นั่งรถไฟลาวเที่ยว เวียงจันทน์ >> หลวงพระบาง >> หนองเขียว >> วังเวียง หลง รัก ลาว เลย.....


ไอแม็ค : พี่ไปนั่งรถไฟเที่ยวลาวกันม่ะ 

เรา : เมื่อไหร่ดีว่ะ ช่วงนี้เที่ยวบ่อย ตังค์หมดแล้ว 

ไอแม็ค : เอาที่พี่พร้อมอ่ะ 

เรา : เออ โอเคไป........


ไปนั่งรถไฟลาวเที่ยวกัน........


ตัดฉับๆ มาที่สนามบินอุดรธานี เช้ามากๆวันจันทร์ เราบินกันมาสามคน นัดเจอกับไอแม็ค ให้มันมารับที่สนามบินอุดร เดินทางต่อไปยังหนองคาย เราจองเที่ยวรถไฟไว้รอบสี่โมงเย็น จาก เวียงจันทร์ ไป หลวงพระบาง

ใส่ข้อมูลเรื่องการจองตั๋วนิดนึง การจองตั๋วรถไฟสามารถจองล่วงหน้าได้สามวันก่อนเดินทาง และต้องไปจองที่สถานีรถไฟ หรือสถานที่ที่ทางลาวเปิดให้จอง ซึ่งๆๆ อยู่ในประเทศลาว ยังไงล่ะที่นี่ ความเป็นไปได้ที่

1 จะได้ตั๋ววัน เวลา ที่เราต้องการเดินทาง???

2 ได้ตั๋วครบจำนวนคนที่จะเดินทางไปด้วยกัน???

3 แล้วจะเดินทางไปจองตั๋วยังไง???

4 สารพัดปัญหา ถ้าเกิดไม่ได้ตามที่ต้องการจะทำไง???


สรุป ใช้ติดต่อผ่านเอเย่นต์ที่เค้ารับบริการซื้อตั๋วให้ น่าจะดีที่สุด เลือกเจ้าที่น่าไว้ใจ มีรีวิวดูน่าเชื่อถือ หรือว่ามีเพือนเคยใช้บริการมาก่อน จะมีค่าบริการบ้างก็มันจำเป็นอ่ะเนอะ ดีกว่าไปตายเอาดาบหน้า ซึ่งไปเจอนักท่องเที่ยวหลายคน ตายดาบหน้า อเนจอนาถหลายรายเลยทีเดียว
ผมใช้ของเจ้านี้นะ คอนเฟิร์มว่าโอเคมากมาก.....

RG Adventure Travel จองตั๋วไว้สามเที่ยว ชั้นสองตลอดการเดินทาง

เวียงจันทน์ - หลวงพระบาง 815 บาท

หลวงพระบาง - วังเวียง 564 บาท

วังเวียง - เวียงจันทร์  564 บาท

ค่อยๆตามมานะ....


ถึงหนองคายไปหาไข่กะทะกินก่อน พร้อมแล้วก็เตรียมข้ามสะพาน เข้าสู่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ถึงด่านก็หารถตู้เช่าเหมาลำไปส่งที่สถานีรถไฟเวียงจันทน์ แต่จริงๆน่าจะพูดว่ารถตู้มาหาเรามากว่า ตกลงราคากันเป็นที่น่าพอใจ ก็พร้อมเดินทาง รถตู้ที่เราเช่ามาเค้าคิดราคาเหมาพาเที่ยวเมืองเวียงจันทน์ด้วย เพราะกว่ารถไฟจะออกก็สี่โมงเย็น มีเวลาเฟี้ยวฟ้าวอีกพอสมควร ลืมบอกเรามากันเจ็ดคนถ้วน รถตู้ราคาเหมา 1400 บาทรวมค่าน้ำมัน ก็โอเคอยู่นะ คนละสองร้อย…


