ที่พักแล้วไหมล่ะ 55

ที่เที่ยว

1.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง

การเดินทาง: นั่งบขสสาย อุดร – สกลนคร จากบขส ไปลงที่สี่แยกหนองเม็ก แล้วเรียกมอเตอร์ไซต์วินเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ ระยะทางประมาณ 8 กม. อีกจุดนึงที่สามารถไปลงได้คือที่สี่แยกบ้านเชียงค่ะ จะเลยหนองเม็กไปหน่อย ระยะทางจากสี่แยกบ้านเชียงไปที่พิพิธภัณฑ์จะสั้นกว่าเหลือประมาณ 6 กม. แต่รถบขส และรถโดยสารจะน้อยกว่าที่สี่แยกหนองเม็ก

ตอนแรกเรากะจะหารถมอเตอร์ไซต์ แต่ปรากฎว่าพี่ผู้หญิงที่ลงมาจากบขสด้วยกันเป็นคนที่บ้านเชียงพอดี เธอเลยให้เราติดรถเข้าไปข้างใน พาเที่ยว และขับมอเตอร์ไซต์มาเราออกมาค่ะ ทำให้ไปมาสะดวกในเวลาที่กระชั้นชิด แต่ก็จะเกร็งๆ กว่าเดินเองคนเดียวหน่อยๆ ค่ะ แหะๆ

พิพิธภัณฑ์ที่นี่ถือเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ที่ทำได้ดีเลยค่ะ ชอบสุดคือป้ายตรงประตูห้องน้ำ (เอ๊ะ ยังไง) เราว่ามันมีเอกลักษณ์ดี 


ในส่วนของจุดขุดค้นจะอยู่แยกกันค่ะ จุดขุดค้นจะอยู่ในวัด สามารถเดินจากพิพิธภัณฑ์ไปได้ ไม่ไกลมาก

วิธีฝังศพที่บ้านเชียงคือ ฝังพร้อมไหห แต่ละยุคจะวางไม่เหมือนกัน ยุคกลางกับยุคหลังคือทุบไหให้แตกแล้ววางบนตัวศพ จุดขุดค้นที่นี้เคยโดนน้ำท่วมใหญ่ไปครั้งหนึ่งจนเสียหาย ข้าวของจริงที่ขุดได้จึงถูกย้ายไปไว้ในพิพิธภัณฑ์ แล้วทำของจำลองไว้ให้เห็นที่จุดขุดแทนค่ะ


ในส่วนของขากลับ คือให้ข้ามถนน ไปนั่งรอรถบขสที่จุดพักรถหน้าโรงเรียน แล้วโบกรถบขสที่ผ่านอุดรค่ะ มีหลายสายอยู่

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 30 บาท

ค่ารถบขส: 50 บาท/คน

2.พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี

เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ไม่ได้อยู่ในแพลนเราตอนแรก เพราะตอนแรกเราแพลนจะไปพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ที่กาฬสินธุ์ แต่ติดเรื่องการเดินทาง ที่กาฬสินธุ์ไม่มีรถตู้จากบขส กาฬสินธุ์ไปสหัสขันธุ์แล้ว แถมร้านให้เช่ารถมอเตอร์ไซต์ยังไม่เปิดด้วย เราเลยต้องเปลี่ยนแผลน เท่ากับว่ามีวันว่างเพิ่มขึ้นมา จากที่คิดว่าจะนั่งรถไปขอนแก่นหรือกาฬสินธุ์แต่เช้า เราเลยเปลี่ยนเป็นหาที่เที่ยวที่อุดร ในตอนเช้า ก่อนจะจบลงที่พิพิธภัณฑ์นี้ค่ะ

ตัวอาคารถูกสร้างมาตั้งแต่ช่วงรัชกาลที่ 6 ในอดีตเคยเป็นโรงเรียนมาก่อนที่จะกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์

