สวัสดี^^ เรากลับมาพบกันอีกครั้ง ครั้งนี้เราจะพาไปเที่ยวทางใต้สุดของประเทศไทยคือ " เบตง " เราเริ่มเดินทางจากดอนเมืองโดยการนั่งเครื่องบินมาลงหาดใหญ่ แล้วเราเดินทางจากหาดใหญ่โดยการเช่ารถยนต์ขับไปที่เบตง ซึ่งระยะเวลาเดินทางเกือบ 5 ชม. ตามรูปที่แนบเลย
เราเริ่มออกเดินทางกันเลย ระหว่างทางกำลังจะเข้าจังหวัดยะลา สิ่งที่คิดไว้ก็มาตอนรับเรา
ฝนตกตลอดทาง เราเดินทางกับฝนไปเรื่อยๆจนเราเดินทางถึงจุดมุ่งหมายของเราคือ เบตง
ไม่รอช้าเช็คอิน เก็บของ ออกมาเดินหาไรกินแต่ฝนก็ยังตกอยู่ อาหารมื้อแรกที่เบตงเราฝากไว้กับร้าน
" ต้าเหยิน "
ไก่สับ
หมูทอด
ผักน้ำผัดไฟแดง
ผัดหมี่เบตง
หลังจากกินอิ่นฝนก็ยังไม่หยุดพวกเราจึงออกมาเดินเลาะตามทางไปเรื่อยๆจนพบกับร้านขายของร้านนึง ซึ่งมันเป็นเครื่องดื่มที่เรากำลังตามหา ในตู้เย็นๆนั้นมีน้ำที่เย็นชื่นใจอยู่ 4 ขวดพอดีสำหรับพวกเราในทริปนี้ ซึ่งทางเจ้าของร้านบอกว่าเป็นของขึ้นชื่อของที่นี้เช่นกัน
เราได้ดื่มด่ำกับของดีเบตงแล้ว ฝนก็เริ่มหยุด จึงขอไปเก็บภาพกับอุโมงค์ปิยะมิตรหน่อย แต่แล้วอุโมงค์ทำการปรับปรุงซึ่งก่อนเรามาเราก็ไม่ได้ศึกษาอะไรเลยเกี่ยวกับที่นี้ ไหนๆมาแล้วก็ขอเก็บภาพไว้หน่อยละกัน
ถ้าเสร็จถือว่าสวยงามเลย วัสดุเป็นเหมือนกับแผ่นอลูมิเนียมแล้วเค้าทำการเจาะรูเล่นลาย ส่วนภายในอุโมงค์แสงสวยแต่ลวดลายยังไม่มี
ทริปนี้เราเดินทางกันมา 4 คน หลังจากกดรูปในอุโมงค์เสร็จแล้วก็ตามเก็บจุดแลนด์มาร์คต่อ
ตู้ไปรษณีย์สูง-ใหญ่ที่สุดในโลก ว่างั้นนะ
แล้วก็หอนาฬิกา สำหรับคืนนี้เท่านี้พรุ่งนี้เช้าเดินทางต่อ...
สวัสดีกับเช้าวันที่ 2 ของการเดินทาง เช้านี้เราจะไปสกายวอล์คกัน ระหว่างการเดินทางเส้นทางปกคลุมไปด้วยหมอก
ซักพักเราก็มาถึงสกายวอล์ค แต่เรามาไม่ทันดูแสงเช้าเนื่องจากระยะทางจากที่พักมาใช้เวลาโดยประมาณ 30-40 นาที แล้วเรามาถึงต้องมาต่อแถวเพื่อที่จะขึ้นไปชมความสวยงามของทะเลหมอกอัยเยอร์เวง
ระหว่างยืนต่อแถว ข้างหลังเราก็พอจะได้กดรูปอยู่เหมือนกัน
แล้วเราก็ได้ขึ้นมาบนสกายวอล์ค
แอบเสียวนิดๆ
ผู้ร่วมเดินทางกับเราในครั้งนี้
แดดแอบแรงไปหน่อย ขนาดเวลา 7.00-8.00 น.
จุดชมวิวเดิมก่อนที่จะมีสกายวอล์ค
แล้วพวกเราก็ขอตัว เดินทางกลับเพื่อที่จะไปหาข้าวเช้ากินกัน หลังจากอิ่มท้องแล้วก็ขอตัวเดินให้มันย่อยหน่อยซึ่งตามซอยต่างๆในเบตงจะมีภาพวาดตามผนังอยู่ จึงแวะไปวาดรูปมาฝาก
รักสัตว์ขึ้นมาทันที
แวะส่งจดหมายหา...แปบ
เดินไปเดินมา มาแวะคาเฟ่เฉย " ร้านไจไจ๋ " หาน้ำเย็นๆดื่มดันมีขนมของทางร้านที่ทำเป็นบางวันอีกเลยจัดมาชิมหน่อย แต่ไม่ได้เก็บภาพขนมไว้ แต่จะบอกว่าขนมทางร้านเค้าอร่อยต้องมาชิมเอง
หลังจากกินขนมกับเรียบร้อยเราก็กับเข้าที่พัก เพื่อที่ตอนบ่ายๆเราจะเดินทางต่ออีกจุดหมายนึงที่เราวางไว้นั้นก็คือ ฆูนุงซีลีปัต ซึ่งเราได้ทำการนัดกับแบเฮงไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
เช็คเอาท์จากที่พักเราก็เดินทางต่อมาร้านก๋วยเตี๋ยวกะลา เป็นจุดนัดพบกับแบเฮงคนนำทางของที่นี้ ไม่นานเค้าก็มาเราทำการเตรียมกระเป๋าแบกขึ้นรถจิ๊บสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แบบอกแบบนั้น ในการเดินทางครั้งนี้สมาชิกผู้ร่วมเดินทางมี 8 คน ยังไม่รวมสตาฟอีก 4-5 คน ทางค่อนข้างชันระยะทางประมาณ 3 กม. แล้วเราก็มาถึงจุดเดินเท้า เราต้องเดินเท้าอีก 2 กม.
