ป า ย เป็นเมืองที่ผมอยากไปเยือนมานานมากในความคิดคงเป็นเมืองในสายหมอก ชิวล์ ชิวล์สโลว์ไลฟ์เบาๆ แบกเป้สักใบกับคนรู้ใจอีกสักคนคงฟินน่าดูเลย แต่ในความเป็นจริงละ คนโสดอย่างเราคงไม่พ้นกับการต้องไปคนเดียวเช่นเคย มันคงถึงเวลาที่เราต้องไปให้จริงสักทีละ เริ่มจัดการหาข้อมูลทั้งการเดินทาง ที่พัก ไปคนเดียวข้อมูลต้องแน่นซะหน่อย เมื่อข้อมูลทุกอย่างพร้อมและลงตัว การเดินทางครั้งนี้กับเมืองที่ใฝ่ฝันมานานมากก็เริ่มขึ้น….
ทริปครั้งนี้ของผมมีระยะเวลา3 คืน 4 วัน ช่วงวันที่ 19 – 22 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในช่วงของฤดูฝน ซึ่งก่อนที่จะมาบริเวณแถวภาคเหนือมีฝนตกทุกวัน เริ่มใจเสีย 555 และเป็นช่วงที่ไม่ใช่เป็นฤดูของการท่องเที่ยวปาย โดยปกติแล้วที่นี่จะเหมาะในช่วงหน้าหนาวมากกว่ามีกิจกรรมให้ทำมากกว่า แต่ที่ผมเลือกมาในช่วงนี้ เพราะคนน้อย ราคาห้องถือว่าถูกมากนี่คือจุดสำคัญของทริปนี้ ออกเดินทางกันเลยดีกว่าครับ…..ใครจะไป ปายยยย ก็ตามมาเลยครับ
19 มิถุนายน 2559 วันแรกของการเดินทาง ผมขึ้นรถตู้จากขนส่งอาเขต จังหวัดเชียงใหม่ ของบริษัทเปรมประชา สายเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ใช้เวลาในการเดินทาง 3 ชั่วโมง ผมขึ้นรถเที่ยว 06.30 ถึงท่ารถปาย ตอน 09.30 แต่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมานั้นผมต้องผ่านอะไรมาและสิ่งที่ต้องเตรียมก่อนขึ้นรถมีอะไรบ้าง บอกเลยสำคัญมากจริง คือ ถุง ถุง ถุงอะไรก็ได้ เอาไว้ทำไรนะหรอ อ้วกสิครับ อ้วกแล้วอ้วกอีก เส้นทางปายนี่สุดโหดสมคำล่ำลือจริงๆ 762 โค้งสุดโหด โยกเยกเอ๊ยยยยย ซ้ายขวาซ้ายตลอดเส้นทาง จนถึงครึ่งทางจะถึงจุดแวะพักรถลงเข้าห้องน้ำล้างคอซะให้เรียบร้อย รถจะพักแค่ 20 นาที
แล้วก็เดินทางกันต่อ ออกไปสักพักเจอด่านตรวจต้องแสดงบัตรประชาชนให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันว่าไม่ใช่ต่างด้าว ระหว่างทางบรรยากาศเป็นอย่างไรไม่รู้คับปิดตาสนิท(ไม่ได้หลับนะยังรับรู้ได้ถึงการโยกเยก)และแล้วก็ถึง เมืองปายยยยยยลงจากรถมองซ้ายมองขวาเอาไงต่อดี แล้วเราจะไปไหนต่อ ยังไง มึนๆ งงๆ เปิดข้อมูลที่ได้เตรียมมาบอกเลยว่าแน่นมาก
