[NAN TRIP] เที่ยวสะปัน-น่าน 4 วัน 3 คืน พร้อมรีวิวค่าใช้จ่ายตลอดทั้งทริป

[NAN TRIP] เที่ยวสะปัน-น่าน 4 วัน 3 คืน พร้อมรีวิวค่าใช้จ่ายตลอดทั้งทริป

เริ่มต้นทริป วันที่ไปคือ 21-24 กันยายน อากาศดี ฝนตกเจอหมอก แดดบ้างเล็กน้อย ... ทริปนี้เราไปทั้งหมด 6 คน 4 คนคือแก๊งค์เพื่อน อีก 2 มาเป็นคู่แฟนกันเลยจองแยก เพราะฉะนั้นค่าใช้จ่ายนี้จะเป็น 4 คนหารกันนะคะ  ค่าที่พัก นอน 3 คืน 3 ที่ เฉลี่ยคนละ 6,075 บาท แบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็น

ที่พักสะปัน คืนที่ 1 บ้านธารหมอก At สะปัน
4,900฿/ห้อง จอง 2 ห้อง = 9,800 ราคารวมอาหารเช้า-เย็น

ที่พักกิ่วม่วง คืนที่ 2 Kew Muang Mountain High Camp

4,500฿/ห้อง จอง 2 ห้อง  = 9,000 ราคารวมอาหารเช้า , Set Afternoon Tea , อาหารเย็น และ เครื่องดื่มก่อนนอน

ที่พักตัวเมืองน่าน คืนที่ 3 บ้านนาก๋างโต้ง

ห้องละ 5,500/ 1ห้อง พักได้ 4 คน (บ้านนาเคียงเดือน) ราคารวมอาหารเช้า

    ทั้งนั้นจะถูกหรือแพงกว่านี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง แต่สำหรับแก๊งค์เราช่วงเวลาที่มาน่าน ไลฟสไตล์การเที่ยว และจำนวนวันที่เรามา ราคาก็จะอยู่ประมาณนี้ค่ะ 

    ซึ่งการจองทั้งหมดเราทยอยจอง จองตั้งแต่มกรา ส่วนใหญ่ที่พักน่านมีจำนวนห้องไม่เยอะ ควรจองตั้งแต่ต้นปี เพื่อจะมาช่วงกันยา ตุลา เดือนน่าเที่ยวของน่าน หากไม่จองนานก็คืออด เพราะปีก่อนก็คือจะไปกันเลย สรุปที่ที่อยากพักเต็มยาว และการทยอยจองก็มีข้อดีคือ ช่วยให้เรารู้สึกว่าไม่ต้องจ่ายเป็นก้อน เก็บทยอยจ่ายแต่ละเดือน เช่น เดือนมกราจองที่พักคืนที่ 1 เดือนกุมภาจองที่พักคืนที่ 2 คือการจองแบบนี้ช่วยได้เยอะเวลามากับเพื่อน ๆ รู้สึกว่าไม่เสียเงินเยอะเป็นก้อน เก็บเดือนละประมาณสองพันเก็บกันมาเรื่อย ๆ  .. ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ออกเที่ยวกันเลยค่ะ


    ทริปนี้แพลนการเที่ยวของเราก็คือ สะปัน - กิ่วม่วง -ตัวเมืองน่าน นะคะ เริ่มต้นสนามบินน่านนคร เป็นสนามบินเล็ก ๆ ไม่ใหญ่มาก เริ่มต้นลงเครื่อง ก็หาอะไรกินกันก่อน เราเลือก ร้านข้าวซอยคุณยาย อยู่ไม่ไกลจากสนามบิน

    ที่สั่งก็จะมีข้าวซอยไก่ ขนมจีนนํ้าเงี้ยว และก็ไก่ทอดมะแขว่น ซึ่งมะแขว่นคืออะไรเราก็ไม่รู้ ถามพี่เค้า เค้าบอกว่ารสชาติมันจะเผ็ด ๆ ร้อน ๆ หน่อย แนวหมาล่า เลยสั่งมาลอง

