-การเดินทาง-


ถ้าเปรียบการเดินทางแล้ว เราคิดว่ามันเหมือนการฟังเพลงนะ

เราเปิดแทร็คไปเรื่อยๆ ร้องไปตามมัน ปล่อยอารมณ์ไปกับเพลง ทำนองของเพลง

ก็เหมือนกับการเดินทางนั่นล่ะ เราเที่ยวไปเรื่อยๆ

จะมีจุดหมายหรือไม่มีก็เถอะ แค่เก็บความสุขแล้วทิ้งความทุกข์ซะ..แค่นั้น



ทริปเชียงใหม่ครั้งนี้


เป็นทริปที่เราวางแผนกับเพื่อนว่าอยากไปทิ้งความเหนื่อยล้าจากงานบลาบลาบลา

พวกเราเรียนอยู่สถาปัตย์ แน่นอนว่าเวลาเที่ยวในช่วงเปิดเทอมนั้นแทบจะไม่มีเลยยย

ตอนที่ทำงานก็นับวันรอตลอดว่าเมื่อไหร่จะถึงวันซะทีน้อว

แพลนในหัวเราเยอะมากๆๆว่าอยากไปที่นู่นที่นี่ แต่พอเอาเข้าจริงๆกลับเหลือไม่กี่ที่ซะงั้น

กลายเป็นคิดสดๆที่เชียงใหม่เลย555



ปล.มือใหม่หัดรีวิว รูปเบลอ เขียนผิดเขียนถูกยังไงติชมได้นะคะ

อาจจะมีภาษาวัยรุ่น คำหยาบ หรือลากคำลงท้ายยาวๆๆๆๆๆบ้างเพื่อรสชาติในการอ่านนะคะ



เฮ้ย!!เครียดวะ ส่งโปรเจคเสร็จไปเที่ยวกันเหอะ
เออ!เอาดิ หนาวนี้เชียงใหม่ดีกว่า
ไปไงดีวะ เห้ยๆตั๋วเครื่องบินลดพอดีวะ จองเลยป้ะ?
เออเอาเลยๆ (หน้าตามองเพื่อนแบบมีหวัง)
ฟิ้วววว....ไม่ทันวะ เอางี้เครื่องบินไม่ได้ ก็ไปรถทัวร์ดูเว้ย

-ออกเดินทาง-


ก่อนการเดินทางมีเพื่อนสาวกลัวความสูงได้สวดมนต์เกือบทุกบทให้พวกเราเรียบร้อย แต่ความกังวลก็ยังมีอยู่เต็มอก นี่เป็นจุดเริ่มต้นของความกล้าที่จะไว้ใจคนแปลกหน้า เราไม่รู้ว่าระยะทาง 696 กิโลเมตร ที่เรากำลังไปจะเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง แต่สิ่งที่เราหวังและกล้าคือการไว้ใจให้คนขับรถพาเราทุกคนไปให้ถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย และเขาก็ทำได้ เราหลับกันอย่างสบายพร้อมกับถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยจริงๆด้วย



-ดีเวลโฮสเทล-


พอเราลงจากรถทัวร์ความหนาวเย็นก็กระทบร่างกายทันที

เรารีบเรียกรถแดงมาที่ ที่พักเลยเจ้าาาา ที่พักที่เราเลือกกันเป็นโฮสเทลน่ารักๆอยู่ตรงท่าแพ

ในตอนแรกเราก็แอบกลัวกับคำว่าโฮสเทลนะ แต่พอเราได้มาสัมผัส เรารู้สึกยินดีและดีใจที่เรากล้าที่จะลอง

มันเป็นการอยู่รวมกันที่ดูแล้วน่ารัก ต่างคนต่างไม่รู้จักกันแต่ต้องมาอยู่ในที่เดียวกัน ทำให้เราเลือกที่จะมองข้ามเสียของกันและกัน

และเลือกมองด้านดีของเขามากกว่า และนอกจากนี้สิ่งที่เราประทับใจที่สุดก็คงเป็นเจ้าของและผู้ดูแลที่นี่ ทั้งใจดี เป็นกันเอง

ให้คำแนะนำทุกอย่างอย่างเต็มใจ มันเป็นการพัก2คืนที่เรากล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าที่นี่ดีมากจริงๆ

ปล.ถ้าไปรอบหน้าเราไปเยือนเชียงใหม่อีกจะไปพักที่นี่อีกแน่นอน ถ้าพี่เค้ายังอยากต้อนรับแก๊งทาท่าอยู่นะคะ



