ช่วงวันที่ 16-17 กันยายน 2558 ที่ผ่านมาประเทศไทยได้รับอิทธิพลของพายุ"หว่ามก๋อ" (VAMCO)

ทำให้หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลาก แต่แผนการท่องเที่ยวของผมได้ถูกวางไว้แล้วในเช้าวันเสาร์ที่ 19 กันยายน

ซึ่งช่วงนั้นก็หวั่นใจอยู่ไม่ใช่น้อยเพราะกลัวว่าถ้าไปเที่ยวแล้วจะไม่ได้เที่ยวเพราะอาจจะต้องติดฝนอยู่แต่ในที่พัก

แต่ในเมื่อแผนการท่องเที่ยวทั้งหมดได้ถูกวางไว้หมดแล้ว จึงปฏิเสธไม่ได้ที่จะไม่ไป และนี่ก็เป็นที่มาของ >>>ฝ่าพายุฝนเพื่อไปนั่งมอง "เขา"



ผมจะขอเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ ภาพอาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่เล่าสักเท่าไหร่นะครับ



สามารถติดการการท่องเที่ยวในแบบฉบับของผมได้ที่ Fanpage : เที่ยวทุกวันจันทร์-อาทิตย์

https://www.facebook.com/TravelEverythingEveryTime



ติดตามการอัพเดททะเลหมอกรายวันของเขาค้อ + ภูทับเบิกได้ที่ >>> ชมรมคนรักเขาค้อ – ภูทับเบิก

https://www.facebook.com/groups/486496408154333/แผนการเดินทางของผมคือหลังจากเลิกงานประจำเสร็จในเย็นวันศุกร์ก็เตรียมตัวเก็บกระเป๋าแล้วพักผ่อนร่างกายสัก 3-4 ชั่วโมงแล้วเริ่มออกเดินทางในคืนวันนั้นเลยเพื่อที่จะไปทันชมพระอาทิตย์ขึ้นที่หลังวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

แต่เนื่องจากวันนั้นพายุ "หว่ามก๋อ" (VAMCO) นั้นยังคงปกคลุมอยู่ทำให้ฝนตกเริ่มตกตั้งแต่ยังไม่ออกจากบ้าน จนถึงเที่ยงคืนฝนก็ยังไม่หยุดตก


ซึ่งตามแผนแล้วเราต้องออกจากบ้านตอนเที่ยงคืน แต่แล้วก็ต้องเลื่อนออกไปเพราะกลัวว่าถ้าขับรถไปตอนฝนตกหนักอาจจะเกิดอันตรายได้

เราจึงเลื่อนเวลาเดินทางออกเดินทางเป็นเวลาตี 1 ซึ่งตลอดระยะเวลาการเดินทางนั้นฝนตกตลอดทาง บางช่วงตกหนักมากๆ


ในใจผมคิดอยู่ตลอดเวลาว่าเช้านี้ที่ผมจะไปถึงขอให้ฝนหยุดเถอะนะ เพราะว่าตั้งใจไปแล้วก็อยากที่จะได้ภาพสวยๆ

แต่แล้วเมื่อถึงสี่แยก อนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง ฝนเริ่มหยุด แล้วพอเริ่มเข้าสู่ถนนสาย 12 แล้วพบว่าตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยสายหมอกที่ปกคลุมทั่วไปหมด


ณ เวลาตอนนั้นเริ่มเห็นแสงพระอาทิตย์แล้วผมจึงรีบขับรถไปที่จุดชมวิวหลังวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วเพื่อเก็บภาพเช้าวันนั้นให้มากที่สุด


ทิวสนหลังวัด


และสิ่งที่ผมเห็นครั้งแรกทำให้ผมถึงกับตะลึงในความสวยงามของทะเลหมอกที่กำลังโอบล้อมขุนเขา


ทะเลหมอกที่กำลังเคลื่อนตัวอย่างช้าๆไปปกคลุมวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว


จุดชมวิวตรงนี้ถึงแม้จะเคยมาหลายครั้งแล้วแต่ก็เป็นช่วงเวลาบ่ายๆ ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจุดนี้ตอนเช้าๆจะสวยงามมากเพียงนี้


เลยจากจุดชมวิวตรงนี้ลงไปก็จะเป็นจุดชมวิวของร้านกาแฟ Pino Latte จุดชมวิวตรงนี้ช่างสวยงามเหลือเกินทำให้ผมต้องนั่งมอง "เขา" ^___^


เขาที่ถูกสายหมอกโอบล้อมไปทั่วทั้งบริเวณ


ณ ร้านกาแฟ Pino Latte นี้นอกจะเปิดเป็นร้านขายกาแฟแล้วยังมีที่พักอีกด้วย


จะดีแค่ไหนถ้าในทุกๆเช้าเราตื่นนอนมาแล้วพบกับวิวสวยๆที่อยู่ตรงหน้าแบบนี้


หลังจากที่ผมเก็บภาพความประทับใจตรงนี้ได้เต็มอิ่มแล้วจึงแวะเข้าไปที่เขาค้อ แต่ก็ไม่ได้หวังเจอทะเลหมอกนะเพราะตอนนั้นก็เริ่มสายแล้ว


