"บทกวีในดินแดนของเรา

ภูเขาใหญ่ที่ยวาสร้างขึ้น 

เทือกเขาใหญ่ที่ยวาสร้างไว้

ตกทอดให้เราดูแล

ตกทอดให้เรารักษา

หากเราทำกินเรียบง่าย

ทั่วแผ่นดินจะดีขึ้นได้"

                                                   ขอขอบคุณที่มาบทกลอนปกาเกอะญอ : โอชิ จ่อวาลู [The Cloud]

'คะน้าน้อย' สวัสดีค่าาา ^O^

เปิดตัวทักทายด้วยบทกลอนของชาวปกาเกอะญอ 

ให้ได้กลิ่นอายขนบธรรมเนียมของปลายทาง

ที่คะน้าจะพาทุกคนไปเที่ยวชมกันใน Blog นี้กันหน่อย

จริงๆ แล้วกลอนนี้เป็นภาษาปกาเกอะญอนะคะ 

แต่คะน้านำบทแปลไทยมาง่ายกว่า ^^

ในทริปนี้เป็น Exclusive Blog เลยค่ะ

เพราะคะน้าไม่ได้เขียน Blog มา 3 ปีเต็ม 

ตั้งแต่ก่อน Covid เสียอีก

เป็นช่วงที่ไฟมอดไปดื้อๆ ซะอย่างนั้น 

ทั้งๆ ที่ยังออกเดินทางเที่ยวเป็นปกติ

เอาไว้คะน้ามาเล่าเรื่องทริปสนุกๆ ย้อนหลังแล้วกัน ^_^

สำหรับทริปนี้ปลายทางของเราคือ

อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ - จ.ตาก

มาใน Concept ชื่อว่า 

"เข็นบุญขึ้นดอย 65"

เพื่อนำสิ่งของไปบริจาคให้น้องๆ บนดอย

และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ห่างไกลค่ะ

❤❤❤

เป็นธรรมเนียมของกลุ่มบางบาลฮาเฮ 

รวมถึงตัวคะน้าเองด้วย (ถ้าว่างตรงกัน)

พวกเราจะรวมตัวกันปีละครั้ง เตรียมตรวจสภาพรถ

เพื่อความพร้อมในการเดินทาง

ก่อนอื่นคะน้าขอขอบคุณผู้ใหญ่ที่ใจดี

รวมทั้งพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกท่านที่มีส่วมร่วมสมทบทุน

จัดซื้อสิ่งของนำไปบริจาค

คาราวานเดินทางทั้งหมด 16 คันรถ

ของบริจาคขนไปเต็มทุกคันแบบจุกๆ!! 

ขอบคุณแทนน้องๆ บนดอยมา ณ ที่นี้อีกครั้งค่ะ

เอาล่ะ พร้อมที่จะออกเดินทางกันหรือยังคะ?

คะน้าพร้อมแล้วนะ

เริ่ม!! 

** Blog นี้เป็นภาพรวมจากสมาชิกทั้ง 40 คนนะคะ 

ภาพถ่ายจะมาจากหลายกล้องมากๆ


วันที่ 12 สิงหาคม 2565



ท่ามกลางฤดูฝน ที่ฝนตกแน่ๆ ทุกวันไม่ต้องเดา

คาราวานรถ 16 คัน กับอีก 40 กว่าชีวิต

เริ่มออกเดินทางกันมาในคืนวันที่ 11 จาก จ.อยุธยา 

โดยทั้ง 2 คืน พวกเราเข้าพักกันที่...

"หน่วยพิทักษ์ป่าปางตึง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย"

(ก็ตกแต่เช้าไปเลยสิคะ)


ที่นี่มีบ้านพักบริการเป็นหลังๆ ขนาด 1 ชั้นครึ่ง 

(คือมีชั้นลอยสไตล์นอดิกส์)

เจ้าหน้าที่ต้อนรับพวกเราดีมากๆ 

เราเดินทางมาถึงราวๆ เที่ยงคืนเกือบตีหนึ่ง

สภาพที่มาถึงคือสะอุกสะอุย พร้อมเค้ง ^^;;

ที่นี่มีเจ้าหน้าที่มารออำนวยความสะดวกให้ด้วยค่ะ

จัดสถานที่เข้าพักต่างๆ ทำให้พวกเราได้ชาร์จพลัง!!

