ได้ไปซักที....หลังจากตามรีวิวอยู่ 2 ปี ได้มั้ง
ก่อนไป 4-5 เดือน จองตั๋ว จองโรงแรม ติดต่อคนขับรถเรียบร้อยเชียว แต่...หึหึ มันไม่ง่ายขนาดน๊านนนนนจ้า
....1 เดือนก่อนการเดินทาง ...
Jet airways แคนเซิลไฟร์ทจ้าาาา สบายใจจ๊อส จองผ่านเอเจ้นท์อีกตางหาก ทำเรื่องรีฟันกันไป เป็นมหากาพย์ยาวนานกว่าจะได้เงินคืน นี่ไปจนกลับมายังไม่ได้เงินคืนเลยจ้า ติดต่อเอเจ้นท์ก็แสนยากเย็นกว่าหิมะบนหิมาลัยซะอีก เบอร์ติดต่อที่ไทยก็ไม่มีจ้าาา ส่งเมลล์อย่างเดียวโลด แล้วก็รอวนไปจ่ะ ปล.เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าเห็นแก่ของถูกบางทีจองผ่านสายการบินเลยแพงกว่าหลักร้อย แต่เวลารีฟันง่ายกว่าเยอะ แค่ 7 วันก็ได้เงินคืนครบ สบายใจ นี่โดนหักอีก 1000 จ้า
และแล้วความดราม่าก็ผ่านไป ใกล้วันเดินทางแล้วจ้า เตรียมของวนไป วันนี้จะใส่ชุดอะไรดี ไปทะเลสาบชุดนี้ ไปขี่อูฐ ชุดนั้น มาม่าเอาไปยังนะ อะเอาน้ำพริกแห้งไปหน่อย แอ๊ะขนมด้วยดีกว่า อย่าลืมยาด้วย และแล้วเต็มกระเป๋า อยู่ๆความคิดนี้ก็เกิดขึ้นในหัวจ้า “นี่ข้าก็รู้หมดล่ะว่าเลห์มันมีอะไร รูปเริบ รีวงรีวิว นี่ข้าอ่านเยอะไปไหม แอ๊ะ หรือข้าจะไม่อยากไปแล้ว ไปแล้วมันก็คงเหมือนๆที่ชาวบ้านเขารีวิวมาว่าสวยงั้น งั้นงี้” ไม่ๆไล่ความคิดบ้าบอไป
...วันที่ ศูนย์... เดินทางแล้วจ้าเหมือนที่เคยอ่านมาจากรีวิวแป๊ะ แอร์อินเดีย ต้องไปเอากระเป๋าก่อน แล้วไปโหลดใหม่ได้เลย ไม่ต้องรอเวลา ตรวจเยอะจุงเบยยยย หน้าเกตก็จะมีเก้าอี้ให้นอนแบบนี้ แต่รีบๆไปนะ เด่วเต็ม เพราะแต่ละเกตก็จะมีอยู่ 5-6 ตัว..
ลืมๆๆ ลืมไปได้อย่างไร ถ้าท่านเห็นรูปห้องน้ำแบบนี้ก็แสดงว่าท่านได้มาถึงสนามบินนิวเดลีเป็นที่เรียบร้อย
..วันที่ 1..
แท่น แท๊นนนนน เช้าล่ะได้เวลาตื่นต่อเครื่องไปเลห์แล้วเหว่ยยยย เย้ยยยยยย สวยจริงว่า นี่เราหลับแล้วเครื่องบินตก ตายอยู่บนสวรรค์เหรอ??
รูปไม่สวยเท่าของจริงเด้อท่านผู้ชม เนื่องจากรูปทั้งหมดมาจากกล้อง ไอโฟนนนน7 และ nikon ตัวเล็กๆอีก 1 อัน แต่เชื่อเถ๊อะะะ ของจริงสวยโครต สวยเว่อร์ สวยจนนึกว่าตายไปแล้ว
เวลาผ่านไปชั่วโมงครึ่งจ้ะ ถึงแระสนามบินเลห์ เล็ก ทหารถือปืนเยอะ มาถึงก็กรอกใบเข้าเมืองซะเล็กน้อย ระหว่างกรอกก็รอกระเป๋าไปพลางๆ กรอกเสร็จกระเป๋ามา ได้เวลาลุยแล้วจ้าาาา นอกมานอกสนามบินคนขับรถที่เราติดต่อไว้ ตั้งปีนึงที่เริ่มคุยถามนู้นนี่นั่น ก็มารับแล้วจ้า ไม่เทจ้า 5555
ตามธรรมเนียมจ้ะ วันแรก ห้ามทำไรรุนแรง เก็บแรงไว้ก่อนโจ๋ มาถึงโรงแรมก็นอนนนนยาวไป 3 โมงเจอกันนะยูววว เวลาผ่านไปอย่างช้าอ่ะ ข้าหิวเว้ย ที่นี่จะมากินข้าวกัน 2 โมง ไม่ได้ ข้าหิว ลงไปล็อบปี้ ขอดูเมนูหน่อยซิ 5555555 ไม่รู้ววววววววจักซักอย่างจ้า เด่วๆๆๆ นั้นมัน fried rice ฮ่าาาาาา อาหารแขกรึไม่ได้กินข้าหรอก with chicken ล่ะกัน หาาาาา ไม่มีไก่เหรอ โอเคๆๆๆ วิทไข่ก็ได้ หิวขนาดนี้อีกอย่างละกัน อะไรอ่ะเห็น Cheese อ่อ Maggi Cheese อะไรไม่รู้แหละเอาอันนี้ล่ะกัน สรุปมันคือมาม่าใส่ชีสจ้า รอดไป มื้อแรก
..ในที่สุดก็ 3 โมง ..
