ถ้าพูดถึงจังหวัดภาคเหนือ ตัวเลือกแรกๆ ที่คนจะไปเที่ยวกัน คงจะหนีไม่พ้น เชียงใหม่ เชียงราย น่าน แม่ฮ่องสอน แต่น้อยคนจะนึงถึงลำปาง เราก็เช่นกัน ส่วนใหญ่เคยแต่ผ่านไม่เคยไปเที่ยวสักที พอดีครั้งนี้ตั้งใจอยากลองไปสัมผัสลำปางดูบ้าง เลยจัดดารหาข้อมูลแล้วไปลุยนครลำปางกัน 3 วัน 2 คืน จากที่หาข้อมูลดู ลำปางเป็นจังหวัดที่น่าเที่ยวเลยนะ มีที่เที่ยวครบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ภูเขา น้ำตก บ่อน้ำพุร้อน วัดสวยๆ จังหวัดเดียวมีครบ
ทริปนี้เราเดินทางโดยรถไฟฮะ เป็นรถนอน กรุงเทพ-เชียงใหม่ ขบวนที่เราไปเป็นรถด่วนพิเศษขบวน 13 ออกจากกรุงเทพ 19.35 น. ถึงนครลำปาง 06.30 น. เราขึ้นจากพิจิตรตอนกลางคืน ถึงนครลำปาง ประมาณ 6 โมงเช้าหน่อยๆ ถึงนครลำปางเรา นั่งรถสองแถวเขียว-เหลือง ไปเช่ามอเตอร์ไซค์ที่ร้าน รถเช่า ลำปาง อยู่ตรงบขส. ราคาวันละ300บาท
ที่แรกเราไปวัดพระธาตุลำปางหลวง
ตั้งอยู่ที่ต.ลำปางหลวง อ.เกาะคา ห่างจากตัวเมืองประมาณ 18 กม. เป็นวัดประจำปีเกิดของปีฉลู
ไปถึงลำปางทั้งทีไม่ไปวัดพระธาตุลำปางหลวงคงเหมือนมาไม่ถึงนครลำปาง วัดแห่งนี้เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำปาง สวยตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้า มีลักษณะเป็นซุ้มประตูโขง ส่วนองค์พระธาตุลำปางหลวงมีลักษณะทางสถาปัตยกรรม เป็นเจดีย์กลมทรงระฆังคว่ำหรือเจดีย์แบบพุกามล้านนา ไฮไลท์เมื่อไปวัดแห่งนี้ต้องไปชมเงาพระธาตุกลับหัว ผู้ชายขึ้นไปดูเงาพระธาตุที่ซุ้มพระบาทได้ ส่วนผู้หญิงให้ดูที่วิหาร ข้างองค์พระธาตุ
องค์พระธาตุยิ่งใหญ่ สวยงามมาก
พระธาตุกลับหัว ที่ซุ้มพระบาท ด้านหลังองค์พระธาตุ ตอนแรกเราขึ้นไปดูยังไงก็มองไม่เห็น พอดีเจอคุณตาแถวนั้น คุณตาเลยพาขึ้นไปดู วิธีการดูพอขึ้นไปถึงซุ้มพระบาท ให้ปิดประตูทั้งสองบานให้ด้านในมืด แล้วดูที่ผืนผ้าสีขาว จะเห็นเงาพระธาตุกลับหัว ตรงนี้จะขึ้นได้เฉพาะผู้ชายนะ ส่วนผู้หญิงให้ไปดูที่วิหารข้างองค์พระธาตุ เข้าไปในวิหารจะอยู่ขวามือ ตรงผ้าสีขาวที่วางนอนอยู่
ไหว้พระธาตุเสร็จมาลองนั่งรถม้ากันดูสักหน่อย
นั่งรถม้ารอบเมือง ราคา 300 บาท ถ้าขึ้นไปถ่ายรูปอย่างเดียว 10 บาท
ต่อมาเรามาที่ วัดเฉลิมพระเกียรติ ลำปาง(วัดพระพุทธบาทสุทธาวาส)