// นี่ขนาดชาร์จแล้ว เช้ามาสะลึมสะลือไม่ไหว 5555

โดยในมื้อเช้า เจ้าหน้าที่แม่ครัว / แม่บ้าน

ได้เตรียมข้าวต้มไว้ให้พวกเราด้วยนะ

นอกจากจะมีข้าวต้ม ก็มีกาน้ำร้อนสำหรับ

ไว้ชงเครื่องดื่ม โกโก้เอย กาแฟเอยว่าไป

Ps. แต่ขิมไหมเป็นนางแบบนะคะ ไม่ใช่แม่ครัว ^^

ชื่อ 'ขิมไหม' นะคะ ไม่ใช่ 'ขมไหม' 

และรักไม่ใช่ ดวงดาวเมื่อพราวแสง

// อะไร๊!!


หลังจากท้องอิ่ม กองทัพก็พร้อมออกเดินทาง

วันนี้ฉ่ำชื่นมาก เพราะฝนตกตั้งแต่เช้า 

และก็ตกปรอยๆ ไปทั้งวัน

เส้นทางป่าของเราก็เลยค่อนข้างเละ

และลื่นมากๆ ต้องขับระวังกว่าเดิม

"บ้านมูเซอหลังเมือง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่"

และในที่สุดดด! เราก็มาถึงแล้ว ใช้เวลาเดินทางจากที่พัก

มาถึงนี่ราวๆ ชั่วโมงเศษๆ ค่ะ

ที่นี่เป็นโรงเรียนบ้านมูเซอหลังเมือง 

มี 2 อาคารขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ จำนวนเด็กร้อยกว่าคน

มีตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมัธยมต้น 

ซึ่งก่อนจะมาที่นี่ หัวหน้าทีมบางบาลฮาเฮของเรา

ได้ทำการขอเอกสารสำรวจสิ่งของที่ต้องการ

และจำนวนเด็กๆ ไว้ก่อนแล้ว

เพื่อที่พวกเราทุกคนจะได้ช่วยเติมเต็ม

สิ่งของที่ขาดแคลนได้ตรงจุด

ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ทั้งสองฝ่าย 

ฝ่ายผู้ให้ก็จัดหาสิ่งของได้ตามความจำเป็น

จัดรถขนของให้พอดี ไม่หนักเกินเป็นภาระของรถ 

เพราะจะเสี่ยงในการเดินทาง

และสุดท้ายทางผู้รับบริจาค 

พวกเขาก็ได้ใช้งานจริงๆ เพียงพอกับจำนวนคนค่ะ


จะเห็นว่าพวกเราส่วนมากจะใส่เสื้อกันฝนกันแล้ว

ระหว่างที่เราจอดรถให้เรียบร้อยกันอยู่นั้น 

ชาวบ้านกับเด็กๆ ก็ออกมารอรับแล้วค่ะ

นอกจากชาวบ้าน เด็กๆ ก็ยังมีเจ้าหน้าที่ 

และคุณครูมาช่วยขนของด้วย

สิ่งของที่นำมาก็เป็นอุปกรณ์การเรียน 70% 

ของใช้จำเป็น 10%

อาหารแห้งและขนมเด็กๆ 10% 

เครื่องใช้ไฟฟ้า 10%

และของขวัญแทนน้ำใจให้พี่ๆ เจ้าหน้าที่อีก 10% 

คะน้าไม่ได้คิดเลขผิดนะคะ 

แต่งานนี้พวกเรามากันเกินร้อยจริงๆ  ฮิ้วววว!! ^_^


วิธีแยกแยะระหว่างชาวบ้านกับพวกเรา

ง่ายนิดเดียว ให้สังเกตสีชุดค่ะ

ถ้าพวกเราหลงป่าคือมองไม่เห็นแล้วนะ 

ตัดภาพไปที่ชาวบ้านคือสีเฉดพุ่งสุด 

ต่อให้อยู่ตีนเขาก็มองเห็นถึงยอดดอย // แซววว ^^



หาพี่ยุ้ยเจอมั้ยคะ? ดูดีๆ นะ 

ไม่เนียนตรงไหนเอาปากกามาวง!! 5555

ยิหวาลู๊กกกก! ตื่นก่อนค่ะ

มายืนติด Cool Down อะไรตรงนี้ ^^;