สิ่งแรกที่ต้องทำคือเช่ามอเตอร์ไซด์ จากท่ารถปาย เดินไปทางซ้ายมือประมาณ 100 เมตร จะมีร้านให้เช่าเยอะแยะมากเลือกเอาตามสะดวก ยี่ห้อไหน รุ่นไหน ราคาก็แตกต่างกันไปตามสภาพ ของผมได้ Honda click วันละ 140 บาท ค่ามัดจำ 1000 บาท ค่าประกันรถล้มรถหายอีกวันละ 40 บาท ได้มาแล้ว รถพร้อม แต่ยังเข้าที่พักไม่ได้รอไรละ แว้นนนกันเลยพร้อมเปิด GPS ให้นำทางตลอดทริป ทริปนี้ต้องเพิ่งมันแหละ
จุดแรก วั ด พ ร ะธ า ตุ แ ม่ เ ย็ น เป็นวัดที่มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่มากสีขาว ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาจากถนนขับเข้าไปแล้วจะมีบันไดขึ้นไปไม่สูงมากด้านหลังเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ มองกลับมาด้านหลังเป็นวิวทิวเขาและหมู่บ้านสวยมากจริงๆ ถึงเวลาเก็บภาพ เชคอินลงโซเซียล ที่ผมบอกว่าสวยเป็นยังไงไปดูภาพกัน …
ภาพเมืองปายจากมุมสูงวัดพระธาตุแม่เย็น
จุดที่สอง หลังจากที่ขับมาเรื่อยๆตามแผนที่ จะเจอจุดนี้ สะพานประวัติศาสตร์เมืองปาย ลักษณะก็เป็นสะพานเหล็กที่ทอดผ่านแม่น้ำซึ่งสะพานนี้ประวัติและข้อมูลเป็นมาอย่างไรลองศึกษากันดูนะ และเมื่อเดินไปสุดสะพานจะมีร้านขายของที่ระลึกอยู่ด้วย แล้วเหมือนเดิม เก็บภาพ เชคอินลงโซเซียล เพื่อประกาศให้โลกรู้ ประมาณนั้น
จุดต่อไป ปายคนย่อน เป็นอีกที่หนึ่งที่เหมาะสำหรับกับการชมดวงอาทิตย์ตก เนินภูเขาที่บริเวณรอบๆเป็นหน้าผาหมด มีเส้นทางเดินวนรอบ บริเวณนี้คนจะเยอะช่วงตอนเย็นๆ ตอนผมไปเที่ยงแดดเปรี้ยเลย เลยแวะเที่ยวจุดนี้แค่ไม่กี่นาที
หลังจากปาแคนย่อน ขับรถกินลมไปเรื่อยๆสักพักหนึ่ง ก็จะเจอจุดที่ที่เคยเห็นในหนัง Coffee In Love ร้านกาแฟบรรยากาศสุดฟิน มีที่ให้ถ่ายรูป หลายจุด เช่น ถ้วยกาแฟแก้วยักษ์ บ้านสไตล์ชิคๆ และภายในร้านเป็นร้านเปิดโล่งมีระเบียงภาพด้านหน้าเป็นทิวแนวเขา บรรยากาศนี่ให้เต็มร้อยเลยครับ ใครที่ไปปายต้องไปพลาดร้านนี่นะ (ไม่ได้ค่าโฆษณาเลยนะ 55)น้ำสักแก้ว เค้กสักชิ้น ฟินยาวเลยครับ
อิ่มแล้วพลังพร้อมเดินทางกันเลยครับ จุดต่อไปนี้ต้องขับไปสักพักใหญ่ๆเลยนั่นคือ ศูนย์วัฒนธรรมจีนยูนาน หรือหมู่บ้านสันติชล เป็นหมู่บ้านของชาวไทยเชื้อสายจีนมีสิ่งปลูกสร้างแบบจีน มีร้านอาหารจีน ร้านขายของที่ระลึก