-เที่ยวตัวเมือง-


พอเราเช็คอิน ฝากกระเป๋าเรียบร้อย จะไปรออะไรเล่าาาาาาก็ลุยกันเลย มาเชียงใหม่ทั้งทีก็ขอไปเยือนย่านนิมมานเหมินทร์หน่อยสิ



เดินไปเรื่อยๆเมื่อยเหมือนกันเนอะ จะเช่ารถแดงก็กลัวเงินหมดอดกินข้าวซะก่อน เราก็เลยเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่กันซะเลย


ลองมาเป็นเด็กแว๊นที่เชียงใหม่ซะหน่อย



เรามานิมมานด้วยความหิวโหย นอกจากการขี่มอเตอไซค์ และการถ่ายรูปแล้ว
เราต้องมาหาร้านอาหารอร่อยๆสนองปากและท้องของเราซะหน่อย

-kaosoi13-
ร้านข้าวซอยเหนือแต๊ๆเจ้า รสชาติกำลังดีอร่อยเหาะไปร้านนี้ต้องสั่งแคปพอง เมนูแปลกประจำร้าน เป็นแคปหมูยักษ์
พิกัดร้าน อยู่ซอยนิมมาน13

-cheewit cheewa-
ร้านบิงซู น้ำแข็งใสเกาหลี
ราคาเป็นอะไรที่พอเหมาะพอดีกับกระเป๋าตังค์มากๆ555
ในภาพนี้ถ้วยละ169บาท มีรสสตรอเบอร์รี่ ช็อคโกแลต มะม่วง
จัดไปทั้ง3รสแต่ไม่ได้ถ่ายมะม่วงมาอิอิ
พิกัดร้าน ซอยกรรไกรทอง ถ้ามาจากนิมมานให้เข้าซอย13เดินตรงสุดซอยละเลี้ยวขวาจะเห็นซอยกรรไกรทอง

-rawtruckr-
ไก่ทอดเกาหลี
ตอนไปทางร้านมีโปรโมชั่นลด35%พอดี
เราเลยสั่งเป็นชุด 2กิโล 390บาท เพราะไปกัน6คน กินกันพุงแตกสุดๆ
รวมค่าน้ำแล้วหารกันเหลือคนละ105บาท คุ้มมว้ากๆ
พิกัดร้าน ซอยนิมมาน13

-i like ice cream-
ร้านไอศครีมโฮมเมด มีหลายรสให้เลือกน่ากินทู้กกรส
ที่เราสั่งเป็นเซต5สกู๊ปกับ2ท้อปปิ้ง มีรส ไวท์ช็อค สตรอเบอร์รี่เชอเบ็ท
บานาน่าบราวน์ บานาน่าบัตเตอร์ คุ้กกี้แอนด์ครีม
พิกัด ถนนศิริมังคลาจารย์ อยู่ต้นๆซอย

วันแรกหมดไปกับการกินและขี่มอเตอร์ไซค์เล่นรอบคูเมือง ไปเดินถนนคนเดิน แต่เดินจริงๆเพราะเราไม่ได้เอากล้องไปอดได้รูปมาเลย แนะนำถนนคนเดินคือยาวมากเดินจนขาลากเลยทีเดียว เดินจนถึง5ทุ่ม เราทนความหนาวกันไม่ไหว(ออกไปแบบเสื้อยืดกางเกงขาสั้นจะไหวได้ยังไงเล่า)คืนนี้เหนื่อยแล้วขอนอนแล้วไปลุยต่อกันพรุ่งนี้ดีกว่า



-เที่ยวแม่ริมกัน-
แม่ริมหรอ..มีไรให้เที่ยววะ
ตอนนั้นเกิดคำถามกับตัวเองว่าแม่ริมคือที่ไหน มีอะไรให้เที่ยว
ลองไปเสิจในกูเกิ้ลก็ขึ้นรูปบลาบลาบลา
จากนั้นก็ตกลงกับผองเพื่อนผู้ร่วมเดินทางว่าไปที่นี่ละกันในวันที่2
เลยตัดสินใจเหมารถแดงพาเที่ยวละกัน
แต่...พรุ่งนี้ก็จะขึ้นละพี่เจ้าของโฮสเทลก็แนะนำและเป่าหูน้องๆว่า
ขับมอไซค์มันกว่าเยอะน้องลุยๆไปเล้ย ต้องเที่ยวแบบสตรอง5555
อิน้องก็จัดไปแคนเซิลรถแดงแบบละอายใจ แหะๆ
เราเลยเช่ามอไซค์อีก1วัน ออกเดินทาง7โมงเช้า พร้อมเปิดgoogle mapพาเที่ยว
ทางไปแม่ริมไปง่ายมากๆแค่ขับทางตรงถ้าเปิดจากgoogle mapแล้ว ให้สังเกตุแยกใหญ่ๆจะมีป้ายให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางม่อนแจ่ม
อิเราเห็นขับตรงตลอดใช่มะ ปิดแมพเลยจ้า55555 บอกเพื่อนที่ขับตรงไปเล้ยย สรุปเลยเพราะเลี้ยวซ้ายแยกเมื่อกี้ ยูเทิร์นแทบไม่ทัน
คู่เราเป็นอะไรเปิดแมพเหมือนคู่อื่นนะแต่หลงตล๊อดตลอด จนเพื่อนอีก4คนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ขับตามพวกกูเถ๊อะ!!



