'คะน้าน้อย' สวัสดีค่าาา ^O^


ทริปนี้เราจะบินกันไปที่..."ประเทศสิงคโปร์"

ตามหัวข้อเลยจ้า Blog นี้จะพาไปเดินเล่นชิลๆ

แบบ Backpack กันเหมือนเดิม

แพลนเดินทาง 4 วัน 3 คืนเท่าเดิม


ก่อนอื่น คะน้าขอแนะนำรายละเอียดนิดนึงนะคะ

สำหรับใครที่แพลนจะไปสิงคโปร์ครั้งแรก

คะน้าแนะนำให้อ่าน Review จาก Blog เดิมก่อนค่ะ 

ไม่ว่าจะสายเดินชิล หรือนั่งรถไฟ ก็มีข้อมูลให้ครบเลย

จิ้มลิ้งค์ด้านล่างโลดดด!! ไปครั้งแรกไม่งงแน่นอน!!

>> สิงคโปร์ Full Review ละเอียดยิบ <<


ในส่วนของ Blog นี้ คะน้าจะลงรายละเอียด

การเดินทาง 'ไม่เยอะ' เท่า Blog แรกที่เคยเขียนไว้นะคะ

Blog นี้จะมีเพิ่มเติมคือ สถานที่เปิดใหม่ กับที่ที่ครั้งก่อนไม่ได้มาค่ะ

เนื่องจากเรางดเดินทางกันมา 2 ปีเต็ม เบื่อบ้านมาก!!

พอเปิดประเทศก็เลยอยากบินไปพักเล่นๆ เท่านั้นเอง ^^

Day 1

เป็นทริปต่างประเทศทริปแรกเลยมั้งที่แต่งหน้า

ปกติมาสนามบินหน้าสด พร้อมนอนบนเครื่องยาวๆ

ประเด็นคือตอนนี้ต้องใส่แมส แล้วแต่งหน้ามาเพื่อ?? 5555

คะน้าบินไฟล์ท 10:40 น. เวลาไทยนะคะ

ไปถึงสิงคโปร์ประมาณ 14:00 น.

อาจเพราะอากาศดี ทำให้ไปถึงเร็วกว่ากำหนดนิดนึง

กินทุกครั้งที่ขึ้นบิน ไม่ว่าจะบินภายใน

หรือบินต่างประเทศก็ต้องกิน ^O^

ถึงแล้วจ้า สนามบิน Changi

เป็นต่างด้าวสิงคโปร์เรียบร้อย 5555

รอบนี้เรามาลงที่ Terminal 1 พอดี

ก็เลยได้เจอ Jewel โดยที่ไม่ต้องเดินไกล ^^

จาก Blog แรกที่เคยมาในปี 2018

Jewel Changi กำลังสร้างเลยค่ะ

ปีนี้ 2022 เลยมาตามเก็บ

เป็น 1 ใน Bugket list ที่อยากมามากๆ 

และนี่คือ 'น้องแอ้นท์' ผู้ร่วมทางกับคะน้าค่ะ ^^ 

น้องไปเวียดนามใต้กับคะน้ามา 

ทริปนี้เลยร้องตามมาอีก 55555

ตรงที่คะน้ายืนอยู่ เรียกว่า 'Canopy Bridge' ค่ะ

เราจะขึ้นบันไดเลื่อนมาที่ชั้น 5 

จะมีเคาน์เตอร์จำหน่ายบัตรค่าเข้า 

ที่นี่มีให้เลือกหลายโซนนะคะ มีโซน 

Hedge Maze โซนเขาวงกตต้นไม้

Mirrow Maze เขาวงกตที่เป็นกระจกเงา

Bouncing Net ตาข่ายกระโดดเล่น สำหรับเด็กๆ

Walking Net ตาข่ายสำหรับเดินชมสวน 

และ Canopy Bridge ที่คะน้าเลือกโซนนี้ 

จะเป็นสะพานกระจกตรงยาวข้ามฝั่งได้

มองเห็นแบบ Panorama เลยค่ะ 

คะน้าต้องการมาถ่ายรูปเล่นแบบเห็นภาพรวม 

ก็เลยเลือกโซนนี้ค่ะ แล้วก็สวยจริงๆ อลังการสมชื่อ ^^

จากภายในสนามบิน เราต้องนั่ง Monorail จาก T1 มาที่ T2 ค่ะ

เพื่อมานั่งรถไฟฟ้าเข้าเมือง มาครั้งนี้คะน้างงมาก ^^?