    ส่วนตัวคือรสชาติไม่ได้เผ็ดขนาดนั้น แต่คิดว่ากินไปเยอะ ๆ ก็อาจจะเอาเรื่องอยู่ แต่กลิ่นเครื่องเทศแรงขึ้นจมูก ส่วนตัวไม่ค่อยชอบรสนี้เท่าไหร่ ส่วนข้าวซอยไก่ร้านนี้นํ้าจะไม่ได้ข้นมาก บางๆ เบสกลาง ๆ ดูแบบคนกรุงกินได้ ก็อร่อยดี ราคาไม่แพง ร้านเปิดทุกวัน 08.00-16.30 ส่วนที่จอดรถน้อยซอยแคบค่ะ ถ้ามาสายอาจจะต้องจอดหน้าซอย


    ถัดมาเราไปกันต่อที่ Nan Native ,Kew Muang by Chef First เป็นคาเฟ่ระหว่างทางไปบ่อเกลือ สะปัน เพราะคืนนี้เราจะนอนที่สะปันกันค่ะ เป็นทางผ่านที่แวะได้พอดี  ร้านนี้บอกเลยว่าไม่ควรพลาดถ้ามาน่าน

    เข้ามาแล้วคือวิวสวยมาก ถ่ายรูปออกมายังไม่สวยเท่าที่ตาเห็นเลย ยังกับภาพวาด โชคดีที่วันไปคืออากาศชิวมาก ไม่ร้อนมากเท่าไหร่ นั่งได้สบาย ๆ เลย 

    ส่วนอาหารมีทั้งคาวหวาน เราสั่ง Set Afternoon Tea กันมา จิบกาแฟจิบชา ดูวิวตรงหน้า ปังไม่ไหวววว สวยมากกกก ยกให้เป็นร้านที่ต้องแวะเลย

    หน้าตาดูดีมาก รสชาติผ่าน แต่ส่วนตัวสโคนมีความแข็งไปนิดนึง และชาเย็นสำหรับเราหวานไปหน่อย นอกนั้นโอเคเลยค่ะ ประทับใจมาก ใครมาน่านควรแวะเลย คุ้มค่า ถ้ามีโอกาสได้มาอีกต้องมาอีกแน่นอน ไว้รอบหน้าก็จะมาลองของคาวบ้าง

    มุมโต๊ะนี้พี่พนักงานแนะนำ พี่พนักงานบอกคือจุดไฮไลต์ของที่นี่เลยค่ะ แต่จากที่เดินสำรวจทุกโต๊ะมีมุมที่สวยหมดเลยจริง ๆ ปกติวันหยุดยาวคนจะเยอะ แต่โชคดีเรามาวันธรรมดาชิวมาก ใครอยากได้บรรยากาศแบบนี้ก็แนะนำมาวันธรรมดาดีกว่าค่ะ วิวสวยชนิดที่ว่าขับรถมาจากตัวเมืองน่านแค่ 30 นาที ก็ได้วิวเขาแบบนี้แล้ว ทางมาไม่ยากค่ะ สบาย ๆ ชิว ๆ ร้านเปิดทุกวัน 10.00-19.00


    ที่ต่อไปเป็นถนนที่ฮิตที่สุดในน่าน นั้นคือ ถนนหมายเลข 3 ใครมาก็จะต้องมาถ่ายมุมนี้ เราก็ไม่พลาดเช่นกัน ก่อนถึงจุดมีที่จอดรถให้ข้างทาง สะดวก ไม่ได้อันตราย แต่ก็ควรระวังรถ

    จากแดดเปรี้ยง อยู่ดี ๆ ท้องฟ้าก็มืด และยังไม่ทันถ่ายดี ฝนก็เทลงมาตามคาด ก็เลยต้องรีบขึ้นรถและมุ่งหน้ากันต่อ

    ข้อแนะนำ : จากถนนหมายเลข 3 ไปจนถึงสะปัน ถนนคือดีมาก เส้นทางเป็นแบบนี้ แต่โค้งก็เยอะมากเช่นกัน ขนาดพวกเราเป็นคนที่ไม่เมารถกันเท่าไหร่ เจอแบบนี้ก็พากันคลื่นไส้ จะอาเจียน เพราะฉะนั้นใครจะมาก่อนมาถึงตรงนี้ให้แวะหาซื้อยาดม ยาแก้เมารถ นํ้า หรืออะไรเปรี้ยวๆ ติดไว้เลยค่ะ ดีว่าฝนตกนิดเดียวไม่แรง ขับไปแปปเดียวหยุด ทางเราเปิดกระจกรับลมเลยช่วยมาได้หน่อย 