ทาดาาาาา!!~ และนี่คือของบริจาค

ที่พวกเราขนกันมาทั้งหมดค่ะ ^^

หีบห่อกันฝน กันโคลนมาอย่างดี 

พอขนของลงจากรถเสร็จ กะบะทุกคันก็เบาไปเลย

แพลนไว้ว่าขากลับจะโชว์ดริฟต์ลงเขาให้รู้ๆ กันไป 

เพราะรถไม่หนักเหมือนขามา 55555


ใช้เวลาไม่นานนักในการช่วยกันขนของ 

น้องๆ กับชาวบ้านก็มารอเราในศาลาเป็นระเบียบเชียว

ผู้ปกครองเด็กๆ ส่วนใหญ่รอด้านนอกนะคะ 

เพราะข้างในนี้ก็ไม่กว้างเท่าไหร่

อันนี้พี่ตูนจะแจกขนมเด็ก หรือข่มขู่คะ 55555


ส่งพี่ตูนมาศึกษาดูงานกับพี่ยุ้ยด่วนเลยค่ะ!

วิธีอยู่กับเด็ก มันต้องให้ได้อย่างงี้!!

ทีมเจ้าหน้าที่กล่าวขอบคุณพวกเรา 

พวกเราเองก็ขอบคุณเจ้าหน้าที่เช่นกันค่ะ

เพราะพี่ๆ เจ้าหน้าที่ก็ช่วยอำนวยความสะดวก

ในการเข็นบุญขึ้นดอยผ่านไปได้ด้วยดี

หลังจากส่งมอบสิ่งของเรียบร้อยแล้ว 

จะมีอาหารแช่แข็งที่พวกเราเตรียมมา

พวกนักเกต เฟรนฟราย ไส้กรอก 

คุณครูผู้ดูแลเด็กๆ ก็นำไปช่วยทอดให้ค่ะ

ได้เวลาปาร์ตี้แล้ววว~ ^_^ 

เสิร์ฟทันเที่ยงพอดี 

โต๊ะนี้ช่างดูคุ้นตายิ่งนัก!

เหมือนเราเคยเจอกันมาก่อน

ประเด็นคือจัดถาดใหญ่มาเลยนะ 

ร้ายกาจมาก 5555

ในส่วนของคะน้าน้อยนั้นนน~

เมนูขนมจีนน้ำเงี้ยว (หรือเปล่านะ?) 

อันนี้เป็นอาหารกลางวันที่คุณครูกับ

เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้พวกเราเองค่ะ

และนี่คือทีมงานระบบหลังบ้าน 

ทอดเอง ทานเอง

แต่อิ่มทีหลังนะคะ เพราะให้เด็กๆ 

ทานหมดก่อน น่ารักที่สุดดด~


และเฮียท่านนี้คือระดับ Super VVIP 

ดูทรงจะอิ่มตั้งแต่หน้าเตา 555555

ในส่วนของผู้ปกครอง นอกจากจะได้อาหารแห้ง

ก็ได้ทานร่วมกันค่ะ ซึ่งได้บอกกับพี่ๆ ในทีมเราว่า...

"มาบ่อยๆ นะ ให้หมดฝนแล้วมาอีกนะ 

ไม่เคยมีใครมาหาเลย ขนมอร่อยมาก"

ทำเอาน้ำตารื้นจนขอบตาร้อนผ่าวไป 1 แมตช์



แวะชมผลงานระบายสีของเด็กๆ 

ในโอกาสวันแม่กันค่ะ So cute น้าาา

จริงๆ มีคลิปที่พวกเราชวนเด็กๆ 

ร้องเพลงค่าน้ำนมด้วยค่ะ

แต่ไม่ผ่านกอง Sensor 

เกรงว่าแม่ฟังแล้วจะเป็นซึมเศร้าแทน 5555

เพราะเด็กๆ ก็ร้องไม่ค่อยเป็น

พวกพี่ๆ ยิ่งงึมงำ สุดจะทุลักทุเล


ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก 1 กรุบ!

