สองเดือนห้า ณ บ้านทุ่งแห่งเก้าเลี้ยว ผมยังคงนอนดิ้นพร้อมกับหมาอีก 3 ตัวในบ้าน ถ้าไม่เปิดประตูก็คงร้องหงิ๊งๆ ให้รำคาญทั้งคืนร่ำไป ผมนอนหลับๆ ตื่นๆ นอกจากตื่นเต้นแล้ว ยังตื่นเพราะหมา บางตัวกรน บางตัวเกา ทำให้คนตื่นง่ายหลับยากอย่างผม เศร้า...เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า ไปเขาร่องเรือตาหมื่น
เป็นทริปที่อดทนรอมานานมาก เพราะมีหลายเหตุการณ์ทำให้พลาดไป เหตุการณ์แรก (ว่าจะเขียนรีวิวสั้นๆเหมือนเพจอื่นแล้วลงรูปสวยๆ คูลๆ แต่ก็อดใจที่จะเป็นตัวเองไม่ได้..ถ้าคนไหนใครดูรูปก็ผ่านเรื่องราวแมลงโม้ของผมตรงนี้ไปได้เลยนา) ผมจองทริปไปคลองชมพูกับเพจหาทริปเดินป่าช่วงสงกรานต์ แต่หลังจากนั้นราว 1 อาทิตย์ก็คุณแมนผู้นำทริปก็ไลน์มาบอกว่าทริปล่มถ้าผมจำไม่ผิดเพราะน่าจะฝนตกน้ำเยอะ จึงไม่เหมาะกับการเดิน คุณแมนผู้นำเด็กหนุ่มหน้าตาดีของเราก็จัดแจงทุกอย่างอย่างรวดเร็วในทริปต่อไปทันที คือเขาร่องเรือตาหมื่น กับ เนิน 1408 แล้วก็ผ่านไปอีกน่าจะ4-5วัน คุณแมนก็รถชนพังยับแต่คนไม่เป็นอะไร ผมที่จะอาศัยรถคุณแมนไป ก็เป็นอันล้มเลิก เพราะไม่สะดวกที่จะขับรถมอไซค์ไปตามคำชวนของคุณแม่เพราะต้องไปส่งแม่ที่นครสวรรค์ก่อน ผมจึงเปลี่ยนแผนไปคนเดียว ที่เขาร่องเรือกับเนิน1408เหมือนเดิมเพียงแต่ไปคนเดียว และแล้ววันนั้นก็มาถึงวันที่ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้น ผมต้องพักรักษาตัวเพราะติดโควิด ความฝันพังทลาย น้ำตาคลอเลยวันหยุดท่องเที่ยงกลายเป็นวันทำงานอย่างไม่เต็มใจนักเพราะมันไม่มีอะไรทำ
หลังจากผ่านไป 20 วันเช้าของการเดินทางก็มาถึง มันเป็นเช้าที่ไม่มีแดดแต่อากาศเย็นสบาย เหมือนช่วงต้นฤดูหนาว ก้อนเมฆรวมตัวกันลดบังดวงอาทิตย์ แวะ4เกือบจะทุกปั้มเพราะในท้องมีแต่น้ำไม่มีของหนัก ผมขับตาม google map ที่เจ้าหน้าที่อุทยานส่งมาให้ ขับหวานเย็น 80-90 จนมาถึงจุดนัดเร็วกว่า 2 ชม.ทำให้มีเวลาทำความรู้จักกับเจ้าถิ่น 2 หน่อสุดน่ารักที่กินเสบียงกล้วยทอดของผมจนหมดเกลี้ยง ตามด้วยอาหารเม็ดที่ผมมีติดรถไว้ตลอด สำหรับเวลาเจอเจ้าถิ่นที่ชอบเห่าอาหารเม็ดที่ผมพกตลอดจึงเปรียบเสมือนค่าปิดปาก แต่ 2 ตัวที่ผมเจอวันนี้เรียบร้อยและปะเหลาะเก่งจึงได้ทั้งกล้วยทอดและอาหารเม็ดรวมถึงขนมเลย์1ห่อ แหม่กินเก่งจริงๆ หลังจากสนิทกับเจ้าถิ่นแล้วพี่เจ้าหน้าที่หรือชาวบ้านที่จะพาขึ้นไปก็มาพอดี ชื่อพี่ดอนผู้บุกเบิกเขาแห่งนี้ หน้าตาเขาดูชุ่มเย็น และอารมณ์ดี ส่วนพี่อีกคนชื่อพี่เบ้ารั้งท้าย (รั้งท้ายเพื่อดูแลนักท่องเที่ยวอย่างผม) ผมยกมือไหว้พี่ทั้งสอง พี่ดอนทักทายว่า “วันนี้เหมาเขานะ”
ใช่ครับเพราะวันนี้มีผมคนเดียว..
