สวัสดีเพื่อนๆท่องเที่ยวทุกท่าน
“ปอดกรุงเทพ" ถ้าขึ้นต้นด้วยคำนี้ผมเชื่อว่ามีหลายคนที่เคยได้ยินชื่อ แต่ไม่รู้ว่าสถานที่นั้นคือที่ไหน ?
ชีวิตคนเมือง จันทร์ถึงศุกร์ทำงานออฟฟิต เสาร์ อาทิตย์ หาเวลาพักผ่อน เพื่อชาร์ตแบตและกลับมาเริ่มทำงานอีกที
ในวันจันทร์ วนเวียนแบบนี้อยู่เรื่อยๆตามวัฏจักรสังคม แต่ธรรมชาติที่เหลือน้อยลงทุกทีในสังคมเมืองป่าคอนกรีต
ทำให้ชาวกรุงทั้งหลายต่างค้นหาธรรมชาติใกล้พื้นที่แห่งนี้
รีวิวนี้ผมจะพาเพื่อนๆไปปั่นจักรยานในสถานที่ที่ถูกขนานนามว่า ปอดกรุงเทพ สถานที่นี้อยู่ใกล้กรุงเทพแค่นิดเดียว
ไปเช้า - เย็นกลับแบบไม่ต้องค้าง ไปเพื่อชาร์ตแบตชีวิต ไปเพื่อเสพออกซิเจนให้เต็มปอดแล้วมาเริ่มทำงานใหม่ในวันรุ่งขึ้น
กับสถานที่แห่งนี้... บางกะเจ้า
"Bicycle in Bang-Kachao สูดออกซิเจนกันให้เต็มปอด"
ปล. สำหรับ เพื่อนๆ ที่ต้องสอบถามเพิ่มเติมสามารถสอบถามทาง message pantip หรือได้ที่ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ในปี พศ. 2549 จากนิตยสารไทม์เอเชีย (Time Asia) ฉบับ Best of Asia ได้ยกย่องให้บางกะเจ้า
เป็นปอดกลางเมืองที่ดีที่สุดในเอเชีย
บางกะเจ้าเป็นหนึ่งในตำบลของ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสีเขียวใกล้กรุงเทพ
พื้นที่บริเวณนี้บ้างก็ถูกเรียกว่า กระเพาะหมู เพราะมีรูปทรงคล้ายกระเพาะหมู
เหตุที่เรียกว่าปอดกรุงเทพ เพราะว่าพื้นทีส่วนนี้มีต้นไม้อยู่เยอะ มีธรรมชาติสมบูรณ์ และเป็นพื้นที่ที่รับลมจากทางทะเล
เข้ามาก่อนที่จะเข้าถึงตัวกรุงเทพ ดังนั้นต้นไม้และธรรมชาติเหล่านี้จะทำการฟอกอากาศที่สดชื่น
และส่งต่อไปยังกรุงเทพมหานคร หลักการทำงานแบบนี้จะคล้ายกับการทำงานของปอด ที่แห่งนี้จึงถูกขนานนามว่า “ปอดกรุงเทพ"
จุดเริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้ เนื่องจากเพื่อนผมเคยมาปั่นจักรยานแถวนี้อยู่หลายครั้ง วันว่างๆจึงชวนผมและเพื่อนๆ
มาปั่นจักรยาน สูดอากาศบริสุทธิ์ โดยผมขับรถส่วนตัวไปและไปจอดตรงที่จอดรถของตลาดบางน้ำผึ้ง ที่จอดรถนี้เป็นกลางแจ้ง
แต่ไม่เสียค่าที่จอดนะครับ ส่วนจักรยาน ใครจะนำมาและเริ่มปั่นกันตั้งแต่ตรงนี้ หรือ จะมาเช่าแถวนี้ก็ได้
เพราะที่นี่ถือว่าเป็นที่นิยมในการปั่นจักรยานแห่งหนึ่งใกล้กรุงเทพครับ
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เป็นตลาดน้ำใกล้กรุงเทพ ตั้งอยู่อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ
เสน่ห์ของตลาดน้ำแห่งนี้ คือ วิถีชีวิตชาวบ้านริมคลอง ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายมอญ
และยังมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นบ้านและอาหารที่มีชื่อเสียงของชุมชน รวมไปถึงร้านขายอาหารที่มีอยู่หลายร้าน
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เปิดทุกวัน เสาร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.00 น. – 16.00 น.