    ขับมาจนถึงแถวบ่อเกลือ พวกเราก็คือไม่ไหวกันแล้ว ไม่รู้ว่าหิวข้าวท้องว่างหรือเพราะอะไรกัน ทุกคนท้องไส้ปั่นปวนเมารถจะอาเจียนสุด ก็เลยหาที่แวะกินข้าว ซึ่งร้านที่เราแวะชื่อว่า หัวสะพานบ่อเกลือ เป็นร้านอาหารเล็ก ๆ ริมธาร เห็นเค้าว่าดังในย่านนี้ เราไปวันธรรมดาไม่มีคนเลย ก็โชคดี

    เมนูที่ร้านมีไม่เยอะ น่าจะประมาณมีให้เลือกสิบกว่าอย่างเองมั้งถ้าจำไม่ผิด เราสั่งมาทั้งหมด 6 อย่าง เมนูที่สั่งมาและชอบ อยากแนะนำ คือ ลาบหมูคั่ว ผัดฝักแม้ว และก็ปลาราดซอสมะขาม คืออร่อย ชอบมาก นอกนั้นคือเฉย ๆ ร้านหัวสะพานบ่อเกลือรสชาติเค้าจะออกแนวจัดจ้าน แต่โดยรวมก็คือดี ร้านเปิดทุกวันนะคะ 10.00-22.00 


    จากร้านหัวสะพานบ่อเกลือ ก็ไปหมู่บ้านสะปันอีกไม่ไกล ระหว่างทางคือบรรยากาศดีมาก อากาศเย็น แบบเปิดกระจกรถ รับลมเลยทีเดียวฟินมาก ๆ ในที่สุดก็ถึงสะปันแล้ว ..

    ก่อนเข้าที่พักแวะ คีรีวารีคาเฟ่ อยู่ข้างๆกับที่พัก เดินมานิดเดียว สายตาเหลือบไปเห็นพอดีว่าวิวสวยมาก

    บรรยากาศดีมาก นั่งชิลมาก และคือไม่ได้คาดหวังว่าอร่อย กะจะกินบรรยากาศ แต่คือผิดคาดเค้กก็คืออร่อย นํ้าก็คือดี ร้านนี้เต็มสิบไม่หักเลยค่ะ ใครมาสะปันควรปักหมุดแวะเลยค่ะ

    ส่วนที่พัก คืนนี้เรานอนกันที่ บ้านธารหมอก at สะปัน ที่นี่มีบ้านพักแค่ 5 หลัง น่ารักสไตล์มูจิ ข้าง ๆ บ้านเป็นลำธาร มุมหน้าบ้านถ่ายรูปออกมาคือสวยมาก ราคาจะอยู่ที่คืนละ 4,900 / คืน ราคารวมอาหารเช้าและเย็น ราคาแรงหน่อยแต่ก็ถือว่าคุ้มค่านะคะ ถ้าใครจะมาสะปันจริง ๆ ก็มีหลายแบบแนวโฮมสเตย์น่ารัก ๆ ก็มี ลองเลือกดูตามความชอบได้ค่ะ

    ภายในห้องน่ารักมาก ๆ ชอบที่นอนมาก หลับสบายกำลังพอดี ห้องน้ำก็มีอุปกรณ์ให้ครบ สบู่แชมพูก็คือหอมมาก มีอ่างอาบน้ำด้วย

    สิ่งที่ต้องรู้คือเวลาเรามาพักอะไรแบบนี้ ที่เป็นธรรมชาติ ต่อให้ที่พักดีแค่ไหน แมลงอะไรก็จะเยอะมาก ยิ่งมาหน้าฝนก็คือเพียบ ต้องคอยสังเกต เพราะตรงโซนหน้าอ่างอาบนํ้า ประตูมันมีช่องว่าง แมลงก็คือเข้ามาได้ง่าย ต้องคอยปิดประตูห้องน้ำอีกที เพื่อไม่ให้เข้ามาห้องนอน ถ้าจะติดก็คงเป็นเรื่องประตูฝั่งระเบียง ที่มันมีช่องว่างให้แมลงเข้ามาได้ เค้าน่าจะทำประตูฝั่งนั้นให้แบบไม่มีช่อง จะได้เซฟไม่ให้แมลงเข้าได้