-ม่อนแจ่มจะแดมแจ่มว้าว-
ไปแม่ริมก็คงหนีไม่พ้นม่อนแจ่ม ในความคิดแรก โห!!ม่อนแจ่มหรอตอนนี้คงมีแต่รีสอร์ทเต็มภูเขาแล้วแหละ
จะเหลือต้นไม้ให้เราดูสักกี่ต้นวะแต่เพื่อนอยากไป เราก็เออไปก็ไป
พอเลี้ยวรถเข้าสู่เส้นทางไปม่อนแจ่มเท่านั้นแหละ
เห้ยแค่ระหว่างทางก็คุ้มแล้วอะ มันสวย มันหนาว มันฟิน
เราได้ขี่รถอยู่ตรงกลางที่ด้านซ้ายเป็นน้ำตก ด้านขวาเป็นภูเขา
ได้ยินเสียงน้ำไหลปะทะกับเสียงลม ทุกอย่างเขียว แต่หน้าและปากเราซีดมาก
เพราะมันหนาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
และสิ่งที่ประทับใจกว่าวิวทิวทัศน์คงเป็นน้ำใจของคนที่นี่ที่พยายามช่วยเหลือเรา
เพราะรถเรา1คันยางแตกค่าาาาา ขอบคุณน้ำใจพี่วิน พี่นักท่องเที่ยว และช่างซ่อมรถสุดเฟี้ยวมากๆค่ะ


-การเดินทางขึ้นอ่างขาง-
นั่งรถแดงไปลงที่สถานีรถช้างเผือก
จากนั้นซื้อตั๋วเชียงใหม่-ท่าตอน เป็นรถบัสสีส้มคันใหญ่
กรุ้งกริ้งๆเสียงรถขายไอติม 'ไอติมช้างเผือก'
ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไรแต่ไม่เคยเห็นไอติมแบบนี้มาก่อน
แพ็คเกจจิ้งดูมินิมอลแต่สวยหรูด้วยการห่อจากถุงพลาสติกอีกที
รสชาติอร่อยใช้ได้ กินไอติมเสร็จก็เอากระเป๋าไว้ใต้รถเตรียมตัวออกเดินทาง
ถนนสายเล็กๆที่คดเคี้ยว เป็นทางที่พาเราไปถึงจุดหมาย
รถบัสสีส้มและคนขับพาเราไปหาจุดหมาย
คนบนรถสร้างเรื่องราวต่างๆให้เราจดจำ
คนข้างๆทำให่เราไม่กล้วแม่ข้างทางจะเป็นเหว



-ม่อนสน-
เราลงจากรถด้วยอาการมึนเมา(จากโค้ง)
แต่ม่อนสนทำให้เราลืมอาการเมาแล้วหันมาร้องว้าวแทน
วิวข้างหน้าฟินมากกกกกกก เรามาถึงที่นี่กรุ้ปที่2 เหลือเต็นท์ให้เราจองเพียบ เราเลยรีบทำการจอง
มาแรกๆทั้งทีต้องอยู่หน้าสุดนอนแล้วเห็นวิวมีใครจะไม่ฟินบ้าง พี่ที่ดูแลน่ารักมากๆคอยยิงมุขกับพวกเราตลอด
พี่เค้าบอกว่าน้ำขันแรกจะเย็นที่สุด ถ้างันให้เราเทขันแรกทิ้งซะเราลองทำตามที่พี่บอกแต่มันไม่จริง
เราได้ยินเสียงเพื่อนที่อาบน้ำร้องแข่งกัน
โอ๊ย อู้ย หู เชี่ยยยยย โอ้ ไม่ไหวแล้วสามขันพอโว้ย ชาไปทั้งตัว
เรารู้ซึ้งถึงคำว่าชาจากการอาบน้ำแล้ว แต่สนุกดีนะอาบน้ำไปกระโดดไป