ตอนที่ขับมาระหว่างทางไปหมู่บ้านสันติชล มองไปบนยอดเขาจะเห็นหัวใจสีแดงดวงโตอยู่บนยอดเขามันคือที่ไหนไม่มีในข้อมูลที่ผมเตรียมไปเลยถามๆคนแถวนั้นได้ข้อมูลมาว่าเป็น จุดชมทะเลหมอกหยุนไหล ทางไปก็ขับต่อเข้าไปในหมู่บ้านไปเรื่อยๆ ขึ้นไปบนยอดเขาเส้นทางขึ้นค่อนข้างจะชันนิดนึง ใครขับรถไปแข็งแรงแนะนำให้จอดรถไว้ตรงทางขึ้นแล้วเดินเท้าขึ้นไปจะดีกว่า จุดนี้คล้ายจุดชมวิวทั่วไปแต่เวลาที่เหมาะกับสถานที่แห่งนี้ต้องเป็นตอนเช้าช่วงพระอาทิตย์ขึ้นจะเห็นทะเลหมอกและวิวเมืองปายทั้งเมืองเลยครับ ขึ้นไปด้านบนจะต้องเสียค่าเข้าชมนะครับ คนละ 20 บาท และได้ชิมชาฟรีด้วย ถือว่าคุ้มกับการขึ้นมา จะสวยแค่ไหนตามนี้เลยครับ
อันนี้สำหรับคนมีคู่ คนโสดอย่างผมคงไม่เหมาะ ว่าไปงั้น ต้นไม้แห่งความรัก
และอย่าพลาดจุดนี้ โล้ชิงช้า ต้องลองสักรอบบนะ
ถึงเวลาเชคอินเข้าที่พัก วันนี้พอแค่นี้ก่อนอยากพัก เอนหลัง หลับพักงีบแล้ว ที่พักที่ผมได้จองไว้อยู่ห่างจากถนนคนเดินประมาณ 2 กิโลเมตร ชื่อน่ารักดีเลยลองดู บ้านกะทิสด ชื่อเก๋ๆ แต่กว่าจะไปถูกทางเกือบแย่เหมือนกัน บรรยากาศดีกว่าที่คิดไว้มาก สมกับราคา แต่ที่นี่คงเหมาะกับนักท่องเที่ยวแบคแพ็คอย่างเราไม่เน้นความหรูหราสะดวกสบายมากมาย ราคาก็กลางๆ เข้าที่พักกันดีกว่าเหนื่อยอยากอาบน้ำจะแย่ละ หลับสักตื่นค่ำนี้เจอกัน ถนนคนเดินปาย ที่ล่ำลือ
ถึงเวลาอาบน้ำแต่งตัว ท้องร้องแล้วหวังฝากท้องมื้อนี้ที่ ถนนคนเดิน จะมีทุกวันเป็นประจำของถนนสายนี้แต่ของจะมาขายมากกว่าปกติในวันเสาร์อาทิตย์และในช่วงฤดูการท่องเที่ยวปาย ไปช่วงนี้ก็พอมีให้เดินชมอยู่บ้าง ทั้งอาหารไทย อาหารพื้นบ้าน ร้านของที่ระลึก บาร์ หลาหลายมาก
หิวววววววววว ^^ ง่ายๆตามสไตล์แหละนะ
และจุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างของการมาถนนคนเดินคือมาซื้อทริป ตามที่วางไว้คือทริปแม่ฮ่องสอน แต่…ถึงกับผิดหวังมากเพราะช่วงนี้จะไม่มีทริปนี้เพราะมี่ใครเที่ยวกัน ถ้าจะไปต้องไปด้วยรถส่วนตัว จากเมืองปายไปแม่ฮ่องสอนเป็นร้อยๆกิโลเมตร ขับไปเองคงไม่ไหว (ไม่เป็นไรค่อยมาเที่ยวใหม่หน้าหนาว) ในช่วงที่ไปนี้จะมีให้เลือก 2 ทริป ทริปเที่ยวรอบปายและทริปถ้ำลอด ซึ่งทริปเที่ยวเมืองปายวันนี้ผมก็ไปมาหมดแล้ว เลยต้องตกลงทริปถ้ำลอด ทริปนี้จะมีชมจุดชมวิวดอยกิ่วลม ล่องแพไม้ไผ่ถ้ำลอด โป่งน้ำร้อนไทรงาม น้ำตกหมอแป และชมดวงอาทิตย์ตกที่ปายแคนย่อน ทริปนะราคาคนละ 500 บาท รวมค่าเข้าชม และอาหารกลางวันแล้ว (ลองแวะไปร้านนี้ดูพี่เค้าให้คำแนะนำดีและใจดีมาก อาผิง ทัวร์)