เติมพลังก่อนข้ามไปลุยกันยาวๆ

รถโดยสารข้ามสะพาน ไทย-ลาว

แลกเงิน ซื้อซิมโทรศัพท์ลาว เบ็ดเสร็จในที่เดียว

เสร็จจากทำพิธีกรรมในการข้ามแดน แลกเงินไทยเป็นเงินกีบที่ด่านนั้นแหละ อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1 บาทเท่ากับ 470 กีบ ถ้าเข้าไปในลาวก็จะประมาณ 450-460 กีบ ตรงด่านจะซื้อซิมโทรศัพท์ลาวเปลี่ยนไปเลยก็ดีนะ จะได้ไม่ยุ่งยากเราก็ซื้อซิมลาว ใช้ไปห้าวันคุ้มค่ามาก ป่ะไปเที่ยวเวียงจันทน์กัน....



หอพระแก้ว (Hophakaew Museum) หมุดหมายแรกบนแผ่นดินลาว มาถึงเวียงจันทน์ต้องมาเยือนที่นี่เลยนะ หอพระแก้ว อดีตเคยเป็น วัดหลวงประจำราชวงศ์ของลาว สร้างขึ้นโดย พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ในปี พ.ศ.2108-2109 หลังเมืองหลวงลาว ย้ายจากหลวงพระบางมาอยู่เวียงจันทน์ ปัจจุบันหอพระแก้วถูกสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เพื่อเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักเดินทางได้มาเที่ยว ชมความงามของสถาปัตยกรรม





ไปต่อกันที่ ปะตูไซ หรือ ประตูชัย (Patuxay Monument) คือใครๆมาเวียงจันทน์ ก็ต้องมีรูปกับ ปะตูไซ กับไปเป็นที่ระลึกกันทุกคนเนอะ ปะตูไซ เป็นอนุสรณ์สถานสดุดีวีรชนผู้ร่วมรบเพื่อประกาศเอกราชจากประเทศฝรั่งเศส ได้รับอิทธิพลมาจากฝรั่งเศสผสมศิลปะแบบล้านช้าง ด้านข้างก็จะมี อาคารรัฐสภา หลังเก่า (Presidential Palace) เก็บภาพมาฝากกัน




วัดสีเมือง หรือ วัดศรีเมือง (Wat Si Muang) อีกหนึ่งสถานที่น่าสนใจมากมาก เป็นที่ตั้งของเสาหลักเมืองเวียงจันทน์ ภายในวัดมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวลาวมีความศรัทธามาก ใครมาขอพรก็มักจะสมปรารถนา เอาเท่านี้พอแล้วเนอะ 



ต้องไปขึ้นรถไปแล้ว จบทัวร์เวียงจันทน์ไว้แค่นี้ ไปเจอกันที่สถานีรถไฟเวียงจันทน์.....


ตามคำบอกเล่า ใครจะมาขึ้นรถไฟควรมาถึงสถานีรถไฟก่อนหนึ่งชั่วโมง เราก็ตามนั้น ทำไมต้องมาถึงก่อน ก่อนเข้าตัวสถานีจะมีการเอกซเรย์กระเป๋าก่อน มีการตรวจวัตถุ ห้ามพกน้ำ อาวุธ สิ่งของอันตรายเข้าสถานี ปริมาณน้ำก็น่าจะคล้ายๆสนามบิน เราก็จำไม่ได้หรอกว่าเท่าไหร่ อันนี้เป็นพิธีกรรมก่อนเข้าสถานี 

ในส่วนตัวนั้น.....ก็จะได้มีเวลาชื่นชม พร้อมถ่ายภาพประกอบ ตัวสถานีรถไฟอันโอ่โถง ยิ่งใหญ่ เกรียงไกร อลังการงานลาว มันก็น่าตื่นตาตื่นใจอยู่นะ ไปดูภาพๆ…




ประมาณสิบห้านาทีโดยประมาณ ทางเจ้าหน้าที่จะเรียกผู้โดยสารไปยืนเข้าแถวเตรียมตัวเข้าสู่ชานชลา เพื่อไปยืนรอประจำตู้รถไฟของตัวเอง พอรถไฟมาก็ขึ้นกันอย่างมีระเบียบบ้างไม่มีบ้าง 
ภายในขบวนรถไฟ