เหมือนว่าวิธีกดบัตรรถไฟมันเปลี่ยนไป 

ปกติจะกดเลือกปลายทาง - หยอดเหรียญ - รับบัตร

แต่คราวนี้ต้องไปซื้อบัตรรถไฟที่เคาน์เตอร์แทน

ตู้มีไว้สำหรับเติมเงิน ฟีลบัตร Rabbit บ้านเราเลยค่ะ

คะน้าพักที่ China Town เหมือนเดิมค่ะ 

แต่เปลี่ยนโฮสเทล เพราะที่เดิมราคาเพิ่มเยอะ

คะน้าถือคติเที่ยวถูก = ชนะ!! 5555

บรรยากาศย่านไชน่าทาวน์ค่ะ 

โล่งๆ รถไม่เยอะ ตึกสีสันน่ารัก 

ถนนสะอาด เดินสนุกค่ะ

ถ้าเดินเข้าไปในตลาดถนนคนเดิน 

ซึ่งใกล้วัดพระเขี้ยวแก้ว 

ตลอดทางจะประดับโคมแดง 

มีร้านรวงต่างๆ แต่รอบนี้กลับไป 

รู้สึกว่าร้านค้าจะน้อยลง ไม่ครึกครื้นเท่าปีก่อนค่ะ

ทริปนี้คะน้ามานอนที่นี่นะคะ

Galaxy Pods @Chinatown 

ที่เลือกที่นี่เพราะใกล้รถไฟฟ้ามากที่สุดแล้ว Area นี้

เป็นโฮสเทลแบบแคปซูลค่ะ มีทั้งแบบนอนคนเดียว

หรือนอนคู่ก็จะเป็นห้องใหญ่ขึ้น

แต่คะน้ากับน้องแอ้นท์ แยกกันนอนค่ะ ^^

หลังจากเก็บสัมภาระ นั่งพักขา พักเหนื่อยได้สักพัก

เห็นมีแววว่าฝนจะตกก็เลยชวนน้องออกมาข้างนอก

เพราะเราต้องกินข้าวเย็นนะ เราจะนอนหิวไม่ได้นะ

ระหว่างเดินไปเจอ 7-11 เลยแวะซื้อน้ำหวานกิน

สรุปหยิบกระป๋องนี้มันเป็นเยลลี่โซดามะนาว!! 

แทนที่จะได้กินน้ำดีๆ ต้องมานั่งเขย่าๆ 

ให้เยลลี่แตกอีก วุ่นวายไม่ไหว! 555555 

// สาบานว่าครั้งหน้าจะอ่าน ไม่ดูแต่รูปแล้ว T^T

เรานั่งรถไฟฟ้ามาลงที่ Clarke Quay MRT

ซึ่งครั้งที่แล้วคะน้าไม่ได้มาที่นี่เลยค่ะ 

แค่เดินผ่านจากอีกฝั่งหนึ่ง (ก็คือฝั่งที่ถ่ายรูปเนี่ยแหละ) 