เจดีย์สีขาวตั้งโดดเด่น เรียงรายอยู่บนยอดเขา การจะขึ้นไปชมความงดงามของวัดนี้ ต้องนำรถไปจอดที่จุดจอดรถด้านล่าง แล้วนั่งรถรับส่งของชาวบ้านขึ้นไป ไม่อนุญาตให้นำรถขึ้นไปเองเพราะทางชันและแคบ ขึ้นไปถึงด้านบนต้องเดินขึ้นบันไดลัดเลาะไปตามซอกเขาอีกประมาณ 600 เมตร ส่วนวิวทิวทัศน์ด้านบนนั้น เห็นวิวแล้วหายเหนื่อย วิวด้านบน360 องศา เจดีย์สีขาวเรียงรายตั้งบนยอดเขาอย่างน่าอัศจรรย์ แล้วก็ช่วงนี้จะเห็นใบไม้เปลี่ยนสี ดูสวยงามไปอีกแบบนี้
ทางขึ้นบอกเลยเหนื่อยเอาเรื่องเลยฮะ แต่มีจุดพักเป็นระยะ ทางเดินขึ้นจะเป็นบันไดตลอดระยะทาง
ด้านบนวิวสวยมาก จะเห็นเจดีย์สีขาว ตั้งอยู่ตามโขดหินบนยอดเขา สวยงามแปลกตามาก
สามารถขึ้นดูวิวได้ทั้งสองฝั่ง อีกฝั่งนึงจะเป็นเจดีย์สีทองตั้งอยู่บนยอดเขา
ที่พัก Day 1 ของเราในทริปนี้ เป็นที่พักเปิดใหม่ลำปาง บ้านทรงAเฟรม อยู่ในย่านเมืองปาน ชื่อบ้านAเฟรมมินิมอล มี 4 หลังติดลำธาร มีอ่างอาบน้ำ หลังคาเปิดได้ ใกล้บ่อน้ำแร่ร้อนแจ้ซ้อน บรรยากาศชิลมาก เหมาะกับการเอนกายพักผ่อน ที่พักค่อนข้างเป็นส่วนตัว ล้อมรอบด้วยทุ่งนาและภูเขา มีห้องน้ำในตัว ตอนเย็นสั่งหมูกะทะมากินได้ สามารถนำโต๊ะลงไปตั้งจิบเครื่องดื่มเย็นๆในลำธารได้ อยู่ห่างจากอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนประมาณ 5 กม.
บริเวณด้านนอกที่พัก จะอ่างอาบน้ำอยู่ด้านหน้า
เปิดหลังคาออกก็จะเป็นประมาณนี้
ยามเย็นสั่งอาหารมานั่งกินชิวๆ หน้าห้องพักริมลำธาร
ที่พักมีแค่ 4 หลังเท่านั้นนะ บรรยากาศดีเลยครับ ใครมาไปผ่านมาแถวแจ้ซ้อนแนะนำเลยครับ ราคาไม่แพง แล้วก็ยังใหม่มาก
ยามเช้าเรารีบตื่นแต่เช้าตรู่ เพื่อไปยังอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน หนึ่งในไฮไลท์ที่เราอยากไปในทริปนี้
บรรยากาศบอกเลยว่าคูลมากๆ อากาศหนาวๆ กับบ่อน้ำพุร้อนอุ่นๆ มี่ไอโพยพุ่ง สวยมาก
สำหรับบ่อน้ำแร่ร้อนแจ้ซ้อน
ตั้งอยู่ที่ ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน บริเวณน้ำพุร้อนมีลานน้ำแร่ร้อนขนาดใหญ่ มีไอร้อนโพยพุ่งตลอดเวลา ไฮไลท์คือยามเช้า ช่วงเวลาหลังพระอาทิตย์ขึ้น 07.00 น. - 08.00 น. แสงอาทิตย์ส่องมากระทบไอร้อน และสะท้อนบนพื้นน้ำแร่ในบ่อ เป็นสีส้ม บอกเลยว่าสวยมากๆ
เมื่อไปถึงทั้งที ต้องลองไปต้มไข่ในน้ำแร่กันซักหน่อย ในอุทยานมีขาย หรือใครจะไปแช่ออนเซ็นที่นี่เค้าก็มีบ่อสำหรับแช่ตัว