จ้ำอ้าวไปสักพักก็ถึงจุดไฮไลท์แรกที่มีหินงอกหินย้อยพี่ดอนเล่าให้ฟังว่าหินย้อยจะย้อยตามแรงโน้มถ่วงของโลก แต่หินงอกหินย้อยที่พี่ดอนชี้ให้เราดูจะมีบางอันที่วิ่งย้อยไปหาแสง เป็นความสวยงามที่มีสตอรี่ถ้าลึกกว่านี้คงต้องถามผู้รู้..
เดินไปถึงจุดพักอีกจุดพี่ดอนก็ชี้ให้ดูที่ต้นไม้ต้นหนึ่งที่ล้มอยู่ ชื่อว่า “ใจสู้” ที่มีหลุมรูปหัวใจอยู่ข้างต้น เพราะแม้ว่าจะล้มไปแล้วต้นก็ยังไม่ตาย ผาหินโอบกอดเขาไว้ รากบางส่วนยังคงทำงาน..และเขาก็มีชีวิตต่อไป
เดินมาถึงครึ่งทางแต่แปลกที่ผมยังไม่รู้สึกเหนื่อย ทั้งที่เหงื่อท่วมจนชุ่มแต่ก็อบอ้าวถึงแม้จะไม่มีแดด ชึ๊บๆ!! เสียงของกล้องยังคงทำงานเป็นระยะ ยังไม่ถึงด้านบนผมก็ได้รูปเกือบครึ่งร้อย ไม่ใช่ว่าผมทุ่มเทหรืออัดอั้น แต่เพราะพี่ดอนไม่อยากให้พลาดอะไรเลยต่างหากและผมก็โชคดีมากที่เจอพี่ดอน
พี่ดอนและพี่เบ้ายังคงทำหน้าที่ของตัวเองทั้งเจ้าหน้าที่ที่ดูแล และเจ้าบ้านที่ดี จุดถ่ายรูปทุกจุดพี่ดอนพาไปทั้งสิ้น แกคอยบอกตลอดว่าถ่ายตรงไหนสวย เดี๋ยวพี่พาไปตรงนี้เดี๋ยวพี่พาไปตรงนั้น และคนชอบถ่ายอย่างผมรวมถึงร่างกายก็ไม่ปฏิเสธ แม้จะทำในสิ่งที่ผมกลัวนั่นคือความสูง เพราะทุกครั้งที่กำลังกลัวพี่ดอนก็มักเรียกเสมอ “มาตรงนี้มาได้” ความกลัวที่ก่อตัวขึ้นจึงพังทลายลงทุกครั้งที่แกเรียก
ณ จุดที่เราอยู่พี่ดอนชี้ไปโซนหมูกระทะที่นอนของผมคืนนี้ แว๊บแรกที่เห็นผมตอบตัวเองได้เลยมันไปยังไงหว่า ขณะครุ่นคิดพี่ดอนก็เรียกอีกแล้ว “มาทางนี้เราจะไปประตูเมืองลับ” ในหัวก็คิดอยู่แต่ขาและมือก็เดินและปีนป่ายไปตามเสียงเรียก จนถึงประตูเมือง วันนี้ผมน่าจะลืมพกความเหนื่อยมา ไม่นานนักเราก็มาโผล่โซนหมูกระทะ แม้จะลืมพกความเหนื่อยมาแต่ความหิวแจ้งเตือนตลอด ก่อนกินข้าวพี่ดอนพาเราไปเช็คห้องน้ำห้องท่ากันสักหน่อย น่าจะเป็นห้องน้ำที่วิวสวยอีกแห่งหนึ่งของประเทศเลย คุณจะได้อึท่ามกลางหุบเขาหินปูน ที่มีลมอ่อนๆพัดเบาๆ พร้อมกับเสียงนกร้องรอบๆตัว สร้างอารมณ์สุนทรีย์ในการ...