ด้านในเป็นโซนที่เพ่งเปิดใหม่จะเน้นขายพวกของใช้ เสื้อผ้า เป็นหลัก
ส่วนด้านนอกจะเป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่หลายร้าน มีโต๊ะตัวเล็กๆ พร้อมกับนั่งทานบนพื้นที่มีการปูรองไว้
ก่อนพวกผมจะเริ่มปั่นจักรยานก็แวะเติมพลังกันที่นี่ก่อนครับ
เมื่อทานอาหารอิ่ม ใครจะเดินเล่นเพื่อย่อย หรือจะเดินเข้าไปด้านในสุดของตลาดน้ำนี้ จะเป็นวัดบางน้ำผึ้งในครับ
ผมและเพื่อนๆมาเช่าจักรยานในวัดนี้ครับ อัตราค่าเช่า ชม. ละ 30 บาท ถ้าเหมาเช่าทั้งวัน 80 บาท ต่อคันครับ
จักรยานมีหลายแบบ แต่ส่วนใหญ่จะไม่มีเกียร์นะครับ แต่ที่โดดเด่นของร้านนี้คือ รูปทรงจักรยานไปรษณีย์ญี่ปุ่นสีแดง
แถมมีธงชาติ กับ ธง ภปร. ติดอยู่ที่แฮนด์ด้วยครับ ^^
พร้อมกันหรือยัง ไปเริ่มต้นปั่นจักรยานเที่ยวกันดีกว่า อ่อ...สำหรับแผนที่นั้นสามารถขอได้จากร้านเช่าจักรยานได้เลยครับ
หรือจะดูจากรูปในความคิดเห็นที่ 1 เส้นทางการปั่นจักรยานเที่ยวบางกะเจ้านี้ก็ได้ครับ
ปล. ภาพนี้เป็นภาพที่ถ่ายตอนคืนจักรยาน เพราะก่อนเริ่มปั่นไม่ได้แชะภาพเก็บไว้ก่อนครับ ><จากทางด้านหลังวัดสามารถขี่ลัดเลาะตามทางมาเรื่อยๆ ถนนด้านในไม่ค่อยมีรถวิ่ง และโดยรวมบรรยากาศร่มรื่นมากครับ
ปั่นออกมาทาง ซอยเพชรหึงษ์ 28 ด้านนอกจะเป็นถนนใหญ่ โปรดใช้ความระมัดระวังในการขับขี่จักรยานด้วยนะครับ
ทานอาหารคาวเมื่อครู่แล้ว จุดแรกที่แวะก่อนคือ ร้านกาแฟในบ้าน ร้านตั้งอยู่หน้าปากซอยเพชรหึงษ์ 29
ร้านนี้เพื่อนผมที่เคยมาปั่นจักรยานแถวนี้อยู่บ่อยๆแนะนำว่าลองทานดู ชากับกาแฟของร้านนี้ใช้มะพร้าวปั่นผสมด้วย
บรรยากาศในร้านจัดแบบเรียบง่าย และด้านหน้าร้านมีที่จอดสำหรับจักรยานด้วยครับ
เมนูที่เพื่อนแนะนำคือ กาแฟมะพร้าวปั่น กับ ชาเขียวมะพร้าวปั่น รสชาติหอม มัน และมีเนื้อมะพร้าวกรุบกริบ
ราคากาแฟมะพร้าวปั่นแก้วละ 55 บาท ส่วนชาเขียวมะพร้าวปั่นแก้วละ 50 บาท ครับ หรือใครไม่ชอบทานมะพร้าว
ก็มีเมนูอื่นให้เลือกด้วยครับ
เมื่อเติมพลังทั้งของคาว ของหวานเรียบร้อย ได้เวลาปั่นเที่ยวแบบจริงจังกันแล้วนะครับ
ปั่นจักรยานมาทาง ซอยเพชรหึงษ์ 33 จะมีป้ายบอกทางมาสวนสาธารณะศรีนครเชื่อนขันธ์ เลี้ยวตามทางเข้าไปด้านในเลยครับ
ด้านในมีป้ายบอกสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ตลอดทาง พร้อมทั้งบอกระยะทางที่จะถึงไว้ด้วยครับ
จุดแรกที่พวกผมจะพามาเที่ยวคือ พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย
เปิดวันเสาร์ - อาทิตย์ และ วันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00 น. - 17.00 น.
