ANNAPURNA CIRCUIT - POON HILL 2022

    การเทรคที่เนปาลครั้งแรกกับเส้นทางสุดคลาสสิกอันนาปุรณะเซอร์กิต หนึ่งในสิบเส้นทางที่สวยที่สุด Annapurna Circuit ยังได้รับความนิยมสูงสุดจากบรรดาฮิปปี้ในยุค 70s ตลอดเส้นทางนี้จะได้เห็นวิถีชีวิตและธรรมชาติ ซึ่งทอดยาวล้อมเทือกเขาอันนาปุรณะเป็นรูปเกือกม้าระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร ระยะทางกับความสูงที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับแรงขาที่ลดลงเรื่อยๆ การได้ไปเยือนในจุดสูงสุดของเส้นนี้คือรางวัลปลอมใจของเรา เสน่ห์ของเส้นทางรอบอันนาปุรณะคือทิวทัศน์ที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป จากพื้นราบที่รายล้อมด้วยป่าเขียวขจี ลัดเลาะเข้าป่าลึกไปจนถึงหมู่บ้านในหุบเขาที่มีฉากหลังเป็นภูเขาหิมะนับไม่ถ้วน ได้เห็นวิถีชุมชนอย่างใกล้ชิด จุดที่สูงที่สุดของเส้นนี้อยู่ที่ความสูง 5,416 เมตร จากระดับน้ำทะเล 

    ทริปครั้งนี้เดินตัดเข้า Tilicho Lake ตั้งอยู่ที่ความสูง 4,949 เมตรจากระดับน้ำทะเลเป็นทะเลสาบที่สูงที่สุด และปิดท้ายทริปกันด้วยเดินเข้า Poonhill 

แผนการเดินทางทั้งหมด เส้น Annapurna Circuit เดินเส้นสีเหลือง

ส่วนเส้น ABC จะเดินเส้นสีส้ม

ช่วงเวลาเดินทาง 22 พ.ค. - 9 เม.ย. 2565

DAY 1 : เดินทาง กรุงเทพฯ - กาฐมาณฑุ 

DAY 2 : Thamel 

DAY 3 : Tal Village 1700 m.

DAY 4 : Chame 2670 m.

DAY 5 : Lower Pisang 3200 m.

DAY 6 : Ngawal 3660 m.

DAY 7 : Manang 3540 m.

DAY 8 : Seeri Kharka 4050 m.

DAY 9 : tilicho Base Camp 4150 m.

DAY 10 : tilicho Lake 4919 m. - tilicho Base Camp 4150

DAY 11 : Seeri Kharka 4050 m.

DAY 12 : Yak Kharka 4018 m.

DAY 13 : High Camp 4925 m.

DAY 14 : Muktinath 3760 m.- Thoroung la pass 5416 m.

DAY 15 : Ghorepani 2880 m. - Phoo hill 3139 m.

DAY 16 : Pokhara 820 m.

DAY 17 : กาฐมาณฑุ

DAY 18 : กลับ กาฐมาณฑุ - กรุงเทพฯ

โดยรูทนี้เราจะเดินแบบทวนเข็มนาฬิกา เนื่องจากลดการเกิดโรค แพ้ความสูง เราจะค่อยๆไต่ระดับความสูงขึ้นไป จนถึงจุดสูงสุดของเส้นทางนี้ คือ Thoroung la pass ที่ความสูง 5416 m. 


สมาชิค ทริปนี้ทั้งหมด 6 คน หน้าเดิมๆในสถานที่ใหม่ เนปาล (ครั้งแรกของพวกเรา)

DAY 1 : 22.04.56 เดินทาง กรุงเทพฯ - กาฐมาณฑุ

อาหารมื้อแรกบนเครื่อง คือ ดาบัด ถือเป็นการวอมท้องด้วยอาหารเนปาลได้ดี

   ก้าวแรกในเนปาล ถึงเนปาลช่วงทุ่มกว่าๆ รอไกด์ จาก บ. Heaven on Nepal ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดนพี่บิ้น พาพวกเราทั้งหกคนไปส่งที่โรงแรม Ramada Encore By Wyndham Kathmandu Thamel ในกาฐมาณฑุ เป็นโรงแรม 3ดาว ซึ่งสะดวกสบายมากๆ

