เมื่อฤดูฝนเริ่มมาเยือน คงต้องนั่งวางโปรแกรมท่องเที่ยวสำหรับหน้าฝน จะขึ้นเหนือสุดแดนสยามก็ยังไม่พร้อม เอาไงดี

สุดท้ายแล้วคงเป็นที่นี่แหล่ะ เพชรบูรณ์ เมืองในสายหมอก 1 ใน 12 เมืองต้องห้าม...พลาด

ใครๆก็ไปเขาค้อ ใครๆก็ไปภูทับเบิก แล้วเราจะรออะไร ต้องไปดูให้เห็นกับตาว่า มันมีอะไรดี!!

เมื่อผมมาเหยียบเขาค้อ...สถานที่แรกที่ไป คือ น้ำตกศรีดิษฐ์ เป้าหมายแรกของเราคือการหาอาหารกลางวันกิน มาน้ำตกก็ต้องกินส้มตำสินะ เลือกเอาสักร้าน มีร้านไก่ย่าง ส้มตำเรียงรายอยู่ตรงทางเข้า หิวมากจนจำอะไรเกี่ยวกับร้านที่กินไม่ได้เลย แม้กระทั่งชื่อร้าน แต่ที่จำได้ คือ อิ่ม อร่อย และไม่แพง

ที่น้ำตกศรีดิษฐ์ เจ้าถิ่นเขาก็คือ ผีเสื้อ เดินไปทางไหน ก็เจอ ทั้งบิน ทั้งเกาะตามพื้นตามทางที่เราเดิน เจ้าตัวเล็กของผมสนุกมากกับการวิ่งไล่จับผีเสื้อ

เป็นน้ำตกที่ค่อนข้างใหญ่ น้ำค่อนข้างแรง

หลังจากชื่นชมน้ำตกและวิ่งไล่จับผีเสื้อกันได้สักพัก เป้าหมายต่อไปของเราคือ เขาตะเคียนโง๊ะ อีกหนึ่งจุดชมพระอาทิตย์ตกดิน แบบ 360 องศา เมื่อไปถึงที่นี่ คนเยอะมาก ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน คือ ชมวิว ชมพระอาทิตย์ตกดิน

ที่นี่ เจ้าตัวเล็กของผมได้เพื่อนใหม่ด้วยนะ เจอกันครั้งแรก ก็กอดกันซะแล้ว 555

วิวจากยอดเขาตะเคียนโง๊ะ พระอาทิตย์ ถูกบดบังด้วยเมฆฝนจนสิ้น ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจแล้วเก็บภาพดอกไม้ ที่เขาปลูกไว้ให้ชมดีกว่า


เราพักที่รีสอร์ทบ้านธติญา บรรยากาศเป็นกันเอง เจ้าของเป็นมิตรมากครับ อาหารเช้าเป็นข้าวต้ม ขนมปังปิ้ง แต่ไฮไลท์ คือ เติมได้ไม่อั้น และมันก็อร่อยมากจนกินกันไม่ต่ำกว่าคนละ สองชาม (ชามที่สาม เติมนิดเดียวครับ)

ออกเดินทางกันแต่เช้า มุ่งหน้าสู่เป้าหมายต่อไป คือ ภูทับเบิก เดินทางมาเรื่อยๆ เมื่อออกสู่ถนน หมายเลข 12 ผ่านไร่บีเอ็น เลยขอแวะสักหน่อย เห็นรถเลี้ยวเข้าไปเยอะมาก อยากรู้ว่าเขามีอะไร

ที่เห็นเป็นอุโมงต้นไม้ นั่นคือเส้นทางเข้าสู่ไร่นะครับ สวยจนต้องลงรถมาเก็บภาพซะหน่อย เข้าไปถึงในไร่ มีพืชผลของไร่จำหน่ายครับ มีร้านกาแฟ และผลิตภัณฑ์แปรรูปของไร่ด้วย เลยจัดไอติมเสาวรส มา1 ถ้วย ก่อนเดินทางต่อไป

อีกหนึ่งจุดหมายที่ตั้งใจไว้ วัดผาซ่อนแก้ว ถ้ามาเขาค้อแล้วไม่ได้มาวัดผาซ่อนแก้ว เหมือนมาไม่ถึงครับ ไม่ต้องบรรยายอะไรมาก งดงามตามท้องเรื่อง สงบ ร่มรื่นและสวยงามตระการตา ไม่ว่าจะเดินชมรอบวัด หรือเดินชมวิว บรรยากาศเย็นสบายจริงๆครับ สูดอากาศลงปอดแต่ละทีมันชื่นใจสุดๆ

เสร็จจากการชมวัด ก็ได้เวลาอัดคาเฟอีนเข้าเส้นเลือดก่อนเดินทางขึ้นภูทับเบิก

กินกาแฟที่ไหนฟินที่สุด สำหรับผมแล้ว กินที่ร้านดังๆในกรุงเทพ ยังไม่ฟินเท่ามานั่งห้อยขา จิบกาแฟ เคล้าสายหมอก ที่นี่เลย ไม่ต้องบอกก็คงเดากันได้ว่ามันคือ พิโนลาเต้ ทางขึ้นมาจากวัดผาซ่อนแก้ว ชันพอสมควร ต้องขับด้วยความระมัดระวังนะครับ แต่ขึ้นมาถึงแล้ว บอกเลย ว่าไม่เสียแรงที่ดั้นด้นขึ้นมา กาแฟหลักร้อยแต่วิวหลักล้าน สมคำร่ำลือ ยิ่งถ้าโชคดีเจอน้องหมอกมาต้อนรับด้วยแล้ว บอกเลยว่าเกินล้าน