    ส่วนน้องคนนี้ชื่อน้องเฉาก๊วย มารอต้อนรับ น้องน่ารักมาก 

    กว่าจะมาถึงที่นี่แปป ๆ ก็เย็นแล้ว ตกเย็นมีหมูกระทะคือฟินที่สุด ส่วนใหญ่ราคาที่พักก็จะรวมอาหารเย็นหมดนะคะ เพราะที่สะปันพระอาทิตย์ตกดินก็คือมืดและเงียบมากแล้ว ที่นี่ถ้าใครมากับแฟนก็จะกินอาหารเย็นริมระเบียงหลังห้องได้เลย ฟีลแฟนส่วนตัว แต่ด้วยความเรามาแก๊งค์ 6 คน ก็คือต้องล็อบบี้เท่านั้น แต่มุมนี้ก็คือดีมากเหมือนกัน

    และก็จบคืนแรกด้วยความเงียบ สงบ หมดแรง นอนฟังเสียงฝนตก ที่สะปัน ZzzZzz


    DAY 2

    เช้าวันที่ 2 หลังจากฝนตกทั้งคืน เช้านี้มีหมอกแน่ เรารีบตื่นมุ่งตรงไปยังคาเฟ่ยอดฮิตของสะปัน หยุดเวลาคาเฟ่ เพื่อจิบกาแฟดูหมอก..

    ตั้งแต่เข้ามาพูดคำว่า สวยมาก ดีมาก ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ดีต่อใจไปหมด ฟินมากกกก … ดูวิวตรงหน้าซิ อากาศเย็น วิวภูเขา หมอกกำลังลง ทุ่งนาสีเขียว ไม่อยากจะหยุดเวลายังไงไหว อยากตื่นมาแล้วเจอแบบนี้ทุกเช้าเลย

    อยากหยุดเวลาไว้เหมือนชื่อร้าน .. อากาศแบบนี้เราสั่งโกโก้ร้อนมา ฟินมาก ส่วนพี่ๆเค้าสั่งกาแฟดริปมาก็คือหอมมาก และก็อีกเมนูนึงที่ต้องสั่งคืออโวคาโด้ปั่น อร่อย ควรสั่งเลย ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้วจริง ๆ ร้านนี้คือเต็มสิบให้ร้อยเลยนะ

    เราใช้เวลาจนเหมือนหยุดเวลาจริง ๆ แปปๆคือจะสายแล้ว เราก็พากันขับรถเล่นนิดหน่อยรอบ ๆ มาช่วงวันธรรมดาเงียบสงบมาก ฟินและประทับใจสุด ๆ เริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่ดีมาก

    พวกเราออกจากที่พักประมาณ 11 โมง แวะคาเฟ่กันต่อที่ หลงเขาคาเฟ่ เป็นอีกคาเฟ่ดัง ร้านดีมาก ด้วยความที่ฝนตกเมื่อคืนทำให้วันนี้อากาศดีมาก ไม่ร้อน

    เราสั่งนํ้าที่เป็น signature อร่อยสดชื่นดี เรากินเสาวรสชื่นใจ แก้เมารถที่จะขับต่อไปได้ดี แต่เค้กไม่ได้ลองชิมเพราะว่าอิ่มจากข้าวเช้าแล้ว

    บรรยากาศร้านก็คือดีมาก มีทั้งทุ่งนา มีลำธาร ถ่ายมุมไหนก็คือสวย ใครมาสะปันก็ควรที่จะแวะร้านนี้เลย จะแวะขามาหรือขากลับได้หมดเลย เป็นทางผ่านอยู่แล้วค่ะ บรรยากาศแบบนี้ไม่ควรขับผ่านไป แวะแล้วคือไม่ผิดหวัง

    สถานีต่อไปคือ กิ่วม่วง .. จากสะปันไปกิ่วม่วงได้เวลาเวียนหัวต่อกับโค้ง 5555 อย่างที่บอกโชคดีที่ฝนตกเมื่อคืน เช้านี้อากาศดี เปิดกระจกรับลมฟินสุดๆๆ ก่อนถึงที่พักเราแวะคาเฟ่กันต่อ หลายคนอาจจะสงสัยว่าแวะอะไรหนักหนา 555 คือจะบอกว่า จากตัวเมืองน่าน-สะปันก็คือเกือบ 2 ชั่วโมง และทางโค้งเยอะ เพราะฉะนั้นคือต้องแวะค่ะ ไม่แวะคือไม่ไหวอ้วกแน่ และทางที่แวะก็คือทางผ่านที่เราจะไปอยู่แล้ว ซึ่งคาเฟ่นี้ก็คือใกล้จะถึงกิ่วม่วงแล้ว