รอบนี้เราจะข้ามไปฝั่งนั้นกัน ^^

มาถึงเราเดินวนๆ Clarke Quay จนครบรอบ 

เพื่อหาร้านอาหารที่น่านั่ง ปรากฏว่าร้านเปิดน้อยมาก 

และส่วนมากเป็นร้านดริ้งค์ มีวงดนตรีสด

สุดท้ายคะน้าก็เลือกร้านปิ้งย่างค่ะ ง่ายดี ^^

ก็ไม่ได้หิวเท่าไหร่หรอก 

แค่สั่งทุกรายการในเมนูเท่านั้น 

เขามีเตาอุ่นมาให้ด้วยนะคะ 

รสชาติแห้งๆ เค็มๆ แต่อร่อยนะ 

ทานเปล่าๆ ก็อร่อย จิ้มน้ำจิ้มก็ยิ่งดี 

ตอนนี้ยังคิดถึงอยู่เลย ถ้าไปก็จะไปทานอีก

นั่งสวยๆ ไปค่ะ เป็นทริปชิลจริงๆ 

ถ่ายไป โพสต์ FB ไปทั้งวัน 55555

หลังจากทานอิ่ม แล้วฝนก็ไม่มีทีท่าจะตกสักที

ก็เลยเดินเล่นกันต่อมาที่ Merlion 

เรือนั้นแล่นมาจาก Clarke Quay ค่ะ 

แต่คะน้ามา MRT นะ 

ครั้งก่อนที่มาอยู่ฝั่ง Marina Bay 

ได้ดูไฟฝั่ง Merlion มารอบนี้อยู่ฝั่ง Merlion 

เลยได้ภาพนี้ (ในวิวกลางคืน) มาเป็นที่ระลึก ^^

เดินถ่ายรูปเล่น นั่งกินลมชมวิว 

สรุปกินลมไม่อิ่มจ้ะ 

ต้องจบที่ชาไข่มุกไปเลยเพื่อนสาว

Day 2

วันนี้ออกจากโอสเทลประมาณ 9 โมงเช้า 

ทริปนี้ผิดจากทริปครั้งก่อนมาก 

ครั้งก่อนเดินเก่ง เดินทั้งวัน วันละ 15K ก้าว 

ทริปนี้นั่งรถไฟล้วน ขอเบาๆ ตามสังขาร 55555

เรานั่งรถไฟมากันที่ Garden by The Bay ค่ะ

แต่ก่อนจะเข้าไปด้านใน แวะทานมื้อเช้าก่อน ^^ 

เป็นเบอร์เกอร์ง่ายๆ เน้นไวและอิ่ม

ที่นี่คือ Flower Dome ค่ะ

ครั้งก่อนคะน้ามาแล้ว แต่น้องแอ้นท์เพิ่งมาครั้งแรก

เลยพาน้องมา แต่ Vibes ไม่เหมือนเดิมนะ

เพราะที่นี่เค้าจะเปลี่ยน Theme ไปเรื่อยๆ

ชอบที่นี่มาก มาครั้งที่ 2 ก็ยังชอบอยู่ 

แต่ไม่ว้าวเท่าตอนที่มาครั้งแรกไง ^^

ตอนมาครั้งแรก คะน้าว้าวกับต้นเบาบับพวกนี้มาก 

เพราะเคยเห็นแต่ในภาพ ไม่เคยเห็นของจริง 

ได้มาที่นี่จะคุ้มมาก เพราะมีพรรณไม้

ทุกสายพันธุ์กองรวมกันอยู่ที่นี่!!

รับบทตากล้องให้น้อง 

น้องไม่ถ่ายทุกมุมนะ ถ่ายแค่มุมที่ชอบ 

ไม่บ้ากล้องเท่าพี่มันเท่าไหร่ 5555

ใส่รองเท้ากะมาเดิน Photo Walk หนักๆ 

สรุปฝนตก ใส่มาวิ่งหลบฝนแท้ๆ โธ่เอ้ย!

สำหรับ Theme ที่มารอบนี้

เป็นนิทรรศการดอกกุหลาบค่ะ 

จัดแสดงกุหลาบหลายสายพันธุ์ให้ชมกัน 

ในแนว English Garden Design

ใส่เสื้อมาเหมือนรู้ Theme เขาอ่ะ

แต่เปล่า! บังเอิญล้วนๆ 55555

กุหลาบทั้งหมดเลยนะคะ 

แต่ไม่ได้กลิ่นอะไรเลย ใส่แมสตลอด 

มีจังหวะที่ถอดเพราะจะถ่ายรูป 

เจ้าหน้าที่เดินมาแจ้งว่า...

"ถอดบ่ได้เน้อยู ใส่ไปก่อน คนเยอะ" ^^;