ถ่ายแบบไม่เน้นหน้า เน้นเรียล 

ใครตกไฟก็เหนื่อยหน่อยนะ 5555

// กระเป๋าผ้าสีชมพูที่พีุ่ยุ้ยใหญ่ถือ

คะน้าฮุบกลับมาแล้ว 5555

เป็นฝีมือเย็บปักของเด็กๆ เองค่ะ

จังหวะจะกลับแต่เหมือนขนมจะเหลือ 

แจกต่อสิครับผม สรุปหยิบผิด 

เอาขนมกองคาราวานมาแจก 

นั่งเหม่อไปสองวัน


เป็นกลุ่มที่สู้กล้องมาก 

ไม่ถ่ายไม่ได้ด้วยนะ เพราะยืนรอแล้ว ^O^


ออกรถแล้วแหละ แต่ในรถมีขนม ลูกอม

เลยเปิดกระจกให้เด็กๆ ที่มายืนรอส่ง ^^


เราเดินทางออกจากบ้านมูเซอหลังเมือง 

ราวๆ บ่ายสองครึ่ง ฝนไม่ตกแล้ว 

แต่ถนนเละมาก อดดริฟต์โชว์เลย โธ่เอ้ย! 55555

คุณพี่คะ!! เรามาด้วยกันไม่ใช่หรือคะ?

ไหนบอกจะพา Road Trip ชมวิวไง 

คุณพี่! เดี๋ยววว!!~


มา Road Trip หน้าฝน ก็จะได้วิวฉ่ำๆ 

แบบนี้แหละฮะคุณผู้โช้มมมม!

จริงๆ บางหุบเขาหมอกหนาเป็นปุยๆ เลยนะ 

แต่ถ่ายไม่สะดวกค่ะ รถกระเด้งกระดอนมาก ^^;

เล่ามาครึ่งวัน เพิ่งเห็นหน้าคะน้า คิดถึงอ่ะดิ๊!

ตอนนี้จอดริมทางแบบอยากจะจอดก็จอด 

ตามประสาทีมอินดี้ วิวข้างหลังคือ

เป็นภูเขากับทะเลหมอกบางๆ 

แต่ถ่ายไม่เห็นอะไรเลย

หมอกบังวิว? 

เปล๊า! ติดหน้าคะน้าเนี่ยแหละ แอร๊ยยย~

// ที่ใส่หูฟังเพราะเป็นคนติดเพลงมากๆ 

โหลดเพลง Youtube ไว้เต็มลิสต์

จริงๆ ต้องโหลดใดๆ ที่สำคัญใส่มือถือไว้

ให้เปิด Offline ได้นะคะ สัญญาณไม่มีเด้อ~

เบื้องหลัง Ref. จากรูปข้างบน 

เห็นคะน้ามั้ย ยืนตัวเหลืองๆ อยู่นั่นอ่ะ!


ขับต่อมาตามทาง ทางไหนก็ไม่รู้นะ

เพราะตีตั๋วนอนมาตลอดเลย

แล้วเจอป้ายทางเข้าว่า "บ้านอมแพม" 

ที่นี่เป็นหมู่บ้านชาวเขาเล็กๆ ค่ะ


โอโห!  วิวหลักล้านไม่เกินจริงนะฮะ

พวกเราไม่ได้มีธุระอะไรกับที่นี่ค่ะ

แค่เห็นป้ายบอกทาง เลยขับมาชมวิวเล่นๆ

มาเจอแบบนี้ก็คุ้มแล้วป่ะ?

ทีมภูเขาอย่างคะน้าน้อย

ให้ขึ้นดอยแค่นี้จิ๊บๆ โด่ววว!!

จะมาพง มาเพลียอะไรกันเล่า~

// ตื่นมายอมรับความจริงเถอะ T_T

เช้าวันที่ 13 สิงหาคม 

วันนี้อากาศดีมากกกก~

จะได้เที่ยวถ่ายรูปสนุกๆ เย้!

ถ้าถามว่ามาออกทริปในป่า

อะไรสำคัญสุด? ให้ตอบไข่

 เราจะเห็นไข่ทุก Type ในทริปค่ะ

ตั้งแต่ปิ้ง ต้ม ยันเจียว 55555

หลังจากเก็บสัมภาระกันเรียบร้อย

ก็มาอำลาพี่ๆ เจ้าหน้าที่กันก่อนกลับค่ะ 


พร้อมออกเดินทางงงง~

ขับมาเรื่อยๆ ตามทาง

จนมาเจอที่นี่ค่ะ (เจออะไรก็จอดดูหมด อินดี้)

ฝั่งซ้ายที่เราจอดรถเป็นจุดชมวิว

ฝั่งขวาเป็นกาดน้อย (ตลาดเล็กๆ)

