One Day Trip กับการเดินป่าชมน้ำตกที่สูงที่สุดในภาคกลาง ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี

หรือดูเป็นคิลปได้จาก LINK นี้ ==> 


หลังจากติดต่อที่เพจ “วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม” เพื่อจองทริป โดยมีค่าบริการ 300 บาท/คน

โดยรวมค่าเข้าอุทยานฯ รถรับส่ง ประกันอุบัติเหตุ ค่าคนนำทาง (โดยจะรับจองล่วงหน้า 100 คนต่อวัน

และ Walk in 30 คนต่อวัน เช็คชื่อที่จุดลงทะเบียน 8:00-10:00น. ) ในวันอาทิตย์ 14 สค. 2565 ผมก็มาถึงจุดลงทะเบียน

ราวๆ 8:30 น. หลังจากเตรียมพร้อมกินข้าวมาระหว่างทางเรียบร้อยก็มาลงชื่อที่จุดลงทะเบียน

ที่จุดลงทะเบียนมีห้องน้ำ อาบน้ำ ร้านชำ และมีข้าวกล่องขายให้เราพกขึ้นไปกินระหว่างทางเมื่อพร้อมก็ขึ้นรถที่จัดเตรียมไว้

เมื่อมาถึงจุดเริ่มเดินทางก็ฟังเจ้าหน้าที่อธิบายถึงเส้นทาง โดยจะเดินไปถึงน้ำตกชั้นที่ 7 ประมาณ 4 กม. ระยะเวลาเดินเท้า 3 ชั่วโมง ไป-กลับ 8 กม. รวมเวลา 5-6 ชั่วโมง กลุ่มผมเป็นกลุ่มที่2 ที่เริ่มเดิน

ผมไม่ค่อยชอบเดินลุยน้ำเท่าไร แต่จุดเริ่มเดินก็ทำให้ผมเจอน้ำแต่แรกเลยเพราะเราต้องข้ามลำน้ำไป

พอเดินเข้ามาพื้นก็จะเป็นดินแฉะๆหน่อยแต่เดินไม่ยาก เดินไปนิดนึงขบวนหยุดกันผมก็นึกว่าเจออะไรกัน แต่เป็นว่าน้องผู้หญิงคนนึงรองเท้าขาด เจ้าหน้าที่ก็เอารองเท้าสตั้ดดอยมาให้เปลี่ยนแล้วก็เดินต่อไป

เช้าๆดูเหมือนว่าวันนี้ไม่น่าจะพบกับฝนนะ ผมหวังว่า

ผมเอาไม้เท้าติดมาด้วย ไม้เท้าเป็นอุปกรณ์เดินป่าที่สำคัญนะ ไม่เกี่ยวกับว่าคุณจะเด็กหรือแก่ มันจะช่วยทุนแรงในการเดินลงมาก และช่วยยึดให้ไม่ลื่น ราคาไม่แพง หลักร้อยเท่านั้นสำหรับของผมนะ

เดินมาอีกไม่นานก็ข้ามลำน้ำอีก แต่น้ำเย็นชื่นใจเลยล่ะ

พอเดินมาไม่นานก็เจอเห็ดแชมเปญ ที่กำลังบานในช่วงหน้าฝน สีแดง สีส้ม โหย..สวยกว่าที่เห็นในภาพว่ะ ผมอุทานในใจผมหยุดดู ถ่ายรูป จนถูกทิ้งอยู่ท้ายขบวนคนเดียว เสียงฝีเท้าของคนอื่นไปไกลจนผมไม่ได้ยินเสียงพูดคุยกันแล้ว นั้นก็เป็นสิ่งที่ผมต้องการเลยเพราะผมต้องการความสันโดษ

เดินมาไม่นักก็เจอน้ำตกชั้นที่หนึ่ง ผมนั่งมองอยู่สักพัก ในตอนนี้น่าจะเดินมาได้ประมาณ 2 กม.แล้ว ไม่เหนื่อยนะช่วงนี้เดินไม่ยาก

