ในสถานการณ์โควิด แพร่เชื้อ เราควรกักตัว ทำงานอยู่บ้าน ไม่ออกไปไหน หากไม่จำเป็น เพราะไม่มีใครจะดูแลตัวเราได้ เท่ากับตัวเราเอง เช่นเดียวกัน หากเราเบื่อหน่ายกับการเก็บตัวอยู่บ้าน ก็เที่ยวทิพย์ ไหว้พระ ตามที่เราปรารถนาได้เช่นกัน แต่ครั้งนี้จะพาไปเที่ยววัดที่เก่าแก่ มีอายุการก่อสร้างมากว่า 100 ปี ตามบันทึกมีประวัติความเป็นมายาวนาน เป็นอีกวัดที่มีโอกาส ควรไปสักครั้ง ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปศิลปะสมัยอู่ทอง ปางมารวิชัย เป็นที่เคารพบูชาของชาวบ้านสาขลา

วัดสาขลามีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีการบันทึกบอกกล่าวเล่ามาว่า วัดแห่งนี้สร้างเมื่อ พ.ศ.2325 สันนิษฐานว่า ชาวบ้านช่วยกันสร้างเมื่อคราวรบชนะพม่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น

ยุคสมัยนั้นเกิดสงคราม 9 ทัพ ในรัชสมัยรัชกาลที่ 1 ชาวบ้านที่เป็นผู้ชายได้ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร เหลือแต่ผู้หญิงและคนชรา เมื่อทหารพม่าเดินทัพผ่านมา พยายามเข้าตีเพื่อยึดเอาเสบียงอาหาร แต่ชาวบ้านทุกคนได้ร่วมแรงร่วมใจหยิบอาวุธเท่าที่พอจะหาได้ ออกไปต่อสู้กับทหารพม่าอย่างกล้าหาญ และเอาชนะทหารพม่าได้ หมู่บ้านแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกว่า “หมู่บ้านสาวกล้า” ตามวีรกรรมอย่างกล้าหาญของผู้หญิงในหมู่บ้านนี้ ก่อนที่จะเพี้ยนมาเป็น “หมู่บ้านสาขลา” เช่นในปัจจุบัน

ด้วยความที่เป็นวัดเก่าแก่ และมีพระพุทธรูปเก่าแก่สร้างมาพร้อมๆ กับวัด เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์คู่กับชาวบ้านสาขลา ดั่งมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมา เพราะความศักดิ์สิทธิ์นี่เอง ทำให้ผู้คนต่างเดินทางมาสักการะหลวงพ่อโต

“เรื่องเล่าของชาวบ้านที่มีการบอกกล่าวเล่าสืบกันมาว่า คนเฒ่าคนแก่แถวนั้นเล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโตว่า เมื่อคืนวันที่ 6 มกราคม 2526 เวลาประมาณ 21.00 น. ได้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างช่วยกันดับไฟ แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก พายุเพลิงได้ลุกโหมกระหน่ำไม่หยุดหย่อน จนเกินความสามารถของชาวบ้าน

แต่ในขณะนั้นได้เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดอย่าน่าอัศจรรย์ขึ้นมา เมื่อชาวบ้านที่ออกไปหาปูปลาไม่ไกลจากหมู่บ้านสักเท่าไหร่ ได้เห็นหลวงพ่อโตยืนเอาจีวรโบกไฟที่กำลังโหมไหม้ จนค่อยๆ ดับลง พร้อมกับได้ยินเสียงสวดมนต์อย่างต่อเนื่อง

พอรุ่งเช้า ชาวบ้านต่างทราบข่าวว่า มีคนเห็นองค์หลวงพ่อโตช่วยดับไฟ ทุกคนต่างแห่ไปดูที่วัด และต้องตกตะลึง! บางคนถึงกับร้องไห้ เมื่อเห็นองค์หลวงพ่อโต ดำไปด้วยเขม่าทั้งองค์ ผ้าที่ห่มกรอบไหม้ ใบหน้าของท่านมีร่องรอยเหมือนน้ำตาไหล” ชาวบ้านต่างเลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อโต และพร้อมใจกันทำบุญให้หลวงพ่อโตทุกวันที่ 6 มกราคม ของทุกปี

นอกจากนี้ ในส่วนของ อุโบสถ โดยรอบจะมีลูกนิมิตโบราณ 8 ลูก วางอยู่บนแท่นพญานาค 7 เศียร ชาวบ้านแถวนั้นเล่าว่า ลูกนิมิตโบราณนี้มีอายุไม่ต่ำกว่า 150 ปี ซึ่งได้ขุดพบตอนที่ทางวัดได้ยกอุโบสถให้สูงขึ้น

ลักษณะของลูกนิมิตนั้นมีลักษณะไม่กลม แต่จะมีรูปทรงบิดเบี้ยว ซึ่งทางวัดได้เปิดให้ชาวบ้านร่วมปิดทองเพื่อความเป็นสิริมงคลกับตัวเอง

วิหาร ในขณะที่กำลังยกวิหารให้สูงขึ้น ได้ขุดพบพระพุทธรูปที่มีลักษณะหันหลังชนกัน องค์หนึ่งปางประทานพร อีกองค์หนึ่ง ปางห้ามสมุทร

เมื่อชาวบ้านได้ขุดและอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นมา ปรากฏว่า ด้านล่างเป็นบ่อน้ำขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ที่ทำให้ชาวบ้านต้องตกตะลึง ก็คือ เป็นบ่อน้ำจืด ซึ่งในบริเวณพื้นที่ตรงนั้นจะติดกับทะเล ทำให้พื้นดินเป็นน้ำเค็มทั้งหมด สร้างความอัศจรรย์ใจให้แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง ปัจจุบันบ่อน้ำนั้นก็ยังคงเป็นบ่อน้ำจืดอยู่เช่นเคย