ยิ่งช่วงแดดออก ส่องมากระทบไอที่พุ่งขึ้นจากบ่อน้ำพุ เป็นสีส้มๆ ยิ่งสวยเลย
ไร่สุวรรณ ดอยแม่แจ๋ม
ขับเลยอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนไปอีกหน่อย ไปดอยแม่แจ๋ม ปักหมุดไปที่ไร่สุวรรณ คาเฟ่ ร้านอาหาร และสวนดอกไม้ ให้บรรยากาศเหมือนอยู่เมืองนอก ใส่ใจในรสชาติอาหารและเครื่องดื่ม ที่นี่ก็จะมีต้นบ๊วย ถ้าไปตรงช่วงที่บานก็จะมีสีขาวบานเต็มต้น ถ้าไปช่วงมกราคมก็จะเจอดอกนางพญาเสือโคร่งสีชมพูบาน สวยมาก ที่นี่มุมถ่ายรูปเยอะนะ เดินเล่นรอบๆได้ไปหลายสิบรูป
ด้านในคาเฟ่ ตกแต่งน่ารักดีครับ มีสะพานไม้ทอดยาวไปถึงต้นบ๊วย อีกอย่างที่ชอบเลยก็คือชอบแก้วของที่นี่ สามารถนำไปใช้ต่อได้
ช่วงที่เราไปดอกพญาเสือโคร่งบานพอดี
มีหลายต้นอยู่นะ จะอยู่ริมถนน
มุมบริเวณต้นสน สวยมาก เหมือนอยู่ต่างประเทศเลย
california ลําปาง
ไม่รู้ว่าได้ชื่อนี้มายังไง กับถนนที่เป็นลูกคลื่น สองข้างทางเป็นหญ้าแห่งๆ ถ้าจะถ่ายรูปให้สวยที่สุดต้องมีเลนส์ซูม ส่วนเรามีเลนส์ธรรมดาไปก็ถ่ายรูปออกมาดูคูลดีนะ ถนนเส้นนี้ไม่ใช่ถนนเส้นหลัก รถไม่ค่อยวิ่งถ่ายรูปได้สบาย แต่แนะนำให้ไปช่วงเช้าหรือเย็น ไม่งั้นผิวจะไหม้เอาได้ 555
เห็นว่าเมื่อก่อนไม่มีเสาไฟ ตอนนี้มีเสาไฟตั้งแล้วถ่ายออกมาเลยดูแปลกๆ 55
ยังไงก็ลองแวะไปถ่ายรูปกันได้ฮะ ต้นไม้แห้งๆ ถ่ายรูปมาก็สวยดี
ที่พักคืนที่ 2 ขงเรา เรามาพักกันในตัวเมืองลำปาง ชื่อโรงแรมทรีธารา
เป็นที่พักน่ารักๆ ที่พักโทนสีขาว มินิมอล มีอ่างแช่ Onsen เป็นที่พักสไตล์โมเดิร์น บรรยากาศภายในโรงแรม
มีความร่มรื่น มีโทนสีขาวดูสบายตา น่าพักผ่อน ได้ฟีลญี่ปุ่นนิดๆ เพราะไฮไลท์ของที่นี่คือมีอ่างแช่ Onsen แบบญี่ปุ่น ทริปนี้เราพัก ห้อง Master Suite ห้องค่อนข้างกว้าง ห้องนอนกับห้องนั่งเล่นแยกกันคนละส่วน มีโต๊ะทานอาหาร มีมุมมินิบาร์เล็กๆ
ตกเย็นเรามาทานอาหารกันที่ร้านแกงหอม อยู่หลังโรงแรมที่เราพัก
เป็นร้านอาหารไทยโบราณร่วมสมัย ตกแต่งร้านสไตล์โคโรเนียล บรรยากาศดีๆ ใส่ใจในรสชาติอาหาร มีอาหารให้เลือกหลากหลาย ทั้งอาหารไทย อาหารฟิวชั่น อาหารเหนือ เหมาะกับการพาครอบครัวไปทานอาหาร
หรือพาแฟนไปดินเนอร์ชิลๆ ใต้เสียงเทียน มีที่นั่งindoor และ outdoor มีมุมถ่ายรูปเก๋ๆแบบวินเทจ
นอกจากอาหาร ก็จะมีคาเฟ่ในตัว มีเบเกอรี่ ไอศครีม เครื่องดื่มให้เลือกเยอะแยะมากมาย
ร้านเปิด 07.30 น. - 22.00 น.