จากนั้นก็เดินมาถึงน้ำตกชั้นอื่นๆ ในระหว่างนี้ก็มีหลายคนนั่งพัก และเล่นน้ำกันอยู่ราวๆ 7-8 คนเห็นจะได้ ช่วงนี้จะเริ่มเจอผึ้งป่ามาตอมเราแล้วเพราะมันจะกินเหงื่อของเราเพื่อสร้างแคลเซียมให้แก่ตัวมัน ผมเป็นคนที่แพ้ผึ้งพวกนี้ด้วย เลยเอายาแก้แพ้ ยาหม่องน้ำ และสเปรย์กันยุงที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อ ก็ใช้ได้เลยนะผึ้งมันไม่มาตอมเราเลย มันเลือกไปตอมคนอื่นมากกว่า เพราะมีตัวเลือกที่มันตอมได้ง่ายกว่าผม ระหว่างนั้นน้องผู้หญิงในกลุ่มก็ร้องเอะอะจากผึ้งมาตอม ผมเลยฉีดสเปรย์ให้หล่อน เธอกล่าวขอบคุณและเดินต่อไป

เจอนั้นเดินข้ามน้ำตก ตอนนี้น้ำแรงและพื้นลื่นดีว่ามีเชือกให้จับ ผมเดินท้ายๆขบวนที่แรกก็ตกใจว่า เฮ้ยมันข้ามกันแบบนี้เลยรึ

มาถึงชั้นที่ 5 ผมนั่งพักดื่มน้ำ น้ำที่นำมา 1 ลิตร หมดไปครึ่งกระติกแล้ว เห็นทีน้ำน่าจะไม่พอแน่ๆ ผมยกผ้าขาวม้าที่นำมาเช็ดเหงื่อที่ไหลได้แรงไม่แพ้น้ำตกเลยในตอนนี้

แล้วก็ถอนหายใจเมื่อมองไปด้านบนทางซ้าย เพราะเส้นทางต่อไปจะเป็นทางขึ้น และขึ้นอย่างเดียวแล้วอีก 1 กม.

ในใจก็คิดว่าเอาน่าไม่เท่าไรหรอก เราเดินป่า-น้ำตกมาหลายทีแล้ว ลุย! จากนั้นก็แบกเป้ขึ้นหลังข้ามลำน้ำไป

แล้วก็สบถกับตัวเอง เมื่อได้เดินจริงๆ แม่งชันฉิบ! ดีที่มีไม้เท้ามานะ เดินไป 10 ก้าว นาฬิกาก็ร้องว่าหัวใจเต้นแรงแล้วเลยจะหยุดพัก แต่มันเป็นทางชันไม่มีที่ให้พักเลยอ่ะดิ ต้องหยุดยืนเอาแล้วค่อยๆไปต่อ

ตอนนี้เริ่มไม่ไหวแล้ว คิดอยู่ว่า ทำไมไม่มีคนบ่น อยากกลับกันเลยว่ะ ถ้ามีผมกะว่าจะรวมวงกับเขาเดินกลับด้วยกัน แต่ดันไม่มีเสียด้วย ผมไม่อยากเป็นกาในฝูงหงส์เลยทำตัวกลมกลืนไป เอาว่ะ เดินก็เดิน แล้วก็บ่นกับตัวเองว่า โหย โหดชะมัดโกรกอีดกเอ๋ย

เมื่อเดินมาจนเห็นคนเยอะก็รู้แล้วว่าถึงชั้นที่ 7 แล้ว น้องเจ้าหน้าที่ยกนิ้วโป้งให้ล่ะร้องบอก เยี่ยมครับมาถึงแล้ว

ผมยังไม่ทันมองน้ำตกเลยว่าสวยแค่ไหน เดินหาที่นั่งก่อนไม่ไหวแล้ว หันไปเจอน้องผู้หญิงกลุ่มที่เจอตอนที่ฉีดสเปรย์กันผึ้งให้เธอยิ้มและทักทายกัน เป็นบทสนทนาแรกที่เธอเอ่ย

“ เป็นไงพี่เหนื่อยไหม” เป็นบทสนทนาแรกที่เธอเอ่ย เธอยิ้มอ่อนทำให้ผมรู้ทันทีว่าเธอก็เหนื่อยไม่แพ้กัน