พี่ๆ แวะซื้อกาแฟกัน ส่วนคะน้าถ่ายรูป ^^


ที่มาของคำว่า "Street Arts" ^O^

วิวของจุดชมวิวค่ะ 

ทั้งสองข้างทางเป็นวิวหุบเขา

พร้อมละอองหมอกของหน้าฝน

ในทุกทริปจริงๆ ที่จะต้องมีสักคนแหละ

ที่จะมีรูปกับหมาแมว

แล้วดูมีอารยกว่าใครเค้า 5555

เวลาขับรถสายเหนือในทุกทริป

สิ่งที่พวกเราเจอบ่อยๆ เลย

ไม่วัวก็ควายค่ะ ต้องคอยระวังน้าาา

อย่างในรูปคือเดินกลางถนน

แต่ตอนกลางคืนพวกเขานอนข้างทางค่ะ

ต้องคอยสังเกตุดีๆ เพราะจะมืดมาก 

ขับมาเรื่อยๆ จนผ่านสะพานนี้ค่ะ

เห็นวิวสวยก็จอด พี่อ๊อฟก็ปล่อยโดรนโลด!

พอได้เห็นมุมนี้แล้วแบบ เออ! สวยจริง ^^

สะพานนี้อลังการดีแท้ 

วิวสวยมากเลยนะ

แต่คะน้าไม่รู้พิกัดอ่ะ T_T

// ในทริปสัญญาณเน็ตเป็นศูนย์ตลอดทั้ง 4 วัน

คะน้าจะรู้ว่าอยู่ตรงไหน คืออ่านป้ายเอา ^^;

 เอ่อ...นี่คงเป็นท่ายืดแข้งยืดขา

ของคนในวงการเบเบ้สินะ 555555


พวกเรามาถึงสถานีต่อมาแล้วค่ะ

คะน้ามาถึงก่อน เลยถ่ายภาพนี้ได้พอดี ^^

ว้าววววว~

ที่นี่คือ "สำนักสงฆ์โค๊ะบือพะกะเช" ค่ะ

สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น~


เรามาพักรถ พักคน

และจะพักทานมื้อกลางวันที่นี่กัน

พอจอดรถเสร็จแล้ว

เราเจอหลวงพ่ออยู่ที่นี่พอดีค่ะ

ก็เลยนำข้าวสารอาหารแห้งมาทำบุญด้วย


นี่เป็นองค์พระจตุรทิศรอบเจดีย์ค่ะ

ที่นี่มีเท่านี้เลยค่ะ มีเจดีย์ มีพระพุทธรูป

 ศาลาปฏิบัติธรรม 

สงบ วิวสวย ลมก็เย็นสบาย~

เป็นเจ้าของ Blog จะโพสรูปตัวเองกี่รูปก็ย่อมได้

คือวิวสวยมากกกกก สวยแบบตะโกน

ขอพื้นที่ให้คะน้าเถอะ ตอนถ่ายเสร็จอัดอั้นมาก

อยากโพสอวดเพื่อนมาก สัญญาณไม่มี โถถถถถ~

ถ้าคุณคิดว่าเตาปิ้งไข่นั่นจริงจังแล้ว

มาเจอกะทะบ้านงานหน่อยเป็นไง?

เรามาทายกันสนุกๆ ค่ะ

ใครในรูปที่เป็นคนสับมะละกอตัวจริง?

ใดๆ คือครกก็มา ขนลุกมากแม่!

เอาดีๆ ฟีลงานบุญหมู่บ้านเหมือนกันนะ ^O^

ตำถาดมาแล้ว 1

ความเผ็ดเหมือนเปิดอัลติใส่ปากอ่ะ

กิน 1 คำ ถอยไปคูลดาวน์ 30 วิ TOT

กินส้มตำไม่ได้ จงต้มมาม่า ^^

// เขียนมา 20 Blog กินมาม่าไปแล้ว 18

ไม่หิวข้าวเหรอคะคุณพี่ 55555

เค้ากินกันตรงโน้น มาอยู่ทำไมตรงนี้?