-ไร่ชา 2000-
แสงแดดตกกระทบบนใบชา ลมเย็นๆพัดผ่านตัวเรา ไร่ชาที่เต็มไปด้วยสีเขียว
ยิ่งตอนมีแสงแดดยิ่งอบอุ่นเข้าไปอีกบรรยากาศมันจะดีอะไรอย่างนี้
อยากเก็บใส่ขวดแก้วเอาไปตั้งที่บ้านจริงๆ



-ไร่สตรอเบอร์รี่ขอบด้ง-
สตรอเบอร์รี่ลูกแดงก่ำพร้อมให้เก็บไปลิ้มรสความหวาน บอกเลยว่าหวานนนนฟินทีเดียว


-หมู่บ้านนอแล-
พอลงจากรถ ก็มีเจ้าหมาดอยมาต้อนรับอย่างเป็นมิตร นอกจากเจ้าหมาดอยแล้ว
เราก็เจอชาวเขาหรือชาวม้ง ไม่รู้ว่าถูกหรือผิดเอาเป็นว่าอย่าหาคำจำกัดความเลย
เค้าก็เป็นคนคนนึงเหมือนเรา ถึงจะต่างภาษา ต่างการแต่งตัว
เราต่างเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขากล้าทำมากกว่าคนเมืองอย่างเรา
คือการกล้ายิ้มให้คนแปลกหน้าอย่างเรา
ขอบคุณคนที่นี่ที่ทำให้เราเห็นว่าการยิ้มไม่ใช่เรื่องแย่



-ต้องกล้บแล้ว-
ระหว่างรอเวลากลับกรุงเทพเลยมาเที่ยวในเมืองอีกครั้ง
ดาดฟ้าเมญ่า เป็นอีกที่ที่เห็นวิวมุมสูงสวยมากๆ ส่วนมากก็จะมาถ่ายรูปกันเป็นคู่ๆทั้งนั้น เห็นแล้วหว่าเว้





ขอบคุณทุกคน
ที่อ่านมาจนถึงตอนนี้นะคะ
และที่ต้องขอบคุณมากๆเลย
คือผู้ร่วมเดินทาง
ที่กล้ามาด้วยกัน กล้าสนุกด้วยกัน
เชื่อใจกัน ขอบคุณมากๆ
ใชเหมี่ยงครั้งนี้มันฟินมากจริงๆ

ออกไปเที่ยวกันเถอะมันได้อะไรมากกว่าวิวทิวทัศน์


เที่ยวคนเดียว หรือเที่ยวเป็นกลุ่ม

ให้ความรู้สึกที่แตกต่าง

อย่าเอาแต่คิด อยากไปก็ไปเลย

ไปเที่ยวกัน

เพิ่มเติมนะคะ
สำหรับคนที่อยากรู้ค่าใช้จ่าย
เอาค่าใช้จ่ายหลักๆเนอะ
เราไป6วัน5คืนนอนบนรถ2คืน โฮสเทล 2 คืน และม่อนสน 1 คืน
-ค่ารถทัวร์ไปกลับ 1168 บาท/คน
-ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 250/คัน = 500/สองวัน (หารกับคนซ้อน)
-ค่าที่พักดีเวล 400/คืน
-ค่ารถไปปากทางขึ้นอ่างขาง 75 บาท(ขาเดียว) = 150บาท/ไปกลับ
อันนี้เราบอกพี่ที่คิวรถได้เลยว่าจะไปอ่างขาง เพราะมันเป็นแค่ทางผ่านนะ
-ค่ารถสองแถวขึ้นไปอ่างขางไปกลับ(เราเหมาเที่ยวด้วย) 2100 บาท
ไป 10 คนมีเพื่อนมาร่วมแชร์อีก 4 คน ตกคนละ 210 บาท
อันนี้พอเราลงจากรถส้มตรงหน้าวัดหาดสำราญ เราก็เดินเข้าไปด้านใน
จะเห็นรถสองแถวสีขาวคะ ติดต่อได้เลย
-ค่าเต็นท์ 250 บาทนอน 3 คน ตกคนละ 83 บาท
รวมค่าใช้จ่ายหลัก 2,661 บาท
แต่ค่าเสียหายโดยประมาณของเพื่อนเราแต่ละคน
ก็มีตั้งแต่สายตอด3000-สายเป5000 บาทคะ


ความคิดเห็น