ระยองเป็นจังหวัดที่ผมเดินทางมาเที่ยวค่อนข้างบ่อยสวนเป็นจังหวัดที่เดินทางสะดวกใกล้ๆ กทม ขับรถแค่แป๊ปเดียวก็ถึง
และในการมาจังหวัดระยองครั้งนี้ ผมตั้งใจมาที่นี่ครับ "ทุ่งโปรงทอง" ซึ่งที่ทุ่งโปรงทองนี้ผมอยากสัมผัสกับธรรมชาติที่นี่นานมากๆแล้ว
แต่ก็ไม่มีโอกาสสักที แต่ในที่สุดวันนี้ (14 ก.พ. 59) ก็ได้มาจนได้ครับ ^^
สามารถติดการการท่องเที่ยวในแบบฉบับของผมได้ที่ Fanpage : เที่ยวทุกวันจันทร์-อาทิตย์
https://www.facebook.com/TravelEverythingEveryTime
การเดินทางของผมอาศัยดูแผนที่จาก App:Google Map ตามพิกัดนี้ครับ >> 12.707339, 101.716112
ระยะทางจากบ้านผมไปทุ่งโปรทองก็ประมาณ 190 กิโล ซึ่งระยะทางก็ไม่ได้ไกลมากสักเท่าไหร่เหมาะสมแก่การท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับมากๆเลย
ระหว่างทางผมก็ขับรถไปเรื่อยๆ แวะพักบ้างนิดหน่อยใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงที่นี่ครับผมเดินทางมาถึงที่นี่เวลาประมาณ 9 โมงนิดๆ สภาพอากาศวันนั้นค่อนข้างร้อนอบอ้าวมากเลยทีเดียวครับ
ก่อนที่เราจะไปเดินทางไปถึงทุ่งโปรทองนั้นเราจะต้องจอดรถในที่จุดรับฝากรถครับ ราคาที่จอดรถก็คันละ 20 บาทเท่านั้นเอง
แล้วเราก็ต้องนั่งรถที่เค้าจัดไว้ให้ เสียค่ารถคนละ 5 บาท ระยะทางจากจุดจอดรถไปทางเข้าทุ่งโปรงทองประมาณ 1 กิโลเมตรครับ
ลานจอดรถที่นี่จะมีอยู๋ประมาณ 2-3 ลาน ลานสุดท้ายลึกเข้าไปจะเป็นลานที่ใกล้ทางเข้ามากที่สุด แล้วแต่สะดวกเลยครับว่าจะจอดรถที่ลานไหน
รถที่เราต้องนั่งต่อเข้าไปครับ
และนี่คือรถที่เรานั่งกันไปครับซึ่งก็รู้สึกแปลกไปอีกแบบ เรานั่งรถกันมาไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงกับทางเข้าทุ่งโปรงทองครับ
ทางที่นั่งรถเข้าไป
หน้าทางเข้าจะมีร้านค้าไว้คอยบริการครับก่อนจะเดินเข้าไปก็แวะซื้อน้ำดื่มติดเข้าไปสักขวดนึงก็ดีครับเพราะระยะทางในการเดินก็ประมาณ 1 กิโลเมตร
ที่นี่จะเปิดให้เข้าชม เวลา:8.00-18.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชมครับ
ทางเดินของที่นี่จะเป็นสะพานไม้ทอดยาวเข้าไปในป่าชายเลย ซึ่ง 2 ข้างทางจะเป็นต้นโกงกางน้อยใหญ่สลับๆกันไป
เนื่องจากเป็นสะพานไม้อาจจะมีการพุพังบ้างไปตามกาลเวลา เวลาเดินต้องระมัดระวังด้วยนะครับ
อย่างที่บอกกันไปว่าทางเดินจะมีป่าโกงกางตลอดสองข้างทางเดินไปถ่ายภาพไปชิลดีครับ
เราเดินกันมาได้ไม่นานก็ถึงจุดไฮไลท์ของที่นี่เลยครับ ทุ่งโปรงทอง ครั้งแรกที่เดินออกมาจากป่าโกงกางรู้สึกทึ่งกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้ามากๆเลยครับ
เดินออกมาจะเป็นลานกว้างๆที่มองไปเห็นแต่ต้อนไม้ที่กระทบกับแสงแดดแล้วมีสีออกเหลืองๆ ทองๆ เป็นไปตามที่ "เขาเล่าว่า" เลยครับ
เป็นทุ่งที่กว้างมากๆเลยครับ
ผมใช้เวลาถ่ายภาพอยู่ตรงนี้นานพอสมควรเลยครับ
หลังจากที่ถ่ายภาพได้พอสมควรแล้วผมก็เลือกที่จะเดินต่อเข้าไปครับ ตลอดทางที่เดินเข้าทางคล้ายๆกันกับทางที่เข้ามาตอนแรก
แต่ว่าต้นโกงกางบริเวณนี้จะสูงกว่ามากๆ หนาแน่นกว่าเยอะมากๆ
นั่งพักแปปนึงนะเริ่มเหนื่อย ^__^
เดินเข้าไปเรื่อยๆถ่ายภาพไปเรื่อยๆจนถึงริมชายทะเลเลยครับ ระยะทางเดินประมาณ 1 กิโลได้ครับ
หลังจากที่ได้เดินชมธรรมชาติได้สักระยะนึงแล้วเราต้องไปเที่ยวที่ต่อไปครับ
สะพานประแสนสิน
ระหว่างทางก็ถ่ายภาพไปเรื่อยๆจนมาพบกับสวนยางพาราเลยแวะถ่ายภาพสักแป๊บนึงครับ
สถานที่ต่อไปผมตั้งใจไว้ว่าจะไปน้ำตกเขาชะเมาต่อแล้วไปชมพระอาทิตย์ตกที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าต่อครับ
แต่ช่วงเวลาที่ไปในครั้งนี้น้ำน้อยมากๆครับเลยไม่ได้ถ่ายภาพน้ำตกมา
หลังจากนั้นผมก็มุ่งตรงไปที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าเลยครับ
สถานที่แห่งนี้ผมเคยมาแล้วแต่มาช่วงตอนกลางวันยังไม่เคยมาชมพระอาทิตย์ตกดินเลยครับ
ทางเดินไปจุดชมวิวของที่นี่มีให้เลือกเดิน 2 ทางครับ ทางแรกเดินขึ้นไปบนภูเขาเดินผ่านป่าเข้าไป
ส่วนทางที่สองเดินลัดเลาะตามชายทะเลไปครับ
ซึ่งทั้งสองทางจะไปบรรจบกันที่จุดชมวิวครับ
ผลเลือกเดินลัดเลาะไปตามริมชายหาดครับ ตลอดทางเดินจะมีสะพานไม้ บาวช่วงเป็น แผ่นหินขนาดใหญ่ เดินได้สักพักนึงเราก็มาถึงจุดชมวิวครับ
และในในไม่ช้าพระอาทิตย์ก็ค่อยๆเคลื่อนตัวลาลับขอบฟ้าไป พร้อมๆกับการเดินทางของผมในวันนี้ที่ต้องกลับบ้านแล้ว
แล้วเจอกันใหม่ในทริปหน้านะครับ
สามารถติดการการท่องเที่ยวในแบบฉบับของผมได้ที่ Fanpage : เที่ยวทุกวันจันทร์-อาทิตย์
https://www.facebook.com/TravelEverythingEveryTime
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะครับ
เที่ยวทุกวัน จันทร์-อาทิตย์
วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 20.47 น.