ผมว่าผมไปทานข้าวก่อนดีกว่า
ความหิวส่งสัญญาณเตือนและกลิ่นน้ำพริกคือผู้พิพากษา ผมจะกล่าวเกินจริงไปไหมถ้าผมบอกว่าอาหารที่อยู่ในรูปโคตรอร่อยเลย หมูทอด หมูยอ ไข่ต้ม และน้ำพริกป่าที่ถือว่าเป็นทีเด็ดเลย พี่ดอนเล่าว่าน้ำพริกป่าเนี่ยเวลาพรานเข้าป่า ภรรยาจะทำน้ำพริกนี้ให้พกติดตัวไว้ สามีจะมีหม้อสนามพกติดตัวไว้เพื่อใส่น้ำใส่ผักใส่เนื้อสัตว์ แล้วก็ใส่น้ำพริกป่าเข้าไปมันจะคล้ายเครื่องปรุงต้มยำซึ่งมันทำง่ายแล้วก็อร่อยด้วย หลังจากพี่ดอนเล่าเสร็จอาหารตรงหน้าก็อันตทานหายไป นั่นเป็นเหตุผลที่ผมสั่งพี่ดอนอีก 3 ปุกเอาไว้เอามาทานที่บ้าน (3ปุกร้อย)
ผมกางเต้นท์โดยมีเบ้าเป็นคนทำทั้งหมด จะว่าไปผมแทบจะไม่ได้กางเองด้วยซ้ำ ฟ้าเริ่มมืดผมถือน้ำ 2 ขวดไปล้างหัวล้างตัว พอสดชื่นก็มุดเข้าเต้นท์ไม่นานก็มีเสียงเรียกจากพี่ดอน(อีกแล้ว) “พระอาทิตย์มาแล้ว” ผมโผล่หัวออกไปพร้อมเอามือคว้ากล้อง ผมคุยกับพี่ดอนว่าวันนี้คิดว่าจะไม่ได้เห็นซะแล้ว แม้มันจะริบหรี่ก็ตามแต่ผมก็ยินดีรับไว้ ผมถ่ายไว้ 1 ภาพ แม้มันจะมาช้าและไม่ได้สาดส่องภูเขาหินปูนให้ผมได้ถ่ายอย่างเต็มใจ แต่ผมก็ชอบบรรยากาศตอนนี้ ผมมองพระอาทิตย์ยามโพล้เพล้ที่กำลังจะไปให้แสงสว่างในอีกซีกโลกและอัดวิดีโอไว้ เลยใช้เวลาระหว่างรอนั่งคุยกับพี่ดอน...