แต่เมื่อไปถึงก็ยังคงมีให้เห็นอยู่บ้างเล็กน้อย


หลังจากนั้นผมและเพื่อนๆก็ได้แวะหาร้านอาหารรับประทานกันหลังจากที่ไม่ได้ทานอะไรมาเลยตั้งแต่ช่วง กลางดึกของคืนที่ผ่านมา


หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้วเราจึงขึ้นไปที่ภูทับเบิกกันต่อ

เส้นทางระหว่างขึ้นภูทับเบิกจะเป็นทางที่ค่อนข้างชัน ต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง

พอเข้าที่พักแล้วทุกคนเหมือนรู้งาน นอนหลับกันสนิทเพราะเนื่องจากอดนอนกันมาทั้งคืน



แล้วตอนเย็นผมกับเพื่อนๆก็มุ่งตรงกันไปที่ภูแผงม้าเพื่อรอชมพระอาทิตย์ตกกัน แต่ฟ้าไม่เป็นใจ ฝนดังตกลงมาซะนี่

ทำให้ได้ภาพที่ไม่ค่อยสวยงามสักเท่าไหร่ แต่ก็แปลกตาไปอีกแบบ


ฝนตกลงมาแบบนี้ทำให้ผมนึกถึงช่วงเดือนมิถุนายน ที่ผมได้ไปมา ผมก็ได้แต่หวังว่าให้ตกหนักๆแบบคืนวันนั้น แต่ฝนก็ตกลงมาได้เพียงนิดเดียวก็หยุดไปซึ่งปริมาณฝนเพียงเท่านี้ความชื้นอาจจะไม่พอในการก่อตัวของทะเลหมอกในเช้าวันรุ่งขึ้นแน่ๆ


และเช้าวันอาทิตย์ก็มาถึงเช้าวันนั้นเป็นเช้าที่อากาศถือว่าหนาวเลยที่เดียว แสงแรกของวันนั้นช่างร้อนแรงเสียเหลือเกิน


ปกติเป็นคนที่เวลาไปเที่ยวมักจะตื่นเช้าอยู่แล้วแต่ก็ไม่เคยเห็นแสงตอนเช้าที่สวยขนาดนี้


ถึงแม้วันนั้นจะมีหมอกจางๆที่ไม่ถึงกับเป็นทะเลหมอกที่เป็นปุยๆเหมือนที่ตั้งใจไว้ก็ตามแต่สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็ทำให้ประทับใจไม่แพ้กันเลย


ภูทับเบิกวันนี้คนเยอะมากๆเยอะเหมือนช่วงเทศกาลปีใหม่เลยครับ ณ จุดชมวิว มีเต้นกางกันอยู่มากมาย


และสิ่งที่พลาดไม่ได้เลยของการมาที่นี่คือการได้ถ่ายภาพกับแปลงกะหล่ำปลี


หากเรามองลงไปจากบริเวณริมผาภูทับเบิกเราก็จะเห็นถนนที่เราเดินทางกันขึ้นมา ซึ่งก็คดเคี้ยวมากเลยครับ


ในวันนั้นที่พักถูกจองเต็มหมดทุกที่แต่ถือว่าโชคดีที่เพื่อนผมได้จองล่วงหน้าไว้แล้ว


แล้วพอเริ่มสายๆหน่อยพวกเราจึงเดินทางไปที่จุดชมวิวภูแผงม้ากันอีกครั้ง


ระหว่างทางที่เดินเข้าไปเราก็พบกับใบเมเปิ้ลสีแดงที่หล่นอยู่จึงหยิบขึ้นมาเก็บภาพไว้

ณ จุดชมวิวตรงนี้จะสูงกว่าจุดชมวิวภูทับเบิก ทำให้เราสามารถชมวิวได้สูงขึ้นไปอีก


ถึงแม้ว่าวันนั้นจะมีหมอกมาให้เราได้ชมกันบ้างเล็กน้อยแต่ก็ถือว่าคุ้มสุดๆแล้วกับการกลับมาที่นี่อีกครั้ง


สุดท้ายนี้สามารถติดการการท่องเที่ยวในแบบฉบับของผมได้ที่ Fanpage : เที่ยวทุกวันจันทร์-อาทิตย์


https://www.facebook.com/TravelEverythingEveryTime



ขอบคุณสำหรับการติดตามและเข้ามาเยี่ยมชมกันนะครับ ^__^

เที่ยวทุกวัน จันทร์-อาทิตย์

 วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 20.47 น.

ความคิดเห็น