น้องๆ เป็นลูกคนงานที่มาช่วยงานหลวงพ่อ

พี่ๆ เลยให้ขนมกับของเล่นไปจนเต็มมือ

ด้วยความเอ็นดูอ่ะเนอะ ก็ขอถ่ายรูปหน่อย ^^

 หลังจากอิ่มมื้อกลางวันที่สำนักสงฆ์แล้ว

เราก็ออกเดินทางกันต่อค่ะ

ระหว่างขับตามกันมาเรื่อยๆ

คันหน้าก็เปิดกระจกแล้วเอามือชี้ๆ

พร้อมยกมือถือมาถ่ายขึ้นไปบนฟ้า

คันเราก็แบบ "ถ่ายไรกันวะ" 555555

พอแหงนไปดู อ่อ! น้ำตกบนเขา ตาดีแท้~

เราเดินทางกันมาถึง

อ.พบพระ จ.ตาก แล้วนะคะ

ที่นี่ชื่อว่า "ม่อนหมอกตะวัน" ค่ะ

เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว

มีบริการโฮมสเตย์ / ลานกางเต๊นท์

ร้านค้าของชำ ร้านคาเฟ่ต์ และสุขาที่สะอาดใช้ได้

// มาถึงตอนเย็นช่วง Gloden Time พอดีเลย

นี่คือวิวสดๆ ที่ลงรถมาเจอค่ะ ว้าวมาก!

คะน้าเลยลากขิมไหม มาถ่ายรูปเล่น ^^

จริงๆ มีสายรุ้งด้วยนะคะ เพราะอากาศชื้นมาก

แต่ถ่ายรูปมาไม่เห็น T_T

ด้านหลังโฮมสเตย์ มีนาข้าว

มีระเบียงชมวิว ซึ่งวิวปังมาก!

และเราก็ยังถ่ายไปเรื่อยๆ 55555

คือสวยทุกมุมไงคะ เราเดินกันทั่วเลย

ที่นี่เป็นหุบเขาสลับซ้อนกันตามภาพเลยค่ะ


จนกระทั่งตกค่ำ กางเต๊นท์กันเรียบร้อย

อากาศเริ่มหนาวแล้วนะคะ


หลังจากกางเต๊นท์เสร็จ

ก็เปิดครัวไทยกลางม่อนหมอกไปเลยแม่!!

เราเรียกมุมนี้ว่าบ้านงานค่ะ 55555

ให้เกียรติกะทะและเขียงไม้นั่นด้วย



เปิดเซตฮวดนึ่งข้าวเหนียวไปอีก 1

อังกอร์แค่ปิ้งไก่ ชงกาแฟ

คนดูแซวว่า "ก็มันละคร"

ตัดภาพมาที่บ้านงานของเราก่อนเพื่อนสาว~

ก็ทอดหมู นึ่งข้าวเหนียวโชว์ไปเลยดิ๊!


ทางนี้ก็ไม่แพ้กัน

ก็สั่งหมูกะทะไปเลยสิคะ!

มีบริการครบตั้งแต่เตาถ่าน

ยันโคมไฟแสงสว่าง


และนี่คือลูกค้า VVIP

ร้านหมูกะทะของเราค่ะ

รับบท ซังกุงสูงสุดแห่งห้องเครื่อง

ย่างให้เด็กๆ เหรอคะ??

เปล่าค่ะ เป็นคนจุดเตาถ่าน T_T

ทำไมต้องเป็นคนจุดทุกทริปเลยนะ!?

และจุดเช็คอินสุดท้ายของคืนนี้ก็คือ...

หน้าเตาหมูกะทะนี่แหละค่ะ

เช้าวันที่ 14 สิงหาคม

เช้ามาหมอกหนากว่าเมื่อวานมากเลย

แต่รู้สึกว่าไม่ค่อยมีลมนะคะ

เฉยๆ แบบไม่เย็น แต่ก็ไม่ร้อน

มีร้านกาแฟ ขนมปังปิ้งพร้อม

เอาอะไรมาไม่เริ่ด!

รูปนี้เพลงต้องมาแล้วป่ะ?

"ร่างกายต้องการคาเฟอีน
ใช่ไหมยังไง ยังไงดี คิดสิ คิดสิ
คาปูชิโน๊! เอสเปรสโซ่! อาราบิก๊า! โรบัสต้า
อะไรดีนะ มอคค่า ซุปเปอร์ริช อย่าคิดนาน..."