โปสการ์ดสักใบส่งถึงตัวเองเป็นความทรงจำที่เมืองปาย
วันนี้ก็เที่ยวมารอบเมืองปายละ ไปมาหลายที่มากถือว่าเกือบครบเลย ขอกลับที่พักเก็บแรงสำหรับทริปวันพรุ่งนี้…
20 มิถุนายน 2559 วันที่ 2 ของการเดินทาง วันนี้มีทริปถ้ำลอด เริ่มออกเดินทาง 09.50-18.00 ทริปครั้งนี้ใช้บริการกับ อาผิงทัวร์ จากถนนคนเดินเมื่อคืน พี่คนนี้ใจดีมากให้ข้อมูลเยอะแยะมากมายและวันนี้พี่แกเป็นไกด์พาเที่ยวด้วยกับเพื่อนต่างชาติที่รวมทริปวันนี้อีก 5 คน สปีคอิงลิชกันเมื่อยลิ้นอีก 555 พร้อมกันแล้วออกเดินทางกันเลย
เริ่มออกเดินทางตามเส้นทางที่คดเคี้ยวจากระดับพื้นดินปกติไปเรื่อยๆตามเส้นทางจุดหมายของเราจุดแรกอยู่บนจุดสูงสุดหรือบนยอดเขานั้นเอง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที รับรู้ได้ถึงความสูงมาเพราะหูอื้อตลอดเวลา เคี้ยวหมากฝรั่งหรือกลืนน้ำลายบ่อยๆจะช่วยได้ จุดแรกของทริปวันนี้คือ จุดชมวิวดอยกิ่วลม อยู่บนจุดสูงสุดของภูเขา วันนี้ถือว่าโชคดีได้เจอหมอกด้วย แนวภูเขาและป่าสวยงามมาก ไปดูภาพกัน…
ก่อนไปจุดต่อไปได้เจอมาสคอตเมืองปายแล้ว กระเหรี่ยงคอยาว
มาจุดต่อไปกันเลยครับที่นี่คือ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าถ้ำน้ำลอด ชมถ้ำและล่องแพไม้ไผ่ ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยรูปแบบต่างๆตามจินตนาการ รวมถึงพวกค้างคาวนับพัน และภาพเขียนสีโบราณ จากข้อมูลที่ได้จากคนนำเที่ยวซึ่งเป็นชาวบ้านที่นำเราเข้าไปในถ้ำและให้ข้อมลต่างๆ ถ้ำแห่งนี้ทีอายุประมาณ 2000-2500 ปีแล้ว และได้เปิดให้เข้ามาเยี่ยมชมภายในถ้ำประมาณ 30 ปีมาแล้ว ข้อมูลเอาแค่นี้จำมาได้เท่านี้ 5555
"อย่าทิ้งสิ่งใดไว้นอกจากรอยเท้า อย่าเก็บสิ่งใดมานอกจากความทรงจำ"
เด็กดอยน่ารัก ^^
หลังจากที่ออกมาจากถ้ำก็ทานข้าวเที่ยงแล้วออกเดินทางต่อเลยครับ ระหว่งทางผมได้เจอกันสิ่งที่สวยงามหลังฝนตก รุ้งกินน้ำสีสด ที่แสงกระทบกับก้อนเมฆอย่างสวยงามของจริงมันสวยมากแต่ถ่ายออกมาได้เท่านี้นะ
เดินทางกันต่อเลยครับ จุดต่อไปคือ โป่งน้ำร้อนไทรงาม เป็นโป่งน้ำที่เกิดตามธรรมชาติ อุณหภูมิของน้ำถือว่าพออุ่นๆลงแช่ตัวได้สบายเลยครับ สปาธรรมชาติท่ามกลางป่า งั้นผมขอตัวก่อนเลยนะครับ