วันแรกไป 3 ที่จ้ะ Leh palace - Namgyal tsemo - shanti stupa และปิดท้ายด้วยเลห์ มาร์เก็ต แต่...... อิเลห์ มาร์เก็ต ปิดจ้า ปิดทุกร้าน ร้านของชำก็ปิด นี่มันอะไรก๊านนน ทำไมต้องมาปิดวันที่ข้ามาด้วยยยย สืบมา สืบไป เมื่อ 2-3 วันก่อน มีฆ่ากันตายจ้ะ ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่เคยมีในเลห์มาก่อน เขาถึงปิดร้านทุกสิ่งอย่างเพื่อไว้อาลัยคนตาย นี่รูปปลากรอบการเที่ยววันนี้นะ ไม่ต้องไปอธิบายประวัติอะไรเน๊อะ
วันแรก มัวแต่ตื่นเต้นอ่ะ รูปวิวไม่ค่อยมี มีแต่รูปคน ดูแค่นี้ไปก่อนนะ ไปดูวิวเยอะๆวันหลังๆ อิอิ
..วันที่ 2..
อะไรว๊ะ ..นี่เราอยู่ในหนังเหรอ หลังจากเมื่อวานนึกว่าตายแล้วขึ้นสวรรค์ วันนี้ตายแล้วมาอยู่ในหนังสือ หนังสงคราม ชัดๆ ค่ายทหาร เต็มไปหมด ถนนหนทางดูแปลกตา แบบในหนังหนังอ่ะ ไม่รู้จะอธิบายยังไงงงงงง ลืมอีกล่ะมัวแต่ตื่นเต้นว่าอยู่ในหนังสงคราม วันนี้เราจะไป Lamayuru กัน ระหว่างทางก็จะเจอ Magnetic hill , river meeting point, moon land และก็ alchi monastery บอกเลยเป็นทางที่ไกลมากกกกกกก lamayuru เนี้ย ถ้ากลับไปอีกครั้งเราคงเลือกตัดออกจากโปรแกรมอ่า เพราะมันไกลจริงอะไรจริง ถึงเวลารูปปลากรอบ
รูประหว่างทาง
Magnetic hill เอาจริงนะ ถึงตอนนี้ละก็ยังไม่รู้ว่ามันดึงดูดยังไง ช่างมันประเด็นนั้นตกไป เพราะมันสวยง่ะ แบบเฮ้ยทำไมขุนเขามันยิ่งใหญ่ มั่นคงขนาดนี้
นี่ก็ระหว่างทาง..ค่ายทหาร
ระหว่างทาง กว้างใหญ่ เว้งว้าง แห้งแล้ง จะมีสัตว์ซักตัวไหมนะ
แม่น้ำ 2 สายตัดกัน สวย แปลกตาดี กลัวตกมาก เห็นงี้เหวจ้ะเหว สูงด้วย ตกไปไม่บาดเจ็บนะ
วิวจากวัด lamayuru
วัดlamayuru
แวะกินข้าวเที่ยงตอน 2 โมง แถวๆหน้า Alchi monastery ใต้ดอกซากุระเมืองเลห์
อิ่มหน่ำสำราญเคร้ากับบรรยากาศซากุระเมืองเลห์ก็เดินไปต่ออีกประมาณ 100 เมตร ก็เป็นวัด Alchi
จากนั้นนนนนก็เดินทางกลับ แท๊นนน แท่น ผ่าน มหาลัยเลห์จ้า โอ้มีมหาลัยด้วย
สเตชั่นสุดท้ายวันนี้เราไปที่ เลห์ มาร์เก็ตจ้าาาา ตลาดเปิดแล้ววว แต่ๆๆๆ มิวาย ตามคาเฟ่ต่างๆแทบไม่มีของสดมาทำให้กินขายจ้ะ เนื่องจากพาสเส้นศรีนาการ์ปิดจ้าาา ของที่นี่ส่วนมากเขามาจากศรีนาร์กานะจ๊ะ นายจ๋า อดอีกจ้ะ ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตก็แทยไม่มีเลย บนชั้นวางของต่างๆ เกลี้ยง!!