คืนแรก พวกเรายังไม่มีเงินและซิมมือถือ ไปถึงร้านค้าเริ่มจะปิดกันหมดแล้ว พี่บิ้นพาทุกคนไปหาขนมและน้ำกินกัน

ร้านค้าในย่านทาเมล สำหรับมื้อแรกก็ไม่ได้แย่นะ วันนี้คงยังไม่ได้ไปไหนไกลกินเสร็จก็เดินถ่ายรูปเล่นสักพักแล้วแยกย้ายกันไปนอน

DAY 2 : 23.04.56 Thamel วันแห่งการ Shopping วันนี้แต่เช้าลงมาก็เริ่มพรีฟการเดินทางทั้งหมดแนะนำไกด์ และ สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในการเทรคครั้งนี้

*ควรกินน้ำเยอะๆ - ใส่เสื้อผ้าให้อุ่นอยู่ตลอดเวลา - ถึงที่พักแล้วควรเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อุ่น - ห้ามนอนกลางวัน

กินอาหารให้ครบ ไม่แนะนำอาหารพวกเส้นๆจะทำให้ไม่ค่อยมีแรง - แนะนำยาต่างๆ

จากนั้นเริ่มเดินไปแลกเงินซื้อซิมและซื้อใช้ต่างๆของที่ยังขาด

การซื้อซิมของที่นี่ต้องใช้พาสปอร์ตและถ่ายรูปด้วย

แบงค์ลายภูเขาน่ารักอ่ะ

ร้านขายยาแวะซื้อยา Diamox กินยาแก้แพ้ความสูง มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ สามารถลดความดันตา 

ทำไมต้องกิน? กินทำไม? เวลาขึ้นที่สูงมากๆ ร่างการปรับตัวไม่ทัน จะทำให้เราเกินอาการแพ้ความสูง หรือ Acute Mountain Sickness : AMS

     อาการแพ้ที่สูงเกิดจากการที่ร่างกายไม่คุ้นเคย และปรับตัวไม่ทัน เนื่องจากขึ่นไปอยู่ในพื้นที่สูงมีออกซิเจนในบรรยากาศต่ำ ซึ่งกลไกอย่างหนึ่งของร่างกายในการช่วยเพิ่มออกซิเจนคือ การหายใจให้เร็วขึ้น ทำให้ได้ออกซิเจนมากขึ้น การกินยา diamox จะทำให้ร่างกายหายใจเร็วขึ้น จากหลายกลไก ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นการหายใจโดยตรง และการทำให้เลือดมีภาวะเป็นกรดมากขึ้น ร่างกายจะได้หายใจเร็วขึ้นเพื่อขับกรดออกไป

ราคา 1 แผง 150 รูปีเนปาล 1 แผงมี 10 เม็ด จัดไปเลย 2 แผงฮะ

บรรยากาศรอบๆ เหมือนถนนข้าวสารในไทย บางซอยคล้ายถนนคนเดินที่พัทยา

มื้อเที่ยงนี้พี่บิ้นพาไปเลี้ยงอาหารญี่ปุ่น อาหารญี่ปุ่นในเนปาล

น้องที่เห่ามาจากชั้นสามของตึกระแวกนี้ เสียงดีไม่ไหวนะคะ

มื้อเย็น นัดเพื่อนเต้มากินข้าวด้วยกัน นางมาเดินเส้น EBC 3 passes : 3 B.C. + 3ri + 3 lakeมาล่วงหน้าแล้ว 1เดือน โหดมากมากันเอง 2 คนไม่จ้างไกด์และลูกหาบ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้กัน