ถึงแล้วสถานีหลวงพระบาง ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง รถไฟจอดให้ผู้โดยสารขึ้น-ลงที่สถานีวังเวียง สถานีเดียวแล้ววิ่งยาวมาหลวงพระบางเลย บรรยากาศสองข้างทางช่วง เวียงจันทน์ - วังเวียง ก็จะมีวิวทุ่งนา บ้านเมืองทิวเขาให้ชมตลอดเส้นทาง แต่พอออกจากวังเวียง วิ่งมาหลวงพระบาง คืออุโมงค์ ยาวๆเลยจ้า เข้าเขานี้ทะลุเขานู่น ออกเขานั้น ต้องบอกว่าสุดยอดมาก ตัดตรงทุกอุปสรรค พอจะมีวิวภูเขาสวยๆให้ดูอยู่บ้างเป็นบางจังหวะ ห้ามกระพริบตาเลยทีเดียว เดี๋ยวมันจะเข้าอุโมงค์อีกแล้ว

วิวระหว่างทางตอนนั่งรถไฟ....

ถึงแล้วหลวงพระบาง....


ในรถไฟ ต้องบอกว่าสะอาด มาตรฐานสากล มีปลั๊กไฟให้ชาร์จมือถือด้วย ต้องนั่งตามเลขที่นั่งตัวเอง ตินิดเดียวแอร์ไม่เย็นอ่ะ 


ถึงหลวงพระบาง รถตู้ที่ติดต่อไว้ก็มารอรับที่สถานี อธิบายความนิดนึง เราจองรถตู้ไว้ก่อนมาแล้ว ตามคำแนะนำของพรรคพวกที่เคยใช้บริการ เรามากันเจ็ดคน เหมารถตู้น่าจะสะดวกสุด 

รถตู้ที่เราเหมาจะให้บริการเราดังต่อไปนี้
1 ไปรับเราที่สถานีรถไฟหลวงพระบาง และมาส่งเราในวันกลับ
2 เราอยู่หลวงพระบาง 2 วัน วันแรกรับที่สถานีมาส่งที่พัก จบภาระกิจ เวลาที่เหลือเที่ยวเอง วันที่สองพาเราเที่ยวหลวงพระบางทั้งวัน แล้วแต่เลยว่าเราจะไปไหน
3 ออกจากหลวงพระบาง เราไปเที่ยวหนองเขียวค้าง 1 คืน อยู่กับเราตลอด ค้างที่หนองเขียวด้วย
4 กลับจากหนองเขียวมาส่งเราที่สถานีรถไฟหลวงพระบาง 

เป็นอันหมดภาระกิจอันที่ว่ามาเป็นหน้าที่หลัก แต่ขอบอกว่า พี่สมหมาย คนขับรถตู้ชาวหลวงพระบางแท้ๆที่อยู่กับเรา สี่วันสามคืน บริการดีมากๆ คือ โคตรดีอ่ะ ให้ความช่วยเหลือในหลายๆด้าน ใจเย็นสุดๆ ไม่มีหือไม่มีอือ ทำให้การเดินทางสนุกมากๆด้วย
ค่าบริการรถตู้รวมค่าน้ำมัน 2800000 กีบ คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม....


จากสถานีรถไฟใช้เวลาประมาณสิบกว่านาทีก็มาถึงกลางใจเมืองหลวงพระบาง เราจองที่พักไว้ที่ โรงแรมจัสมิน ใกล้ตลาดมืด ใกล้วัดหลายๆวัด คืออยู่จุดศูนย์กลางการท่องเที่ยวหลวงพระบางเลยทีเดียวมาถึงก็หกโมงกว่า ไม่ต้องพักต้องผ่อน ไปเดินตลาดมืดเลย ออกจากที่พักเลี้ยวขวาไปไม่ถึงสามนาที ออกไปหาตำหลวงพระบางกิน ไปเดินดูของที่ระลึกแล้วไปนั่งกินชาบูดูวิถีหลวงพระบาง อิ่มแล้วก็กลับมานอน พรุ่งนี้ยาวๆทั้งวัน.....