เอาล่ะ...ได้เวลา ลุยต่อกันแล้ว ใจแอบกลัวนิดนิด เพราะไม่เคยขับรถขึ้นเขาด้วยเส้นทางที่คดเคี้ยวขนาดนี้ แต่มาแล้วก็ไปให้ถึง

ความกลัวมันหายไปทันทีที่มาถึง ถ้าไม่ได้ขึ้นมาคงร้องไห้ตายเลยครับ

มาถึงก็ต้องหามื้อกลางวันใส่ท้องกันเหมือนเดิม ฝากไว้ที่นี่เลยแล้วกัน ร้านนี้อาหารอร่อยใช้ได้ครับ ราคาไม่ถูก ไม่แพง อยู่ตรงทางขึ้นจุดวัดอุณหภูมิสูงสุดพอดี

กินข้าวเสร็จก็ต้องขับรถชมรอบภูทับเบิกหน่อย โชคดีที่ฝนตก โชคดีที่เย็นสบายและโชคดีที่มีน้องหมอก

ที่พักของเรา สำหรับค่ำคืนนี้ ภูการ์เด้นทะเลหมอก อยู่ตรงทางขึ้นวิสาหกิจพอดี วิวสวย ราคาไม่แพง พร้อมเครื่องทำน้ำอุ่นแบบแก๊ส ซึ่งถ้าไม่มีมัน คืนนั้นเราคงตายแน่ๆ เพราะฝนตกปรอยๆตลอดทั้งวัน กลางคืนอากาศจึงหนาวมาก 13 องศา บรึ๋ยยยยย.....



เราพักบ้านหลังสีแดงที่อยู่ล่างสุด เพราะใกล้วิวที่สุด บ้านแต่ละหลังทาสีลูกกวาดสวยสะดุดตาน่านอนมากๆ

มาถึงภูทับเบิกแล้ว ก็ต้องขึ้นไปให้ถึงจุดวัดอุณหภูมิสูงสุด แต่เพราะฝนตกปรอยๆตลอดทั้งวัน ทำให้มีไอหมอกกระจายตัวปกคลุมไปทั่วภูทับเบิก จนไม่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ เลยได้แต่ถ่ายดอกไม้ที่ตกแต่งรอบๆจุดวัดอุณหภูมิแก้เซ็ง

บนภูทับเบิก มีร้านขายของฝาก ของที่ระลึก ของพื้นเมืองให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อเลือกชมตามอัธยาสัยด้วยนะครับ

รอเวลา รอแล้วรอเล่า ฟ้าก็ยังไม่เปิด รอจนเย็นจนค่ำ ถ่ายมันทั้งๆที่หมอกหนาๆแบบนี้ละกัน กลัวแสงหมด ขนาดฟ้ายังไม่เปิดยังรู้สึกได้ว่าสวย ถ้าฟ้าเปิดจะงดงามขนาดไหน ได้แต่ภาวนาให้พรุ่งนี้มีแดดเถอะเพี้ยง!!!

ตื่นเช้ามารับอากาศบริสุทธิ์ให้ชุ่มปอด ไม่ผิดหวังครับ สดชื่นไปถึงขั่วปอดจริงๆ แต่แอบผิดหวังเล็กน้อย ที่ไม่ได้เจอทะเลหมอกอย่างที่คิดไว้ เพราะหมอกยังคงหนาและพัดกระจายไปทั่วท้องฟ้าภูทับเบิกเหมือนเดิม เราจึงใช้เวลาเดินสูดอากาศบริสุทธิ์และชื่นชมบรรยากาศยามเช้าของหมู่บ้านทับเบิกไปเรื่อยๆ


เมื่อเห็นว่ารอต่อไปก็คงยังไม่มีแดดแน่ๆ เราจึงตัดสินใจอพยพกลับแล้วครับ ครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จกับทะเลหมอก ครั้งหน้าคงต้องมาใหม่

ขากลับ เราใช้เส้นทางที่เข้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เพื่อลดความหวาดเสียวในการเดินทาง 555 เส้นทางในภูหินร่องกล้า ไม่ค่อยลาดชัน ถนนดีตลอดเส้นทาง สองข้างทางส่วนใหญ่เป็นป่าคดเคี้ยวไปเรื่อยๆ ไม่มีหุบเหวให้หวาดสียว ชอบเลยครับแบบนี้ และถือโอกาสแวะเที่ยวตามจุดต่างๆของอุทยานไปด้วย

เมื่อออกจากอุทยานภูหินร่องกล้ามาแล้ว มาโผล่ที่ถนนหมายเลข 12 ยังพอมีเวลาเหลือ เลยไปหามื้อเที่ยงกันที่ รูท12 อีกหนึ่งสถานที่แนะนำ ทางผ่านเข้าสู่เข้าค้อ เพชรบูรณ์ เป็นคอมมูนิตี้มอลล์เล็กๆ ที่มีความเป็นธรรมชาติ ด้วยวิวภูเขา เสมือนว่ากำลังเดินอยู่ในสวิสเซอร์แลนด์ ให้กลิ่นอายคันทรีหน่อยๆ มีร้านสเต็ก ร้านของฝาก ร้านกาแฟให้นักท่องเที่ยวได้เลือกชมเลือกชิมตามอัธยาศัย ซึ่งถึงแม้ว่าครั้งนี้ผมจะพลาดโอกาสในการเจอทะเลหมอก แต่บอกเลยว่าไม่รู้สึกเสียดายเลยครับกับการมาเยือนเขาค้อ ภูทับเบิก แล้วเราจะพบกันใหม่ เร็วนี้ สวัสดีเขาค้อ


I AM POPEYE

 วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 21.34 น.

ความคิดเห็น