DAY 3 : (24.04.56) Tal Village 1700 m. เดินทางโดยรถจิ๊ป

มื้อเช้าฝากท้องที่โรงแรม แล้วออกเดินทางกันตั้งแต่ 7 โมงเช้าเลย

แวะกินข้าวมื้อเที่ยงระหว่างทาง

และแวะเติมน้ำมัน ระยะทางวันนี้ ประมาณ 215 กิโลเมตร ทางไม่ดีตลอดเส้นทางขึ้นเขาลงเขาตลอด

คืนนี้เราจะนอนที่ Tal Village หมู่บ้านนี้โคตรน่ารักมากๆๆๆๆๆๆ ตั้งอยู่ในหุบเขาลึกลงไป บ้านติดริมน้ำด้านหลังภูเขาในภาพมีน้ำตกด้วย เหมือนเมืองในฝันเลย ช่วงเย็นอากาศ คือ หนาว

ที่พัก  Peaceful Guest House มีไวไฟ 

ช่วงเย็นๆ ออกมาเดินเล่นกันรอบๆหมู่บ้าน

และมื้อเย็นของพวกเรา

บรรยากาศภายในที่พัก มีไฟ 1 หลอดถ้วน ห้องน้ำเป็นแบบรวม

แนะนำสำหรับคนที่มาควรพกเชือกเส้นเล็ก ยาวสัก 5-6 เมตรมาด้วยจะดีมาก ตากผ้า และซักผ้าตากภายในห้องได้สบายเลย และนี่คือ ตย.ของการซักผ้าตั้งแต่วันที่หนึ่ง 55555

DAY 4 : (25.04.56) Chame 2670 m.

วันนี้ยังคงนั่งรถจิ๊ปต่อไปยังหมู่บ้าน Chame ทางไม่ดีเหมือนเดิมจ้า Dance Jeep กันต่อไป ^ ^

แสงเช้าคืออีกอารมณ์เลยอ่า หลงรักไม่ไหว

วิวภูเขาหิมะแรกของพวกเรา สวย

ทุกหมู่บ้านที่ผ่านจะต้องแวะเช็คชื่อตลอด จะมีป้อมตำรวจแบบนี้ เช็คทุกคน รถทุกคัน ว่าคุณมาจากไหน กำลังจะไปไหน

และแล้วก็ถึง Chame สักทีโอ้ยเมื่อยมาก กอไก่ล้านตัวเลย แต่วิวหน้าที่พักแบบแจ่มมาก

มีน้องหมาที่น่ารักออกมาต้อนรับอย่างเป็นมิตร

มื้อเที่ยงของเรา ก็จะแนวเดิมๆ ข้าวผัด ไข่เจียวชีส พาสต้าชีส โมโม่

ช่วงบ่ายๆก็ออกเดินเล่นรอบๆหมู่บ้าน 

ตกกลางคืนอากาศหนาวมากกกกกกก 5 องศา คืนนี้

DAY 5 : (26.04.56) เดินจาก Chame ไป  Pisang 3200 m. 

ระยะทาง 16 กิโลเมตร 

เดินทั้งหมด 6ชม.รวมกินข้าว

เดินเท้าวันแรก สวัสดีเช้าวันอังคารที่สดใส

เช้านี้แดดดีมากจ้า อากาศตอนเช้า 12 องศา

คาเฟ่ระหว่างทาง มีแอปเปิ้ลขายด้วย ตกลูกละ 10 รูปีเนปาล หรือ 3 บาท (เป็นแอปเปิ้ลลูกเล็กๆนะ) แนะนำให้ซื้อติดเป้ไว้เลยน้ำตาลจากผลไม้ช่วยได้เยอะมาก

หลังจากเดินถนนมาสักพักใหญ่ๆ จะเดินข้ามสะพานนี้แล้วตัดขึ้นเขา ขึ้นรัวๆเลยจ้า เป็นป่าสนสวยดี

ได้เวลาพักแล้วตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงครึ่ง ถือว่าเดินช้ามากๆ