    คาเฟ่ที่เราแวะมีชื่อว่า นาตาทาคาเฟ่ ซึ่งเป็นคาเฟ่วิวทุ่งนา ตัวร้านเล็ก ๆ ไม่ใหญ่ แต่ทุ่งนาคือกว้างมาก 

    ร้านน่ารัก ทุ่งนาเขียวสมใจ ชาเขียวอร่อย แต่ตอนที่ไปถึงคืออากาศร้อนมาก ผิดกับอากาศที่สะปันเลย เลย

    ซึ่งใครมาเที่ยวน่าน อยากได้วิวทุ่งนาสวย ๆ จิบนํ้าสดชื่น ๆ กลับมาจากสะปัน หรือใครมาแถวกิ่วม่วงก็แนะนำค่ะ จากคาเฟ่เสร็จ ท้องต้องการของคาวแล้ว บ่ายพอดี เราไปกันต่อที่ร้าน แบมบูซี๊ด อันนี้หารีวิวมาว่าเด็ด

    ตัวร้านดูบ้าน ๆ ธรรมดา แต่จะบอกว่าอาหารเค้า รสชาติกับหน้าตาคือไม่ธรรมดา อร่อยมากกกกก แบบเต็มสิบไม่หัก อร่อยทุกอย่าง ให้ที่หนึ่งในใจคือยำอโวคาโด้ เพราะปกติเป็นคนชอบกินอโวคาโด้อยู่แล้ว ควรสั่ง อยากให้ลอง

    สำหรับเราคือรสชาติปากถูกจริตกับที่นี่มาก ซี๊ดซ้าดสมชื่อร้าน และราคาคือไม่แพงเลย สั่งไปเยอะมากแต่ไม่ถึงพัน คือประทับจิตประทับใจ มาน่านอีกก็ต้องซํ้าแน่นอน

    ถัดมาถึงเวลาเช็คอินเข้าที่พักคืนที่ 2 แล้วค่ะ เราลงมานอนกิ่วม่วง ซึ่งที่พักก็อยู่ใกล้ ๆ กับ Nan Native คาเฟ่ที่เรามาวันแรกเลย จะบอกว่าที่พักที่นี่เป็นสิ่งที่ทำให้อยากมาน่านเลย นั้นคือคือ Kew muang mountain high camp

    เข้ามาคือที่พักเหมาะกับฟีลแฟนอีกแล้ว มองหน้ากันกับเพื่อน โรแมนติกไม่ไหว ดีมาก ราคาคืนละ 4,500 ห้องที่จองคือ Sky Room 1 ,2 ติดกัน จะบอกว่าราคานี้คือเหมือนจะแพงแต่คุ้มมากนะ คือราคารวมอาหารเช้า อาหารเย็น มี Set Afternoon tea และก็เครื่องดื่มนมร้อน ชาร้อน ให้อีก มีตีโฟมให้ด้วย จัดเซ็ทไฟนู้นนี้ให้ ถ้ามีหมอกก็คือตื่นมาได้เห็นเลย คุ้มค่ามาก

    และพนักงานคือน่ารักมากดูแลดีมาก เสริฟ์จน งง ว่าได้ขนาดนี้เลยหรอ คือประทับใจมากจริง ใครมาน่านและไม่อยากขึ้นเขา ขับไกล มากิ่วม่วงได้เลย จากตัวเมืองมา kew muang mountain high camp แค่ประมาณ 30 นาที ได้วิวแบบนี้แล้ว ทางมาไม่ยาก

    เหนื่อยจากการถ่ายรูปล้านแปดรูป ก็ได้เวลากินอาหารเย็นเสริฟ์ถึงห้อง พี่เค้าจัดเซ็ทให้กินด้วยกัน รวมตัวอยู่ห้องเดียว มื้อนี้เป็นชาบู อิ่มจุกมากไม่ต้องกลัวไม่อิ่ม อร่อยมาก แต่ที่นี่ช่วงคํ่าๆจะมียุงหน่อย ช่วงดึกก็ถึงหาย แต่แมลงก็มีพอ ๆ กับที่พักที่แรกเลย ควรปิดห้องนอนไว้ให้ดี แมลงเยอะมาก ใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ ไปเลย แต่ถึงยังไงวันนี้ก็คือแฮปปี้มาก