บอกคำเดียวว่า ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์จังหวัดที่ไฮโซ ไฮซ้อที่สุดที่เราเคยไปมา ดีเหนือความคาดหมายไปเยอะมากกกกกกกกกกก ตอนอ่านรีวิว ก็เห็นคนรีวิวว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ทำแสงสีเสียงได้ดี ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก แต่พอมาดูแล้วคือ อื้อหือออ เขาลงทุนกับที่นี่จริงๆ นะ เราชอบมาก โดยเฉพาะห้องบ้านเชียง คือดีเลยล่ะ (มัวแต่ดูเพลินจนลืมถ่ายรูปมาค่ะ) สรุปสาระได้ดีด้วยภาพเคลื่อนไหวน่าสนใจ ทำให้เราได้ข้อสรุปว่า ไหบ้านเชียง เป็นสัญลักษณ์หรือสิ่งของสำหรับความตายค่ะ ใครที่ไปอุดรไม่ควรพลาดที่นี่เลยค่ะ แนะนำเลย 

ไปบ้านเชียงไม่อินเท่ามาที่พิพิธภัณฑ์นี้อ่ะบอกเลย (ก็รีบไปรีบกลับเสียขนาดนั้น) 555 เลยโดนพวงกุญแจไหบ้านเชียงไปชิ้นหนึ่งเลย 

อาคารด้านซ้ายคือที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ แต่เราต้องไปแลกบัตรเข้าที่อาคารด้านขวาค่ะ

ค่าเข้าชม: ฟรี

3.พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง

อยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติภูเวียง เป็นพิพิธภัณฑ์ความรู้เรื่องธรรมชาติและโครงสร้างโลกสำหรับเด็ก ที่ตั้งโชว์กระดูกไดโนเสาร์พันธุ์ไทยที่ขุดค้นได้ พร้อมกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง ในความคิดเราคือ หากไม่มีจุดตั้งโชว์กระดูกไดโนเสาร์ ที่นี่ก็แทบจะเป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับเด็กอย่างสมบูรณ์เลยล่ะค่ะ

ไดโนเสาร์ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ใหม่ที่ขุดพบในไทย จึงมีสัญชาติไทย และมีชื่อที่คุ้นหูแบบทะแม่งๆ เช่น "ชาละวัน ไทยแลนดิคัส"  "ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน" และชื่ออื่นๆ อีกมากมาย 

ค่าเข้าชม: 20 บาท


4.อุทยานแห่งชาติภูเวียง – หลุมขุดค้นไดโนเสาร์

อยู่ห่างจากพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียงไปประมาณ 3 กม. ที่นี่มีหลุมขุดค้นไดโนเสาร์ พร้อมกระดูกไดโนเสาร์ในหลุมของจริงดู

แผนที่จุดขุดค้นทั้ง 9 หลุม

ที่นี่มีหลุดทั้งหมด 9 หลุม แต่ปัจจุบันเปิดให้เข้าชมเพียง 5 หลุมเท่านั้น 4 หลุมแรกจะอยู่ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ หลุมสุดท้าย คือหลุมหมายเลข 9 เป็นหลุมที่อยู่ใกล้กับทางเข้าอุทยาน ต้องขับรถเข้าทางดินทรายไปอีกประมาณ 2 กม.จึงจะถึงค่ะ เราชอบหลุมนี้มากที่สุด แม้จะเดินไกล (เราไม่รู้ว่าหลุมมันอยู่ไกล และเอารถขับเข้าไปได้ เลยจอดรถไว้แล้วลงเดินนนนน เดินไปได้ประมาณกิโลนึงแล้วก็เริ่มฉลาดว่าควรจะขับเข้ามากกว่านะ แต่ก็ลังเลว่า จะเดินกลับไปเอารถมา หรือเดินต่อไปดี...แล้วเราก็เลือกเดินต่อไปค่ะ สภาพพพพพ) แต่พอเดินไปถึงคือหายเหนื่อยเลย เพราะเราทึ่งกับความใหญ่ของมันไปชั่วขณะ แม้จะเป็นชิ้นส่วนเพียงชิ้นเดียวที่ขุดขึ้นมาก็ตาม ทำให้เรารู้สึกว่า ไดโนเสาร์นี่ตัวใหญ่จริงๆ นะ