ผมเห็นหล่อนนั่งคนเดียวเลยถามไป “เพื่อนไปไหนกันหมดล่ะครับ ถึงมานั่งคนเดียว” แทนคำตอบเธอชี้มือไปด้านบน ผมเข้าใจทันทีว่าเพื่อนเธอขึ้นไปเล่นและถ่ายรูปกันที่โขดหินที่ไกลออกไป

ผมไม่ได้ทันถามชื่อเธอนะ แต่ก็คุยกันจนรู้ว่า เธอมาพักตั้งแต่คืนวันเสาร์แล้ววันนี้มาเดินน้ำตกแล้วก็จะกลับ พวกเธอมาจากกรุงเทพฯ บางคนอยู่แถวๆลาดกระบัง บางคนอยู่ สมุทรปราการ

เมื่อมองไปที่น้ำตก ก็เห็นคนตื่นเต้นกันพอสมควรด้วยน้ำที่แรง ละอองน้ำกระเซ็นสร้างความสดชื่นไปทั่วกับความสูง 350 เมตร น้ำตกที่นี้บางคนก็บอกว่าเป็น ทีลอซูสระบุรี ผมเดินตอน 9:00 น. มาถึงก็เที่ยงพอดี เวลา 3 ชั่วโมง พอคำนวณดูแล้วลงอีก 3 ชั่วโมงก็น่าจะบ่ายสามหรือบ่ายสี่ เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาให้มาเดินตอน 800-10:00 น. เพราะช้ากว่านั้นจะมืดและเป็นช่วงเวลาที่สัตว์ป่าหากิน

เราพักกินข้าวที่เตรียมมากันตรงนี้ โดยขยะจากอาหารเราก็ต้องนำกลับไปด้วย และตอนนี้เพื่อนๆของน้องผู้หญิงกลับมาร่วมกลุ่มกันแล้วและก็ชวนทานขนมที่เธอนำมา ผมปฏิเสธไปเพราะไม่ชอบกินของหวานเท่าไร จากนั้นน้ำที่ผมนำมาก็หมดไปกับการกินข้าว จนน้องๆบอกงั้นไปเล่นน้ำตกชั้นล่างตอนกลับกันพี่ ผมพยักหน้าหงึกๆ แล้วก็คิดว่าจะไปเติมน้ำที่น้ำตกไว้ดื่มด้วย

ก็เลยเอาเป้ขึ้นหลังแล้วเดินลง ตอนลงนี่หนักกว่าขึ้นนะ เพราะขาใช้แรงเยอะมาก เดินไปจนขาผมเป็นตะคริวต้องค่อยๆไป ส่วนพวกน้องๆยังเด็กๆกันเดินนำไปก่อน

พอมาถึงน้ำตกชั้นล่าง เราก็ลงน้ำล้างตัวจากเหงื่อที่ไหลเพื่อให้น้ำล้างตัวให้เหงื่อหมดเพื่อผึ้งจะไม่มาตอม และก็ได้ผลจริงๆผึ้งไม่ตอมเราแล้ว น้ำตกก็เย็นสดชื่น ผมเองก็กรอกน้ำตกที่นี่ใส่กระติก

แล้วก็มายืนชมน้ำตกก่อนจะเดินทางกลับบ้าน

ข้อมูล น้ำตกโกรกอีดก ค่าบริการ 300 บาท/คน เริ่มเดิน 8:00-10:00 ระยะทางไป-กลับ 8 กม.

ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง ที่จุดลงทะเบียนมีห้องน้ำ ข้าวขาย และของชำขาย

สิ่งที่ต้องระวัง ผึ้งป่า

ความยากของเส้นทาง ชันมากช่วงสุดท้ายประมาณ 1 กม. มีการเดินลุยน้ำตก ปืนขึ้นโขดหิน

สิ่งที่ต้องเตรียม ยาแก้แพ้ ยาหม่อง สเปรย์กัยยุง รองเท้ารัดส้น ไม้เท้าเดินป่า และใจที่ต้องพร้อม

ติดต่อเดินทางที่เพจ “วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม

และติดตามเรื่องราว VDO การท่องเที่ยวที่ Youtube และเพจ “เที่ยวกับ gu”

เที่ยวกับgu

 วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 17.56 น.

ความคิดเห็น