    DAY 3
    พวกเราใช้เวลาที่ Kew muang mountain high camp คุ้มมากอยู่จนวินาทีสุดท้ายประทับใจ จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปกันต่อค่ะ

    ออกจากที่พักไปกันต่อ แวะคาเฟ่เติมชากาแฟเข้าร่างอีก ที่นี่มีชื่อว่า Hatake Cafe เปิดทุกวัน 07.00-20.00 ร้านน่ารักมาก มีความญี่ปุ่มท่ามกลางทุ่งนา ผสมผสานลงตัว จริง ๆ มาน่านนี้ชอบคาเฟ่ทุกร้านเลย

    ชาเขียวที่นี่อร่อยมากกกกก พี่ที่กินกาแฟก็บอกว่าดี และราคาคือน่ารักไม่แพงเลย พี่เจ้าของก็น่ารัก เป็นอีกคาเฟ่ที่ประทับใจ เครื่องดื่มอร่อยชื่นใจแถมได้รูปเพียบ

    จากคาเฟ่ก็บ่ายกว่าแล้ว ได้เวลากินข้าวอีกแล้ว กินเก่งกันมาก เราเลือกร้านที่อยู่ไม่ไกล ชื่อร้านว่า เรือนเจ้านาง สั่งมาเยอะพอสมควร

    สิ่งที่ชอยที่สุดคือชุดออเดิร์ฟเมือง อร่อย แคปหมูนํ้าพริกหนุ่ม และก็ปลาอร่อยมาก ใครหาร้านข้าวกินในเมืองก็แนะนำ บรรยากาศดี ร้านเห็นวิวแม่นํ้าน่าน

    จากร้านข้าวก็ไปเช็คอินที่พักคืนที่ 3 กัน ที่นี่คืนสุดท้ายแล้ว เป็นที่พักที่เห็นคนมาน่านรีวิวเยอะมาก นั่นคือบ้านนาก๋างโต้ง ราคาที่จองมาคือ 5,500 บาท ชื่อบ้านนาเคียงเดือน  บ้านนี้นอนได้ 4 คนเลย ถือว่าราคาไม่แรงราคารวมอาหารเช้า 

    ที่บ้านนาก๋างโต้ง คือจะอยู่โซนเมืองเลย ใครไม่อยากขับรถไกล แต่อยากได้ฟีลนอนกลางทุ่งนา ที่บ้านนาก๋างโต้ง คือตอบโจทย์นะ

    บ้านพักที่เรานอนชื่อบ้านนาเคียงเดือน นอนได้ 4 คน ภายในห้องน่ารักมินิมอล แต่ละหลังก็จะแตกต่างกันออกไป แต่ถ้าให้แนะนำนอนบ้านนาเคียงดาว ดีกว่า บ้านนั้น 4 คนเหมือนกัน แต่มุมถ่ายหน้าบ้านน่าจะสวยกว่า

    ภายในบ้านจะแบ่งเป็น ที่นอนห้องข้างล่าง กับข้างบน ต้องขึ้นบันได ซึ่งบันไดชันอยู่นะ ไม่เหมาะกับคนสูงวัย ข้อเสียคือประตูเลื่อนเปิดยากไปหน่อย และตัวห้องนํ้าต้องเดินออกมาข้างนอกอีกที ทำให้ลุกมาเข้าห้องนํ้ากลางคืนมีความลำบากหน่อย ส่วนแมลงก็ไม่ต้องพูดถึง น้อยกว่าสองที่แรก แต่ก็คือมี แต่ก็นั้นแหละอย่างที่บอกความเป็นธรรมชาติ เราต้องเข้าใจ ในจุดนี้ใครกลัวสัตว์แมลงต่าง ๆ ก็จะลำบากหน่อย 

    แต่โดยรวมก็คือประทับใจ ทุ่งนาสีเขียวนี้มันดีจริง ๆ และการออกแบบของเค้าก็คือสวยงามทุกมุม ที่นี่จะมีบ้านพักแค่ 11 หลัง มีทั้งหลัง 2 คน 3 คน ไปจนถึง 4 แต่ละแบบก็มีความแตกต่างในดีเทล แต่ใด ๆ ก็คือมีความเป็นส่วนตัวมาก ๆ แต่ละหลังมีความห่างกัน 