ทำไมถึงเลือกที่จะมาทำตรงนี้
พี่ดอน : ผมอยากให้พรานที่ล่าสัตว์เข้ามาเป็นคนของอุทยานคือ 1 ปีหรือ 1 ซีซั่นเขาจะเอานายพรานมาอบรมหนึ่งเพื่อจะได้เข้ามาอนุรักษ์สัตว์ ต้นไม้ เพื่อให้เขาได้ซึมซับว่าของพวกนี้มันเป็นของหายากแล้วอีกอย่างหนึ่งผมไม่อยากให้เจ้าหน้าที่ทะเลาะกับกลุ่มนายพรานเพราะกลุ่มนายพรานเขาก็ต้องหาเลี้ยงชีพแล้วเจ้าหน้าที่เขาก็ต้องทำงานเขาไม่จับเขาก็ละเลยต่อหน้าที่ ผมก็เลยมาคิดว่าทำไมเราไม่เอาผืนป่าหรือที่ตรงนี้ทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้วให้คนกลุ่มนี้มาใช้พื้นที่ตรงนี้
ผม : ถ้านายพรานเยอะมากกว่าจะหมุนเวียนหรือถึงคิว หลังจากนั้นเขาจะทำอะไรหรอครับถ้าต้องไม่เข้าป่าแล้ว
พี่ดอน : ก็ยังสามารถทำการเกษตรได้ อย่างเช่นที่กลุ่มบ้านมุงก็จะมีทำมะม่วง พอฝนตกปุ๊ปหลังหลังจากเก็บเกี่ยวเขาก็ต้องตัดแต่งกิ่ง เขาก็จะได้ไปตัดแต่งกิ่งมะม่วงบ้าง หว่านข้าวบ้าง ปลูกข้าวโพด เพราะว่าฤดูฝนมันเริ่มมาแล้ว
ผม : ก็คือการันตีได้ว่าอยู่ได้โดยไม่ต้องเข้าไปล่าสัตว์ใช่ไหมครับ
พี่ดอน : ถูกต้อง..ดีกว่าแน่นอน เพราะว่าเขาจะไปล่าสัตว์หนึ่งเขาก็ต้องไปหาซื้อลูกปืนที่เขาจะต้องเอาไปล่าสัตว์ ซึ่งมันก็ผิดกฎหมายอยู่แล้ว แต่เขาเข้ามาในชุมชม เข้ามาเป็นไกด์ปีนเขาเนี่ยไม่ต้องเตรียมอะไรเลย เตรียมแค่สัมภาระเตรียมแค่แรงเขาที่จะพาเราเดินขึ้นมาท่องเที่ยว มีการอบรมการรักษาพยาบาลเบื้องต้น ก็อะไรประมาณนี้พอเขาอยู่ปีสองปีแรกผมว่าเขาน่าจะมีจิตใจที่อนุรักษ์มากขึ้น คือผมบุกเบิกมาตรงนี้คืออยากให้ชุมชนมีอาชีพตรงนี้เป็นอาชีพเสริม แล้วก็เป็นหน้าเป้นตาให้กับหมู่บ้าน อำเภอ และจังหวัดด้วย แล้วตรงนี้ยังติดอันซีนด้วย ถ้ามีผู้ใหญ่สนับสนุน แล้วมีการจัดการที่ดี มันก็คงดีครับ เพียงแต่ว่ายังไม่มีใครเข้ามาอย่างจริงจัง
พี่ดอนชี้ไปยังเขาอีกลูกทางบ้านมุงเหนือก็มีเขากังหันลมซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเหมือนกันเพียงแต่ว่ายังค้างคืนไม่ได้ ผมนัดกับพี่ดอนไว้แบบหลวมๆ ซึ่งถ้ามีโอกาสผมคงมีอีกครั้งแน่นอน กลับมาที่เขาร่องเรือตาหมื่นสำหรับผมมีการจัดการที่ดี เพราะมีคนคอยขึ้นมาเก็บขยะและของเสียจากร่างกายเราต่างหากโดยมาเก็บทุกวัน จะไม่มีการทิ้งอะไรไว้ด้านบนเลยแม่แต่น้ำปัสสาวะ ซึ่งก็เป็นรายได้อีกทางของชาวบ้าน และพี่ดอนก็ได้เลือกเส้นทางที่ขีดเอง ไม่ใช่เส้นทางที่คนอื่นขีดไว้ให้ ผมมองไปยังหมู่บ้านตรงหน้า มีฉากหลังเป็นเขากังหันลม ฟ้าค่อยๆมืดเหมือนคงย่องเบา เราต่างแยกย้าย เอนกายนอนในพื้นที่ของตนเอง