มีมุมจัดแสดงรายละเอียดของ

ดอกกุหลาบแต่ละสายพันธุ์ด้วยค่ะ

คือถ้าไม่บอกว่ากุหลาบ จะคิดว่าดอกอื่น 

สวยแปลกตามากๆ

น้องอารมณ์ดีค่ะ 

เพราะเดินอยู่ในแอร์ 55555

เดินจาก Flower Dome มาต่อกันที่ Cloud Forest ค่ะ

ที่นี่เป็นป่าดิบชื้น มีไอหมอก และมีน้ำตกจำลอง 

จะคนละแนวกับ Flower Dome ค่ะ

ที่นี่เค้าจะเปลี่ยนมุมจัดต้นไม้ใหม่ตลอดนะคะ

มาครั้งนี้ ไม่รู้สึกซ้ำกับครั้งที่แล้วเลย เดินสนุกมาก ^^

มุมนี้อยู่ที่ชั้นบน ต้องขึ้นลิฟต์มา 

คราวก่อนเป็น Lego ต่อเป็นดอกไม้และแมลงปอ

ตอนนี้เปลี่ยนเป็นดอกไม้สีขาวแล้ว

ชอบไอเดียตรงนี้มากเลย ^^

น้องต้นไม้จิ๋วในโหลแก้วปุ๊กปิ๊กน่ารักมาก

ตรงนี้เป็นชมวิวข้างๆ ม่านน้ำตก 

ด้านนอกจะเห็นตึก Marina Bay 

กับ Super Trees แต่ถ้ากลัวความสูง 

อย่ามองลงไป 55555 สูงม๊ากกก!!

ความน่าทึ่งของที่นี่ทั้ง 2 โดมคือต้นไม้สวยๆ แปลกตา

มีให้ชมเยอะมาก อากาศดี 

มุมถ่ายรูปเยอะ สนุกคุ้มค่ามากค่ะ 

มารอบสองก็ยังสนุกอยู่ และอยากมารอบ 3 ด้วย 

เพราะว่าในวันที่ 28 ตุลาคม 2022

ที่นี่จะมีจัดนิทรรศการ

Cloud Forest featuring Avatar: The Experience

คือเห็น Perspective แล้วอยากไปมาก T_T

เนรมิต Cloud Forest เป็น Pandora อ่ะ

แฟน Avartar อย่างคะน้างอแงหนักมาก

อยากไปแบบตัดใจไม่ลง อยากไปปปป!!

ได้เวลาอากาศร้อนแล้วฮะ 

ออกมาเดินเล่นที่ Super Trees กัน ^^

มี Sky Walk ด้วยนะคะ 

Ticket มีเคาน์เตอร์ขายอยู่ด้านล่าง หาไม่ยากค่ะ

แต่คะน้าก็ไม่เคยขึ้นสักที

เหตุผลที่ไม่ขึ้น เพราะเดินสะพานข้าม Bay ก็เห็นวิวนี้แล้ว

วิว Sky Walk หรือจะสู้ Benjamin Sheares Bridge

เดินไกลกว่า ร้อนกว่า แถมเดินฟรี คุ้มเห็นๆ 555555

ไม่จ่ายตังค์ ก็แหงนไปค่ะ

ดูแบบเชิดๆ ตามประสาคนเก๋

ข้างบนร้อนมั้ยคะ?

ข้างล่างร้อนมาก ^O^

ร้อนมากไม่ไหว ไปหาแอร์ฯ กันเถอะ

เราจะต้องเดินย้อนกลับไปที่ทางเข้า

MRT Garden by The Bay ก่อนค่ะ 

แล้วเราจะเจอกับที่นี่!!

ที่นี่คือ Floral Fantasy ค่ะ

เป็นอาคารชั้นเดียว แนวยาวให้เดินไปตามทาง

ตลอดทางจะเป็น Story ต่างกัน

ซึ่งตัวละครต่างๆ จะทำจากดอกไม้ค่ะ

ในนี้แอร์เย็นมากนะ คะน้าเลยเดินเล่น 

นั่งเล่นอยู่ในนี้เป็นชั่วโมงเลยค่ะ

ก็บอกแล้วว่ามาชิล ^^

[ขอบคุณ : CHOO YUT SHING]

และตรงนี้คือไฮไลท์ของที่นี่ค่ะ

เป็นม่านน้ำตก จุดสิ้นสุดของ Floral Fantasy

พอเดินผ่านม่านนี้ออกไป ก็จะเป็นทางออกค่ะ

(คะน้าลืมถ่ายภาพนิ่งมา ถ่ายมาแต่ VDO)