กินข้าวเย็นเสร็จเราไปต่อกันที่ถนนคนเดินกาดกองต้า ที่นี่เปิดเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ ถนนคนเดินสุดคลาสสิค ดูวินเทจ ด้วยอาคารบ้านเรือนของสองริมฝั่งถนนเป็นแบบเก่าโบราณ สถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างยุโรป จีน และพม่า ของกินมีให้เลือกเยอะแยะมากมาย
ข้าวปั้นลำปาง เค้าบอกว่ามาแล้วก็ต้องลอง
มันปิ้ง เผือกปิ้งหอมๆ
ไข่ป่าม ไปเหนือทั้งที ไข่ป่ามต้องกิน
สองข้างทางตลอดถนนคนเดินก็ยังมีอาคารเก่าๆ บ้านเก่าๆ ดูคลาสสิคดีนะ
ขนมจีนน้ำเงี้ยวสูตรลำปาง
ยำไข่น้ำแร่แจ้ซ้อน อร่อยดีนะ
บอกเลยว่าเดินเพลินมาก ของกินของใช้ของฝากเยอะแยะมาก
ร้านรักษ์บัวลอย บัวลอยทรงเครื่องอร่อยมาก มีขนมไทยให้เลือกหลากหลาย มีไฮไลท์ที่ขนมบัวลอย รสชาติหวานกำลังดี ถึงเครื่องกะทิ ใครไปก็ลองไปชิมกันได้ครับ อยู่ใกล้ๆกับถนนคนเดินกาดกองต้า
วัดพระธาตุดอยพระฌาน
วัดสวยในอำเภอแม่ทะ ห่างจากตัวเมืองลำปางประมาณ 25 กม. เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สุดที่สุดแห่งนึง และถ้าโชคดีจะได้เจอทะเลหมอก ที่นี่มีวิหารที่สวยงาม สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบล้านนา ด้านหลังวิหารมีลวดลายต้นโพธิ์ทอง มีพระใหญ่ไดบุสสึองค์พระสีเขียว ตั้งอยู่โดดเด่นบนเขา แอบได้ฟีลเหมือนไปญี่ปุ่นนิดๆ วัดนี้ถือเป็นแลนด์มาร์คของลำปางที่ต้องห้ามพลาดเลยครับ
มุมนี้สวยมาก
มีทางเดินขึ้นลงด้วยนะ
เสียดายวันที่เราไปไม่เจอทะเลหมอก แต่พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าสวยมาก
พระใหญ่ไดบุสสึ
ได้ฟีลญี่ปุ่นๆเลย
มีระฆังน้อย เขียนคำขอพรแล้วไปแขวนไว้ที่จุดแขวนระฆัง
องค์ใหญ่มากๆ ที่นี่ถือเป็นอีก1จุดเช็คอินใหม่ ของลำปางที่ห้ามพลาดเลยครับ
ไม่รู้ว่าชื่อนี้ได้มาจาก กว่าจะเดินไปถึงคนเหนื่อย หอบ หรือเป็นชื่อของผากันแน่ เอาเป็นว่าที่นี่เป็นผา2ฝั่งลำธาร ที่มีลักษณะเป็นหน้าผาสูง อยู่ทั้ง 2 ฝั่ง มีความสวยงาม ดูลึกลับ แปลกตา ด้านในมีกิจกรรม พายเรือคายัค ล่องแพไม้ไผ่
ดูสวยงาม ลึกลับดีนะ ลักษณะของผาหอบก็จะเป็นเขาทั้งฝั่งลำธาร ตั้งขนานกันเป็นหน้าผา
วันที่เราไป ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลไปไหน กะว่าจะไปลองพายเรือคายัก ชมวิวซะหน่อย อดเลยครับ
แต่ชอบวิวที่นี่นะ สวยแปลกตาดี
พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี
หรือพิพิธภัณฑ์ชามตราไก่ ถ้าอยากรู้ว่าทำไมลำปางถึงดังเรื่องชามตราไก่ ใครเป็นคนแรกที่ทำชามตราไก่ ต้องไปที่นี่เลยครับ เราจะรู้ตั้งแต่ประวัติความเป็นมาตั้งแต่แรกเริ่มเลยครับ จะได้เห็นตั้งแต่วิธีการ กระบวนการทำชามตราไก่ การเผา การชุบ การวาดลวดลายไก่ เตาเผาโบราณแบบมังกร ผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ทางธนบดีทำขึ้น จะได้เห็นชามตราไก่ทองคำ ชามตราไก่จิ๋ว ซึ่งเล็กมากๆ ขอบอกว่าที่นี่เป็นอีก1จุดเช็คอินต้องห้ามพลาดเลยครับ