ขอเก็บภาพกับรถสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หน่อย
หลังจากเริ่มเดินกันมาระยะนึง ท้องฟ้าข้างหน้าเราก็เริ่มครึ้มมาอีกแล้วเรามารอบนี้ดันตรงกับพายุเข้าด้วยชั่งประจวบเหมาะอะไรขนาดนั้น555+ ระหว่างทางยุงลายเยอะมากเดินกันมาซักพักเราก็มาถึงจุดหมายที่เราจะนอนกันคืนนี้ แล้วฝนก็ตกมาปอยๆแล้วก็หยุดแอบบ่นกับแบซูว่าถ้าเกิดตกแบบนี้คืนนี้เราจะได้ถ่ายดาวครับ แบบอกต้องลุ้นเอาครับ ไม่นานก็ถึงเวลาขึ้นไปบนยอดฆูนุงซีลีปัตเผื่อจะได้เห็นแสงเย็นบ้าง
หึๆๆคงได้เห็นแหละแสงเย็นของวันนี้
ไม่เป็นไรแสงเย็นไม่เจอ เจอหมอกของเย็นวันนี้แทนไปแล้วกัน^^
ใส่เสื้อกันฝนรอเลยจะตกก็ตกมาเลยค้าฟ
ระหว่างขาลงจากยอดฆูนุง ฝนเจ้ากรรมตกไล่มาเลย
คืนนี้เรามาล้อมวงคุกับกันเรื่อยเปื่อย ปิ้งไก่ ปิ้งลูกชิ้น กินสำหรับค่ำคืนนี้ก็จบลง แต่เวลา 01.00 น. เรามีนัดกับแบซู จะไปถ่ายดาวกันถ้าฝนยังตกอยู่เราก็จะนอนยาวๆมาลุ้นกัน?? พอเราเริ่มเข้านอนกันฝนเจ้ากรมตกมาชุดใหญ่ เอาแล้วคืนนี้จบแล้วแต่ก็แอบหวังอยู่นิดๆว่ามันจะหยุด เหมือนโชคเข้าข้างนาฬิกาปลุกฝนหยุดมาพักใหญ่ละแบซุมาตามนัดหมาย เราจึงออกเดินทางกัน 4 คน ไปถ่ายดาว นอกนั้นคนอื่นกำลังหลับสบายกับอากาศเย็นๆ วินาทีที่ขึ้นไปถึงฟ้าปิดนั่งรออยู่พักนึงเมฆที่บังอยู่ก็ปรากฏทางช้างเผือกให้เราได้ถ่ายรูปสวยๆ
ถ่ายกันพักใหญ่เจ้าพระจันทร์ก็โผล่ขึ้นมาพร้อมกับส่องแสงให้เห็นทะเลหมอก
เก็บภาพเสร็จก็ขอตัวไปนอนต่อพรุ่งนี้จะรีบขึ้นมาถ่ายแสงเช้า
หลังจากถ่ายทางช้างเผือกเสร็จก็กับมานอนไม่นอนถึงเวลาเราก็ล้างหน้า แปลงฟัน พร้อมที่จะไปเก็บภาพแสงเช้ากับแบเฮง ซึ่งแบเฮงขึ้นไปรอเราแล้วเนื่องจากเราสาย
ระหว่างทางเดินขึ้นยอดฆูนุง ขอเก็บภาพสวยๆหน่อย
กดกล้องกับมือถือมันเลย แสงสวย ทะเลหมอกสวย
ไม่นานพระอาทิตย์ก็โผล่
หลังจากนี้ไม่ขออธิบาย แต่จะให้รูปอธิบายแทน
อาหารเช้าพร้อมเสริฟ
เดียวจะแว้นไม้กวาดไปส่งนะน้อง
ขอเก็บรูปทีมงานกับแบเฮงหน่อย
หลังจากถ่ายภาพกันเบื่อแล้วก็ลงจากยอดฆูนุงเพื่อที่เราจะต้องเก็บของเตรียมตัวกับ พร้อมกับนั่งรถจิ๊บสงครามโลกครั้งที่ 2 คันเดิมกับ หลังจากเดินลงพร้อมกับนั่งรถแล้วเราก็เตรียมตัวออกจากยะลาเข้าสู้หาดใหญ่จึงขอเก็บภาพกับพี่ๆสตาฟทุกคน
ขอบคุณทีมงานทุกๆคน
ทริปนี้ครบหมดเลย ทะเลหมอก ทางช้างเผือก ฝน แดด สตาฟทุกคนดูแลดีบริการเหมือนพี่น้อง
การที่มาเที่ยวเบตงครั้งนี้ถามว่ากลัวไหม ไม่นะเพราะเคยมีโอกาสไปสัมผัสที่นราธิวาสมาแล้วครั้งนึง ผมมองว่าบางทีการที่เราเสพข่าวกับการที่เราได้มาที่นี้มันขัดแย้งกันมาก เอาเป็นว่าอยากให้ทุกคนได้ลองมาเที่ยวใน 3 จังหวัดดูแล้วจะรู้ว่ามีอะไรสวยงามอีกเยอะที่เรายังไม่ได้พบเจอ หวังว่าถ้ามีโอกาสก็จะกับไปเที่ยวอีกแน่นอน
หนุ่มพเนจร
วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2565 เวลา 17.45 น.