ที่ Floral Fantasy คะน้าเห็นคนฮิต

มาถ่ายพรีเวดดิ้งกันหลายคู่เลยนะ

ถ้าใครมาเที่ยวสิงคโปร์ แนะนำว่าให้มา 

ถ่ายรูปเล่นสวยดี ค่าเข้าไม่แพงด้วยค่ะ

มาต่อกันที่ ArtScience Museum ค่ะ

จาก Floral Fantasy เดินออกมามองหาบันไดเลื่อนค่ะ

เดินออกมามองขวามือไปทางสวนหย่อม

มีบันไดอันเดียวเด่นๆ เลยค่ะ

ขึ้นบันไดมาจะเจอทางเดินยาวทะลุเข้าตึกเรือ Marina

เดินมาเรื่อยๆ จนเข้าห้างฯ แล้วลงบันไดเลื่อนไปชั้น 1

ออกประตูทางออกด้านหน้า จะเจอตึกนี้พอดีเป๊ะๆ ค่ะ

ครั้งก่อนไม่ได้มา ครั้งนี้เลยเข้าสักหน่อย

ครั้งก่อนนั่งถ่ายรูปเล่นข้างนอก

เดินผ่านไปผ่านมาอยู่นั่น 5555

ที่ครั้งนี้อยากมาเพราะนิทรรศการนี้เลย ^^

Attack on Titan Experience

เดินเข้ามาในงานก็จะเจอกับกรอบภาพวาด

ที่เป็นดราฟลายมือจริงๆ ที่ใช้ทำการ์ตูน

จากคุณ Hajime Isayama ค่ะ


พอเดินต่อมาโซนด้านใน จะเจอนี่ค่ะ

สะดุ้งอยู่นะ เพราะไม่ได้คิดว่าจะเจอ 5555

หนังสือภาพบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับ

ลักษณะของสิ่งมีชีวิต และทัศนียภาพนอกกำแพง

โดยเล่มนี้เป็นหนังสือของชาว Eldian ค่ะ

เป็นเล่มที่ใช้ในภาพยนตร์จริงๆ

นี่ก็เป็นมุมจัดแสดงเสื้อผ้า เครื่องประดับที่ใช้จริงค่ะ

และในงานยังมีทั้ง VDO สัมภาษณ์คุณ Isayama

มีภาพกระดาษดราฟตัวการ์ตูนแบบลายมือยุคแรกๆ

มาจัดแสดงแบบลายตาไปหมดค่ะ เยอะมากกกก

ถ้าเป็นแฟนไททัน มาเดินงานนี้คืออิน คุ้มค่า ดีต่อใจ ^^

พอออกมาจากมิวเซียมแล้ว

ให้เดินวนมาทางด้านหลังตึก จะเข้าห้างฯ พอดี

คะน้าเก็บภาพบรรยากาศมาให้ชมค่ะ

เรามานั่งทานอะไรเล่นๆ ระหว่างรอเวลา 20:00 pm.

พอสองทุ่มไฟแสงสีก็สวยอลังการเบอร์นี้เลยค่ะ 

อากาศดีลม ไม่ร้อน ช่วงเวลานี้ผู้คนจะมากันเยอะมาก

เป็นช่วงเวลาที่มารอชมน้ำพุชื่อดังแห่งสิงคโปร์กันค่ะ

Spectra - A Light And Water Show

จุดชมนำพุที่สวยที่สุด ใกล้ที่สุดคือข้างร้าน Chanel ค่ะ

และพอการแสดงจบ เสียงปรบมือเกรียวกราว 

ก็แยกย้ายกันกลับได้ เดินย้อนกลับไปขึ้น MRT 

ที่ Floral Fantasy นะคะ เดินง่ายไม่หลงค่ะ ^^


Day 3

วันนี้พามา Sentosa ค่าาาา ^O^

เราออกเดินทางจากสถานี China Town 

มายังสถานี Habourfront 

จากนั้นเดินเข้ามายังห้าง Vivocity

 ซึ่งเราจะข้ามไปยังเกาะ Sentosa 

ด้วยการเดินผ่าน Sentosa Boardway เข้าไปค่ะ

มาเช้าไปหรือเปล่านะ 

ร้านอาหารไม่เปิดสักร้านเลย T^T

เดินหาร้านทานข้าวเช้าอยู่ 2 รอบ สรุปมาร้านนี้ค่ะ

เป็นร้านอาหารจีน แนวก๋วยเตี๋ยว ไข่ลวก ชา นม กาแฟ

ในเซตมีเค้กมาให้ด้วยนะคะ ซึ่งวันนี้ตรงกับวันเกิดคะน้าพอดี ^^

ติ๊ต่างเป็นเค้กวันเกิดไปเล้ยยย!!