เดินไปยาวๆ 2 กม. แดดก็ร้อน ร่มเงาก้ไม่ค่อยจะมี โอ๊ยยย กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็กลัวจะไปไม่ถึงงงงง

หลุมที่เก้า

และกระดูกของมัน ไดโนเสาร์ที่มีชื่อว่า สยามโมไทรันนัส อีสานเอนซิส เป็นพันธุ์ใหม่ล่าสุดที่เพิ่งค้นพบเมื่อ 2562 ค่ะ แต่กระดูกถูกค้นพบก่อนหน้านั้นนานแล้ว

ไม่ว่าจะถ่ายออกมายังไงก็ดูเล็กกว่าความเป็นจริงอยู่ดี เฮ้อออ

ชิ้นส่วนไดโนเสาร์ที่หลุมอื่นๆ

การเดินทาง: ห่างจากตัวเมืองขอนแก่นไปประมาณ 70 กม. ควรขับรถหรือเรียกแท็กซี่ไป 

ปล. แถวอ.ภูเวียงมีปั๊มน้ำมันให้เติมหลายเจ้า 

จากบขส 3 จะมีรถมาที่อ.ภูเวียง ในสถานการณ์ปกติคือสามารถนั่งรถตู้มาลงที่อ.ภูเวียงแล้วเรียกรถมอเตอร์ไซต์ต่อเข้ามาได้ เราลองพยายามติดต่อรถตู้สายนี้เพื่อถามรอบออกรถแล้ว แต่เบอร์ปิดไปแล้วบ้าง ไม่มีคนรับสายบ้าง เราเลยใช้วิธีโทรไปที่บขส 3 ให้เขาช่วยเช็กข้อมูลให้ และได้คำตอบว่าปัจจุบันมีรถตู้วิ่งเป็นบางวัน ไม่มีตารางเวลาแน่นอน และหากรถออกวิ่ง ก็จะวิ่งจากอ.เมืองช่วง10-11 โมงเช้า

5. จุดชมวิวหินช้างสี ที่อุทยานแห่งชาติน้ำพอง

อุทยานนี้ไม่ได้อยู่ในแพลนเราตอนแรกเช่นกัน แต่เพราะมีวันว่างเพิ่มขึ้นมา เราเลยขับรถมาที่นี่ ซึ่งปกติแล้ว เวลาไปอุทยานแห่งชาติไหน ก็จะปักหมุดเป็นชื่ออุทยานนั้นๆ ที่นี่ก็เหมือนกัน เราปักหมุดว่าไปอุทยานแห่งชาติน้ำพอง แล้วขับเรื่อยๆ ชิวๆ ไป พอขับไปถึงปุ๊บก็ต้องกิวแห้ว เพราะเรามาผิดที่ค่ะ เจ้า่หน้าที่บอกว่าที่นี่เป็นแค่ที่ทำการ ถ้าอยากเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติต้องไปที่หินช้างสี ซึ่งคนละฟากภูเขา ต้องขับรถย้อนกลับไป 555 แล้วท่านกูเกิ้ลแมปก็พาเราไปเส้นทางทางลัดของชาวบ้าน ทางอย่างแย่ ทางลูกรังบ้าง ขรุขระบ้าง ถนนทำไม่เสร็จบ้าง เข้าสวนชาวบ้านบ้าง หลงไปหลายรอบเลยกว่าจะถึง 55 