ที่พักายในหลวงพระบางสองคืน

เพลิดเพลินแถวๆ ตลาดมืด



เช้าแรกที่หลวงพระบาง ยังไม่ตักบาตรข้าวเหนียวนะ ไว้ค่อยพรุ่งนี้ วันนี้ขอพักเหนื่อยตื่นสายกันนิสนึง มาทริปนี้ พูดคุยกันง่ายมาก ว่าไงว่างั้น นัดพี่สมหมายมารับประมาณ แปดโมง ไปหาไรกินมื้อเช้า ไปโดน ร้านประชานิยม เค้าบอกว่ามีชื่อเสียงอยู่นะ แต่ไปลองแล้วไม่ค่อยอ่ะ ไปรู้จักหลวงพระบางกันดีกว่า ตามภาพไปเลย.....

พระราชวังหลวงพระบาง เป็นพระราชวังเก่าของเจ้ามหาชีวิตสายหลวงพระบาง อยู่ใกล้ๆที่พักนั้นแหละ เดินมาประมาณ สองร้อยเมตร แต่วันนี้เราใช้บริการรถตู้ตลอดๆ มีเก็บค่าเข้าชมนะครับ จะบอกว่าทุกสถานที่สำคัญ ไม่ว่าจะวัด พิพิธภัณฑ์ นำ้ตก ภูเขา เก็บค่าเข้าทุกที่ ต่อๆๆการเข้าชม ในส่วนของพระราชวังที่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ การแต่งการต้องสุภาพ เรียบร้อย แขนกุด ขาสั้น กระโปรงสั้น ห้ามเข้า แต่เค้าจะมีชุดให้ใส่ ตัวพระราชวังด้านใน ห้ามถ่ายภาพ เอากลับมาได้แค่ความทรงจำเท่านั้น ส่วนภาพที่นำมาเสนอ เป็นภาพด้านนอก
ด้านในจะมี ห้องทรงงาน ห้องบรรทม ข้าวของเครื่องใช้ของพระมหากษัตริย์ ฉลองพระองค์ของกษัตริย์ พระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ของลาวในสมัยเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ จนถึงสมัยเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา พระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายของประเทศลาว

ได้ภาพบรรยากาศด้านนอกมาฝาก



วัดเชียงทอง "อัญมณีแห่งล้านช้าง" เป็นวัดที่ถ่ายทอดสถาปัตยกรรม สะท้อนศิลปะล้านช้างออกมาได้อย่างชัดเจน สิม หรือ พระอุโบสถที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง เป็นสิมที่สะท้อนถึงสถาปัตยกรรมล้านช้างได้อย่างวิจิตรงดงาม คือสวยเกินบรรยายเลย ใครมาหลวงพระบาง ต้องไม่พลาดเด็ดขาด

งามมากมาก


น้ำตกตาดกวางสี หรือ น้ำตกตาดกวางซี (Tat Kuang Si Waterfalls) น้ำตกขนาดใหญ่ มีทั้งหมด 4 ชั้น ไฮไลต์อยู่ที่ชั้นบนสุด ใช้เวลาเดินขึ้นไปไม่นานมาก หรือเพราะแวะถ่ายรูป ชื่นชมชั้นอื่นด้วย เลยรู้สึกว่ามันไม่ไกล เดินเพลินเพลินแป๊บเดียวก็ถึง สีน้ำตกที่นี่สวยมากๆ สีน้ำจะออกเป็นสีเขียวมรกต เป็นน้ำตกที่ได้ชื่อว่า “น้ำตกที่สวยที่สุดในหลวงพระบาง” 
ที่นี่เราพักกินมื้อเที่ยงกันที่ชั้นบนสุดของ ตาดกวางสี นี่แหละ มีบริการส่งอาหารจากด้านล่างขึ้นมาส่งที่ด้านบนด้วย การขึ้นน้ำตก ถ้าไม่อยากเดินขึ้น ก็สามารถนั่งรถกอล์ฟ หรือไม่ก็ให้รถขึ้นมาส่งที่ชั้นบนสุดได้เลย แต่เราก็ไม่รู้ว่าเค้าติดต่อยังไงนะ เพราะพอเดินขึ้นมาถึงชั้นบน ก็เพิ่งเห็นว่ามีรถรับส่งผู้สูงวัย