หลังจากเติมพลังในมื้อเช้าเรียบร้อย

เวลาสิบโมงกว่า S.E.A Aquarium ก็เปิดพอดี

มาแล้วมาอีกได้ พาน้องแอ้นท์มาดู

ฉลามนั้นนะชอบงับคุณ ส่วนผมน่ะชอบคุณงับ

เข้าห้องแอร์ฯ แล้วเอิ๊กอ๊ากมาก 55555

อควอเรี่ยมที่นี่ค่อนข้างใหญ่มากๆ นะคะ

รอบนี้มาเจอน้องปลาโลมาน่ารักมากกกก!!!

น้องว่ายน้ำเข้าหาคนดูสุดจะลีลา หงายท้อง ม้วนตัว บลาๆ 

ดูเพลินมาก ยืนกรี๊ดน้องนานมาก แสนรู้เกินไปอ่ะ อยากจกพุง!

ส่วนตู้ปลายักษ์ที่โถงกลางคืออลังการ ปลาตัวใหญ่เบิ้มเลย ^^

ออกจากอควาเรี่ยม ก็มาเดินเล่นชมวิวกันค่ะ

แต่พาน้องแอ้นท์มาถ่ายรูปเล่นที่หน้า USS

มารอบนี้ไม่ได้เข้าไปเล่น เดี๋ยวเราจะไปมาดามทุสโซแทน ^^

อากาศร้อน เดินมาเจอร้านไอติม 

ก็เลยจัดซะหน่อย อร่อยมาก รสนัวมาก

ซึ่งเอกลักษณ์ไอติมโฮมเมดก็รสชาติแบบนี้แแหละ

เดินมาเรื่อยๆ ถึงหน้าหาด คราวที่แล้วมาอย่างเงียบ

มาคราวนี้นักท่องเที่ยวนอนอาบแดดเต็มหาด ไม่กล้าถ่ายรูปเลยจ้า

นี่หันกล้องลงทะเล เพราะถ้าหันหลังจะเป็นบิกินี่ล้วนๆ ^^;

มาเซนโตซารอบนี้แอบเหงา เพราะปิดก่อสร้างไปครึ่งเกาะ T^T

คะน้าเดินไปทางไหนก็เจอแต่รั้วเขียวเขตก่อสร้าง

ถ้าใครได้อ่าน Blog ที่มาครั้งแรก จะสนุกกว่า วิวสวยกว่า

มุมถ่ายรูปเยอะ มาครั้งนี้เดินบ่ไดเลยจ้า ร้อนและไม่มีอะไรให้ดู

ก็เลยเดินมาที่สถานีรสบัส เพื่อตรงไปยังมาดามทุสโซกันโลด!

นั่งรถบัสมาราวๆ 5 นาที ลงรถตามที่คนขับบอก

เดินต่อมาอีกนิด ก็จะเจออาคารชั้นเดียว

มีพรมแดงปูเป็นทางกลางแดดเปรี้ยงๆ เลย

ที่นี่คือ Madame Tussauds Museum ค่ะ

มาถึงจะเจอคิวยาวมากกกกกก!

แต่คะน้าซื้อบัตรออนไลน์มา ก็เลยเข้าได้เลย 

โซนแรกมาถึงจะเป็น Bollywood ค่ะ

ซึ่งพูดตรงๆ ว่านอกจากคังคุไบ ก็ไม่รู้จักใครอีกเลย =_=^

แต่สวยมากนะคะ คือหุ่นที่นี่อย่างที่รู้ๆ กันว่าจะเป๊ะมาก!

คือโคลนนิ่งตัวจริงออกมาเลย เพราะงั้นก็เลยแฮปปี้มาก

ที่ได้มาเดินเล่นที่นี่ สวยหล่อกันทั้งนั้น ^^

ตลอดทริปเห็นแอ้นท์ดี๊ด๊าก็ที่นี่แหละ 555555

ฟีลแฟน 1 ไปเลยสิคะเพื่อนสาว 55555

เจอน้องแอ้นท์สู้กลับ!!!

ไม่เป๊ะตรงไหน จิ้มมาเลย!!

