ห่างหายจากการรีวิวไปนาน ส่วนหนึ่งก็เพราะสถานการณ์โควิด
ทำให้การออกทริปของเรา กานต์•เดิน•ทาง ต้องชะลอออกไปด้วย
แต่พอเครียดจากปัญหาต่างๆ การพาตัวเองไปเจอธรรมชาติมันก็ช่วยผ่อนคลาย
คลิปนี้ เป็นการไปเที่ยวแบบสั้นๆ 2 วัน 1 คืน เพื่อสนองความคิดถึงเชียงคาน ตามไปกันเลย..
เนื่องจากเราไปแค่ 2 วัน 1 คืนเท่านั้น การเดินทางโดยเครื่องบินจึงตอบโจทย์ที่สุด
เราเลือกเดินทางไป-กลับ ด้วยสายการบิน แอร์เอเชีย ได้ค่าตั๋วไป-กลับ ประมาณ 2,000/คน
ประมาณ 11.30 น. เราก็มาถึงสนามบินเลย จากสนามบินเราติดต่อเช่ารถยนต์ เป็นเวลา 1 วัน
เป็นรถ Yaris นะคะ ราคา 800 บาท ยังไม่รวมน้ำมัน รายละเอียดเช่าตามนี้เลยจ้า
เอาล่ะค่ะ เริ่มต้นทริปด้วยหมุดหมายแรก ร้านอาหารในเชียงคาน
หลังจากที่หาข้อมูลร้านอร่อยในเชียงคาน เราก็ได้ร้านบะหมี่ฟื่องฟ้าเป็นร้านแรกของทริปนี้
เราสั่งไปทั้งหมด 3 อย่างนะคะ มีบะหมี่แห้งต้มยำ ข้าวขาหมู เกาเหลาก๋วยจั๊บ
อ่านข้อมูลมาว่า บะหมี่ทางร้านทำเอง ก็เลยอยากลองชิม ซึ่งบอกเลยว่าอร่อยจริงๆ
เค้าจะมีพวงเครื่องปรุงบนโต๊ะ ส่วนตัวว่าบะหมี่แห้งจะออกหวานเติมแค่พริกน้ำส้มก็อร่อยแล้ว
เหมือนพริกน้ำส้มทางร้านจะพิเศษนะคะ เป็นเหมือนมะขามเปียกไปปั่นกับพริก รสชาติเปรี้ยวๆเผ็ดๆ
ส่วนขาหมู ส่วนตัวชอบกินมันๆ แล้วมาแบบน่ากินมากกก น้ำราดกำลังดี ไม่หวาน ไม่เลี่ยน
ส่วนก๋วยจั๊บสั่งมาเป็นแบบเกาเหลา ซดน้ำร้อนๆ ให้คล่องคอ รสชาติออกเค็มนิดๆ กินกับบะหมี่แห้ง คือเข้ากั๊น เข้ากันนน แล้วทั้งหมดนี่ ราคาร้อยกว่าบาทเอง ชามละ 50-60 บาทเองค่ะ
ถ้าไปอีกก็จะแวะไปทานอีก ติดใจจริงๆ
จากร้านบะหมี่เฟื่องฟ้า ขับรถทะลุมาที่ซอย 11 เลี้ยวขวาไปอีกนิดเดียว ไปถึง 5 นาทีก็จะเจอกับที่พัก
สุเนต์ตา เชียงคาน ที่เราจองมานั่นเองคร่าาาา ซึ่งอยู่ในถนนคนเดินเลย ^^
เราจองมาล่วงหน้าค่อนข้างนานเลยทีเดียว ได้มาในราคา 2,500/คืน/2คน รวมอาหารเช้า
เป็นห้องชั้น 2 วิวแม่น้ำโขง มีอ่างในห้อง สอบถามราคาห้องได้ที่ สุเนต์ตา เชียงคาน
บรรยากาศที่นั่งเล่น ชิลๆที่ชั้นล่างนะคะ เป็นพื้นที่ส่วนกลางของที่พัก
สามารถซื้อของกินในถนนคนเดินแล้วมานั่งชิลๆตรงได้นี้ ตกเย็นก็เริ่มมีคนมาปั่นจักรยาน
และนี่คือห้องของงเรานะคะ ชั้นบนห้องที่ 2 มีอ่างนอนแช่ฟินๆ มองเห็นวิวแม่น้ำโขง
ส่วนหลังระเบียงก็มีเปลให้เรานั่งมองวิวฝั่งลาว ดูคนเดินไปมา นั่งชิลๆมองท้องฟ้าสายน้ำ
ฝั่งตรงข้ามที่มองออกไปคือฝั่งประเทศลาวนั่นเองค่ะ
รู้สึกคุ้มค่ามากที่เลือกจองที่สุเนต์ตา เพราะเงียบ สงบ วิวดี มีอ่างแช่ 5555
ก่อนจะหมดวัน เราขอออกไปเที่ยวใกล้ๆ แข่งกับฝนที่ทำท่าจะตกสักหน่อยค่ะ
เราเคยมา สกายวอร์คเชียงคาน ช่วยวันรัฐธรรมนูม แต่ตอนนั้นหมอกหนามากไม่เห็นวิว
วันนี้เลยขอมาแก้ตัว เสียค่าเข้าคนละ 60 บาทเป็นค่ารถไป-กลับ รวมรองเท้าสวมเดินบนกระจก
พอได้รูปตามความตั้งใจ บวกกับเป็นเวลาบ่ายแก่ๆ เราเลยมองหาคาเฟ่กันต่อ