ชามตราไก่ทองคำ
ชามตราไก่จิ๋ว ขนาดเล็กประมาณเหรียญบาท
ได้เรียนรู้วิธีการทำชามตราไก่ แต่ละใบบอกเลยกว่าจะได้
นอกจากชามตราไก่ ก็ยังมีผลิตภัณฑ์ ของใช้ ของตกแต่งอื่นๆ อีกมากมาย
วัดเชียงราย
เอ๊ะวัดเชียงรายแต่ทำไมอยู่ลำปาง ชื่อวัดคือวัดเชียงราย
โดดเด่นด้วยวิหารสีขาวตกแต่งด้วยกระจกชิ้นเล็ก จึงทำให้มีความงดงาม ระยิบระยับ สวยงามมาก มองไปมองมาก็คล้ายๆวัดร่องขุ่น ของจ.เชียงราย
Street art ลำปาง
พิกัดจะอยู่ตรงสะพานรัษชฎาภิเศก มีการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะตามแนวกำแพงบ้านเรือนริมแม่น้ำวัง มีการวาดลวดลายถึงเอกลักษณ์ วิถีชีวิตของจังหวัดลำปาง ไม่ว่าจะเป็นชามตราไก่ รถสองแถวเหลืองเขียว รถม้า ไหนๆก็ไปลำปางแล้วก็ลองแวะไปถ่ายรูปกันได้ครับ
จุดถ่ายรูปเยอะมากครับ
รถสองแถวเหลืองเขียว อีก1สัญลักษณ์ลำปาง
Wooden House Cafe'
เป็นคาเฟ่ ที่นำบ้านเก่าอายุกว่า100ปี มารีโนเวท เป็นคาเฟ่
ร้านตั้งอยู่หัวมุมสะพานรัษฎาฝั่งตรงข้ามกาดกองต้า บรรยากาศร้านออกแนวคลาสสิค วินเทจ มีอาหารและเครื่องดื่มให้บริการ
เปิด 8:30 น. -16:30 น.
สะพานรัษฎาภิเศก
สะพานขาวสุดคลาสสิค เป็นอีก1แลนด์มาร์คของลำปาง อายุกว่า100ปี
โดดเด่นด้วยเส้นโค้งทรงคันธนูรวม 4 โค้ง ทอดยาวข้ามผ่านแม่น้ำวัง ให้ผู้คนได้ใช้สัญจรผ่านไปมาระหว่างสองฝั่งแม่น้ำ มีทางแยกสำหรับรถและคนสามารถเดินข้ามฝั่งไปมาได้ เป็นอีก1จุดถ่ายรูปสวยของจังหวัดลำปางเลยครับ
เป็นอีก1จุดเช็คอินที่ถ่ายรูปสวย
ร้านผัดไทยค่ายมวย
ร้านผดไทย ที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟ เผอิญได้ไปกินแล้วถูกใจในรสชาติ เป็นร้านผัดไทยที่อร่อย รสชาติกลมกล่อม มีเมนูให้เลือก อย่างปัดไทยกุ้งสด ผัดไทยไข่เยี่ยวม้า หอยทอด และอาหารตามสั่ง
สถานีรถไฟนครลำปาง
จุดเช็คอินสุดท้ายของเราในทริป สถานีรถไฟสุดคลาสสิค มีความสวยงาม เป็นสถานีรถไฟรุ่นแรกๆ สร้างตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 ออกแบบโดยวิศวกรชาวเยอรมัน อาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล
เป็นนึงในสถานรถไฟที่สวยงามมาก
จบแล้วครับ สำหรับลำปาง 3 วัน 2 คืน
เป็นอีก1จังหวัดน่าเที่ยวของภาคเหนือเลยครับ ทั้งบรรยากาศ วัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยว น่าค้นหามากครับ และที่สำคัญแต่ละที่คนไม่เยอะ เที่ยวแบบสบายๆ ชิลๆ สำหรับใครที่กำลังวางแพลนไปลำปาง ก็ลองดูรีวิวของเราเป็นตัวอย่าง ลิสต์ที่เที่ยวแลพนตามได้เลยครับ หรือใครอยากสอบถามก็สามารถสอบถามเข้ามาได้นะครับ ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้าครับ ^^
อยากเที่ยวก็เที่ยว
วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เวลา 11.06 น.