จากจุดนี้ร่างกายเริ่มเพลียจุดต่อไปขับรถกลับเข้าตัวเมืองปาย ทริปนี้ถึงจะไปคนเดียวแต่ไม่รู้สึกเหงาเลยพี่ที่พาเที่ยวชวยคุยตลอดทางจุดต่อไปคือ น้ำตกหมอแป ลงเก็บภาพซะหน่อย
จุดสุดท้ายของทริปนี้ ชมดวงอาทิตย์ตกที่ปายแคนยอนหรือกองแลน รอบที่ 2 แล้วกับที่แห่งนี้ผมว่ามันสวยงามแปลกตาดีนะ แต่แดดร้อนเหลือเกินอยากเดินไปให้ครบแต่ไม่ไหว นั่งพักรอเวลาดวงอาทิตย์ตกเก็บภาพแล้วกลับที่พักกัน
หลังจากเข้าที่พักอาบน้ำออกมาเดินเล่นถนนคนเดินอีกสักคืน คืนสุดท้ายสำหรับที่นี่แล้วหาของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านซะหน่อย
มื้อนี้ง่ายๆเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ โรตีชีส
อิ่มแล้วนอนได้พรุ่งนี้ต้องกลับแล้วจองรถไว้รอบ 12.00 ปาย-เชียงใหม่ คืนนี้ต้องนอนทำใจเจอกันอีก 762 โค้งสุดโหด
21 มิถุนายน 2559 วันที่ 3 ของการเดินทาง วันนี้เดินไปเชียงใหม่ตอนแรกจองรถไว้รอบเที่ยงแต่มาก่อนเวลาเลยเลื่อนตั๋วเป็นรอบ 10.30 เพื่อให้ถึงเชียใหม่เร็วขึ้นใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมงปลายทางที่ขนส่งอาเขต ขากลับนี้โดนยาเมารถไปหลับยาวตลอดทาง คืนนี้จะพักแถวนิมมาน นิมมาน รีสอร์ท จากขนส่งอาเขตนั่งรถแดงมา 50 บาท ถ้าจะเหมามาประมาณ 150 บาท ถึงเวลาเชคอินเข้าที่พักพอดี ที่พักเป็นไงมาดูกัน
เข้าที่พักเก็บของเรียบร้อยออกสำรวจย่านนิมมานกันซะหน่อยตามแผนที่วางมาต้องไปชิมไอติมร้าน Iberry ของพี่โน๊ตอุดม เช็คพิกัดปรากฎว่าใกล้กับที่พักนิดเดียวเดินเล่นเรื่อยๆไปละกัน ไม่กี่นาทีก็ถึง IBerry เป็นร้านนั่งเล่นชิวล์ๆ มีมุมให้ถ่ายรูปเยอมากถูกใจผมแล้วแหละ อยากกินไอติมละ ตามมาเลยยย
การเดินทางคนเดียวครั้งแรกของผมนครั้งนี้ได้เจอกับประสบการณ์ใหม่ๆเยอะเยะมากมาย สามาถแก้ไขปัญหาและกล้าเผชิญด้วยตัวเอง เริ่มหลงรักการเที่ยวคนเดียวแบบนี้ซะแล้วสิ และสำหรับทริปครั้งนี้ของผมยังไม่จบแค่นี้ เนื่องจากการเดินทางครั้งนี้มันหลายสถานที่มากผมเลยแบ่งเป็นรีวิวอีกชุดนึง รอติดตามกันต่อด้วยนะครับบกับสถานที่ใฝ่ฝันอีกหนึ่งที่
นั่นคือ ม่อนแจ่ม แว้นไปด้วยกันมั้ย
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ www.facebook.com/pkimage
ออกเดินทาง Step out journey
วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.34 น.