    แต่ถ้าใครไม่ได้พักข้างหน้าเค้าเปิดเป็นคาเฟ่ ก็สามารถเข้ามากินนํ้าขนม มาถ่ายรูปได้นะคะ มุมเยอะมาก บรรยากาศดี แต่แนะนำว่าไหน ๆ ก็มาแล้วคือ มาพักเถอะ คุ้มค่าคุ้มราคา เป็นที่พักที่ปิดทริปได้อย่างสวยงาม 

    ตกเย็นพวกเราแวะไปไหว้พระที่วัดพระธาตุเขาน้อย อยู่ไม่ไกลจากบ้านนาก๋างโต้งมาก เรามาช่วงเย็นมากแล้วคนไม่เยอะ ไหว้พระและได้ชมวิวเมืองน่านด้วย

    ตกกลางคืน พวกเราไปหาอะไรกินที่ ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน จะเปิด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ 

    พวกเราชอบที่นี้กันมาก ของขายคือน่ารัก ชุดก็มีแต่น่ารัก แบบชุดเหนือแต่มีความสมัยใหม่ วัยรุ่นใส่ได้น่ารัก ของกินก็คือหลากหลายดี ถนนไม่ยาวมากแต่ดีงาม

    เราก็ซื้อมาอย่างละนิดละหน่อย มากินด้วยกัน ไม่ได้ถ่ายรูปมาเยอะนะคะ มัวแต่ซื้ออยู่ 555 เสร็จแล้วก็เอามานั่งกินใส่ขันโตกหน้าวัดภูมินทร์ เสียดายช่วงที่ไปวัดภูมินทร์ภายนอกเค้าบูรณะอยู่ 

    ที่นี่ดีมาก แยกขยะแบบชัดเจน เมืองสะอาดสะอ้าน ปลื้ม นั่งกินได้สักพักยังไม่ทันช้อปปิ้งแบบจุใจเลย ฝนตกกระหนํ่ามาก วิ่งหลบแทบไม่ทัน กลับห้องด้วยความสลบ จบทริปวันที่ 3 ZzzZ


    DAY 4 

    ตื่นเช้ามาด้วยความสดใสของทุ่งนาบ้านนาก๋างโต้ง กว่าจะออกจากที่พักก็คือใช้เวลาคุ้มสุด ทริปนี้คือถ่ายรูปเยอะมาก วันนี้คือวันสุดท้ายที่จะกลับแล้ว..แม้ใจจะไม่อยากกลับ แพลนก็คือเที่ยวในเมืองชิว ๆ เริ่มต้นเราปักไปวัดมิ่งเมือง ศาลหลักเมืองน่าน สวยงดงามมาก ๆ ใครมาน่านควรมาไหว้เลยค่ะ วันไปมีพิธีพอดี เลยไม่ได้ถ่ายอะไรมาก

    ไหว้เสร็จเราก็จะเดินไปวัดภูมินทร์ แทน และก็จอดรถไว้แถวนี้เพราะอยู่ไม่ไกลกันมาก แต่ยังเดินไม่ถึงวัดมาสะดุดร้าน ข้าวซอยต้นนํ้า ดูรีวิวมาว่าดังเหมือนกัน แวะซะหน่อย สั่งข้าวซอยไก่ กับเนื้อมา เรากินเนื้อ คือเนื้ออร่อยมาก ชอบมากนุ่มละลายในปาก เป็นการกินข้าวซอยที่ชอบเลย สำหรับรสปากเราถือว่าถูกจริต

    เดินต่อจากข้าวซอยต้นนํ้า มาไม่ไกลนิดเดียวมาสะดุดตากับ ถนนคนเมืองไนท์บาซ่าร์ คือเค้ามีขายชุดเหมือนเมื่อวานที่กาดเลย และเมื่อวานฝนตกยังไม่ได้ช็อปเลย เดินเข้าไปกันอย่างไม่ลังเล คือมีรูปถ่ายใบเดียวนอกนั้นซื้อแหลกมาก เปลี่ยนชุดใส่ใหม่กันเลย แม่ค้าทุกคนก็คือน่ารักมาก และราคาถูกมาก  ใครหาชุดเหนือน่ารัก ๆ แบบชิค ๆ  มาที่นี่เลยค่ะเข้ากับบรรยากาศเมืองน่านสุด แนะนำเลย 