จบวันนี้จ้ะ .... เหนื่อยมากมาย เหนื่อยนั่งรถ 55555
..วันที่ 3 ..
วันนี้เราจะไปนูบร้า ต้องผ่านถนนที่สูงที่สุดในโลก ก่อนไปรู้แค่นี้ หลังไปแล้วพบว่า โอ้โฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ สุดยอด ที่เดียว จบ! ครบ! ภูเขาหิน ดิน ทราย โคลน หิมะ ลูกรัง หินลอย มีหมด หน้าผกหน้าผา เหว ตกลงไปไม่ต้องสืบฮะ ไม่บาดเจ็บ และไม่เน่าด้วย สุดจริง
ถนนเริ่มลื่น ต้องจอดรถเพื่อเอาโซ่พันล้อก่อนเดินทางต่อ ตอนนั้นเฮ้ยยย ลื่นจริงเฟ่ย รถลื่นไปมา 2-3 ที คนขับจอดเลยจ้า พันล้อบัดนาว พวกเราก็ถือโอกาสลงมาแชะๆรูปเล่น
ถึงแล้วถนนที่สูงที่สุดในโลกกว้างงง ตามรีวิวบอกอยู่นานไม่ได้ คนขับก็บอกอยู่นานไม่ได้ คิดในใจทำไมฟร่ะ ...เออ จริง เชื่อแล้วจ้า โอ้ยย หายใจไม่ทัน เหมือนคนกำลังจะหมดแรงจะลุกจะเดิน ฉันเหมือนคนกำลังจะตาย จะขาดอากาศหายใจ พี่อ๊อฟ ปอง ลอยมาเลยจ้ะ รีบลงเลย
ในที่สุดก็ลงมาแล้วจ้า ตามมาด้วยหิมะที่ตกหนักเลย จากนั้นก็นั่งๆๆๆชมวิววนไปจ้ะ 2 โมงปุ๊บ คนขับก็จอดให้ทานข้าว ร้านแบบว่าเอิ่มมมม บอกไม่ถูกดูในรูปละกัน แต่ๆๆๆ ราคาไม่ถูกน๊าจ๊าาาา ใช้ได้เลยเมื่อแทบกับร้าน 5555
ปะ..ไปต่อ มุ่งหน้าไปนูบร้าจ้าาา จากหิมะ ต่อไปเป็นทะเลทราย เราจะไปขี่อูฐกัน และจะไปไหว้พระกันด้วยที่ Diskit monastery
ก็เป็นอันว่าจบไปวันนี้ การเดินทางที่แสนวิเศษของข้า
..วันที่ 4 ..
วันนี้เราจะไปทะเลสาบPangong กัน ได้ข่าวว่าเป็นทะเลสาบที่สูงม๊ากมาก ยาวด้วย แล้วก็สวยอีก แต่ไกลอ่ะ ออกจากNubra 7 โมงเช้า ถึงนู้นเกือบเที่ยงแต่วิวระหว่างทางสุดจริงสวยมาก สวยเว่อร์ สวยอลัง ห้องน้ำไม่ค่อยมีเด้อ หลังก้อนหินจ้ะ
แต่บางช่วงก็เอิ่ม เรียกว่าไม่มีทางอ่ะ 5555 ทางดีบ้าง เลวบ้างสลับกันไป หินบ้าง หินบ้าง หิมะบ้าง 10 นาที 15 นาที วิวเปลี่ยน หลับไม่ได้เลยจ้ะ
จนในที่สุดดดดด เราก็มาถึงทะเลสาบแปงกองแล้ววว สวยดั่งคำล่ำลือเสียจริง เห็นแบบนี้หนาวนาจา น้ำนี่เย็นเฉียบมือแข็งอ่ะ
และแล้วได้เวลาเดินทางกลับเลห์ แต่เราจะไม่ใช้ทางเดิม เราจะไปทาง Chang la road กัน ซึ่งก่อนหน้าที่เรามาคือ Khardung la road
ทางนี้ก็หิมะเหมือนเดิมจ้า เพิ่มเติมคือ ติดอยู่บนนั้นเกือบชั่วโมง เพราะรถคันหน้าติดหิมะบ้าง รอเคลียร์หิมะออกจากทางบ้าง เพราะขึ้นไปบนเขาหิมะตกตลอดเลย
ทั้งไป ทั้งกลับครบทุกรสชาติ ถึงเลห์อย่างปลอดภัย พึ่งนี้ลุยต่อ ทัวร์ลุงป้าไหว้พระนะพรุ่งนี้อ่ะ
..วันที่ 5.. วันสุดท้ายที่จะได้เที่ยวที่นี่แล้ว ความรู้สึกตอนนี้คือไม่อยากจะลุกจะเดินไป เพลงพี่อ๊อฟปองก็มาอีกแล้ว 5555 อยากกลับบ้านมากกกก รู้สุกคิดถึงอากาศ 40 องศาประเทศไทยขึ้นมาซะงั้น แต่เอาฟร่ะ คนขับรถนัดไว้ตอน 9 โมง ไหนก็ไหนๆลุย!!!