ซึ่งคาเฟ่นี้ เราเคยมาแล้วครั้งนึงช่วงปีใหม่ เป็นสไตล์แคมป์ปิ้ง ชื่อ BUHOM Cafe
กาแฟรสชาติเข้มข้นดี หอม อร่อย ขนมก็น่าทานมากๆ ค่ะ
ดูนาฬิกาอีกทีก็ราวๆสี่โมงเย็น เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปไว
ทีแรกเราตั้งใจจะไปล่องเรือชมแก่งคุดคู้ แต่เนื่องจากฝนตก เลยกลับไปนอนแช่อ่างแทน
รอเวลาจนร้านค้าในถนนคนเดินเริ่มตั้ง เลยออกมาหาของอร่อยกินกันต่อค่ะ
ไม่แน่ใจว่าเพราะเราไม่ได้มาช่วงเทศกาลรึป่าว ถนนคนเดินเลยค่อนข้างเงียบเหงา
แต่ผู้คนไม่เยอะมากแบบนี้ ก็ทำให้รู้สึกเว้นระยะห่างทางสังคมไปได้หน่อยนึงเหมือนกันนะคะ
เราเริ่มเดินตั้งแต่ยังไม่มืด หลักๆเพื่อหาของอร่อยๆ ซึ่ง 1 ในของห้ามพลาดก็คงไม่พ้น..
ส่วนตัวชอบดักแด้มาก เค็มๆมันๆ กับแกล้มชั้นดี เดินดูหลายๆร้านก่อนก็ดีนะคะ
เพราะบางร้านขายไม้ละ 10 บางร้านไม้ละ 20 ขนาดกุ้ง ปู ก็ต่างไซส์กันออกไป
ส่วนตัวชอบกุ้ง ปู ที่ตัวเล็กๆเคี้ยวแล้วกรอบๆ อร่อยติดฟันดีค่ะ 555
อีกร้านที่มากกว่าความอร่อยก็คืออัธยาศรัยแม่ค้า ที่มา 3 ครั้งก็มากิน 3 ครั้ง
ออกเสียงยากสักนิด บั๊นจร้างเนื้อง แม่ค้าบอกว่าฟิซซ่าเวียดนามจร้า
ราคา 60 บาท ด้านนอกเป็นแผ่นแป้งแหนมเนือง ด้านในไส้ทะลักทั้งหมูยอ ไส้กรอก หมูสับ ปูอัด
เนื่องจากร้านค้าเปิดน้อย เราเลยเลือกนั่งกินที่ร้านผัดไทยปล่อยแสง
ซึ่งเคยมากินแล้วก็ติดใจส้มตำกับ ผัดไทย ของเค้ามากกก
แค่ย้อนกลับมาดูรูป น้ำลายก้ไหลแล้ว มันคัก มันแซ่บ ยิ่งกินคู่เส้นผัดไทยนี่ใช่เลย
ใครไปเชียงคานอยากให้ลองแวะไปชิมดูนะคะ
วันต่อมา เราซื้อชุดใส่บาตรทางที่พักไว้ชุดละ 100 บาท นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ลองใส่บาตรตอนเช้าเลย เพราะปกติเราจะตื่นเช้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูทอก ส่วนอีกครั้งก็ที่ภูลำดวน เป็นการใส่บาตรแรกของปีเลย
พระเดินกันเยอะมาก เราลงมาหกโมงกว่า ยังมีพระหลายรูปอยู่ค่ะ ใครมาเที่ยวเชียงคานอย่าลืมลองใส่บาตรตอนเช้าๆดูนะคะ เตรียมมาม่า ปลากระป๋อง ของแห้งมาใส่ได้เลยค่ะ ไม่เฉพาะแค่ข้าวเหนียว
หลังจากใส่บาตรเสร็จก็ขึ้นไปอาบน้ำท่ามกลางฝนที่ตกลงมาให้ได้ขี้เกียจกลับกรุงเทพฯ
มื้อเช้าเราเลือกไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เป็นข้าวต้ม กับ ข้าวเปียกอย่างละที่
จริงๆแค่นี้ก็อิ่มแล้วนะคะ ทางที่พักยังใจดี แถมไข่กระทะมาให้อีกที่ด้วยคร่าา
พอกินข้าวเช้าเสร็จเราก็ขึ้นมาเก็บของ เตรียมตัวเช็คเอ้าท์ เพราะเราต้องไปถึงสนามบินประมาณสิบโมง
เป็นการเดินทางสั้นๆที่ รู้สึกไม่เร่งรีบ ได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติจริงๆ ไม่ต้องเก็บทุกจุดเช็คอิน เน้นสโลว์ไลฟ์ ถ้าใครมีเวลาน้อย แต่อยากเดินทาง เชียงคานก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยเลยค่ะ
กานต์เดินทาง
วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 11.50 น.