ไม่เก็บค่าเข้าชม มีที่จอดสำหรับจักรยานด้านนอก
แนวคิดของการสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ คิอ มิได้เป็นเพียงสถานที่ให้ความรู้ในเรื่องของปลากัด
หากแต่เป็นสถานที่ของการร่วมมือร่วมใจความมีสมานฉันท์ของคนในชุมชน เพื่อสร้างความแข็งแรงด้วยการเรียนรู้
โดยจุดเริ่มต้นจากการไม่รู้ เพื่อนำไปสู่การเรียนรู้ เริ่มจากน้อยไปสู่มาก เพื่อเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนของชุมชน
ด้วยการเรียนรู้ร่วมกันของคนในชุมชน
ที่นี่มีปลากัดหลากหลายพันธุ์ พร้อมทั้งบอกถึงวิธีดูแล บอกถึงสายพันธุ์ และที่มาของปลาแต่ละสายพันธุ์ไว้อีกด้วยครับ
ข้อห้ามที่สำคัญคือ อย่าเคาะตู้!!! ครับ
มีคลินิคปลากัด ที่คอยให้คำแนะนำตั้งแต่ปลากัดที่เพิ่งเกิด จนไปถึงโตเต็มที่
ที่นี่ไม่ได้มีแต่อาคารที่จัดแสดงปลากัดเท่านั้น ยังมีปลาอีกหลากหลายชนิดที่ไม่ใช่ปลากัด ตั้งไว้อยู่ในโซนด้านหลัง
รวมถึงมีร้านกาแฟ ร้านขายสินค้าที่ระลึก ตั้งอยู่ด้านหน้าอีกด้วย
ออกจากพิพิธภัณฑ์ปลากัด ขี่จักรยานย้อนมาทางเดิม จุดต่อไปที่จะแวะมาเที่ยวคือ สวนสาธารณะศรีนครเขื่อนขันธ์
สวนสาธารณะศรีนครเขื่อนขันธ์ มีเนื้อที่กว่า 200 ไร่ สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งผลิตอากาศบริสุทธิ์
เป็นสวนสาธารณะสำหรับพักผ่อน ออกกำลังกาย และศึกษาระบบนิเวศน์ของพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ในท้องถิ่น
และพื้นที่ใกล้เคียง
ลักษณะของสวนเป็นการผสมผสานของสวนสาธารณะที่มีการจัดสภาพภูมิทัศน์ให้สวยงาม
มีสะพานไม้ทอดยาวให้เดินชมพื้นที่อันสงบร่มรื่น มีพื้นที่สำหรับให้อาหารปลา หรือใครจะมาเช่าจักรยานขี่เล่นชมสวนแห่งนี้
ก็มีร้านจักรยานให้เช่าอยู่ด้านหน้า ชม. ละ 50 บาท ทั้งวัน 100 บาท ต่อคัน ครับ
บรรยากาศที่นี่ร่มรื่นมาก เหมาะแก่การมาพักผ่อน สูดอากาศสดชื่น
มีธงแบบนี้ติดด้านหน้าจักรยาน ขี่ไปโบกสะบัดไป พลิ้วไหวไป ^^
ที่นี่มีสะพานไม้สูงอยู่หลายสะพาน จังหวะตอนขึ้นต้องใช้แรงเยอะหน่อย แต่ตอนขาลงสะพาน ควบคุมจักรยานให้ดีนะครับ
เพราะบางสะพานจะเป็นทางโค้ง เดี๋ยวจะมีหลุดโค้งโดยไม่รู้ตัว >< โปรดขับขี่ด้วยความระมัดระวังครับ
จะเห็นว่าที่นี่ นิยมมาปั่นจักรยานกันค่อนข้างมาก ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งคนไทยเอง หรือคนต่างชาติ เพราะที่สวนนี้ร่มรื่น
สะอาด เหมาะสำหรับพักผ่อน และเป็นสถานที่ออกกำลังกายได้ดีทีเดียว
อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือ หอชมวิวสูง 7 เมตร ที่สามารถชมทิวทัศน์ได้โดยรอบ
มีเส้นทางเดินสำหรับศึกษาธรรมชาติ บางเส้นทางผุพังลงไปบ้าง แต่ความร่มรื่นไม่จางหายไปจากที่สวนแห่งนี้
เส้นทางการเดินทางมาบางกระเจ้านั้นมาได้ทั้งทางรถยนต์ หรือทางเรือข้ามฝาก ด้านในมีท่าเรือบางกะเจ้า
ซึ่งเชื่อมต่อไปยังท่าเรือคลองเตยนอก ตรงวัดคลองเตยนอก พระราม 3
เรือหางยาวข้ามฟากคิดค่าบริการต่อเที่ยวคนละ 10 บาท สามารถนำจักรยานขึ้นเรือหางยาวนี้ข้ามฟากมาได้คิดเพิ่มอีก 10 บาทต่อคัน
หรือถ้าใครไม่มีจักรยาน สามารถหาเช่าจักรยานตรงท่าเรือคิด ชม. ละ 50 บาท ทั้งวัน 100 บาท ครับ
ที่นี่มีหลายซอย บางซอยตัน บางซอยสามารถทะลุไปเส้นทางอื่นได้ แต่ละซอยร่มรื่น แต่การปั่นจักรยานต้องระมัดระวัง
เพราะทางนั้นมีระยะห่างแค่รถจักรยานสวนกันเท่านั้นครับ