ช่วงก่อนถึงร้านอาหารคือลมแรงมากๆ เดินๆอยู่ปลิวได้เลย

วันนี้ช้าๆ กินมื้อกลางวันไม่ค่อนลงเลย 

ช่วงหลังกินข้าวเสร็จฟ้าเริ่มครึ้มๆ และแล้วฝนก็ตกจ้า 

พอฝนตกอากาศจะหนาวเป็นสองเท่า สักพักเริ่มเป็นลูกเห็บเล็กๆ โอ้วโหวเท่านั้นแหละบรรลัยเลย หนทางยังอีกไกลด้วย 

ตอนนี้ฝนก็ยังไม่หยุดบวกกับลูกเห็บเล็กๆ ทำให้เพลนที่เตรียมไว้ว่าจะเดินไปนอนที่ Upper Pisang ซึ่งไปทางขวามือ ต้องเปลี่ยนเป็นไปนอน Lower Pisang แทน

และแล้วก็ถึงที่พักร่างแหกมากกกกกกก กับวันแรกเดิน 16 กิโล ถึง 4 โมงครึ่ง

ช่วงตอนเย็นอากาศหนาวมากกกกกก ตอนนี้ 3 องศา กลางคืน -2 องศา 

ตอนหนึ่งทุ่มนั่งผิงไฟในห้องยังมีนักท่องเที่ยวที่พึ่งมาถึงด้วยโอ้วแบบ ฝนก็ยังตกไม่หยุดนะ มาถึงมืดเลย

วันนี้หลังกินข้าวเสร็จต่างคนต่างแยกย้ายกันไปนอนเลยเข้านอนตอน 2 ทุ่ม

DAY 6 : (27.04.56) เดินไป Ngawal 3660 m. ระยะทาง 10 กิโลเมตร (แบบเขาหลวงสุโขทัย) ชันมาก

วันนี้ออกเดิน 7.20 น. หมู่บ้านด้านบนคือ Upper Pisang แต่เราคิดว่าดีแล้วที่เมื่อคืนนอนที่ Lower Pisang แทนเพราะเมื่อมองย้อนกกลับไปมันสวยมาก ฉากหลังที่เป็นภูเขาน้ำแข็งแล้วมีหมู่บ้านอยู่ตรงตีนเขา มองจากตรงนี้มันสวยมากจริงๆ

หลังจากที่ข้ามสะพานนี้ไปหายนะก็บังเกิด ท่านจะพบกับความชัน ชัน และชันเดินเป็นรูปตัว Z ขึ้นเขาไปเรื่อยๆโหดอยู่นะที่ความสูงระดับสามพันอ่า หอบตลอดทาง เดิน 5-10 ก้าวก็พัก

เมื่อมองกลับไปที่สะพานเมื่อกี้

เดินดันขึ้นมาเรื่องเริ่มร้อนต้องถอดเสื้อกันลมออก การเดินเทรคที่เนปาล ไม่ควรขี้เกียจถอดเสื้อใส่เสื้อนะ เพราะอากาศจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การปล่อยให้ตัวเองเย็นจะทำให้เราป่วยได้

ตอนแรกคิดว่าถึงที่พักกินข้าวเที่ยง โอ้วที่ไหนได้แค่จุดพัก 

แวะซื้อแอปเปิ้ลอีกแล้วตรงนี้ลูกละ 100 รูปี

เดินขึ้นเนินไปอีกพักนึงก็แวะกินข้าวกลางวัน

ร้านไม่มีที่นั่งด้านในนะคะ ต้องนั่งตากกแดดกินข้าวเมื้อเที่ยงกัน - -

ดีนะที่พกร่มมา

กินข้าวเสร็จก็เดินต่อจ้า...

ที่พักอยู่ข้างหน้าแล้ว เย้

ช่วงเข้าหมู่บ้านจากซุ้มประตูเข้ามาคือลมแรงมากกกกกก

คืนนี้นอนที่นี่

ภายในที่พัก มีห้องน้ำในตัว

ปลั๊กไฟที่มีรู แต่เสียบใช้งานไม่ได้  - -

คืนนี้อากาศ 4 องศา

คืนนี้ออกไปถ่ายทางช้างเผือกตอนประมาณตีสามครึ่ง หมู่บ้านนี้ไม่มีแสงรบกวนหันไปทาง 

เขา Annapurna

DAY 7 : (28.04.56)  วันนี้เดินไป Manang 3540 m. ระยะทาง 9กิโลเมตร ลงเนินอย่างเดียวจ้าขอบคุณที่วันนี้ไม่เหนื่อยจนเกินไป 

วิวรอบๆ หมู่บ้านเช้านี้ออกเดิน 8.00 น.