ที่ทำการอุทยาน - เป็นแค่ลานกางเต้นท์ค่ะ ถ้าไม่ได้ตั้งใจจะกางเต้นท์นอนที่นี่ ไม่ต้องแวะมานะคะ เปลืองน้ำมันค่ะ 555

อุทยานนี้เป็นอุทยานวิวเขื่อนอุบลรัตน์ ทางเดินไม่ยาก วิวไม่ได้สวยมาก แต่อากาศดี และลมเย็นนนนน เราหยุดเดินเพื่อรับลมบ่อยมาก

น้ำในโพรงหิน ต้องเดินออกทางหลักไปนิดหน่อย คิดว่าไม่ค่อยมีใครมากัน ความสำคัญของจุดนี้คือเป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติของสัตว์ และเป็นที่อยู่ของกบพันธุ์หายากพันธุ์หนึ่งค่ะ 


ที่นี่มีกุมภลักษณ์ให้ดูด้วยค่ะ กุมภลักษณ์คือรูปแบบของหลุมบนหิน เกิดจากมีหินตกลงไปในรู กระแสน้ำพัดให้หินสึกเป็นรู

รูปข้างบนนี้คือหินช้างสี จริงๆ แล้วที่มาของชื่อหินช้างสีไม่ได้เกี่ยวข้องกับสีอะไรลยค่ะ เป็นแค่หินที่ช้างชอบเอาตัวมาขัดสีเฉยๆ

ค่าเข้า: 20 บาท

ค่ารถ : แล้วแต่ประเภทรถ


6 โฮมมูมมัง ขอนแก่น

เป็นพิพิธภํณฑ์เล็กๆ ที่เล่าถึงประวัติความเป็นมาของขอนแก่น และสภาพชีวิตความเป็นอยู่ ประเพณีต่างๆ

ค่าเข้า: 20 บาท

7.พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา มหาวิทยาลัยขอนแก่น

สรุปได้คำเดียวว่า มันคือพิพิธภัณฑ์วิทยาศษสตร์สำหรับเด็กค่ะ ตอนไปก็ลังเลอยู่ว่าไปดีไหมนะ เพราะมันดูเด็กจังเลย แต่พอไปแล้วก็อืมมมมม คล้ายเอานิทรรศการหัวข้อต่างๆ มารวมกัน ค่อนข้างจะเหมาะสำหรับเด็ก  แต่สิ่งที่เราชอบคือที่นี่มีแมลงสตาฟและเปลือกหอยต่างๆ ให้เดินดูเพลิน

นิทรรศการล่าสุดที่เพิ่งมีที่นี่คือ นิทรรศการเกี่ยวกับเชื้อโรคค่ะ มีโซนที่บอกประวัติโรคระบาดทั่วโลกและในไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันด้วย

ค่าเข้า: 40 บาท

8.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขอนแก่น

ระหว่าง 3 พิพิธภัณฑ์ที่ไปมาในตัวเมืองขอนแก่น เราชอบพิพิธภัณฑ์นี้ที่สุด อาจเพราะมันมีแต่ของโบราณก็ได้ค่ะ 555 แต่ละโซนของที่นี่ก็จะจัดแสดงเนื้อหาที่แตกต่างกันไป

ค่าเข้า: 20 บาท

ตอนเราไป ที่นี่มีนิทรรศการพิเศษด้วย เป็นนิทรรศการเรื่องความสัมพันธ์ของวัวกับคนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ เพราะในหลุมศพของคนยุคก่อนประวัติศาสตร์มักจะมีรูปปั้นวัวอยู่ เลยคาดเดากันว่านอกจากจะใช้แรงงานวัว หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว รูปปั้นวัวยังอาจเป็นของเล่นสำหรับเด็กในสมัยนั้นด้วย เพราะพบรุปปั้นเหล่านี้ในหลุมฝังศพเด็กเช่นกัน


จบการรีวิวทริป 9 วันแล้วค่า :)

Duck's journey

 วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เวลา 22.57 น.

ความคิดเห็น