และวันที่คะน้าไปมี Event เป็น Marvel 3D ด้วยค่ะ

คือให้เข้าไปในโรงหนัง 3D แล้วก็ดูภาพยนต์สั้น

ที่รวมฮีโร่ในจักรวาล Marvel ไว้ ก็เพลินๆ ดี

คือที่นี่ไม่ได้แค่หุ่นจำลอง มีกิจกรรมล่องเรือด้วยนะ

ถ้าใครเน้นชิล ก็มาเดินเล่นเพลินๆ ที่นี่ได้ค่ะ ^^

ขอลามาดามทุสโซไปกับป๋าเลยนะคะ 55555

รักเค้าาา >///<

หลังจากเที่ยวมาดามทุสโซเสร็จ 

เซนโตซาก็ไม่มีอะไรให้เดินอีกแล้ว ร้านค้าก็เปิดน้อยมาก

เราเลยมาต่อกันที่ Orcard Rd. ค่ะ

ที่นี่เป็นถนนคนเดินฟีลเยาวราช ข้าวสาร สยามฯ บ้านเรา

มีร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง ห้างฯ ร้านดนตรีสด ไรงี้

คะน้าเลยพาน้องมาเดินเล่น มาหาทานมื้อเย็นกันก่อนกลับค่ะ

และแน่นอน! ฝนจะตกอีกแล้ว มา 3 วัน ตก 3 วันทุกเย็น T^T

Day 4

และแล้ววันสุดท้ายก็มาถึง วันนี้ก่อนเดินทางกลับไทยแลนด์

คะน้าพามาเสริมสิริมงคลกันที่วัดชื่อดังกันค่ะ

Buddha Tooth Relic Temple & Museum 

(วัดพระเขี้ยวแก้วและพิพิธภัณฑ์)

โฮสเทลที่พักเดินมา 5 นาทีก็ถึงวัดแล้วค่ะ

วัดแห่งนี้ออกแบบด้วยศิลปกรรมสมัยราชวงศ์ถัง 

โดยพระอาจารย์ Shi Fa Zhao ท่านเจ้าอาวาส

การออกแบบตัวอาคารได้แรงบันดาลใจจากพุทธมณฑล 

ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ในศาสนาพุทธ สื่อความหมายถึงจักรวาล 

ภายในโดดเด่นด้วยสีทองและสีแดงเป็นหลักค่ะ

เทียนขอพร หยอดเงินที่ตู้อัตโนมัติ 5$ 

พอได้ใบเสร็จก็ไปหยิบมาจุดเทียนได้เลยค่ะ

เมื่อขึ้นลิฟต์มาชั้นบนตามป้าย จะเป็นพิพิธภัณฑ์ค่ะ

มีพระพุทธรูปปางต่างๆ ศิลปแนวต่างๆ จัดแสดง

รวมไปถึงพระเขี้ยวแก้วด้านซ้ายของพระพุทธเจ้า 

ซึ่งพบในที่ฝังพระบรมศพในเมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย 

ก็นำมาจัดแสดงไว้ที่นี่ด้วยค่ะ

ก่อนกลับ คิดอะไรไม่ออก ร้องบอกข้าวมันไก่

ร้านดังแห่งไชน่าทาวน์ เพียงข้ามถนนมาอีกฝั่งนึงจากหน้าวัด

จะเจอ Food court เดินมองหาร้านในรูปเลยค่ะ ^^

แต่ถ้าไม่อยากทานข้าวมันไก่ ที่นี่ก็มีอาหารมากมายให้เลือก

อาหาร เครื่องดื่ม อร่อยหมด แต่รับเงินสดเท่านั้นนะคะ!!

// คะน้าไม่มีเงินสด เดินไปกดไกลถึง MRT จะร้องไห้ T_T

ในที่สุดดดด!!

ก็ได้เวลากลับไทย งานที่เรารักรออยู่ 55555 

บินกลับฟินเพราะได้กินชาดอกไม้ หอมมากกกกก!

ขอบคุณที่ติดตาม Blog ของคะน้านะคะ

แม้จะเผลอกดเข้ามาอ่านงงๆ ก็ตาม 

แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้านะคะ ^^ 

Bye Bye


คะน้าน้อย

 วันพฤหัสที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลา 17.55 น.

ความคิดเห็น