ไป Manang แยกขวา

คืนนี้พักที่ Himarayan Singi ความสูง 3540 เมตร

วันนี้เดินยิงยาวมากินข้าวเที่ยงที่ Manang เลยเนื่องจากวันนี้ลงเนินรัวๆ เดินง่าย ถึงที่พักตอน 11.50 น.

อากาศตอนนี้ 7 องศา

หลังจากกินข้าวเก็บของเรียบร้อยแล้วก็ออกมาเดินเล่นรอบๆหมู่บ้าน หมู่บ้าน Manang ค่อนข้างใหญ่ประมาณนึงเลย เนื่องจากจุดนี้จะมีรถถึงเป็นจุดสุดท้ายความเจริญเข้ามาเป็นที่สุดท้าย

ร้านชำนี้มีทุกกอย่างและราคาไม่แพงด้วยถ้าเทียบกับหมู่บ้านที่ผ่านมา ร้านนี้อยู่ตรงข้ามกับโรงแรมเลย น้ำเปล่าราคาอยู่ที่ 50 รูปีเนปาล หรือ ประมาณขวดละ 14 บ. (ขวด1ลิตร)

ช่วงแสงเย็น

ตอนนี้อยู่เนปาลมา 7 วันแล้ว กิจวัตรประจำวัน คือ 

เข้านอน 2 ทุ่ม ตื่น5 หรือ 6 บ้าง 

ออกเดินแต่เช้า กินข้าวครบสามมื้อแบบตรงเวลาทุกวัน

กินยาไดม๊อคหลังอาหารเช้าและเย็น

จนตอนนี้เริ่มชินกับระบบนี้ไปแล้ว 

      เย็นนี้หลังอาหารมื้อเย็นเรามาประชุมแผนการเดินของเราใหม่อีกครั้ง เนื่องจากตอนนี้เราเดินช้ากว่าที่คิดไว้ ทำให้ต้องมาวางแผนกันใหม่หลังจากนี้ไป จะเริ่มโหดกว่าที่ผ่านมา ความสูงบวกกับระยะทาง ไม่งั้นฉันไม่รอดแน่ๆ - -

สรุปเรายังเดินในรูทเดิมแต่ซอยวันให้เพิ่มขึ้นในวันที่ต้องขึ้น Tilicho Lake 

จบไปสำหรับคืนนี้แยกย้ายกันไปนอนแล้วคืนนี้ออกมาถ่ายดาวกัน ตอนตี2 ครึ่ง

DAY 8 : (29.04..56) เดินไป Seeri Kharka 4050 m. ระยะทาง 8.8 กิโลเมตร

เริ่มเดิน 8.15 - 14.51 น. เช้านี้อากาศดี

เมื่อความสูงเริ่มมากขึ้นอากาศเริ่มเบาบางลง การหายใจเริ่มยาก เหนื่อยมากขึ้น ความอ่อนล้าเริ่มสะสม การเดินแค่ 8 กิโลดูเหมือนเป็นเรื่องยากขึ้นมาทันที

การเดินข้ามสะพานเหล็กมันดูเท่ดี แต่มันเหนื่อยมากกว่าเดินพื้นปกติมากๆเนื่องจากการแกว่งของสะพานและเป็นช่องลมทำให้ช่วงการข้ามสะพานนั้นจะมีลมที่แรงมากๆ หนาวมากๆ

พักกินข้าวเที่ยงกันก่อนที่หมู่บ้าน Marshyangdi ตอนนี้อากาศ 8 องศา

จะบอกว่าจุดนี้คือจุดที่มีไวไฟแรงที่สุดตั้งแต่เดินมาเส้นทางนี้ แรงแบบสามารถวิดิโอคอลได้แบบไม่มีสะดุดเลย