ผมสะดุ้งตื่นตอน 6 โมงเช้าเพราะได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง โผล่หน้าออกมามองก็เห็นพี่ดอนกำลังต้มน้ำ พร้อมถามผมว่า เอากาแฟหรือมาม่าก่อน ผมเลือกมาม่า แต่ทานไปได้ไม่กี่คำเพราะยังเช้าอยู่ พี่ดอนต้มน้ำต่อแล้วชงกาแฟให้กินต่อทันที บรรยากาศตอนเช้า อากาศปลอดโปรงสบายตา มันเป็นภาพที่หาไม่ได้จากในเมืองแน่นอน เราจึงมองมันจนลืมกระพริบตา แสงอาทิตย์ทาบางๆอยู่ขอบฟ้า มีนกบินผ่านไปเหมือนรูปวาดตอนเด็กที่เราชอบวาดนกเกาะเป็นกลุ่มด้วยการขีดโค้ง 2 ครั้ง อากาศหนาวกำลังดี และทุกสิ่งทุกอย่างคงต้องสัมผัสเองมากกว่ามองภาพภาพใดภาพนึ่ง ถึงตรงนี้ต่อให้จินตนาการก็คงไม่คล้ายก็คงนึกไม่ออกอยู่ดี
วันนี้แดดทำหน้าที่ได้ตามปกติ หรืออาจจะตั้งใจทำงานมากกว่าเดิมด้วยซ้ำในหน้าร้อน ผมเก็บเต้นท์และเตรียมตัวลง แต่พี่ดอนยังคงทำหน้าที่ได้ดีกว่าแดดที่ผมกล่าวถึง “เดี๋ยวพี่จะพาขึ้นไปข้างบนวิวสวยแต่เสียวหน่อย” ผมตอบรับอย่างไม่ขัด จุดที่ผมขึ้นไปสูงและเสียวจริงๆ ปีนป่ายกระท่อนกระแท่นราวกับลูกลิงเพิ่งเกิดต่างกับพี่ดอนและพี่เบ้าที่เหมือนกอลิล่าในป่าใหญ่เหมือนช้าแต่ทว่าคล่องแคล่ว
พี่ดอนชี้ให้ดูว่าทำไมถึงเรียกว่าโซนหน่อแรด พร้อมปล่อยมุกว่าที่นี่ยังมีมังกรและเต่า ผมถ่ายรูปตามที่นิ้วของพี่ดอนชี้ไป
เราลงจากเขาอย่างปลอดภัย และความเหนื่อยล้าเพิ่งเดินทางมาถึง ขาผมอ่อนแรง แต่เหลืออีก 1 กิจกรรมที่ผมก็ไม่ค่อยชอบนักแต่อยากลองซักครั้งนั่นคือถ้ำ ซึ่งถ่ายเป็นคลิปวิดีโอไว้ >>
มองดูรอยแผลเล็กน้อยจากหินที่บาด ยิ้มอย่างมีความสุข ทริปนี้อาจจะจบแล้ว แต่ผมยังคงนึกถึงความสุขในครั้งนั้น เสียงลมกระซิบร่ำลา ผมขับรถออกมาอย่างช้าๆ
การเดินทางไปในที่ที่ไม่รู้จักไปเรื่อยๆ เหนื่อยเราพัก โยนภาระทุกอย่างทิ้งลง จดจ่อแค่การเดินทางพบเจอผู้คน พบเจอขอบฟ้าสุดเส้นของถนน พบเจอความจริง เปลี่ยนแปลงวิถีคุ้นชินของตนเองและรับวิถีใหม่ๆ เป็นเส้นทางแห่งความพึงพอใจเฉพาะตนเองโดยแท้
พิกัด : เขาล่องเรือตาหมื่น แมพจะไม่ถึงนะครับ ขับไปให้สุดทางไม่เกิน 300 เมตรครับ
เบอร์โทร : 0815528595 พี่ดอน
แผนที่ : https://shorturl.asia/f9jhc
ROAD MOVIE
วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 18.23 น.