จุดต่อไปที่จะพาไปเที่ยวจะอยู่ใกล้ๆตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เราต้องปั่นย้อนกลับไปทางเดิม
กว่าจะมาถึงป้ายทางเข้าต้องถามทางมาเรื่อยๆ ซึ่งจริงๆแล้วอยู่ไม่ไกลจากตลาดน้ำ ข้ามสะพาน แล้วปั่นต่อมาอีกประมาณ 300 เมตร
ก็จะพบทางเข้าหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว
เส้นทางด้านในร่มรื่นปกคลุมไปด้วยต้นไม้ มีผู้คนท้องถิ่นอาศัยอยู่ละแวกรอบข้าง
รวมถึงนักท่องเที่ยวที่นิยมปั่นจักรยานก็ต้องแวะมาเส้นทางนี้ด้วยเช่นกัน
ถึงแล้วครับ บ้านธูปหอมสมุนไพร เศรษฐกิจแห่งชุมชน
ที่นี่มีจักรยานไว้รองรับนักท่องเที่ยวคิด ชม. ละ 50 บาท ต่อคัน ทั้งวัน 100 บาท
ที่นี่มีการสอนวิธีการทำธูปหอมสมุนไพร ตะไคร้หอมกันยุง หรือจะสอนการเพ้นท์ผ้า ค่าเรียนคนละ 60 บาท ต่อคน
ต่อคอร์ส ผมได้คุยกับคุณป้าเจ้าของบ้านหลังนี้ คุณป้าบอกว่าช่วงวันธรรมดานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากันเยอะ
มากันเป็นกรุ๊ปทัวร์ จักรยานของที่นี่ถูกเช่าเต็มหมดแทบทุกวัน ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยมีเข้ามาบ้างแต่ไม่มาก
ที่นี่ถือว่าเป็นวิถีชุมชน แหล่งความรู้ภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่สามารถมาศึกษาถึงวิธีการทำธูปหอม ตะไคร้หอม
อย่างน้อยที่นี่เป็นแหล่งเศรษฐกิจชองชาวบ้าน ที่มีรายได้จากภูมิปัญญาวิถีชีวิตของชุมชนตัวเอง
ออกจากบ้านธูปหอมสมุนไพรไปตามทางเรื่อยๆ ละแวกนี้มีที่ท่องเที่ยวอยู่หลายที่ บรรยากาศสองข้างทางร่มรื่นมากครับ
แต่ข้อควรระวังในการปั่นจักรยาน ดูทางดีๆเพราะทางค่อนข้างเล็ก แคบพอสมควร
ปั่นจักรยานมาตามทางเรื่อยๆ จะพบกับอีกหนึ่งที่พัก Bangkok Tree House
ที่นี่เป็นทั้งที่พัก เป็นทั้งร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นร้านกาแฟนั่งพักเหนื่อยของนักปั่นหลายๆท่าน
ที่นี่สามารถเข้ามาชม เข้ามาถ่ายรูปได้ฟรี โดยผมขึ้นไปถ่ายบนดาดฟ้าของที่พัก เห็นวิวรอบด้านสวยงาม ร่มรื่นดีครับ
เส้นทางบริเวณนี้เชื่อมต่อถึงกัน แต่จาก Bangkok Tree House นั้น ปัจจุบันทางตรงไป สะพานกำลังปรับปรุงซ่อมแซมอยู่
ไม่สามารถปั่นวนไปทางนั้นได้ เราต้องย้อนกลับไปทางเดิมครับ
สวนป่า อีกหนึ่งสถานที่ร่มรื่น จุดเด่นของสถานที่นี้คือ มีพื้นสีเขียวตลอดเส้นทาง
สวนป่าแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นไฮไลท์ของการปั่นจักรยานชมวิวที่นี่เลยครับ
ยิ่งมาเจอแสงช่วงตอนเย็นก่อนกลับ อดใจไม่ไหว แชะถ่ายรูปอย่างเมามัน ^^
หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ผมก้ได้นำจักรยานที่เช่ามาไปคืนที่วัดบางน้ำผึ้งใน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่แห่งนี้
เห็นเวลาผ่านมาถึงช่วงเย็นสีท้องฟ้าวันนี้สวยงามจริงๆ เลยขับรถมาจอดที่สวนเฉลิมพระเกียรติ และแวะมาถ่ายรูป
ใต้สะพานภูมิพล
ที่บริเวณนี้เรียกว่า คลองลัดโพธิ์ เดิมที่มีลักษณะตื้นเขิน ต่อมาได้จัดสร้างเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริ
เป็นการบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร โดยยึดหลักการ "เบี่ยงน้ำ" (Diversion)
มีหลักการคือ จากสภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาเดิมที่มีลักษณะไหลวนคดเคี้ยว
บริเวณรอบพื้นที่บริเวณบางกระเจ้านั้นมีความยาวถึง 18 กม.