มื้อเที่ยงนี้เป็นดาบัด สิ่งที่อร่อยที่สุดคือแผ่นแป้งกรอบๆที่ให้แค่ 2 แผ่น แล้วก็มี ผักดอง/ผัดผักแล้วแต่ร้าน แกงไก่ และซุปถั่วกับข้าวสามารถเติมได้แบบไม่อั้น

หลังมื้อเที่ยงต้องเดินต่ออีก 2 ชม. ฝนลงเม็ดเล็กน้อย

ถึงที่พักแล้ว ชื่อที่พัก Hotel Tilicho Peak and Restaurant ที่ความสูง 4076 เมตร

ที่นี่ไม่มีไวไฟ มีห้องน้ำในตัว ภายในห้องพักไม่มีปลั๊กไฟให้ชาร์จแบต แต่สามารถลงมาชาร์จไฟในส่วนกลางได้ที่ห้องอาหาร ตอนนี้เริ่มเก็บค่าอาบน้ำแล้ว มีน้ำอุ่นถ้าจะอาบ 100 รูปีเนปาล หรือประมาณ 28 บาท 

มองลงมาจะมีวัดอยู่ด้านล่างของหมู่บ้าน

บรรยากาศภายในห้องอาหาร

ตอนนี้ฝนตกแรงมากๆ ทุกๆวันช่วงบ่ายๆ จะอากาศไม่ค่อยดีนักฟ้าปิดฝนตกตลอดเลย

เรื่องอาหารเริ่มคุ้นเคยแล้ว....กินหมดจานทุกมื้อ 5555+

วันนี้ไม่มีอะไร ฝนตกเลยไม่ได้ออกไปเดินเล่นรอบหมู่บ้านเลย มีหิมะตกเล็กน้อย

ช่วงกลางคืนก็ออกมาถ่ายดาวแถวๆหมู่บ้าน

DAY 9 : (30.04.56) วันนี้เดินไป tilicho Base Camp 4150 m. ระยะทาง 6 กิโลเมตร (ยิ่งสูงยิ่งเดินได้น้อยลง) 

เช้านี้ลมแรง อากาศหนาว ในขณะที่ฉันใส่เสื้อ 3 ชั้น เจ้าของ Hotel ใส่เสื้อฮาวาย - -!

ห้องน้ำระหว่างทางที่ความสูง 4พันจ้า

วิวหน้าห้องน้ำ

เห็นหมู่บ้านแล้วขอซูมไปดูใกล้ๆหน่อย

เย้ๆๆๆ ถึงที่พักคืนนี้แล้ว นี่คือบรรยากาศบ่ายโมง หิวมากกินมื้อเที่ยงที่พักเลย

Hotel New Tilicho Base Camp & Restaurant ที่นี่จะไม่มีไวไฟ ไม่มีที่ชาร์จไฟส่วนกลาง 

ราคาอาหารเริ่มแพงขึ้นเรื่อยๆ น้ำเปล่าตอนนี้ ขวดละ 175 รูปีเนปาล หรือประมาณขวดละ 50 บาท

สิ่งที่จะคลายเหงาพวกเราได้ในวันที่ไม่มีไวไฟก็คือ Avalon บอร์ดเกม เล่นแทบทุกกวันก่อนนอน บางทีก็เล่นตอนที่ฝนตกหิมะตกออกไปไหนไม่ได้

คืนนี้ทุกคนต่างแยกย้ายกันเร็วกว่าปกติ เพราะพรุ่งนี้เราต้องเดินขึ้นเลคตอนตี 3

DAY 10 : (01.05.56) เดินขึ้น tilicho Lake แล้วลงมานอน tilicho base Camp

เวลา 3.00น.

เริ่มเดินแล้วอากาศหนาวมากๆ

ทางคือเดินขึ้นอย่างเดียวเดินขึ้นไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ ไปกลับทั้งหมด 6 กิโลเมตร แต่เชื่อไหมว่าใช้เวลาไปถึง 4 ชม.