ชั้นบนสุด เป็นชั้นที่สวยที่สุด

สวยมากมาก

เพลิดเพลินกับน้ำตกอยู่พักใหญ่ๆเลย ก็คุยกันว่าเอาแค่นี้พอแล้ว กลับเข้าเมืองไปหาร้านกาแฟ นั่งเพลินเพลินกันอีกกว่า ท่องโลกออนไลน์ไปจบที่ T56 cafe & bar ตั้งใจจะไปนั่งเพลินเพลินริมน้ำโขง เจอฝนตกจบเลย ไปนั่งหลับกันในร้านแทน แต่บรรยากาศดีนะ มีแต่พวกเราไม่มีใครเลย ร้านแบ่งเป็นสองโซน ด้านล่างเป็นร้านกาแฟ ด้านบนเป็นบาร์

บรรยากาศหน้าร้านกับภายในร้านชั้นล่าง

รูปนี้ด้านนอกติดริมแม่น้ำ เสียดายฝนตก

ส่วนที่เป็นบาร์ อยู่ชั้นสอง


เวลาล่วงเลยมาจนใกล้ถึงยามเย็น ก็ให้พี่สมหมายไปส่งที่จัสมิน กะว่ามื้อเย็นก็เดินไปหาไรกินที่ตลาดมืด พี่สมหมายเลยบอกว่าให้ไปขึ้น พระธาตุพูสี ตอนเย็นๆ อากาศไม่ร้อน ขึ้นไปจะได้เห็นวิวหลวงพระบางเกือบทั้งหมด กลับลงมาก็มาเดินตลาดมือพอดี 
คือทั้งหลายทั้งปวง วัดวาอาราม พิพิธภัณฑ์ สถานที่ท่องเที่ยว ก็วนๆอยู่เมืองนี่แหละ ถ้ามีกำลังวังชา ก็สามรถเดินเที่ยวได้ทั้งวัน ไปชมเมืองกันก่อนเนอะการเดินขึ้นพระธาตุพูสี ต้องเดินขึ้นบันได 328 ขั้น ประมาณเหงื่อซึมๆเลยทีเดียว วิวด้านบน สวยงามตามคำบอกเล่าของพี่สมหมายจริงๆด้วย เสียดายนิดเดียววันนี้ ฟ้าไม่ค่อยใส คล้ายมีเมฆ ไปชมเมืองหลวงพระบางกัน

บันไดทางขึ้นพระธาตุภูสี

พระธาตุดูสี กับวิวเมืองหลวงพระบาง



จบทัวร์หลวงพระบาง แบบวันเดย์ทริป ตามใจฉัน เอาเท่าที่ได้เนอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางกันต่อ ไว้มีโอกาสจะมาเก็บเกี่ยว ความประทับใจให้มากมายกว่านี้นะ ครั้งนี้บอกเลยว่าประทับใจมาก อยากอยู่นานกว่านี้



เช้าวันที่สอง เรามีนัดตักบาตรกันเช้าตรู่ ส่วนตัวเรานั้น ตั้งใจว่าจะของวิ่งชมเมืองนิดนึง ตักบาตรเสร็จ ก็ออกไปวิ่งประมาณชั่วโมง ก่อนกลับมาอาบน้ำ วันนี้เราจะไปเที่ยว หนองเขียว เมืองทางเหนือขึ้นไปจากหลวงพระบาง เค้าว่ามาอีกแล้ว ว่ามันดีมากเลยนะ บอกตรงนี้เลยว่า ไปจริงๆดีกว่าที่เค้าบอกไว้เยอะมาก