// อย่าเพิ่งเต้นกันนะ ใจเย็นๆ 55555

ขอ 1 แชะก่อนกลับ ^^

// จริงๆ 10 กว่าแชะแหละ 

แต่มันใช้ได้รูปเดียวไง

เป็นกันป่ะ 55555

พวกเราชาวคณะออกมาจากม่อนหมอกตะวัน

เห็นใกล้ๆ กันมีน้ำตก เลยมาแวะเล่นๆ ค่ะ

ที่นี่คือ "น้ำตกป่าหวาย" ส่วนมากใครที่มาเที่ยว

ม่อนหมอกตะวัน ก็จะแวะมาที่นี่ด้วย

ที่นี่เป็นน้ำตกขนาดเล็ก เป็นชั้นเตี้ยๆ

เดินเล่นสบายมาก เด็กๆ ก็เดินได้

แต่ Vibes ดีมากนะคะ อากาศดี ร่มรื่น

น้ำใสและเย็นมาก ได้ใจเด็กๆ ไปเต็มๆ

คะน้าเดินเล่นถ่ายรูปมาคนเดียว

ไม่ไกลจากที่น้องๆ เล่นน้ำตก

ก็มาเจอกับป้ายเล็กๆ นี่ เอาละไง??

และนี่คือน้ำตกพิศวงค่ะ

เดินตามป้ายมาไม่ไกลเลยค่ะ

เป็นมุมน้ำที่ตกลงไปในหลุมลึกมืดๆ นั่น

แต่ตรงนี้มีรั้วกั้นไว้นะคะ เข้าใกล้กว่านี้ไม่ได้แล้ว

ไม่งั้นคงซน อยากชะโงกไปดูแน่ๆ 55555

ถ่ายรูปเก็บภาพจนหนำใจ 

ก็เหลือบไปเห็นป้าย (อีกละ)

ว่ามีต้นไทรทอง ขนาด 20 คนโอบ! O_O

คะน้าเลยเดินหาอยู่คนเดียว วนๆ อยู่แถวนั้น

แต่ก็ไม่เจอ จนกระทั่ง...

ระหว่างนั่งถ่ายม่านน้ำตกนี่อยู่

ได้ยินเสียงพี่หนุ่มเรียก

บอกว่าต้นไทรทองยักษ์ที่ถามหา

ต้องเดินลงไปข้างล่างตามทางน้ำตก

เพราะขิมไหมกับพี่ยุ้ยใหญ่ไปกันมาแล้ว

คะน้าก็ไปสิคะ ไหนๆ ก็มาแล้ว ไปดูให้จบๆ ไป

เป็นถึงนางแบบกิตติมาศักดิ์ของคะน้า

จะมายืนถ่ายง่ายๆ ได้ไง

ไปค่ะ เดินไปสิคะ ตรงกลางเลยค่ะพี่ 5555

ประเด็นคือถ่ายให้ หลายรูปเลยนะ

แล้วเนียนชวนให้เดินเข้าป่าไปเป็นเพื่อน ^O^


หลังจากหลอกล่อ เอ้ย! รวบรวมสมาชิก

ให้เดินมาเป็นเพื่อนได้ 4-5 คน ก็มาโผล่ตรงนี้

ทางเดินไปด้านล่าง ที่มีต้นไทรทองยักษ์

จำไม่ได้ว่า 300 หรือ 800 เมตรค่ะ

แต่ระหว่างทางคือสวยแบบตะโกน!

ต้นไม้คือใหญ่โตเหมือนโลกไดโนเสาร์อ่ะ

ตำนานเดินวันนี้ พรุ่งนี้ถึง 

ลูกอิช่างแวะ แวะเก่ง 

ถ่ายเก่งไม่หยุด 55555


แถ่นแท๊นนน~

และนี่คือต้นไทรทองที่ตามหา

ขนาดใหญ่ 20 คนโอบ เออ! ใหญ่จริง 

ของจริงดูขลังมากเลยนะคะ

มากัน 5 คน ยืนโอบทำเท่ไปงั้น 55555

ขาเดินกลับเราจะเดินเลยทางขึ้นมานิดนึง

จะเจอน้ำตกมุมนี้ค่ะ น้ำเย็นมากเด้อ

จากนั้นเราก็ออกมาจากน้ำตกป่าหวาย

เพราะเป็นวันกลับ เลยแยกกันกลับค่ะ

มี 4 คันที่จะเดินทางต่อไปยังถ้ำสีฟ้า

ก็ขับมาในเมืองตาม GPS ค่ะ

GPS ของคนที่ขับนำบอกให้เข้ามาทางนี้

และอันนี้คือวนออกค่ะ 

หลง!! โธ่เอ้ย!! 555555

ถึงแล้วค่าาา~

"สำนักสงฆ์พุทธคยา ถ้ำสีฟ้า จ.ตาก"

GPS ตรงนะทุกคน อย่าเข้าใจผิด

ที่หลงคือเราเลี้ยวผิดซอยกันเอง 5555

ทางเข้าจะเป็นบันไดขึ้นปากถ้ำ

พอเข้าไปจะเจอทางลงไปในถ้ำอีกที

ผ่างงงงงง!!!!!