และแล้วก็เกิดอากาศปลายนิ้วชา เริ่มไม่รู้สึก เราใส่ถุงมือสองชั้นนะ แต่ตอนนี้คือหนาวมากๆ ช่วงลำตัวไม่เท่าไหร่แต่ที่ปลายนิ้วคือแข็งไปหมดทำให้ทรุดลงกับพื้นมันหนาวจนเดินต่อไม่ไหวเลยจริงๆ ตอนนั้นดันขึ้นไปจนจะถึงจุดพักกลางทางแล้วตรงนั้นจะมีห้องน้ำอีกแค่ไม่ถึง 30 ก้าวจะถึงจุดนั้นแต่แบบยืนแข็งอยู่กับที่ ขยับตัวไม่ได้ เพื่อนรีบลงมามาช่วยกันดู แปะแผ่นความร้อนเพิ่มที่มือ ใส่ถุงมือซ้อนสองชั้น แล้วฝืนเดินไปถึงจุดห้องน้ำ

ตอนนี้เราถอดใจแล้ว กะว่าจะเดินลงให้เพื่อนไปต่อกัน เรานั่งพักตรงนั้นอยู่ประมาณ 15 นาที เพื่อนเดินเข้ามากอดไว้จนตัวเริ่มอุ่น ตอนนั้นเริ่มดีขึ้นเลยคิดว่าไปต่อดีกว่า....5555 ความดันทุรังอะเนอะ อยากไปก็อยากไป เลยฝืนเดินต่อไปจนถึงยอด

แวปแรกที่เห็นพื้นทั้งหมดเป็นหิมะ คิดว่าจะถึงตรง Tilicho Lake แล้วแต่ป่าวเลยต้องเดินลุยหิมะต่อไปอีก เป็นกิโล เหนื่อยจริงๆ 

ฟ้าเริ่มสางแล้ว แวะกินข้าวมื้อเช้ากันแพ็คใส่ห่อมา โดยผู้ช่วยไกด์แบกมาให้ตอนเช้า มาทีหลังแต่เดินทัน 555

เดินต่อไปเรื่อยๆค่ะ ยังไม่ถึง Lake สักที

ในที่สุดก็ถึงจ้า จงมองให้เป็น Lakeนะ มันเป็นน้ำแข็งไปหมดเลย ถ้าใครมาชช่วงปลายปี Lake ตรงนี้จะเป็นสีฟ้าแบบสวยมากกกกกกกก

Tilicho ทะเลสาบ เป็นทะเลสาบที่สูงที่สุด 4,949 เมตร จากระดับน้ำทะเล และกว้าง 55 กิโลเมตร เส้นทางมีความชันและแคบมาก และจะลื่นมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากหิมะละลาย เส้นทางนี้ถือเป็นแนวเขต landslide นับว่าเป็นเส้นทางเทรคที่อันตรายที่สุดเส้นทางหนึ่งในเส้นทาง Annapurna Circuit

เส้นนี้สามารถเดินตัดไป Jomsom

      นักเดินป่าที่พยายามใช้เส้นทาง Annapurna Circuit มักจะข้ามแหล่งต้นน้ำระหว่างหุบเขา Manang และหุบเขา Kali Gandaki เหนือทางผ่านThorong La ที่สูง 5416 เมตร เส้นทางอื่น รอบทะเลสาบ Tilicho จากทางเหนือ กำลังได้รับความนิยม เส้นทางนี้มีความต้องการมากกว่าและต้องใช้เวลาพักแรมอย่างน้อยหนึ่งคืน ไม่มีโรงน้ำชาหรือบ้านพักใดๆ ผ่าน Tilicho Base Camp ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของทะเลสาบเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร และหมู่บ้านถัดมาที่ Thini Gaon ในหุบเขา Kali Gandaki กลุ่มส่วนใหญ่ใช้เวลาสองคืนระหว่างสถานที่เหล่านี้ มีสองเส้นทางที่นำไปสู่ ​​Thini Gaon และ Jomsom; ถนน Mesokanto La และ Tilicho North ที่รู้จักกันในชื่อ Tilicho "Tourist pass" เส้นทางเหล่านี้ผ่านทะเลสาบ Tilicho มักถูกหิมะปิดมากกว่าเส้นทางที่สูงกว่า Thorong La