ตักบาตรข้าวเหนียว


ไปวิ่งได้บรรยากาศมานิดหน่อย

ไปดูตรงนี้เพลินเพลิน 



แปดโมงเช้าล้อหมุน ไปหาไรกินก่อนออกนอกเมือง พี่สมหมาย พาไปกินร้านนี้เด็ด ใช้ได้เลย อยู่ตรงข้ามวัดแสนสุขาราม ดีกว่าร้านเมื่อเช้าวานมากอยู่ อันนี้แนะนำเลย 


ร้านนี้อร่อย

อยู่ตรงข้ามวัดแสนสุขาราม

เดินทางๆ นั่งกันยาวๆ สามชั่วโมงกว่าฝ่าสายฝน พื้นผิวการจราจรแบบว่า ฝนไม่ตกก็ลำบากอยู่แล้ว เจอฝนเข้าไปคือ จากสองชั่วโมงถึงกลายเป็นสี่ชั่วโมงถึง ตูดด้านชากันไป เรื่องราวของหนองเขียว เราบอกเล่ากันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว คลิกตรงนี้นะ

https://th.readme.me/p/41318

คือ เป็นไฮไลต์สุดของการมาเที่ยวลาวครั้งนี้เลยทีเดียว ถึงกับอดใจไม่ไหว บรรยายเรื่องหนองเขียวก่อนจะมาเล่าเรื่องเที่ยวทั้งหมดอีก ก็คิดดูว่าประทับใจแค่ไหน งั้นขอเอารูปมาเรียกแขกนิดหน่อยพอเนอะ อย่าลืมเข้าไปชมนะ แล้วเดี๋ยวค่อยมาตามกันต่อ......


กลับจากหนองเขียว พี่สมหมาย ก็ไปส่งเราที่สถานีรถไฟ เป็นอันจบภารกิจ ต้องอำลาอาลัยกันตรงนี้ ไว้จะกลับมาใช้บริการกันใหม่นะพี่ 


วังเวียงหมายหมุดสุดท้ายสำหรับการมาเยือนลาวรอบนี้ เป็นครั้งที่สามที่เราได้มาเที่ยววังเวียง ใช้บริการรถไฟลาวเป็นครั้งที่สอง ประมาณไม่ถึงชั่วโมง จากหลวงพระบางถึงวังเวียง เร็วมากมาก คิดไปถึงคำบอกเล่าของผู้ที่เคยเดินทางจาก เวียงจันทร์มาหลวงพระบาง หรือจากวังเวียงมาหลวงพระบาง ใช้เวลาเป็นวันๆ นั่งรถตู้ผ่านเขาสารพัดลูก เส้นทางก็ยังไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่

สองครั้งแรกกับวังเวียง ประทัยใจมากมาก เมืองนานาชาติแท้จริง สารพัดสารพันชาติมารวมกันตรงนี้ มีกิจกรรมเยอะ ล่องหวงยางมุดถ้ำ พายคายัค กระโดดน้ำ บอลลูนก็มี กลางคืนไม่มีเหงา ผับบาร์ เป็นเมืองที่สนุก ครื้นเครง แต่ครั้งนี้ หลังจากมหาภัยพิบัติไวรัสถล่มโลก เมืองดูเหงาลงไปเยอะ แต่ก็เห็นสันญาณของการเริ่มต้นใหม่.....

สถานีรถไฟวังเวียง 

ออกจากหลวงพระบางประมาณบ่ายโมงถึงวังเวียงบ่ายสอง หารถจากสถานีรถไฟเข้ามาส่งในเมือง วังเวียงรอบนี้มาแบบไร้แพลน ที่พักก็มาหาเอาดาบหน้า ไปที่คุ้นเคยก่อนเลย River view hotel Vanviang ก็ไม่ได้คาดหวังนะว่าจะมีห้องว่าง เพราะต้องการสี่ห้อง คนอื่นก็ลองไปถามที่อื่นดูด้วย สรุปว่า ได้อ่ะ สี่ห้องด้วย ซึ่งที่อื่นๆที่ไปถามก็ว่างอยู่นะ ที่นี่ว่างก็พักที่นี่แหละ ริมน้ำซอง บรรยากาศดี