    ช็อปแบบไม่แคร์นํ้าหนักกระเป๋า ช็อปแบบยังไม่ถึงวัดภูมินทร์สักที .. เดินมาอีกไม่ไกลค่ะถึงแล้ว วัดภูมินทร์ อย่างที่บอกเสียดายข้างนอกเค้ากำลังบูรณะ แต่ภายในวัดยังเข้าได้อยู่นะคะ ไปดูภาพคลาสสิคกระซิบรัก ปู่ม่านย่าม่าน เมืองน่าน

    ออกมาจากวัด เราเห็นมีให้ขึ้นรถรางไม่รอช้า ด้วยความที่ไฟท์กลับคือหกโมงเย็นเวลาเหลือ ๆ ก็เลยอยากลองนั่งรถรางชมเมืองดู ราคาคนละ 30 บาท อยู่ตรงข้ามกับวัดภูมินทร์เลย เดินเลยมานิดหน่อยใกล้กับแยกไฟแดงก็จะเห็น

    จะใช้เวลาประมาณชั่วโมง แวะให้ 2 วัด เค้าจะมีเป็นรอบ ส่วนตัวคือชอบนะ เพราะเมืองน่านเป็นเมืองเล็ก ๆ การนั่งรถรางชมเมืองก็คือช่วยได้เยอะ ไม่ต้องหาที่จอด ใช้เวลาไม่นาน ได้เที่ยวเยอะ มีคนบรรยายให้ความรู้ คือเป็นอะไรที่แบบชอบมาก ใครมาเที่ยวน่านอยากให้ลองนั่งดูค่ะ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ

    วัดแรกที่แวะคือ วัดสวนตาล สวนวัดที่สองคือ วัดอรัญญาวาส

    นอกนั้นก็จะนั่งรถรางชมเมืองน่านพร้อมไกด์บรรยาย ถือว่าคุ้มค่ามากค่ะกับเงิน 30 บาท ถ้ามาเที่ยวเองก็คงไม่ได้มาอะไรแบบนี้ อันนี้ได้ชมวิวเมืองและก็แวะวัดได้ภายในเวลาแค่ 1 ชั่วโมง จากนั่งรถรางเสร็จเราก็แวะไปที่ซุ้มลีลาวดี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ที่เค้าฮิตมาถ่ายกัน เดินมาไม่ไกลค่ะ ข้ามแยกจากจุดรถรางมา

    ถ่ายรูปไปอีกประมาณล้านแปดรูป จากนั้นก็ไปกันต่อค่ะ .. ช่วงที่นั่งรถราง เราผ่านร้านขนมหวานที่ชื่อว่า ขนมบ้านยายภรณ์ น่าน คือไกด์บรรยายซะอยากกิน แต่ตอนนั่งรถรางเค้าไม่พาแวะกินนะคะ เราเลยขับรถกันมาเองไม่ไกล

    ให้ภาพบรรยายความอร่อย หน้าตาดูดี รสชาติก็คือยิ่งกว่า อร่อยมากกกก และราคาคือไม่แพงเลยเริ่มต้นยี่สิบบาท และเค้าจัดเช็ตมาดูดีมาก ใครมาเที่ยวน่านอยากให้มาลอง ดีจริง ..  


    จากนั้นพวกเราก็ไปสนามบินกันค่ะ จบทริปน่าน หน้าฝน 4 วัน 3 คืนได้แบบประทับใจสุด ๆ ไปเลย ธรรมชาติสวย อาหารอร่อย ผู้คนน่ารัก คือปลื้มมาก อยากมาอีกเลย รอบหน้าก็ตั้งใจว่าอยากไปปัวบ้าง หวังว่าจะมีโอกาสได้กลับมาน่านอีกน๊าาา :))) 

    ขอบคุณที่ทุกคนอ่านจนจบนะคะ หวังว่าข้อมูลที่แชร์จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ ฝากติดตามได้นะคะถ้าชอบ

    https://www.facebook.com/puifa...

    Puifaikamon

     วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลา 09.05 น.

    ความคิดเห็น