พระพุทธรูปที่ขุดพบใต้วิหาร ซึ่งตรงกับฐานองค์หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปศิลา ด้านบนเศียรเป็นฐานของหลวงพ่อโต ซึ่งเป็นอิฐก้อนใหญ่ที่นิยมใช้ในอดีต โดยมีเกร็ดความรู้ว่า นั่นก็คือ วิธีการเชื่อมอิฐสมัยอดีต ซึ่งใช้น้ำผึ้งผสมกับอ้อย เหมือนเป็นกาว ให้อิฐติดกันได้ดี ถือเป็นภูมิปัญญามาแต่ครั้งโบราณ

พระปรางค์เอียง ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัด ริมคลองสาขลา ถือเป็นสัญลักษณ์เฉพาะของวัดแห่งนี้ คนเฒ่าคนแก่แถวนั้นเล่าให้ฟังว่า ในอดีตการทำสิ่งปลูกสร้างจะไม่ใช้วิธีลงเสาเข็มเหมือนปัจจุบัน แต่จะใช้วิธีวางท่อนซุงหรือท่อนไม้ไขว้กันไปมา ตรงบริเวณการสร้างพระปรางค์ก็เช่นกัน แต่บริเวณนั้นอยู่ใกล้กับริมคลอง คนสมัยก่อนจึงได้วางท่อนไม้บริเวณริมคลองไว้มาก เพราะกลัวว่าเวลาผ่านไปอาจจะถูกน้ำกัดเซาะขึ้นมาถึงฐานพระปรางค์ได้ จึงวางท่อนไม้ไว้มากกว่าอีกด้านหนึ่งที่ไม่ติดคลอง แต่เวลาเนิ่นนานทางฝั่งคลองพื้นที่ยังคงเดิม แต่ฝั่งพื้นดินกลับทรุดลง จึงทำให้พระปรางค์เอียงนั่นเอง

บางครั้งการไหว้พระขอพร ทำจิตใจให้ผุดผ่อง กราบไหว้พระขอพร มักสำเร็จ เพราะจิตใจเราไม่หม่นหมองใดๆ ให้เป็นมลทินต่อจิตใจ จึงทำให้การอธิฐานของเราบรรลุผล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การขอพร ย่อมเกิดจากความศรัทธา และพึงปฏิบัติอยู่ในศีลในธรรม หากเมื่อไหร่จิตใจเราหม่นหมอง มีแต่ความอคติ ริษยา และหวังขอพรให้กับตนเองเป็นไปไม่ได้

สำหรับท่านที่เดินทางไปไหว้พระที่วัดสาขลา สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือ “การลอดโบสถ์” ท่านใดลอดเป็นการสะเดาะเคราะห์ ตามความเชื่อเพื่อความเป็นสิริมงคล 9 ประการ คือ

มงคลที่ 1 ลอดประตูพระราหู

มงคลที่ 2 ปิดทองลูกนิมิตโบราณ

มงคลที่ 3 บูชาพระบัวเข็ม กราบรูปเหมือนพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง

มงคลที่ 4 โยนเหรียญทำบุญพระสังกัจจายน์

มงคลที่ 5 บูชาพระพุทธรูปหันหลังชนกัน

มงคลที่ 6 พระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกขกิริยา

มงคลที่ 7 ปิดทองพระพุทธรูปศิลา

มงคลที่ 8 ปิดทองใต้ฐานองค์หลวงพ่อโต

มงคลที่ 9 ลอดท้องช้าง พรายมหาลาภ

เที่ยวอบอุ่น จิตใจสงบสุขร่มเย็น มีโอกาสอย่าลืมแวะมากราบไหว้พระที่วัดสาขลา วัดเก่าแก่ที่เราไม่ควรพลาด และสำหรับท่านใดที่แวะไปวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ อย่าพลาดเที่ยวตลาดเก่าแก่บ้านสาขลาซึ่งอยู่ติดกับวัดนั่นเอง มีอาหารทะเลหลากหลายให้จับจ่ายเลือกซื้อ ไม่ว่าจะเป็นปลาหมึก กุ้ง ปลา หอย ล้วนแต่ “อร่อยน่ากิน” ทั้งนั้น

การเดินทางไปเที่ยวที่ไหน? ขอเพียงให้เรามีความบริสุทธิ์ใจ คือจิตใจดีงาม พร้อมที่จะแบ่งปันความสุขให้แก่ทุกๆ คน การทักทาย และการยิ้มเป็นเสน่ห์ของคนไทย ไม่ว่าไปไหน ล้วนแต่ได้รับคำกล่าวชม เช่นเดียวกันไม่ว่าไปที่ไหน กล่าวยิ้มให้ ย่อมได้รับการยิ้มตอบกลับ เพราะเราคือคนไทย

ช่วงนี้เรามีปัญหากับโควิด ขอให้ทุกท่านปลอดภัย ห่างไกลโควิด จะเดินทางไปไหน อย่าลืมสวมใส่แมสก์ป้องกัน และหลีกหนีคนรวมตัวกันหมู่มาก หรือหากไม่สะดวกที่จะไป ก็ขอให้ทุกท่าน “เที่ยวทิพย์” อยู่บ้าน ยกมือภาวนากราบไหว้ ขอพร แค่นี้ก็สำเร็จ (หลังโควิด เราค่อยไปไหว้พระกันนะ)

วัดสาขลา เลขที่ 19 ถนนสุขสวัสดิ์- วัดสาขลา หมู่ 3 บ้านสาขลา ตำบลนาเกลือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ 10290

Suttichai Pathumlongthong

 วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เวลา 10.28 น.

ความคิดเห็น