วิวจากที่พักริมน้ำซองยังได้อยู่นะ


เข้าที่พักแต่ไม่ได้พัก เนื่องจากมีเวลาพอสมควร เลยชวนกันไปพายคายัค ล่องน้ำซองกันดีกว่า วิธีการที่จะได้ไปพายเรือ คือ เดินไปเดินมาอยู่แถวๆกลางๆเมือง เดี๋ยวก็มีคนมาถามเองว่า จะไปพายเรือมั้ย ไปบลูลากูนมั๊ย จะทำนู่น นี่ นั่น มั้ย สอบถามราคาเอาที่พอใจก็ลุย

วันนี้น้ำค่อนข้างไหลแรง ตอนดูอยู่ที่ River view ยังเสียวๆเลยเพราะเหมือนน้ำจะไหลแรงมาก แต่พอไปพายจริงๆ ก็สนุกดี ไม่เหนื่อยด้วย น้ำพาไปแค่บังคับทิศทาง ก็เพราะว่ามันเร็วและแรง มันก็เลยจบเร็ว

เวลายังเหลืออีก งั้นไปบลูลากูนกัน ก็ติดต่อเจ้าที่พาเราไปพายคายัคนั้นแหละบลูลากูน สระน้ำสีฟ้าหนึ่งสถานที่ ที่มาวังเวียงแล้วต้องไป ไปถึงแล้วต้องกระโดดน้ำ กระโดดจากต้นไม้ชั้นล่างๆแล้วต้องขึ้นไปกระโดดชั้นบน ปกติเคยมาที่นี่คือ คึกคักมากถึงมากที่สุด เดี๋ยวก็ตูมเดี๋ยวก็ตูม มีลังกาหน้าลังกาหลัง มีให้ชมทุกท่า แต่วันที่เราไป ทำไมมันเงียบจัง อาจจะมาช่วงเย็นแล้ว เค้ากลับกันไปหมดแล้ว อาจจะช่วงนี้นักท่องเที่ยวน้อย อาจจะเค้าไปเที่ยวที่อื่นกัน สรุปมีกลุ่มเรากลุ่มเดียว กับเด็กถิ่นตัวเปี๊ยกกระโดดน้ำกันอย่างมันส์ มันก็ส่วนตัวแต่ก็ดูเหงาๆไปนิด

กลับจากบลูลากูน ก็ต้องพักแล้วล่ะ กิจกรรมมันแน่นจริงๆ อาบน้ำออกไปหาส้มตำกิน ยามค่ำคืนไม่มีกิจกรรม เข้าห้องนอน......

เช้าวันนี้เตรียมตัวกลับบ้านแล้ว ห้าวันสี่คืนกับการเดินทางโดยรถไฟมั่ง รถตู้บ้างสนุกสุดขีดจริงๆ เราจองรถไฟไว้ช่วงบ่าย เช้าวันนี้เลยเป็นการพักผ่อนแบบสบายๆ ใครอยากทำไรทำ นอนตื่นสายนิดนึง ตื่นแล้วไปเดินในเมืองหาอะไรกินแล้วกลับมานอน เก็บข้าวของ รอไปกินเที่ยงแล้วไปขึ้นรถไฟกลับเข้าเวียงจันทน์ จากเวียงจันทร์กลับสู่ประเทศไทย จากหนองคายมาอุดร ก่อนบินกลับกรุงเทพ เป็นอันจบการเดินทางสมบูรณ์แบบ

ใครตามเรามาจนจบ คลิกตรงนี้เลย 


สรุปเลยนะ อยากมาอีก........

อีกนิดนึง ขอขอบคุณ ภาพประกอหลายๆภาพจากเพื่อนร่วมทางครัั้งนี้ โดยเฉพาะพี่นุเดช นักท่องเที่ยวสายถ่ายภาพฝีมือเยี่ยมครับผม

...จบบริบูรณ์..........

คน ฟ้า ป่า น้ำ

 วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เวลา 17.23 น.

ความคิดเห็น