พอเข้ามาด้านในจะเจอโถงไฮไลท์เลยค่ะ

ผนังถ้ำเป็นลายริ้วๆ แปลกตากว่าถ้ำหินอื่นๆ

สมใจอยากแล้ว เพราะอยากมาเห็นเองไง

อวยยศให้พี่ยุ้ยใหญ่ 1 แมตช์

คะน้าเคยบอกว่าคะน้าอยากมาที่นี่

บอกเอง ลืมเอง นึกออกมะ 55555

จนมาทริปนี้แล้วพี่ยุ้ยบอกจะพาแวะ

แต่มีเงื่อนไขว่าต้องกลับมาเขียน Blog นะ

ใช่ค่ะ! นอกจากจะได้ไปถ้ำสีฟ้าที่อยากไป

คะน้าก็ได้กลับมาทำสิ่งที่รักอีกครั้งด้วยนะ ❤

ผู้ร่วมทีมที่โดนหลอกมากับเรา

เดินงงๆ ไม่ต่างกันอ่ะ 55555

คะน้าถ่ายมา 2-3 รูป เอาไว้ลงอวดใน FB

สรุปคนไม่สนใจเรานะ 

สนใจสีฟ้าว่าถ้ำมันฟ้าจริงๆ เหรอ??

และนี่คือภาพเฉลยถ้ำสีฟ้าค่ะ ^^

จริงๆ ถ้ำนี้ก็สีนี้แหละ แต่เพื่อโปรโมทถ้ำ

การมาถ่ายรูปให้ได้สีฟ้า เป็นไคลแม็กที่เก๋มาก

ถ้ำที่นี่สวยมากอยู่แล้วค่ะ มาก็ว้าวเลย

ยิ่งถ่ายใน Cool Balance ให้ได้สีฟ้า

ยิ่งทำให้ถ่ายสนุกขึ้น Fantacy ดี ชอบมากๆ

คะน้าได้ลองปรับ Cool Balance กับถ้ำที่อื่น

ที่เคยไปมาหลายที่ ปรากฏว่าดูไม่ได้เลย

เพราะงั้นจะมาเป็นถ้ำสีฟ้าเหมือนกันไม่ได้!!

แล้วเมื่อออกจากป่าเข้ามาในเมือง

รีบเติมน้ำตาลเข้าเส้นเลยค่ะ 5555


มุ่งหน้ากลับบ้านกันแล้วค่าาา~

ขามาขนของ ขนกลับขนความสุขกลับบ้าน ❤


ขอบคุณที่ติดตามมาถึงตรงนี้นะคะ

แล้วพบกันใหม่ blog หน้าน้าาา~

Bye Bye~

❤❤❤



เก็บตก!

อันนี้คือ "ลำไย" หรือ "ผ้าถุง" นะคะ ^^  55555



เรื่องเม้า : คือระหว่างทางเราจะสื่อสารกันทางวอ

ก็ผ่านหมู่บ้านนึงมีลำไยขาย คันหัวขบวนก็วอมาสั่ง

ให้คันท้ายขบวนช่วยแวะซื้อให้ สั่งมา... 

"ซื้อลำไยให้ 1 กิโล"

ด้วยความที่ระยะขบวนมันห่างมาก 

สัญญาณเกรงว่าจะไม่ถึง

ต้องวอต่อกันมาเป็นช่วงๆ 

จนกว่าคันหลังสุดจะรับปาก

แล้วข้อความที่ส่งมาถึงคันหลังก็คือ...

"ซื้อผ้าถุงให้หน่อย"

คันหลังวอถามกลับว่า "เอากี่ผืน"

คันกลางคือกลั้นขำกันแล้วนะ 5555555

แต่สุดท้ายก็คือได้กินนะคะ ไม่รู้คันไหนซื้อมา เก่งมาก!

❤❤❤


คะน้าน้อย

 วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลา 00.25 น.

ความคิดเห็น