วันนี้ทัวร์ลุงป้าไหว้พระนะจ้ะ เราจะไป Shey Palace ไป Hemis แล้วก็ไป Thiksay
ที่แรก Shey Palace เดินขึ้นอีกแล้วจ้าาาาาา เดินวนไปจ้ะ
ต่อไปก็ไปที่ Hemos Monastery ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์ด้วยนาจา เสียค่าเข้า 100 รูปี เห็นจะแพงกว่าที่อื่นๆ ทางเข้าไปพิพิธภัณฑ์ก็จะมีร้านขายของฝากพวกโปสเตอร์ ธงมนต์ อะไรประมาณนี้ ราคาซื้อได้จ้าเท่าๆกับที่เลห์มาร์เก็ตเลย
ที่สุดท้ายของโปรแกรมทัวร์ทริปลุงป้าไหว้พระของวันนีนะฮะ ไปกันที่ Thiksay Monastery เสียค่าเข้าเหมือนกันนะ แต่ไม่แพงอ่ะ จำไม่ผิดน่าจะ 30 รูปีมั้ง อันนี้จำไม่ได้จริง
เป็นอันสิ้นสุด ปิดท้ายหาซื้อของฝากตัวเอง และชาวบ้านนิดหน่อยที่ตลาด แต่ก็ไม่ค่อยมีไรซื้อหรอกพวกครีม แล้วก็พวกผลไม้แห้ง แค่นั้นจริงๆ
..วันสุดท้าย จริงๆแล้ว.. ในความเบาบางของสัญญาณไวไฟยิ่งกว่าความเบาบางของอากาศ ตึ๊งๆ เมลล์ เด้งจ้า จากแอร์อินเดีย นึกในใจซวยแล้ว เมลล์ไรฟร่ะ? ปรากฏว่าาา..... ไฟร์ทดีเลย์จ้า หึหึ แป๋วววว มาเลห์ไฟร์ทบินจำเป็นต้องดีเลย์ตามไหมฟร่ะ? สรุปดีเลย์ไป 2 ชั่วโมงจ้าทั้งไฟร์ท เลห์-นิวเดลี และนิวเดลี-กรุงเทพ
บรรยากาศที่สนามบินเลห์ เล็กนิดเดียว ตรวจเยอะ ตรวจเข้ม สมคำล่ำลือจ้ะ ข้างในสนามบินก็จะมีร้านกาแฟ 1 ร้าน และร้านขายขนมอีก 1 ร้าน
ปล.เครื่องภายในประเทศ นิวเดลี-เลห์ เก่ามากมาย เบาะนี้แบบเอาจากเครื่องนู้นมาแปะเครื่องนี้เหรอไง ที่สำคัญขากลับสั่นมากจ้า สั่นสุด สั่นเว่อร์ นึกว่าจะตายบนเทือกเขาหิมาลัยแล้วจริงๆนะ แล้วเหมือนขากลับกัปตันรีบๆบินง่ะ ใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมงเอง ทั้งที่ตอนมาตั้ง 1.30 ชั่วโมง
บ้าย...บาย เลห์
ค่าใช้จ่ายต่อ 1 คน ตั๋วแอร์อินเดียไปกลับ 12,xxx บาท
ค่าโรงแรม ค่าเช่ารถพร้อมคนขับ ตั้งแต่ไปรับ ยันไปส่ง 14,xxx บาท
ค่ากินอยู่+ของฝากประมาณ 2000 บาท (ไม่ค่อยมีไรให้ซื้ออ่ะ เอาจริงค่ากินหมดไม่ถึง 1000 กินไรก็หารๆกันไป)
สำหรับคนขี้เกียจอ่าน ไปดูวววววววกัน
Ipang Na Nan
วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2565 เวลา 16.16 น.