   ชาวฮินดูเชื่อว่าทะเลสาบ Tilicho เป็นทะเลสาบกากบุสุนดีโบราณที่กล่าวถึงในมหากาพย์รามายณะ เชื่อกันว่าปราชญ์ Kak Bhusundi ได้บอกเหตุการณ์ของรามายณะแก่ครุฑ - ราชาแห่งนกเป็นครั้งแรกใกล้ทะเลสาบนี้ ปราชญ์อยู่ในร่างอีกาขณะเล่าเรื่องให้ครุฑฟัง อีกาแปลว่า กั๊ก ในภาษาสันสกฤต จึงเป็นที่มาของชื่อ กั๊ก บุษดี สำหรับปราชญ์

ตอนนี้ที่แย่กว่าอากาศคือ จมูกค่ะ ตั้งแต่ขึ้น 4พันเมตรมา รูจมูกจะเป็นเลือดทุกวันแห้งมากถึงมากที่สุด ล่าสุดก็คือใช้วาสลีนทาไปทั้งจมูกเลย ทุกครั้งที่แคะออกมาจะเป็นก้อนเลือดใหญ่ๆ ทุกครั้งที่สั่งน้ำมูกก็คือเลือดสาดทุกครั้ง นี่คือความจริงเบื้องหลังวิวสวยๆ อยากให้ทุกคนเตรียมใจ เพื่อนที่เหลือก็ คือ ปลายนิ้วเริ่มแตกลอก เจ็บปลายนิ้ว

มีขึ้นต้องมีลง ฟ้าเริ่มครึ้มมาแต่ไกล ทุกคนเริ่มทยอยเดินลงแล้ว ตอนนี้หิมะเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ

ขณะที่เดินลงมา ระยะการมองเห็นเริ่มสั้นลง มองไปไกลสุดแต่ไม่ถึงสามเมตรแล้ว

หนาวแบบไม่ต้องบรรยายเลย ผม เสื้อ แม้แต่น้ำในขวด เป็นน้ำแข็งหมด

ตอนนี้เหลือกันสามคนสุดท้าย จั้มลงอย่างเดียวเพราะตอนนี้ตัวใครตัวมัน แม้แต่ Porter และ Guide ก็ล่วงหน้าไปแล้วจ้า ตอนนี้ไม่สนความหนาวแล้วเราสามคนจั้มแบบสุดชีวิต

ลงมาถึงหน้าที่พัก Guide ยืนรออย่างเป็นห่วง เราส่งยิ้มให้ Guide แล้วส่งเสียงเย้ๆ ฉันมาถึงแล้ว รอยยิ้มนั้นทุกคนดูคลายกังวลกันหมด ^ ^

สิ่งที่เรียนรู้ในวันนี้ อย่าได้ล้อเล่นกับหิมาลัย เดี๋ยวแดดออก  เดี๋ยวฝนตก  เดี๋ยวหิมะตก เราเองนั้นแหละที่ต้องปรับตัวเองให้เข้ากับภูเขาเอง การเดินทางครั้งนี้มันช่างตื่นเต้นดีจริงๆ ไฟในตัวเริ่มกลับมาอีกครั้ง

ภาพนี้คือทางไป Tilicho Lake ที่เราไปเมื่อเช้า ตรงกลางภาพคือห้องน้ำจุดที่เรานั่งพัก แค่เห็นภาพความเหนื่อยก็เหมือนยังคงอยู่

เช้าวันใหม่ DAY 11

เรื่องราวต่อจากนี้จะโหดไปอีกระดับ ต้องเดินไปนอนที่ High Camp

และข้ามพาสที่สูงที่สุด Thorang La Pass 5416 m.

ขอต่อที่ PART 2 นะทุกคน

Mint Septidkhao

 วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.22 น.

ความคิดเห็น