ทำให้การระบายน้ำที่ท่วมพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานครเป็นไปได้ช้า ไม่ทันเวลาน้ำทะเลหนุน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯจึงมีพระราชดำริให้พัฒนาใช้คลองลัดโพธิ์ ซึ่งเดิมมีความตื้นเขินมีความยาวราว 600 เมตร
ให้ใช้ระบายน้ำที่หลากและน้ำที่ท่วมทางสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาลงสู่ทะเลทันทีในช่วงก่อนที่น้ำทะเลหนุน
และปิดคลองลัดโพธิ์เมื่อน้ำทะเลหนุน เพื่อหน่วงน้ำทะเลไม่ให้ขึ้นลัดเลาะไปตามแนวแม่น้ำเจ้าพระยาที่คดโค้งก่อน
ซึ่งใช้เวลามากจนถึงเวลาน้ำลง ทำให้ไม่สามารถขึ้นไปท่วมตัวเมืองได้
ปล. ขอบคุณข้อมูลจาก wikipedia ครับ1 วันกับการปั่นจักรยานชมวิว สูดออกซิเจนให้ชุ่มปอดบริเวณบางกะเจ้านี้ ถือว่าเป็นการ refresh ตัวผมและรู้สึกได้ถึงความสดชื่น
เมื่อก่อนมาที่นี่มีคนถามผมว่าบางกะเจ้าคือที่ไหน ? และมีคนถามผมอีกว่าบางกะเจ้ามีอะไรเที่ยวนอกจากตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ?
ผมว่ารีวิวนี้เป็นคำตอบให้คนกรุงเทพ และใครอีกหลายๆคน ที่อยากจะมาพักผ่อนในสถานที่ใกล้กรุง ในสถานที่ร่มรื่น
ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ต้นไม้ และ วิถีชีวิตของชาวบ้านที่อบอุ่นแห่งนี้
ที่นี่ยังมีวัดวาอารามอีกหลายวัดที่สามารถมาเป็นทริปไหว้พระทำบุญอย่างเดียว
ที่นี่ยังมีสวนต้นลำพู ที่ชาวบ้านแถวนี้บอกกันว่ามีหิ่งห้อยอยู่จำนวนมาก
ที่นี่ยังมีเส้นทางปั่นจักรยานที่ปลอดภัย รวมถึงมีนักปั่นหลายๆท่านต่างมาออกกำลังกายกันที่นี่
และที่นี่ยังคงเป็น ปอดแห่งกรุงเทพมหานคร เป็นปอดที่ฟอกอากาศสดชื่นให้คนกรุงอย่างเราได้รับ
ขอขอบคุณเพื่อนที่ร่วมทริปทุกคน ที่ชวนผมไปออกกำลังกายในวันว่าง ชวนไปเสพออกซิเจนเข้าตัว
ขอบคุณชาวบ้านบางกะเจ้าทุกท่าน ที่แบ่งปันรอยยิ้มตลอด 2 ข้างทางที่พวกผมปั่นจักรยานผ่านและถามทาง
และที่สำคัญผมต้องขอขอบคุณพี่ผู้ชายทั้ง 2 คนในรูปด้านล่างนี้ที่ช่วยปฐมพยาบาลผม ตอนประสบอุบัติเหตุจากการปั่นจักรยาน
น้ำใจคนไทย ไม่ขาดแคลนในทุกถิ่นจริงๆครับ ขอบคุณมากครับ
ใครมีคำถามสอบถามได้นะครับจะทาง message pantip หรือในเพจของผมก็ได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวปั่นจักรยาน เที่ยวบางกะเจ้านี้จนจบ
"Bicycle in Bang-Kachao สูดออกซิเจนกันให้เต็มปอด"
nejutravel
วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 01.33 น.